ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 960 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 441 | ขออนุมัติการดำเนินงานและงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 09/12/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมนำเรื่อง ขออนุมัติการดำเนินงานและงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อ
ดำเนินการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานใน เมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 442 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/12/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วัน ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 ธันวาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ เป็นประธานกรรมการ 2. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
| 443 | การขออนุมัติต่ออายุสัญญาให้สิทธิใช้ประโยชน์ศูนย์การค้า บริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธินระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา จำกัด | คค | 02/12/2551 | ||||||||||||||||||
| 444 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2551 | กค | 27/11/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโอฬาร ไชยประวัติ) ประธานกรรมการกำกับ
นโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร. ) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 โดยที่ ประชุมมีมติดังนี้ 1. รับทราบภาพรวมการดำเนินงานด้านรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำชับให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง จัดทำแผนรองรับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ในปัจจุบัน 2. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2550 3. รับทราบข้อสังเกตของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนร. ทำหน้าที่กลั่นกรองเรื่องดังกล่าว ก่อนนำเสนอ กนร. 4. รับทราบความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำชับให้รัฐวิสาห กิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5. เห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัด และคณะกรรมการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทร คมนาคม จำกัด (มหาชน) และการเคหะแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาต่อไป 6. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการของ กนร. เพื่อพิจารณาดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การปรับ ปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 445 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2551 | กค | 27/11/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโอฬาร ไชยประวัติ) ประธานกรรมการกำกับ
นโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร. ) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 โดยที่ ประชุมมีมติดังนี้ 1. รับทราบภาพรวมการดำเนินงานด้านรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำชับให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง จัดทำแผนรองรับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ในปัจจุบัน 2. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2550 3. รับทราบข้อสังเกตของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนร. ทำหน้าที่กลั่นกรองเรื่องดังกล่าว ก่อนนำเสนอ กนร. 4. รับทราบความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำชับให้รัฐวิสาห กิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5. เห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัด และคณะกรรมการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทร คมนาคม จำกัด (มหาชน) และการเคหะแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาต่อไป 6. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการของ กนร. เพื่อพิจารณาดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การปรับ ปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 446 | ขออนุมัติโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 20 คัน และรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 308 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า ขนาดน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน และรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) ขนาดน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 308 คัน โดยให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และให้ รฟท. กู้เงินจากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการ ฯ โดย กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระการลงทุนทั้งหมด เนื่องจากเป็นการลงทุนในส่วน ของระบบรถ (Rolling Stocks) รวมทั้งให้ รฟท.จัดทำแผนการปรับปรุงทางและสะพานให้สามารถรองรับน้ำหนัก ของรถจักรและอุปกรณ์ล้อเลื่อนและแผนการจัดหารถจักรให้มีความสอดคล้องกัน ตามความเห็นของคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ให้กระทรวงการคมนาคม และ รฟท. เร่งรัดดำเนินการตามแนวทางของแผนการปรับปรุงโครงสร้าง การบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 (เรื่องแผน ปฏิบัติการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ รฟท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินการแผนยุทธศาสตร์การ ปรับปรุงโครงสร้างบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ภายใต้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้าน รัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 ซึ่งมีมติให้ปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการ โครงสร้างพื้นฐาน และจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สินภายในปี 2551 และ เห็นควรให้ รฟท. เร่งรัดปรับปรุงเส้นทาง โดยเฉพาะหมอนและทางที่มีอยู่ในสภาพทรุดโทรมในเส้นทางต่าง ๆ ที่ ผ่านย่านกองเก็บตู้สินค้าคอนเทรนเนอร์ (Container Yard : CY) ตามความเห็นกระทรวงการคลังด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 447 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2551 สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 | กค | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานการณ์เบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี พ.