ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | ขออนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) | กค | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ดำเนินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) ในวง เงินรวม 227,939.0193 ล้านบาท โดยกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎ หมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ต่อไปด้วย 2. อนุมัติให้โครงการประกันรายได้ให้เกษตรกร และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการประกันราคาข้าว เปลือก วงเงิน 40,013.0000 ล้านบาท และโครงการจำนำผลผลิต การเกษตรปีการผลิต 2551/2552 (ภาระ ดอกเบี้ยเงินกู้ให้สถาบันการเงิน) วงเงิน 1,919.6680 ล้านบาท เป็นโครงการภายใต้วัตถุประสงค์ข้อ 8 : วัตถุ ประสงค์อื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 3. เห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินโครงการ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วย การบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ จ่ายเงินตามแผนงานให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม 2553 และให้คณะกรรมการ ฯ เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติต่อไป 4. อนุมัติโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ฯ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัยสำหรับการเดินรถ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และโครงการพัฒนาระบบบริการด้านสาธารณสุขระดับตติยภูมิ ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร 5. อนุมัติกรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อนำมาสนับสนุนโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ฯ ในวงเงิน 150,000 ล้านบาท และมอบหมายให้คณะกรรมการ ฯ พิจารณาจัดสรรเงินกู้ให้แก่โครงการภายใต้ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ฯ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแล้ว โดยให้ความสำคัญกับโครงการ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 รวมทั้งโครงการของส่วนราชการและ รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
||||||||||||||||||||||||||||||
422 | กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2553 | นร | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอกรอบ และงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 วงเงินดำเนินการ 462,768.00 ล้านบาท และ วงเงินเบิกจ่ายลงทุน 301,467.00 ล้านบาท โดยยกเว้นในส่วนของงบประมาณทำการประจำปี พ.ศ. 2553 ของ รัฐวิสาหกิจ ให้ สศช. รับไปประสานกับรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติมให้ถูกต้องและ เป็นปัจจุบัน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนบริการเชิง สังคม ต้องดำเนินการตามขอบเขตและขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการ สาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2551 ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง 2. ให้ สศช. ดำเนินการเร่งรัดการพิจารณาแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่จะใช้จ่ายจากงบประมาณตาม พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 3. ให้ สศช. พิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยว ข้องเพื่อจัดทำแผนการดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายต่าง ๆ ในภาพรวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วให้นำเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อไป 4. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า กรณีรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สมควรที่จะต้องนำเสนอข้อมูลงบประมาณลงทุนประจำปีต่อ สศช. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปในทำนองเดียวกันกับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ทั้งนี้ ต้องไม่ขัดต่อข้อกฎหมายที่เกี่ยว ข้องของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย |
||||||||||||||||||||||||||||||
423 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง | คค | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินวงเงิน 721.043 ล้านบาท เพื่อการเบิกจ่ายเงินชดเชยค่า งานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและ สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันและรัฐบาลรับภาระต้นเงินกู้ รวมทั้งค่า ใช้จ่ายและดอกเบี้ยเงินกู้ 2. ให้ รฟท. กู้เงินวงเงิน 98 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างทางเดินยกระดับเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า ที่สถานีพญาไทและเพชรบุรี โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน และรัฐบาลรับภาระเงินต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายและ ดอกเบี้ยเงินกู้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
424 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงาน ชำระหนี้ และดอก เบี้ยเงินกู้ รวมถึงจ่ายลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของ รฟท. จำนวน 4,210 ล้านบาท โดยให้กระทรวง การคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. ดำเนินการเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. ให้สามารถดำเนินการตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อให้แบ่งแยกผลขาดทุนต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และสร้างรายได้เพิ่ม เติมจากทรัพย์สินของ รฟท. รวมทั้งให้บริหารรายรับ-รายจ่าย โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลักและ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในส่วนที่สามารถควบคุมได้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่าง ต่อเนื่องกรณีที่ต้นทุนการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ โดยเฉพาะต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และ จัดทำเแผนการจัดหาเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการและการดำเนินกิจการในระยะยาว และให้เสนอคณะรัฐมนตรี ทราบ ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
