ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 25 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 481 - 500 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
481 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงคมนาคม (ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2549) | คค | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปความเสียหาย การดำเนินการซ่อมแซม และการช่วยเหลือ
ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ของกระทรวงคมนาคม สรุปได้ดังนี้ ถนนสายหลักในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ยังมีสายทางที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 10 จังหวัด รวม 22 สายทาง การจราจรผ่านไม่ได้ 11 สายทาง เมื่อน้ำลดแล้วจะ ได้เร่งซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วต่อไป ส่วนถนนสายรองในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท มีสาย ทางที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 11 จังหวัด การจราจรผ่านไม่ได้ 31 สายทาง เมื่อน้ำลดจะเร่งซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิม ในภายหลัง ในส่วนของทางรถไฟ ทางรถไฟสายเหนือ (สายหลัก) ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ได้ซ่อมแซม ให้การเดินรถผ่านได้ตามปกติแล้ว และจะซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมภายหลัง สำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ประสบภัยของหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กรมทางหลวง ได้สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ รถบรรทุกเพื่อขนย้ายผู้ประสบภัย และขนเครื่องอุปโภค บริโภคไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสนับสนุนหน่วยงานและมูลนิธิต่าง ๆ ในการขนส่งสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดที่มีน้ำท่วม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และช่วยเหลือพนักงานการ รถไฟ ฯ ที่มีบ้านพักอยู่สองข้างทางรถไฟซึ่งถูกน้ำท่วม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
482 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 7 ราย (1. นายศิวะ แสงมณีฯ) | คค | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้นายสาธิต รังคสิริ ผู้แทนกระทรวงการคลังพ้นจากตำแหน่งกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย และอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีนายศิวะ แสงมณี เป็นประธานกรรมการ ส่วน คณะกรรมการ ประกอบด้วย นายนพดล ประไพตระกูล นายดิสทัต โหตระกิตย์ นางพัลลภา เรืองรอง ม.ล. ผกาแก้ว บุญเลี้ยง นายนิมิตชัย สนิทพันธุ์ และนายดุสิต นนทะนาคร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมี มติ (7 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
483 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง ขออนุมัติการดำเนินการจำหน่ายและการส่งมอบข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ตามโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทยด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | นร | 05/09/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
484 | การลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย | คค | 05/09/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของความ
ตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงความตกลง ฯ ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ก็ให้ดำเนินการได้ โดยประสานงานกับกรมสนธิ สัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมมอบหมาย เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ เต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนในการลงนามความตกลง ฯ ทั้งนี้ ให้รับ ความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมเป็นภาคี สมาชิก พร้อมจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้งบประมาณทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว รวมถึงการพิจารณาหาทางเลือกจากแหล่งเงินทุนด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากงบประมาณที่ชัดเจน โดยให้คำนึงถึง ขีดความสามารถในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นสำคัญ และความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันศึกษา และกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านการขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ และการท่องเที่ยวของ ประเทศ โดยให้คำนึงถึงข้อกำหนดทางด้านกฎหมาย และขนาดรางรถไฟของประเทศในภูมิภาคที่มีความหลาก หลาย การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการขนส่งสินค้าทางรางกับประเทศในภูมิภาค เพื่อใช้เป็นข้อมูล ในการเจรจาและเป็นแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความเชื่อมโยง สามารถสนับสนุนและเอื้อต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามกรอบความร่วมมือดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
485 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อทำสัญญาเช่าที่ดินติดต่อกันคราวละ 15 ปี | ศย | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำสัญญาเช่าที่
ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณระหว่างสถานีบ้านฉิมพลี-ชุมทางตลิ่งชัน เนื้อที่ 45 ไร่ เพื่อใช้ก่อสร้าง อาคารที่ทำการศาลและสิ่งก่อสร้าง ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นระยะเวลา 13 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562 รวมภาระผูกพันในวงเงินทั้งสิ้น 39,934,024 บาท โดย ให้ดำเนินการตามนัยข้อ 4(2) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 อย่าง เคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
