คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 
วันที่ 28 กรกฎาคม 2541 เกี่ยวกับเรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทย งวดที่ 4/2543  
(กรกฎาคม - กันยายน 2543)  โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้  การลดค่า 
ใช้จ่าย  การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดภาระการลงทุนของการรถไฟ ฯ  และรัฐบาล  รวมทั้งการ 
กำหนดบทบาทของการรถไฟ ฯ  ให้ชัดเจน  ทั้งนี้  ผลการดำเนินงานในงวดที่ 4/2543  ดำเนินการได้ร้อยละ  
96 ของเป้าหมายที่กำหนดในงวดเดียวกัน  และตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน (กรกฎาคม 2541) จนถึง  ณ  วันที่  30 
กันยายน 2543 ดำเนินการได้คิดเป็นร้อยละ 80

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี   
เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทย  ครั้งที่ 7  (ประจำเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2543) 
ในส่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างการรถไฟ ฯ ความคืบหน้าในการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้า   
มาทำการศึกษารายละเอียดการปรับโครงสร้างภายใต้เงินกู้ธนาคารโลกในส่วนที่คณะกรรมการปรับปรุงโครง   
สร้างการรถไฟ  ฯ  ดำเนินการ  ความก้าวหน้าการจัดทำแผนปฏิรูปเพื่อปรับปรุงและพัฒนาบุคลากร  และการ  
ทำความเข้าใจกับพนักงานทุกระดับเรื่อง การปรับโครงสร้าง  รวมทั้งการให้ความสำคัญในการให้บริการขนส่ง 
สินค้า การปรับปรุงด้านบริการ ด้านความสะอาด และด้านความปลอดภัย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยกเว้นค่าเช่าที่ดินบริเวณสถานี  
มักกะสัน  เขตราชเทวี  กรุงเทพมหานคร  ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งอาคารที่ทำการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม  
และประสานงานเยาวชนแห่งชาติ (สยช.)  ในส่วนที่ค้างชำระในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2541  และปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2542  จำนวน 957,744 บาท  และให้  สยช.  ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับ  รฟท.  มีกำหนด  13  ปี    
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป   โดยคิดค่าเช่าที่ดิน  
อัตราตารางเมตรละ 554.57 บาทต่อปี  อัตราปรับเพิ่มร้อยละ 5 ทุกปี  ตลอดอายุสัญญาเช่า  ตามความเห็น 
ของ  รฟท.  ตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลตำรวจโท วิโรจน์ เปาอินทร์)  ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและ  
ประสานงานเยาวชนแห่งชาติเสนอ   ส่วนค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินดังกล่าวในแต่ละปีให้  สยช.  เสนอขอตั้งงบ
ประมาณประจำปีต่อไป

            รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย 
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวกับ
อำนาจหน้าที่ของการรถไฟ ฯ  ในการจัดตั้งบริษัทหรือบริษัทมหาชนจำกัดการเข้าร่วมกิจการกับ บุคคลอื่นหรือ
ถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด การห้ามผู้ว่าการรถไฟ ฯ  ประกอบกิจการแข่งขันกับกิจการของ
การรถไฟ  ฯ  หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบในหุ้นส่วน  หรือเป็นกรรมการในบริษัทที่ประกอบ
กิจการในลักษณะดังกล่าว ตลอดจนการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ให้
เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน สำหรับการขอเพิ่มอำนาจและขยายกิจการตามพระราชบัญญัติ ฯ นั้น ต้องไม่   
ขยายขอบเขตอำนาจการดำเนินกิจการในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ  แต่เป็นการให้อำนาจในการขยายการประกอบกิจ  
การกับบุคคลอื่นในรูปแบบของการบริหารงานเอกชน   รวมทั้งให้มีองค์การหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล  
ในเรื่องของการให้สัมปทานหรือการร่วมทุนกับเอกชนให้มีความชัดเจนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมมาก
ที่สุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ




          

               รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ 
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร  ซึ่งได้พิจารณาแก้ไขเหตุผลประกอบ 
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของการรถไฟ ฯ  ในการจัดตั้งบริษัทหรือบริษัท  
มหาชนจำกัด การเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด การห้าม  