425 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างตัวอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ จากเดิม 4,082,937,000 บาท เป็น 4,111,457,547.23 บาท 1.2 เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินจำนวน 4,754,790,149.84 บาท เพื่อจ่าย คืนค่าก่อสร้างอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ รวมดอกเบี้ยจ่ายคืนให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียด วิธีการ และเงื่อนไขการกู้เงิน โดยให้สำนัก งบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวต่อไป 1.3 ให้ รฟท. รับผิดชอบในการบริหารจัดการพื้นที่ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ทั้งบริเวณ พื้นที่ที่ใช้ในการเดินรถไฟ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด โดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้บริหาร พื้นที่เชิงพาณิชย์ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ในเชิงพาณิชย์เป็นการทั่วไป 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์จะต้อง ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้เร่งหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. เรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร โดยเฉพาะรูปแบบการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้า สายสุวรรณภูมิให้มีความชัดเจนโดยเร็ว สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ใน ส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการบริหารเชิงธุรกิจที่ให้ประโยชน์ตอบแทน ทางการเงินที่ดีต่อ รฟท. และเอื้อประโยชน์ หรือเพิ่มมูลค่าให้กับการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสาย Airport Rail Link ต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
426 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาสัมปทานการดำเนินงานของผู้ประกอบการเอกชนที่สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง | คค | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการต่ออายุสัมปทานการดำเนินงานของผู้ประกอบการเอกชนที่สถานีบรรจุและแยกสินค้า กล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง จำนวน 6 ราย ได้แก่ สถานี A บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด (SSS), สถานี B บริษัท อิสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (ESCO), สถานี C บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด (ECTT), สถานี D บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด (TIFFA), สถานี E บริษัท ไทยฮันจิน โลจิส ติกส์ จำกัด (THL) และสถานี F บริษัท เอ็น.วาย.เค.ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (NICD) เป็นระยะ เวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2549 ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2554 โดยกำหนดอัตราค่าเนียมสัมปทานเฉลี่ยที่ 56.40 บาทต่อตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทุกปีสัมปทาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานเดิม ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) แห่งที่ 2 เพื่อสนับสนุนให้มีปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มขึ้น และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาเกี่ยวกับสัญญาที่จัดทำขึ้นใหม่จะสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2554 สมควรที่การรถไฟ ฯ ในฐานะหน่วยงานเจ้าของ โครงการต้องพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เป็นการ ล่วงหน้าด้วยว่า หลังจากที่สิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญาที่จัดทำขึ้นใหม่แล้วถ้าประสงค์ให้เอกชนดำเนินงานที่เดิมต้อง ดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของ รัฐ พ.ศ. 2535 ซึ่งจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงระยะเวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ด้วย ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
427 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | กค | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการขยายระยะเวลาการดำเนินการมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนต่อ ไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐจะสนับสนุนให้แก่หน่วย งานที่รับผิดชอบดำเนินการ คือ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 11,117 ล้านบาท ให้หน่วยงานดังกล่าวเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ต่อไป ส่วนการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ให้เจียดจ่ายจากงบประมาณที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดค่าน้ำให้แก่ประชาชนใน ท้องถิ่นของตน 2. เห็นชอบในหลักการให้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยการดำเนินการตามนโยบาย 6 มาตร การ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ให้รัฐวิสาหกิจที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิด ขึ้นจริงในระยะที่ผ่านมา ประกอบด้วย การประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 235.471 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง จำนวน 57.953 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำนวน 94.740 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 64.370 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน 452.534 ล้านบาท และให้ครอบคลุมถึงภาระค่าเบี้ยปรับซึ่ง เกิดจากการชำระค่าซื้อไฟฟ้าเกินระยะเวลาที่กำหนดจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาคจะต้องชำระให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 90.49 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||
428 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 11/2552 | นร | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 11/2552 วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ที่ประชุมมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 และผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยให้ หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ฯ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็น ไปตามเป้าหมายต่อไป 1.2 ที่ประชุมมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแผนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และการกู้เงินตามร่างพระราช บัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... ทั้งนี้ แผนการกู้เงินดังกล่าวยังมีความยืดหยุ่น สูง ควรดำเนินการบริหารจัดการการกู้เงินที่เหมาะสมต่อไป 1.3 ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณากำหนดตารางเวลาการพิจารณาอนุญาตเป็นพื้นที่เหมือง และสร้างความชัดเจน ของมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการดังกล่าว เพื่อรวมเป็นต้นทุนโครงการและประกอบ การพิจารณาโครงการ ก่อนที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาปรับโครงสร้างบริษัท เหมืองแร่โปแตซอาเซียน จำกัด (มหาชน) ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการต้องสอดคล้องกับขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการป้อง กันและผลกระทบสิ่งแวดล้อม การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม และการยอมรับของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียใน พื้นที่ 1.4 ที่ประชุมมีมติรับทราบเกี่ยวกับสถานะการดำเนินงานการพัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟ และการ พัฒนาระบบขนส่งทางรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายตามขั้นตอน ส่วนการพัฒนาระบบขนส่งทาง รถไฟ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการก่อสร้างทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง และจัดหารถจักรดี เซลไฟฟ้าและรถบรรทุกตู้สินค้า และเร่งจัดเตรียมโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเพื่อนำเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน และสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายในปี พ.ศ. 2553 และให้ศึกษาวิเคราะห์แนว ทางการพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคทั้งในด้านขนาดรางและเส้นทางที่เหมาะสม รวมทั้งเร่งทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานรัฐวิสหากิจของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยยึดเป้าหมายการเปิดให้ บริการรถไฟฟ้าสายสุวรรณภูมิภายในเดือนธันวาคม เพื่อสร้างความเชื่อมันให้กับประชาชนและนักลงทุน สำหรับ โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางและระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นั้น ให้กระทรวง คมนาคมนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้คณะ รัฐมนตรีพิจารณาเพื่อใช้เป็นกรอบในการศึกษาความเหมาะสมในรายโครงการต่อไป 2. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม การและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอเพิ่มเติมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2552] โดยมอบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA) ร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกเป็นระเบียบหรือกำหนดวิธีปฏิบัติให้ชัดเจน เหมาะสม แล้ว เสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 2 สัปดาห์ นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องดังกล่าวเสนอ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552
|
||||||||||||||||||||||||||||||
429 | ข้อตกลงร่วมระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอบันทึกผลการ
เจรจาระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสหภาพ ฯ ประชุมหารือและหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปตาม ข้อตกลงสภาพการจ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้นำผลข้อตกลงร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายรายงานรองนายกรัฐมนตรีเพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยระหว่างนี้ให้ชะลอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนา ยน 2552 ที่ให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงิน ของการรถไฟ ฯ ไว้ก่อน 2. เรื่องการเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองที่ดินของการรถไฟ ฯ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3. เห็นชอบให้สหภาพ ฯ ได้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการรถไฟ ฯ 4. เรื่องกรอบและอัตรากำลังที่คณะกรรมการการรถไฟ ฯ และผู้บริหารจะพิจารณา นั้น ให้สหภาพ ฯ มี ส่วนรับทราบในการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
430 | การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
คมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นาย ถาวร เสนเนียม) รับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานการ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552) ว่าจะมีการแปรรูป รฟท. โดยให้ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงาน ฯ และพนักงาน รฟท. ตลอดจนประชาชน ให้เข้าใจถูกต้องตรงกันว่ามติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รฟท. ให้ดียิ่งขึ้นและแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ รฟท. ที่เป็นอย่างต่อเนื่อง การจะตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท เพื่อแยกการบริหารทรัพย์สิน และการให้บริการของ รฟท. ให้ชัด เจนและมีประสิทธิภาพโดยบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท รฟท. ถือหุ้นร้อยละ 100 และไม่มีการแปรรูป ฯ แต่อย่างใด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
431 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ - รังสิต | กค | 09/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับทราบการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับ รัฐบาลญี่ปุ่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นาย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเป็นผู้ลง นามในนามรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นาย ประดิษฐ์ ฯ) ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และผู้ อำนวยการความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552 สำหรับ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงิน 63,018 ล้านเยน 2. ให้ลงประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2552 และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมาย สำหรับสัญญาเงินกู้ โครงการดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
432 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552 | กค | 03/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวัน ที่ 9 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฐานะทางการเงิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ 2. อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ (หนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร.) 0804/143 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 และหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร.) 0804/149 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2552) ส่วนเงิน ทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้น อนุมัติงบประมาณให้เฉพาะบริษัท เดินรถ จำนวน 140 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เท่านั้น และให้ รฟท. ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ไปดำเนินการ ส่วนปีต่อ ๆ ไป ให้ใช้จ่าย จากรายได้ที่จะเกิดขึ้นตามประมาณการทางการเงินของบริษัทต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ ฯ) ประธาน กรรมการ กนร. ที่ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการดำเนินงานของ รฟท. อย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้า ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. พิจารณาทบทวนโครงสร้างอัตรากำลังสำหรับหน่วยธุรกิจเดิน รถโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link : ARL) ให้สอดคล้องกับกรณี การจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ โดยเฉพาะฝ่ายปฏิบัติการ และจัดทำแผนในการโอนหน่วยธุรกิจ การเดินรถโดยสารและสินค้าให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในปี พ.ศ. 2554 และให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางและกลไกกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรฐานการให้บริการ และ การกำกับการให้บริการระบบขนส่งทางรางเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการ และเพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียทั้งรัฐบาล ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและผู้ให้บริการเดินรถ และให้ รฟท. เร่งจัดเตรียมรายละเอียดของ โครงการลงทุนภายใต้แผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงิน ของ รฟท. โดยให้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการทั้งทางด้านเทคนิค เศรษฐกิจ การเงิน แผนธุรกิจและแผนการตลาด ทาง เลือกการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน เพื่อให้โครงการมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
433 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 13/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี สำหรับเป็นเงินสดสำรองในกรณีที่ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน ในช่วงใดช่วงหนึ่ง โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ควบคู่ กับการลดค่าใช้จ่ายลงอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟู ฐานะทางการเงินของ รฟท. ในการปรับโครงสร้างการบริหารและจัดการของ รฟท. โดยการจัดตั้งบริษัทเดินรถ และบริษัทบริหารทรัพย์ การกำหนดความชัดเจนในแผนการปรับโครงสร้างหนี้ แผนการบริหารบุคลากรให้สอด คล้องกับธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ ให้ รฟท. เร่งนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและเร่งดำเนินการโครงการต่าง ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ แล้ว เช่น การจัดหาหัวรถจักรและรถโบกี้ เพื่อให้ รฟท. สามารถเพิ่มการให้บริการโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าซึ่ง เป็นการให้บริการเชิงพาณิชย์ที่สร้างรายได้ต่อขบวนสูงกว่าการขนส่งผู้โดยสาร ไปดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
434 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐวิสาหกิจ | กค | 07/04/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบต่อข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐ วิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวล ชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 โดยคณะกรรมการ ฯ เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนทางการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 สำหรับ กปภ. จำนวน 1,174.711 ล้านบาท และ รฟท. จำนวน 2,355 ล้านบาท ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ส่วนกรณีของ ขสมก. เนื่องจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า ขสมก. ไม่สามารถให้บริการรถโดยสารตาม โครงการเช่ารถ NGV จำนวน 4,000 คัน ได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการ สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของ ขสมก. จำนวน 1,128 ล้านบาท ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนา คม 2. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) และกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย และ ขสมก.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ กปภ. จัดทำ ระบบบัญชี โดยแยกบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายของการให้บริการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม เพื่อให้การคำนวณต้นทุน และประมาณการทางการเงินมีความชัดเจน และให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานให้ มีประสิทธิภาพ กับให้ รฟท. เร่งนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูป ธรรมโดยเร็วทั้งในการปรับองค์กร การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิน ทรัพย์ของ รฟท. และให้ ขสมก. พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 ที่เห็นชอบ การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กร และอัตรากำลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานในภาพรวม และทบทวนประมาณการฐานะการเงินให้สอดคล้องกับแนว ทางการดำเนินงานดังกล่าว รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับขั้นตอนการขอรับการจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐวิสาหกิจทั้ง 3 แห่ง จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ในการเสนอขออนุมัติปรับราคาที่เป็นธรรมในทุกมิติ ทั้งในมิติความเป็นธรรมของประชาชน มิติความเป็นธรรมของ องค์กร และมิติความเป็นธรรมของรัฐ และแสดงให้เห็นว่าหากปรับราคาค่าบริการอย่างเป็นธรรมและหากจำเป็น ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล องค์กรจะมีรายได้และการบริหารจัดการเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ให้มีการประเมิน ผลการดำเนินงานเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการขอรับเงินอุดหนุนในปีต่อ ๆ ไป และปรับโครงสร้างราคาค่า บริการให้สอดคล้องกับต้นทุนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดวงเงินอุดหนุนการบริการสาธารณะในปี ต่อ ๆ ไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
435 | ขออนุมัติการดำเนินงานและงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 10/03/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมงานบริการที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานก่อสร้างทางเดินยกระดับเชื่อมต่อ ระบบไฟฟ้าที่สถานีพญาไทและสถานีเพชรบุรี ในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากการขยายระยะเวลา ก่อสร้าง จำนวน 115 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7) โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย 2. อนุมัติการจ้างที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ (Independent safety and system Certification Engineer : ICE) วงเงิน 195 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7) โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย ระยะเวลา ดำเนินการประมาณ 3 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554) 3. อนุมัติการก่อสร้างทางเดินยกระดับเชื่อมต่อระหว่างสถานีพญาไท ของกรุงเทพมหานคร วงเงิน 11 ล้านบาท และสถานีเพชรบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงิน 87 ล้านบาท (รวมภาษี มูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7) โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 15 เดือน 4. รับทราบการดำเนินการปรับแบบฐานรากโครงการรถไฟยกระดับ เพื่อหลบหลีกระบบสาธารณู ปโภคขนาดใหญ่ซึ่งมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากการปรับแบบฐานรากโครงการรวม จำนวน 140.322 ล้านบาท โดยการประปานครหลวงเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย 57.678 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงเป็นผู้รับภาระ ค่าใช้จ่าย 82.644 ล้านบาท 5. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรเร่งรัดดำเนิน การจัดตั้งบริษัทเดินรถเพื่อรองรับโครงการ Airport Rail Link เพื่อให้การบริหารจัดการ และการเชื่อมต่อกับ ระบบขนส่งมวลชนในภาพรวมและระบบการขนส่งอื่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งพิจารณาดำเนินการ เสริมศักยภาพระบบโครงข่ายเชื่อมโยง ระบบทางพิเศษ ระบบถนนโดยรอบสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยาน ในเมือง รวมทั้งระบบบริการเช็คอิน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายขนส่งทั้งระบบมีความสมบูรณ์เชื่อมโยง ระบบขนส่งรูปแบบอื่นกับระบบรางจากสนามบินสุวรรณภูมิเข้าสู่ย่านธุรกิจ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
436 | โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต | คค | 10/03/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ปรับกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) บางซื่อ- รังสิต ภายใต้ความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 [เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล : โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต] อนุมัติไว้ในวงเงิน 59,888 ล้าน บาท โดยให้มีกรอบวงเงินเพิ่มขึ้นในจำนวนที่เหมาะสมเพียงพอแก่การดำเนินโครงการ ฯ และให้กระทรวงการ คลังรับไปประสานในรายละเอียดกับกระทรวงคมนาคมเพื่อดำเนินการต่อไป 2. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุด ที่จะนำมาใช้ในโครงการ ฯ ว่าสมควรจะใช้ในรูปแบบใด เช่น รูปแบบ Public Private Partnerships (PPPs) ซึ่ง ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน และเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ โดยรัฐบาลเป็นผู้รับซื้อบริการจากภาคเอกชนตาม ปริมาณและคุณภาพงานที่กำหนด และรูปแบบที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และจ้างภาคเอกชนเป็นผู้บริหาร โครงการ เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 3. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟ ฯ) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้การรถไฟ ฯ ศึกษาและจัดทำประมาณการวงเงินลงทุนและแผน ดำเนินการก่อสร้างในเส้นทางส่วนต่อขยายจากรังสิตถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้สามารถดำเนินการ ประกวดราคาได้ทันทีหากมีเงินเหลือจ่ายจากการประกวดราคาช่วงบางซื่อ-รังสิต และเร่งศึกษาแนวทางการ บริหารจัดการด้านการเดินรถ ทั้งด้านความเหมาะสมของรูปแบบการเดินรถทั้งในเชิงเทคนิค ความพร้อมของ แหล่งเงิน บุคลากร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา พร้อมทั้งแผนบริหารจัดการใช้ประโยชน์ ทางรถไฟร่วมกันระหว่างการเดินรถไฟประเภทต่าง ๆ เช่น รถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง เป็นต้น นอกจากนี้ เห็นควรเร่งดำเนินการตามแนวทางของแผนการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อฟื้นฟูฐานะการเงิน ของการรถไฟ ฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างและ บทบาทของการรถไฟ ฯ ให้มีความชัดเจนในด้านการกำกับดูแลและการปฏิบัติงาน การแก้ไขปัญหาทางการ เงิน โดยให้ความสำคัญกับการบริการเชิงพาณิชย์ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สิน รวมทั้ง การเพิ่มบทบาท และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมดำเนินงานเพื่อลดภาระการลงทุนของการรถไฟ ฯ และ ภาระเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
437 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 17/02/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการ
ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางใน พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555 วงเงินงบ ประมาณ 213 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รายการค่าจ้างที่ ปรึกษาจัดประกวดราคาและควบคุมงานก่อสร้างซึ่งกรมบัญชีกลางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว 73 ล้านบาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก 140 ล้านบาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2555 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
438 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 6 ราย 1. นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระฯ) | คค | 20/01/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 6 คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 มกราคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ ประธานกรรมการ 2. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการ 3. นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ กรรมการ 4. พลตำรวจโท บริหาร เสี่ยงอารมณ์ กรรมการ 5. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรรมการ 6. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
439 | ขออนุมัติการดำเนินงานและงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 09/12/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมนำเรื่อง ขออนุมัติการดำเนินงานและงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อ
ดำเนินการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานใน เมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
440 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/12/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วัน ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 ธันวาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ เป็นประธานกรรมการ 2. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นกรรมการ
|
.....