486 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปี พ.ศ. 2549 สำหรับงวดสิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 โดยผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐ วิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2549 มีวงเงินงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปีจำนวนทั้งสิ้น 329,899.71 ล้าน บาท และได้ดำเนินการให้รัฐวิสาหกิจปรับแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนซึ่งมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จำนวน 17 แห่ง มีงบลงทุนประจำปี 2549 รวม 322,226.52 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 97.67 ของงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้ง หมดจะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุน จำนวน 260,329.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 80.79 ของงบลงทุน ประจำปี 2549 และมียอดเงินคงเหลือที่รัฐวิสาหกิจคาดว่าจะเบิกได้จริงระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2549 จำนวน 108,257.21 ล้านบาท ส่วนยอดเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน 17 แห่ง ในเดือน กรกฎาคม 2549 มีจำนวน 18,740.32 ล้านบาท และมียอดเบิกจ่ายสะสมตั้งแต่ต้นปี จำนวน 152,072.78 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 47.19 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ รัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายงบลงทุนในอัตรา ที่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับแผนอยู่ จำนวน 5 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยร้อยละ 2.60 โรงงานยาสูบ ร้อยละ 2.66 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 24.30 การท่าเรือแห่ง ประเทศไทย ร้อยละ 29.93 และการรถไฟแห่งประเทศไทย ร้อยละ 31.08
|
|||||||||||||||||||||||||||
487 | ขออนุมัติการดำเนินการจำหน่ายและการส่งมอบข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลตามโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทยด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | พณ | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการดำเนินโครงการจัดหารถจักร
ดีเซลไฟฟ้า ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยนกับข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบด้วยว่าการจำหน่ายและส่งมอบข้าวสารให้แก่สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้ โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ ร.ฟ.ท. ในครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อให้สามารถระบายข้าวออกเพิ่มเติม นอกเหนือจากการจำหน่ายข้าวสารที่ดำเนินการกับสาธารณรัฐประชาชนจีนตามปกติ และให้กระทรวงพาณิชย์ ประสานสำนักงบประมาณ เพื่อจัดตั้งงบประมาณรองรับค่าใช้จ่ายในการชดเชยภาระส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้ และ ดอกเบี้ยเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการโครงการฯ ตามที่จ่ายจริงแล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้นำหลัก การการจัดตั้งงบประมาณรองรับค่าใช้จ่ายในการชดเชยภาระส่วนต่างดอกเบี้ย ฯ นี้ ไปใช้ในการดำเนินโครงการ โดยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) อื่นๆ ที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคตด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
488 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้ รับทราบงบประมาณทำการประจำปี 2549
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ปรับปรุงใหม่ และเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินระยะยาวเพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการดำเนินงาน ชำระหนี้เงินกู้ และลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ จำนวน 5,565 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบ ประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรเร่งรัดให้ รฟท. เร่งสรุปแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครง สร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
489 | การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และองค์การ
ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งประสบปัญหาการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรพิจารณาหาแนวทาง แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพดำเนินการร่วมกับกระทรวงคมนา คมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างกิจการ (turn around) ของรัฐวิสาหกิจ ทั้ง 2 แห่ง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 3 เดือน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้ผู้ซึ่ง เคยมีประสบการณ์ในการจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างกิจการของรัฐวิสาหกิจมาแล้ว เช่น บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
490 | ขอทบทวนการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (สีแดงเข้มและสีแดงอ่อน) สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนปกติ | คค | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (สายสีแดงเข้มและสายสีแดงอ่อน) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อไป ตามขั้น ตอนปกติ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการด้วย และในการดำเนินการโครงการ ฯ ดัง กล่าวให้กระทรวงคมนาคม (รฟท. และ รฟม.) ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติงานในช่วงระหว่างรอการเลือกตั้งและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่) และมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2549 (เรื่อง การขอความร่วมมือสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ) และองค์กรวิชาชีพ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ ที่ให้สภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน เข้ามามีส่วนร่วมให้คำ ปรึกษาแนะนำหรือสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมและตรวจสอบได้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
491 | ขอทบทวนการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (สีแดงเข้มและสีแดงอ่อน) สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนปกติ | คค | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (สายสีแดงเข้มและสายสีแดงอ่อน) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อไป ตามขั้น ตอนปกติ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการด้วย และในการดำเนินการโครงการ ฯ ดัง กล่าวให้กระทรวงคมนาคม (รฟท. และ รฟม.) ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติงานในช่วงระหว่างรอการเลือกตั้งและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่) และมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2549 (เรื่อง การขอความร่วมมือสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ) และองค์กรวิชาชีพ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่) ที่ให้สภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน เข้ามามีส่วนร่วมให้คำ ปรึกษาแนะนำหรือสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมและตรวจสอบได้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