ผู้ว่าการรถไฟ ฯ ประกอบกิจการของการรถไฟ ฯ หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบในหุ้นส่วน 
หรือเป็นกรรมการในบริษัทที่ประกอบกิจการในลักษณะดังกล่าว  ตลอดจนการขอความเห็นชอบจากคณะ 
รัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภา 
ผู้แทนราษฎรเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นายอุทิศ ธรรมวาทิน เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟ
แห่งประเทศไทย แทน นายมานิต วิทยาเต็ม ที่ขอลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2543 เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อชำระหนี้ของ รฟท. ในปีงบประมาณ  
2544  จำนวน 4,227,323 ล้านบาท  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระชำระคืนต้นเงิน  
และดอกเบี้ย    และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการ   เงื่อนไข   และรายละเอียดต่าง ๆ  ของการกู้เงิน  
ตลอดจนการค้ำประกันได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น  ทั้งนี้ ให้ รฟท. รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบ  
ประมาณ และคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ  (กนร.)  (เกี่ยวกับการให้  รฟท.  ทบทวนแผนการ  
ลงทุนในงาน/โครงการที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้มากที่สุด  และเร่งดำเนินการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างใหม่ให้ 
มีผลโดยเร็ว)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการปรับโครงสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการจัดตั้ง
บริษัทของการรถไฟ ฯ จำนวน 3 บริษัท โดยแยกกิจการของการรถไฟ ฯ ออกเป็น 4 ส่วน  คือ  ส่วนซึ่งเป็น 
รัฐวิสาหกิจ และส่วนที่จัดตั้งเป็นบริษัทอีก 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนการเดินรถ ส่วนซ่อมบำรุง ล้อเลื่อนรถไฟ และ  
ส่วนทรัพย์สิน โดยดำเนินการตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 สำหรับการจัดการทรัพย์สิน 
หนี้สินของการรถไฟ  ฯ  นั้น   ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท   ตามความเห็นของ
คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.)  ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) 
ประธาน กนร. เสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทบทวนเป้าหมายการปรับลดขบวน
รถโดยสารตามมาตรการแก้ไขปัญหาของ รฟท. จากเดิมไม่น้อยกว่า 50 ขบวนเป็น 32 ขบวน) ตามที่คณะกรรมการ
กำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม  (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 
วันที่ 28 กรกฎาคม 2541 เกี่ยวกับเรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทย งวดที่ 3/2543 
(เมษายน - มิถุนายน 2543)  ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้  การลดค่าใช้จ่าย  การเพิ่ม   
ประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดภาระการลงทุนของการรถไฟ ฯ  และรัฐบาล  รวมทั้งการกำหนดบทบาท     
ของการรถไฟ ฯ  ให้ชัดเจน   ซึ่งผลการดำเนินงาน งวดที่ 3/2543 (เมษายน - มิถุนายน 2543) ดำเนินการ  
ได้ร้อยละ 84 ของเป้าหมายที่กำหนดในงวดเดียวกัน  และตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน (กรกฎาคม 2541) จนถึง  ณ  
วันที่ 30 มิถุนายน 2543 ดำเนินการได้คิดเป็นร้อยละ 93 
  

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ 
และโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ช่วงชุมทางบ้านภาชี - ลพบุรี  ชุมทางบ้านภาชี - มาบกะเบา  และ  
ชุมทางตลิ่งชัน - นครปฐม ในวงเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10  จำนวน  2,738,810,000  บาท  โดยให้การ  
รถไฟ ฯ จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป  โดยแหล่งที่มา  
ของเงินลงทุนให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณและเงินกู้ (ในและต่างประเทศซึ่งรัฐบาลรับภาระเงินต้นและดอกเบี้ย)  
ในสัดส่วนร้อยละ  50 : 50  ตามหลักการเดิม   และหากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณให้ได้มากขึ้นก็ให้ใช้    
เงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนโครงการ     รวมทั้งให้การรถไฟ ฯ  ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันของโครงการ ฯ 
จากเดิมที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  6  พฤษภาคม  2540  ไว้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2537 - 