ศ. 2551 โดยภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุน รัฐวิสาหกิจ จำนวน 46 แห่ง สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (เดือนตุลาคม 2550-มิถุนายน 2551) จำนวน 132,214.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก เดือนพฤษภาคม 2551 ที่เบิกจ่ายสะสมได้จำนวน 116,044.39 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่าย สะสมที่กำหนดไว้ ส่วนสถานะการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน 15 แห่ง ซึ่งมีวงเงินงบ ลงทุนรวมกันทั้งสิ้น 317,403.27 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม จำนวน 126,737.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2551 ที่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมได้ จำนวน 111,356.63 ล้านบาท แต่ ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายสะสมที่กำหนด โดยรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่เบิก จ่ายต่ำกว่าแผน คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) และการเคหะแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในสังกัด เร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2. ให้รัฐวิสาหกิจจัดทำรายงานสถานการณ์เบิกจ่ายทุกสิ้นเดือนเสนอต่อรัฐมนตรีที่กำกับดูแล และ ให้ส่งสำเนารายงานดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติทราบเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 448 | รายงานความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย (1 - 28 กันยายน 2551) | คค | 30/09/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยใน
ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2551 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สรุปได้ดังนี้ 1. กรมทางหลวง มีสภาพทางที่ได้รับความเสียหายรวม 37 จังหวัด 24 สายทาง 251 แห่ง ระยะทาง 194.01 กิโลเมตร มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 46 ล้านบาท 2. กรมทางหลวงชนบท มีสภาพทางที่ได้รับความเสียหายรวม 47 จังหวัด 172 สายทาง มูลค่าความ เสียหายเบื้องต้นประมาณ 520 ล้านบาท 3. การรถไฟแห่งประเทศไทย มีน้ำท่วมปิดทางรถไฟชำรุดเสียหายและไม่สามารถให้ขบวนรถผ่านได้ ระหว่างสถานีบ้านไผ่-สถานีท่าพระ มูลค่าความเสียหาย 30,154,000 บาท 4. การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้เร่งรัดซ่อมแซมทรัพย์สินและ เส้นทางที่ชำรุดเสียหาย เพื่อให้การจราจรผ่านได้ชั่วคราวก่อน รวมทั้งปักป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทาง ทำคัน ดินกั้นน้ำ วางกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อประสานงาน กับจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภค การขนย้ายผู้ประสบภัย ฯลฯ 5. การแก้ไขปัญหาในระยะยาว กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง กรมทางหลวง ชนบท และการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ดำเนิน การแก้ไขปัญหาไปก่อน หากไม่เพียงพอจะได้ประมวลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพิ่มเติมเพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 449 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินระยะยาว จำนวน 4,274 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานและชำระหนี้เงินกู้ของ รฟท. โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน เงินกู้ดังกล่าว 2. ให้ รฟท. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ให้ รฟท. จัดทำแผนการดำเนินงานและกรอบระยะเวลาการดำเนิน การแก้ไขปัญหาองค์กร และจัดทำประมาณการทางการเงิน ที่ประกอบด้วยข้อมูลภาระงบประมาณที่ภาครัฐจะต้อง จัดสรรชำระหนี้/เงินอุดหนุน/การลงทุนเพิ่มให้แก่ รฟท. แต่ละปีเพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการให้เป็นไปตามเป้าหมาย และให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างองค์กร และการบริหารจัดการในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ก่อน เพื่อ เตรียมความพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ รวมทั้งการหาเอกชนร่วมลงทุนและบริหารจัดการเกี่ยวกับ การให้บริการในส่วนที่เป็นเชิงพาณิชย์ และบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ (ที่ดิน) ให้เกิดผลตอบแทน และสร้างรายได้ให้ กับ รฟท. เพื่อลดภาระเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน นอกจากนี้ รฟท. ควรกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการฟื้น ฟูฐานะการเงินอันจะเป็นการช่วยลดผลการดำเนินงานที่ขาดทุนลงได้ส่วนหนึ่ง ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 450 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงิน กู้ดังกล่าว 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณเะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ไปดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินของ รฟท. และ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 (เรื่อง การปรับโครงสร้างของการรถ ไฟแห่งประเทศไทย) ด้วย ดังนี้ ให้ รฟท. ดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลขาด ทุนจากการดำเนินงานและปรับปรุงสัดส่วนและคุณภาพในการให้บริการของขบวนรถขนส่งสินค้า ขนส่งผู้โดยสาร เชิงพาณิชย์ และผู้โดยสารเชิงสังคมเพื่อใช้ในการจัดทำแผนธุรกิจ (Action Plan) ในระยะยาว โดยให้ครอบคลุมถึง การปรับปรุงการให้บริการ การปรับโครงสร้างหนี้ การปรับปรุงฐานะการเงิน การปรับโครงสร้างองค์กร และ การบริหารบุคลากรให้สอคล้องกับธุรกิจ และให้เร่งจัดหาหัวรถจักรและรถโบกี้รวมทั้งการบริหารจัดการขนส่งสิน ค้าเส้นทางลาดกระบัง-แหลมฉบัง เส้นทางบึงพระ-แหลมฉบัง โดยเพิ่มความถี่และปรับปรุงตารางการเดินรถให้ สนองตอบความต้องการของภาคการส่งออกเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร นอกจากนี้ ให้เร่งรัดปรับปรุงประสิทธิ ภาพการบริหารจัดการและการสร้างรายได้ตามแนวทางที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาด้านการเงินโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