492 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2548 และงวดวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2548 | กค | 25/04/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปี พ.ศ. 2548 และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2549 งวดวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2548 โดยผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2548 มีการเบิกจ่ายจำนวน 262,504.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 66.64 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี จำนวน 400,361.35 ล้าน บาท ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 12 แห่ง มีงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี จำนวน 225,217.10 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ทั้งสิ้น 136,852.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อย ละ 60.76 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่าย และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน จำนวน 6 แห่ง มีงบลงทุนที่ได้ รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี จำนวน 168,700.17 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ทั้งสิ้น 125,651.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 74.48 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่าย โดยในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมาย มีสาเหตุสำคัญอาทิเช่น มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มรายละเอียดของ งานก่อสร้าง รวมทั้งการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างล่าช้า อันเนื่องมาจากประเด็นทางด้านกฎหมาย ด้านแรง งาน และภัยธรรมชาติจากเหตุการณ์สึนามิ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ท่า อากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการจ่ายค่าเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนจึงจะ สามารถเบิกจ่ายเงินได้ คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นต้น สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุน ของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2549 งวดวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2548 มีจำนวนรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบ ประมาณ จำนวน 40 แห่ง งบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี จำนวน 141,220.44 ล้านบาท แผนการ เบิกจ่าย จำนวน 53,065.85 ล้านบาท เบิกจ่ายได้จริง จำนวน 38,940.09 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27.57 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี โดยมีรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายต่ำกว่าแผนการเบิกจ่ายที่กำหนดไว้ คือ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการทางพิเศษ แห่งประเทศไทย โดยมีสาเหตุมาจากกรณีเกิดภัยธรรมชาติ และขาดแคลนแรงงาน มีปัญหาข้อร้องเรียนใน การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษา จึงต้องส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา มีการเปลี่ยนวิธีการทำสัญญาจ้าง ผู้รับเหมาใหม่และผู้รับจ้างบางรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน รวมไปถึงเจ้าของทรัพย์สินไม่มารับเงินค่าจัด กรรมสิทธิ์ที่ดิน
|
|||||||||||||||||||||||||||
493 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยที่บริเวณสถานีบ้านฉิมพลี | อส | 18/04/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานอัยการสูงสุดเช่าที่ดินการ
รถไฟแห่งประเทศไทยที่บริเวณสถานีบ้านฉิมพลี พื้นที่ 23,339.10 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นที่ปลูกสร้างอาคาร สำนักงานอัยการสูงสุดและอาคารพักอาศัยของข้าราชการในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นเวลา 17 ปี นับตั้งแต่วันลงนามในสัญญา ในอัตราค่าเช่าตารางเมตรละ 124.79 บาทต่อปี (ไม่รวมค่าภาษี) และมี อัตราเพิ่มร้อยละ 5 ทุกปี สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสำนักงานพร้อม อาคารชุดพักอาศัย ฯ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และเนื่องจาก อัตราค่าเช่าที่ดินดังกล่าวมีอัตราเกินกว่าเดือนละ 20,000 บาท สำนักงานอัยการสูงสุดต้องขอทำความตกลง กับกระทรวงการคลังตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 131 ก่อนด้วย โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อเป็น ค่าเช่าและระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามความเห็นของสำนักงบประมาณโดยคำนึงถึงฐานะ การเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงคมนาคมกรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยได้แจ้งให้ สำนักงานอัยการสูงสุดลงนามสัญญาเช่า พร้อมชำระค่าเช่า แต่สำนักงานอัยการสูงสุดยังมิได้ลงนามสัญญา เช่า และชำระค่าเช่าตามที่การรถไฟมีหนังสือแจ้งให้ทราบ ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
494 | งบประมาณทำการประจำปี 2550 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 28/03/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานงบประมาณทำการประจำปี 2550
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ประมาณการรายได้ 8,632.853 ล้านบาท ประมาณการ รายจ่าย 17,848.268 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 9,215.415 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
495 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 07/03/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อ
อายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2550 โดยมีกระทรวงการ คลังเป็นผู้ค้ำประกัน และให้ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ อาทิ ความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งรัดปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดรายได้และประโยชน์สูงสุด เพื่อแก้ ปัญหาด้านการเงินของ รฟท. โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
496 | โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 284 คัน และรถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 13 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 07/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 284
คัน และรถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 13 คัน ของการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย คืนไป เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้ พิจารณาและมีมติเรื่อง การขอปรับเพิ่มวงเงินการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ จำนวน 20 คัน ของการ รถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
497 | การขอปรับเพิ่มวงเงินการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ จำนวน 20 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 07/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติให้ปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกสินค้า
จำนวน 112 คัน และรถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน (ระยะที่ 1) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 วงเงิน 903.46 ล้านบาท เป็นวงเงิน 1,031.14 ล้านบาท สำหรับโครงการจัดหารถโบกี้ ฯ จำนวน 284 คัน และรถจักร ฯ จำนวน 13 คัน (ระยะที่ 2) ให้ชะลอการดำเนินการไว้ก่อน และอนุมัติในหลักการให้จัดซื้ออะไหล่ของรถจักร ฯ วงเงินไม่ เกิน 216.48 ล้านบาท โดยให้กระทรวงคมนาคม (รฟท.) พิจารณาวงเงินการจัดซื้ออะไหล่ให้สอดคล้อง กับการดำเนินการจัดหารถจักร ฯ (ระยะที่ 1) โดยให้กระทรวงคมนาคม (รฟท.) เร่งรัดการดำเนินโครง การจัดหารถโบกี้ ฯ และรถจักร ฯ รวมทั้งอะไหล่ตามที่ได้อนุมัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการจัด หารถจักร ฯ ด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีมูลค่าเท่ากัน (Barter Trade) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 (เรื่อง ขอรับความเห็นชอบการจัดซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน ระหว่างรัฐบาล ไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน) ต่อไป กับให้ รฟท. กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการ ฯ โดยมีกระทรวง การคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และความเห็นของคณะกรรมการการค้าแบบแลกเปลี่ยน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในกรณีที่ฝ่าย จีนขอเปลี่ยนสินค้าเกษตรจากลำไยอบแห้งเป็นสินค้าเกษตรอื่นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง พาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการการค้า ฯ ร่วมกันพิจารณากำหนดราคาสินค้าเกษตรดัง กล่าวให้เหมาะสมด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือแจ้งแก่ฝ่ายจีนให้ทราบถึงความ กังวลของไทยเกี่ยวกับการดำเนินการ Barter Trade ที่ผู้นำประเทศทั้งสองฝ่ายได้เจรจาตกลงกันไว้แล้ว แต่ การปฏิบัติยังไม่เป็นตามข้อตกลง |
|||||||||||||||||||||||||||
498 | การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางรถไฟขวาง
ทางน้ำทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยผู้แทนของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและผู้ แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้ข้อสรุปว่า ควรกำหนดจุดที่ ควรจะขุดเจาะช่องระบายน้ำตัดทางรถไฟเพิ่มเติมอีก 2 จุด ๆ ละ 12 เมตร รวม 24 เมตร
|
|||||||||||||||||||||||||||
499 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 7 ราย) | คค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรรมการอื่นที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะ
กรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยพ้นจากตำแหน่ง และให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะ กรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย นายเทิดศักดิ เศรษฐมานพ เป็นประธานกรรมการ นาง อัญชลี ชวนิชย์ นายวิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร นายสาธิต รังคสิริ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) นายตระกูล วินิจนัย ภาค นายพันธ์เลิศ ในหยก และนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ เป็นกรรมการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ (27 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
500 | รายงานการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปี 2548 ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 9 แห่ง | กค | 02/08/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน
ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด การประปานคร หลวง การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย การทางพิเศษ แห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ และโรงงานยาสูบ และการส่งคืนเงินงบ ประมาณอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้สำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณ อุดหนุนต่อไป กับเห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดและคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจเร่งรัดและติดตามการ เบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นประจำทุกเดือน และรายงานกระทรวงการคลังเพื่อรวบรวมนำเสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป พร้อมทั้งให้คณะกรรมการ ฯ ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาประสิทธิภาพของผู้บริหาร สูงสุดของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ด้วย และให้รัฐวิสาหกิจจัดทำแผนการทำงาน (Work plan) ของการลงทุน ต่าง ๆ เป็นรายเดือนให้ชัดเจน และส่งให้กระทรวงการคลังภายในเดือนตุลาคม 2548 และให้สำนักงบ ประมาณจัดสรรเงินงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการทำงานดังกล่าวตามหลัก Cash Flow และให้รัฐ วิสาหกิจทุกแห่งรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงการคลังทราบเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้ ให้สำนัก งบประมาณรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการนำเงินงบประมาณอุดหนุนที่รัฐวิสาหกิจส่งคืน ไปใช้ให้เหมาะสม และเป็นประโยชน์สูงสุด เช่น การนำไปเพิ่มทุนเพื่อให้โครงสร้างทางการเงินของรัฐวิสาหกิจมีเสถียรภาพ มากยิ่งขึ้น เป็นต้น และนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป |
.....