พ.ศ. 2544 มาเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2537 - พ.ศ. 2547 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี 
เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทย  (รฟท.)  ครั้งที่  6  (ประจำเดือนเมษายน - มิถุนายน  
2543)       โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าในการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำการศึกษารายละเอียดการ
ปรับปรุงโครงสร้าง  รฟท.  ภายใต้เงินกู้ธนาคารโลกในส่วนที่คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้าง  รฟท.  ดำเนิน
การความก้าวหน้าการจัดทำแผนปฏิรูปเพื่อปรับปรุงและพัฒนาบุคลากร    การทำความเข้าใจกับพนักงานทุก
ระดับ   เรื่อง การปรับโครงสร้าง  การให้ความสำคัญในการให้บริการขนส่งสินค้า   การปรับปรุงด้านบริการ  
การปรับปรุงด้านความสะอาด รวมทั้งการปรับปรุงด้านความปลอดภัย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมการปกครองดำเนินการก่อสร้างถนนทางลอดทางรถไฟถนนศรีภูวนารถ 
(HY-RB-3) ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ตามรูปแบบรายการ  ในวงเงิน 116,003,000 บาท  โดย 
แบ่งเป็นเงินงบประมาณ และเงินเทศบาลสมทบ  สำหรับค่าใช้จ่ายจากเงินงบประมาณให้จ่ายจากงบประมาณราย    
จ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543  จำนวน 11,700,000 บาท   และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2544 จำนวน 39,800,000 บาท  ส่วนงบประมาณที่ยังขาดอยู่อีกจำนวน 23,902,000 บาท ให้เสนอขอตั้ง 
งบประมาณปีต่อไปให้ครบค่างาน รวมทั้งให้ปรับแผนดำเนินงานในส่วนของงานก่อสร้างถนน ฯ ที่ดำเนินการโดย  
เทศบาลนครหาดใหญ่ ให้ดำเนินการในวงเงิน 44,518,000 บาท สำหรับงานก่อสร้างทางเบี่ยงรถไฟและสะพาน  
รองรับทางรถไฟที่ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ดำเนินการในวงเงิน 71,485,000 บาท  โดยแบ่ง    
เป็นเงินงบประมาณและเงินเทศบาลสมทบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งระหว่างส่วนราชการกับ 
เอกชน ส่วนราชการกับส่วนราชการ และส่วนราชการกับรัฐวิสาหกิจ รวม 6 เรื่อง  ได้แก่  เรื่อง กรมตำรวจ ขอ   
ให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแพ่งฟ้องร้อยตำรวจตรี ปราโมทย์  พุ่มพระคุณ  เรื่อง  การรถไฟแห่งประเทศไทย  
ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแพ่งฟ้องกรมทางหลวง  เรื่อง กรุงเทพมหานคร ขอให้พนักงานอัยการดำเนิน  
คดีแพ่งฟ้องบริษัท ไทยศรีนครประกันภัย จำกัด เรื่อง กรมศุลกากร ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแพ่งฟ้อง 
การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง  กรมสรรพากร  ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแพ่งฟ้องบริษัท  ซีฟู้ด  อิน  
เตอร์เนชั่นแนล จำกัด และเรื่อง กรมศุลกากร  ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแพ่งฟ้องกรมพลศึกษา  ตามที่
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ)  ประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติใน 
การดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นางสตรี ประทีปะเสน เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการ
รถไฟแห่งประเทศไทย  แทน  นายอิสสราพันธุ์  เพ็ชรรัตน์  ที่ถึงแก่อนิจกรรม  โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะ 
รัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี    
เรื่อง  การปรับปรุงโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทย  ครั้งที่  5  (ประจำเดือนมกราคม - มีนาคม  2543)  
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำการศึกษารายละเอียดการปรับปรุงโครง  
สร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยภายใต้เงินกู้ธนาคารโลกในส่วนที่คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างการรถไฟ  
แห่งประเทศไทยดำเนินการ    ความก้าวหน้าการจัดทำแผนปฏิรูปเพื่อปรับปรุงและพัฒนาบุคลากร    การทำ  
ความเข้าใจกับพนักงานทุกระดับในเรื่องการปรับโครงสร้าง   การให้ความสำคัญในการให้บริการขนส่งสินค้า  
การปรับปรุงด้านบริการ รวมทั้งการปรับปรุงด้านความสะอาด และความปลอดภัย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการ วิธีปฏิบัติ และการแก้ไขปัญหากองทุนสงเคราะห์ 
ผู้ปฏิบัติงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)  ตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ  (กนร.)  