| 451 | การดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤต เพื่อคนไทยทุกคน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤต
เพื่อคนไทยทุกคน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดังนี้ 1. ให้ รฟท. กำหนดให้ขบวนรถเร็วที่เป็นรถเชิงพาณิชย์และมีการเก็บค่าธรรมเนียม รวม 8 ขบวน ให้ ประชาชนสามารถใช้บริการชั้น 3 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 2. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินชดเชยให้ รฟท. เพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 28 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับ เดือนละ 41.7 ล้านบาท เป็นจำนวนเดือนละ 69.7 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนิน การได้จนสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2552
|
|||||||||||||||||||||
| 452 | ความก้าวหน้าของการดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน | นร | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน และการกำหนดมาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาและไฟฟ้าของครัวเรือนเพิ่มเติม โดยให้ครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่เช่าอาศัยในอาคารชุดหรือห้องเช่าที่ผู้ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ดังนี้ เป็นอาคารชุดหรือห้องเช่าที่มีระดับราคาเช่าไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/เดือน มีการใช้น้ำเฉลี่ยต่อห้องในช่วง 0-50 ลบ.ม./เดือน/ห้อง กรณีที่มาตรวัดน้ำรวมจะนำปริมาณน้ำใช้ทั้งหมดเฉลี่ยด้วยจำนวนห้องเฉพาะที่มีผู้อยู่อาศัยหรือสัญญาเช่า มีการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน/ห้อง กรณีที่มาตรวัดไฟฟ้ารวมจะนำจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมดเฉลี่ยด้วยจำนวนห้องเฉพาะที่มีผู้อยู่อาศัยหรือสัญญาเช่า และในส่วนของนิติบุคคลหรือผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนกับการไฟฟ้านครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วแต่กรณี เพื่อขอรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีสัญญาเช่าเป็นหลักฐานประกอบการลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบจำนวนผู้อยู่อาศัยจริง โดยจะเปิดให้มีการลงทะเบียน จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2551 ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการได้ภายในรอบการจัดเก็บในเดือนกันยายน 2551 และสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาแนวทางการจ่ายเงินชดเชยและการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้แก่รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรการ สำหรับรายได้นำส่งรัฐให้รัฐวิสาหกิจนำส่งตามกำหนดเดิมต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมหารือสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแนวทางและวิธีการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินชดเชยให้แก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 453 | ความก้าวหน้าของการดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน | นร | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติเสนอความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน และ การกำหนดมาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาและไฟฟ้าของครัวเรือนเพิ่มเติม โดยให้ครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ เช่าอาศัยในอาคารชุดหรือห้องเช่าที่ผู้ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ดังนี้ เป็นอาคารชุดหรือห้อง เช่าที่มีระดับราคาเช่าไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/เดือน มีการใช้น้ำเฉลี่ยต่อห้องในช่วง 0-50 ลบ.ม./เดือน/ห้อง กรณีที่มาตรวัดน้ำรวมจะนำปริมาณน้ำใช้ทั้งหมดเฉลี่ยด้วยจำนวนห้องเฉพาะที่มีผู้อยู่อาศัยหรือสัญญาเช่า มีการใช้ ไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน/ห้อง กรณีที่มาตรวัดไฟฟ้ารวมจะนำจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมดเฉลี่ยด้วย จำนวนห้องเฉพาะที่มีผู้อยู่อาศัยหรือสัญญาเช่า และในส่วนของนิติบุคคลหรือผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนกับการ ไฟฟ้านครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วแต่กรณี เพื่อขอรับ ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีสัญญาเช่าเป็นหลักฐานประกอบการลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบจำนวน ผู้อยู่อาศัยจริง โดยจะเปิดให้มีการลงทะเบียน จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2551 ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการได้ภายในรอบ การจัดเก็บในเดือนกันยายน 2551 และสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบ ประมาณพิจารณาแนวทางการจ่ายเงินชดเชยและการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้แก่รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนิน การตามมาตรการ สำหรับรายได้นำส่งรัฐให้รัฐวิสาหกิจนำส่งตามกำหนดเดิมต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคม หารือสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแนวทางและวิธีการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานเพื่อเป็นหลักฐาน ประกอบการเบิกจ่ายเงินชดเชยให้แก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 454 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายยุทธนา ทัพเจริญ) | คค | 15/07/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นายยุทธนา ทัพเจริญ ดำรงตำแหน่ง
ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 300,000 บาท และการปรับขึ้นค่าตอบแทน คงที่ ค่าตอบแทนพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (15 กรกฎาคม 2551) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
| 455 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2551 | กค | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุรพงษ์
สืบวงศ์ลี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) รายงานผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2551 วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 โดยที่ประชุมรับทราบภาพรวมการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ปี พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2550 จำนวน 58 แห่ง ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจกระทรวงการคลัง และรับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐ วิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2550 ที่อยู่ในระบบประเมินผล ฯ จำนวน 51 รัฐวิสาหกิจ และ 1 บริษัท ใน 9 สาขา คือ สังคมและเทคโนโลยี พาณิชย์และบริการ เกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน สาธารณูปการ สื่อสารโทร คมนาคม ขนส่ง อุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน รวมทั้งรับทราบข้อสังเกตของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัด ตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจโดยเห็นควรจัดตั้งหน่วยงานภายในสำนักงาน กนร. ขึ้นเพื่อ ทำหน้าที่กลั่นกรองเรื่องจัดตั้งบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยที่ประชุมได้มีมติให้สำนักงาน กนร. ทำหน้าที่กลั่น กรองเรื่องจัดตั้งบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐ วิสาหกิจก่อนนำเสนอ กนร. และรับทราบความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการ คลังกำชับให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดและคณะกรรมการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และการเคหะแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการจัด ทำแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาต่อ ไป และให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการของ กนร. เพื่อพิจารณาการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครง สร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ ขสมก. และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 456 | ขออนุมัติขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา และค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ | คค | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธาและค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบาง ใหญ่-บางซื่อ ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 โดยขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงาน โยธา (Civil Work) จากเดิม 31,217 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินใหม่จำนวน 36,055 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษา โครงการสำหรับงานโยธา จากเดิม 1,248 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินใหม่จำนวน 1,296 ล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางที่ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค เห็นควรให้ กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และ รฟม. ประมาณการราคาค่าก่อสร้างโครงการ โดยใช้เกณฑ์การ คำนวณต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้วงเงินค่าก่อสร้างโครงการสะท้อนข้อเท็จจริงมากที่สุด และหากจำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการ ฯ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเปิดประกวดราคาต่อ ไป โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 457 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 3/2551 | นร | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน เสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงาน ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 2/2551 ประกอบด้วย โครงการ ระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งระยะแรก (เร่งด่วน) ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว จำนวน 4 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างจัดเตรียมรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 โครงการ และเห็นชอบ มติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 สรุปได้ดังนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของ ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการผ่อนปรน ภาระดอกเบี้ย การสนับสนุนเงินทุน การสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ของพนักงาน ขสมก. แนวทางการสนับ สนุนงบประมาณสำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด รวมทั้งแนวทางดำเนินการจัดหาพัสดุโดยวิธีประมูลด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และให้กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องการปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง งานโยธาและค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ของการรถไฟ ฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับปัญหาและผลกระทบ จากการปรับเพิ่มราคาวัสดุก่อสร้างแรงงาน และราคาน้ำมันต่อโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง นั้น ให้กระทรวง คมนาคม (รฟม.) พิจารณาผลกระทบและเสนอหลักเกณฑ์การปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง โดยผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนปัญหาของผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น ให้ กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาทบทวนและปรับราคากลางให้มีความเหมาะสมเพื่อมิให้เป็น อุปสรรคต่อการจัดซื้อจัดจ้างและการประมูลภาครัฐ รวมทั้งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปรับค่า K ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม (ขสมก. และ รฟม.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด ดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ฯ รวมทั้งการนำเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย ส่วนการกำหนดหลัก เกณฑ์และวิธีการปรับค่า K ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการก่อสร้าง โดยคำนึงถึงระยะเวลาก่อสร้างและสอด คล้องกับต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
| 458 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 7 คน 1. นายสมศักดิ์ บุญทองฯ) | คค | 11/03/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะ
กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 7 คน ดังนี้ นายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานกรรมการ นายสราวุธ เบญจกุล นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานต์ พลเอก ชัยโรจน์ ธรรมศารทูล นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา ผู้แทนกระทรวง การคลัง นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นกรรมการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ (11 มีนาคม 2551) เป็นต้นไป ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ บุญทอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) อนุมัติเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
| 459 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [โครงการระบบรถไฟ ชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต - บางซื่อ - ตลิ่งชัน โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา - ศรีราชา - แหลมฉบัง] | คค | 02/01/2551 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความ
ก้าวหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เกี่ยวกับการดำเนินโครงการระบบรถ ไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-รังสิต มีผลการดำเนินการเป็นไปตามแผน และอยู่ระหว่างการปรับแบบรายละ เอียด และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมก่อนดำเนินการออกประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป ส่วนโครงการ ระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน มีผลการดำเนินการร้อยละ 80 ของการดำเนินการตามเป้า หมาย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ประมาณเดือนเมษายน 2551 และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถ ไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง มีผลการดำเนินการร้อยละ 90 ของแผน คาดว่า จะประกวดราคาและลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ในเดือนธันวาคม 2550 แต่อาจต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเกิดปัญหา เรื่องการตีความในการพิจารณาเป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ประกอบการ ซึ่ง รฟท. ได้ส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 460 | โครงการจัดหารถโบกี้ปั้นจั่นกลขนาดยกน้ำหนักได้ไม่ต่ำกว่า 60 ตัน จำนวน 2 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 25/12/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดหารถโบกี้ปั้นจั่นกลขนาดยกน้ำหนักได้ไม่ ต่ำกว่า 60 ตัน จำนวน 2 คัน โดยในส่วนของงบประมาณดำเนินการให้ รฟท. พิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณส่วน อื่นที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนมาใช้ในการนี้เป็นลำดับแรกก่อน เนื่องจากโครงการนี้เป็นเรื่องที่ใช้งบประมาณใน จำนวนที่ไม่สูงมากนัก และเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบโครงสร้างสาขาการขนส่งทางรถไฟ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 24 กรกฎาคม 2550 ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนา คม สำนักงบประมาณ เพื่อจัดทำแผนระยะยาวในการแก้ปัญหาการเงินของ รฟท. อย่างเป็นระบบเพื่อนำไปสู่การ ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ รฟท. รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการ เกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยให้ รฟท. เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานให้อยู่ใน สภาพที่ดี และกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาจุดตัดผ่านทางรถไฟเพื่อเพิ่มความปลอดภัย (Safety) และแก้ไขปัญหา การเดินรถในปัจจุบันเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ควรศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดสภาพปัญหาและสาเหตุของการ เกิดอุบัติเหตุทั้งที่เกิดจากความผิดพลาดด้านการปฏิบัติการ สภาพราง ล้อเลื่อน และอาณัติสัญญาณ รวมทั้งจัดทำ แผนการบริหารความเสี่ยงและมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนและ การขนส่งสินค้า และเพื่อลดโอกาสความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
.....