ครั้งที่ 3/2543 วันที่ 4 พฤษภาคม 2543 และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่ประธาน กนร. เสนอ และอนุมัติให้
รฟท. กู้เงินระยะยาวสำหรับใช้ในการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543  จำนวน 3,380 ล้านบาท   โดย   
รฟท. เป็นผู้รับภาระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย  และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการ  เงื่อนไข  และราย  
ละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน ตลอดจนการค้ำประกันได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น  ทั้งนี้ ให้ รฟท. เร่งสรุป   
แผนการเงินการลงทุนตามความเห็นเพิ่มเติมของ สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการเกษียณ 
อายุก่อนกำหนดในวงเงิน 263,493,000 บาท   โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันและพิจารณาวิธี 
การกู้เงิน เงื่อนไข รายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น และให้ รฟท. เป็นผู้รับ 
ภาระเงินต้น ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงิน  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับลดสัดส่วนการจัดหาเงินกู้สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ 
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมในสัดส่วนร้อยละ 50 ของ  
ค่าใช้จ่ายโครงการทั้งหมด  (4,620 ล้านบาท)  และให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่าย  
โครงการในสัดส่วนร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่ายโครงการทั้งหมด  หากสำนักงบประมาณสามารถจัดสรรงบประมาณ  
ได้มากกว่าที่กำหนดก็สามารถดำเนินการได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  กับให้ส่วน   
ราชการต่าง ๆ  ซึ่งมีรัฐวิสาหกิจในสังกัดทุกแห่งทราบและถือเป็นหลักปฏิบัติตามความเห็นของกระทรวงการคลัง   
(เกี่ยวกับการเสนอโครงการลงทุนของรัฐวิสหากิจในอนาคต  ซึ่งเห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องภาระหนี้ที่รัฐบาล  
จะต้องรับภาระหนี้ที่รัฐบาลจะต้องรับภาระเป็นลำดับแรก และทุกโครงการควรผ่านการจัดลำดับความสำคัญของ  
โครงการลงทุนในภาพรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ  รวมถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้   
ของประเทศ   ตามที่คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศกำหนดไว้  เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะทางการเงินของ 
ประเทศ และเพื่อมิให้ภาระหนี้ที่รัฐบาลรับภาระตามรัฐวิสาหกิจเพิ่มสูงเกินไปด้วย)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)  ปรับปรุงวงเงินงบประมาณของส่วน   
งานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี  และทางคู่ 
ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ตามโครงการก่อสร้างทางคู่เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น  1,684.54  ล้านบาท  
และให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของโครงการก่อสร้างทางคู่จากปี  2537  -  ปี  2544 
เป็นปี 2537 - ปี 2547    โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การ
ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณล่วงหน้า เป็นกรณีพิเศษ  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ    สำหรับค่าดำเนิน
การจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ฯ ที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ นั้น ให้  รฟท.  จัดทำแผน
การใช้จ่ายเงินแล้วทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป        ตามความเห็นของสำนัก
งบประมาณ     โดยให้ รฟท.   รับข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของกระทรวงการคลัง    และสำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ    และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี (ที่ให้ รฟท. ดำเนิน
การให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย