ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒ รายการ ดังนี้ ๑.๑ จาก แผนงานบริหารหนี้ภาครัฐ งบรายจ่ายอื่น โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ จำนวน ๒๓๑,๕๑๐,๕๐๐ บาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟ ชั้น ๓ จำนวน ๒๓๑,๕๑๐,๕๐๐ บาท สำหรับชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๓ (ส่วนที่เหลือ) จำนวน ๒๒๙,๒๑๘,๒๓๓ บาท และสำหรับรองรับการดำเนินมาตรการฯ ในระยะต่อ ๆ ไป จำนวน ๒,๒๙๒,๒๖๗ บาท ๑.๒ จาก แผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ งบรายจ่ายอื่น โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จำนวน ๒,๔๖๐,๘๐๖,๔๐๐ บาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จำนวน ๒,๔๖๐,๘๐๖,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และปีต่อ ๆ ไป ๒. มอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ โดยจะใช้การจัดสรรในรูปแบบของเงินกู้หรือการตั้งงบประมาณตามปกติ ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการขอปรับแผนการใช้งบประมาณในลักษณะนี้อีกและเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการดังกล่าวภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||||||||
282 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ | กค | 02/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งได้ดำเนินการในเรื่องการพัฒนารัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย ๑.๑ การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ๑.๒ การวางระบบการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ โดยนำระบบบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) มาใช้ในการดำเนินการ ๑.๓ การปฏิรูปการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ๑.๔ การสร้างความโปร่งใสในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ๑.๕ การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๖ การพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๗ แผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ ๑.๘ สิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ๑.๙ เงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ๒. เห็นชอบให้ดำเนินการตาม ๒.๑ ข้อ ๒.๑.๑.๖ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทิศทางของธุรกิจโทรคมนาคมและเสนอแนวทางดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยใช้เงินรายได้ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ๒.๒ ข้อ ๒.๓ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) โดยให้มีหน้าที่ครอบคลุมถึงออกเกณฑ์กำกับดูแลการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้บริหาร ติดตามและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ รวมถึงการสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหา ส่วนงานด้านการกำกับนโยบายและการกำกับในฐานะผู้ถือหุ้น/เจ้าของกิจการยังคงเป็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังหารือร่วมเพื่อกำหนดกรอบในการกำกับดูแลในรายละเอียดต่อไป ๒.๓ ข้อ ๒.๔.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพในการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ของโครงการจัดซื้อรถโดยสารก๊าซธรรมชาติขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และสำหรับการจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๒.๔ ข้อ ๒.๕ ให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๕ ข้อ ๒.๘ ให้ยกเลิกสิทธิประโยชน์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการของรัฐวิสาหกิจและสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายและวงเงินที่ชัดเจนสำหรับสิทธิประโยชน์อื่น โดยต้องพิจารณาให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น |
|||||||||||||||||||||
283 | แผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง 2557 ของกระทรวงคมนาคม และ เรื่อง มาตรการเตรียมความพร้อม และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง 2557 ของกระทรวงมหาดไทย | มท | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง ๒๕๕๗ ประกอบด้วย แผนการให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ได้แก่ บริการการขนส่งสาธารณะโดยการจัดรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การจัดเที่ยวรถขาไป-ขากลับของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การจัดขบวนรถและเพิ่มตู้โดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการจัดเที่ยวบินภายในประเทศในเส้นทางหลักให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การอำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนนและด้านข้อมูลการจราจร รวมทั้งแผนงานบริหารด้านความปลอดภัยใน ๔ มาตรการ คือ มาตรการยานพาหนะและสถานีขนส่ง/ท่ารถประจำทาง ขสมก./สถานีรถไฟ/สถานีรถไฟฟ้า มาตรการถนน/ทางพิเศษ/สะพาน มาตรการท่าอากาศยาน/สนามบินและเครื่องบิน มาตรการการขนส่งและการจราจรทางน้ำ ตลอดจนมาตรการด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยและโคมควัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการเตรียมความพร้อม และรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ๒๕๕๗ ได้แก่ การเข้มงวด กวดขัน การพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง รวมทั้งตรวจสอบสถานที่เก็บ ทำ หรือค้าดอกไม้เพลิง การตรวจตราอาคารสถานที่ โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสารที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที การป้องกันและระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดอุบัติเหตุจากการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง หรือการปล่อยโคมลอย การจัดให้มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำ การเข้มงวด กวดขันปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน การจัดชุดเจ้าหน้าที่ สมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้าดอกไม้เพลิงปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ รวมทั้งเข้มงวด กวดขันให้พื้นที่จัดงานเทศกาลวันลอยกระทงเป็นสถานที่ซึ่งห้ามจำหน่ายสุรา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการที่จะจัดงานต่าง ๆ ให้มีการเตรียมการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ อันอาจจะเกิดขึ้นให้รอบคอบรัดกุม รวมทั้งให้ทราบถึงความผิดและบทลงโทษตามกฎหมายในกรณีที่ปล่อยปละละเลยให้มีกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงดังกล่าว ให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหมเพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาร่วมดำเนินการด้วยตามความจำเป็นและเหมาะสม ๔. ให้ทุกหน่วยงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้ใส่ชุดผ้าไทยในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงเพื่อแสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||
284 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมรายการค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นค่าจ้างศึกษาและออกแบบกรอบรายละเอียด (Definitive Design) รถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา - แหลมฉบัง - มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย - บ้านภาชี - บางซื่อ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จากเดิม รายการค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก กรอบวงเงิน ๔๙.๓๐๔๐ ล้านบาท เป็น ค่าจ้างศึกษาและออกแบบกรอบรายละเอียด (Definitive Design) รถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ งบประมาณทั้งสิ้น ๔๙.๓๐๔๐ ล้านบาท โดยปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ตั้งงบประมาณ ๙.๘๖๐๘ ล้านบาท ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๓๔.๕๑๒๘ ล้านบาท และปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๔.๙๓๐๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ฯ หากโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ขนาดมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดโครงการ หรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ กระทรวงคมนาคมต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อนำผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกมาใช้ประกอบในการพิจารณาศึกษาแนวเส้นทางที่เหมาะสมของโครงการ ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด รวมทั้งพิจารณาปรับเพิ่มขอบเขตงานการศึกษาในด้านการวิเคราะห์ทางเลือกของการพัฒนา รูปแบบการลงทุน และการเปรียบเทียบความเหมาะสมของโครงการฯ ระหว่างการพัฒนารถไฟขนาดทางมาตรฐานความเร็ว ๑๖๐-๑๘๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง และรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟขนาดทางมาตรฐานของประเทศสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับการจ้างศึกษาและออกแบบเกี่ยวกับการขนส่งระบบรางดังกล่าว ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้างหรือดำเนินโครงการซึ่งต้องมีการจ้างที่ปรึกษาโครงการ พิจารณาจ้างหรือเพิ่มสัดส่วนการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญชาวไทย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และลดการจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณและส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
285 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อทำสัญญาเช่าที่ดินติดต่อกันคราวละ 15 ปี | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณริมถนนรัชดาภิเษก เพื่อสร้างอาคารที่ทำการศาล ลานจอดรถยนต์ และสนามหญ้า รวมพื้นที่ ๖๔,๐๐๐ ตารางเมตร ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นระยะเวลา ๑๔ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ ในวงเงิน ๖๒๔,๗๐๔,๐๐๐ บาท สำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๓๘,๑๗๙,๒๐๐ บาท สำนักงบประมาณได้เสนอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว และส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๘๖,๕๒๔,๘๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๗๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลยุติธรรม และกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ควรดำเนินการคราวละ ๕ ปี ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปประสานและเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพย์สิน (ที่ดิน) ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ชัดเจนและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร ๓. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในภาพรวมร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดราคาการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในความครอบครองของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและสอดคล้องกับราคาตลาด รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไปเป็นการซื้อ/ขาย ขาด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
286 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ของสำนักงานศาลยุติธรรม) | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยในส่วนพื้นที่เพิ่มเติมจากที่เช่าไว้เดิม เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดตลิ่งชันพื้นที่ส่วนเพิ่ม จำนวน ๙๘๔.๐๖ ตารางเมตร เป็นเงิน ๓๗๐,๘๓๖ บาท และเช่าที่ดินเพิ่มเติมเพื่อขยายถนนและปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณทางเข้าอาคารที่ทำการศาลจังหวัดตลิ่งชัน จำนวน ๑,๒๐๑.๕๓ ตารางเมตร เป็นเงิน ๑,๑๓๑,๘๙๓ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นระยะเวลา ๔ ปี ๖ เดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยระยะเวลาการเช่าสอดคล้องกับสัญญาเช่าพื้นที่เดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ สำหรับค่าเช่าที่ดินทั้ง ๒ รายการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้เสนอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณ ควรดำเนินการคราวละ ๕ ปี ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
287 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 - 31 มกราคม 2558 | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ และอนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ในวงเงินไม่เกิน ๒,๑๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
288 | การชี้แจงของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) | สลธ.คสช. | 17/06/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบโครงการลงทุนที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๒๘ โครงการ ๑.๑ โครงการที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จำนวน ๒๔ โครงการ ๑.๒ โครงการที่ต้องพิจารณาทบทวน จำนวน ๔ โครงการ ๑.๓ แผนการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในห้วงสัปดาห์ ๑๖-๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ จำนวน ๘ โครงการ เช่น โครงการจัดหารถจักร จำนวน ๑๒๖ คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น ๒. โครงการที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ให้พิจารณาดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สำคัญ ๒.๑ โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ให้พิจารณาทบทวนและต่อรองราคาเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ประหยัด คุ้มค่าในการดำเนินการด้วย ๒.๒ โครงการที่เกี่ยวกับการจัดหายานพาหนะของส่วนราชการ ต้องพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ มีความปลอดภัยในการใช้งาน และประหยัดพลังงาน ๒.๓ โครงการที่เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค ให้คำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานและความคุ้มค่าด้วย ๒.๔ โครงการก่อสร้างอาคาร ให้พิจารณาปรับลดราคาลงให้เหมาะสม รวมถึงการนำพื้นที่เดิมไปใช้ต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนด้วย ๒.๕ โครงการเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงและทางหลวงชนบท ในภาพรวมควรพิจารณาทบทวนราคาของแต่ละโครงการให้เหมาะสม โดยคำนวณราคาวัสดุให้ชัดเจน ถูกต้อง เหมาะสมด้วย และควรมีมาตรการอื่น ๆ เช่น เชิญผู้ประกอบการมาต่อรองราคาด้วย ทั้งนี้ การพิจารณาดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสายใดหรือไม่ ควรต้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมตามความต้องการและการใช้ประโยชน์ของประชาชนอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ จะต้องให้ความสำคัญกับกรณีการสร้างถนนที่ขวางทางน้ำไหล ซึ่งจำเป็นจะต้องสำรวจออกแบบให้มีท่อลอดเพื่อระบายน้ำให้เหมาะสมเพียงพอ รวมทั้งจะต้องมีการติดตามตรวจสอบการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสายทางลงได้ด้วย สำหรับการใช้วัสดุในการก่อสร้างถนนควรพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ยางพาราเป็นวัสดุในการก่อสร้างด้วย เนื่องจากยางพารามีแรงเสียดทานและความปลอดภัยสูง และสต็อกยางในประเทศมีมาก หากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศได้ ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าในการใช้ยางพาราให้สูงขึ้นด้วย ๓. โครงการที่ต้องพิจารณาทบทวน ให้พิจารณาดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สำคัญ ๓.๑ โครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ให้บริการประชาชนด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อทดแทนระบบเดิม ๔๕๕ แห่ง ของกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาหลักการและเหตุผลความจำเป็น ยังไม่ได้มีการดำเนินการ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องพิจารณาทบทวนโครงการ โดยให้นำความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย ๓.๒ โครงการต่อขยายสะพานอรุณอัมรินทร์พร้อมทางขึ้น-ลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช ซึ่งเป็นการดำเนินการตามงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการประกวดราคา จัดซื้อจัดจ้าง และรอความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องพิจารณาทบทวนและต่อรองราคาให้เหมาะสมด้วย ๓.๓ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ และโครงการห้วยโสมง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากมีการปรับราคาการดำเนินโครงการสูงเกินไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาทบทวนและปรับราคาให้เหมาะสมต่อไปด้วย ๔. ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของทุกส่วนราชการ ให้ประกาศเชิญชวนผ่านสื่อทุกประเภท ให้ประชาชนและผู้สนใจได้ทราบล่วงหน้าโดยทั่วกัน เพื่อให้มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้จัดทำขอบเขตของงาน (TOR) ให้มีความรัดกุม และให้มีผู้แทนของหน่วยงานกลาง เช่น คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงบประมาณ เป็นต้น เป็นผู้สังเกตการณ์ในวันทำการประมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต ตลอดจนการดำเนินการดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นไปตามแนวทางการเปิดเผยราคากลางของทางราชการและการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรับไปดำเนินการพิจารณาติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
289 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 17/06/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ภาพรวม ๑.๑ ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในระยะแรกซึ่งยังเหลือระยะเวลาอีกประมาณ ๒ เดือน โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยให้ยึดหลักประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่มีการทุจริตในทุกขั้นตอน ส่วนในระยะที่ ๒ ต้องมีการปรับปรุงแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในระยะยาวจะต้องมีแผนงาน/โครงการที่ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ในการเสนอขออนุมัติโครงการต่าง ๆ ให้ส่วนราชการจัดทำรายละเอียดประกอบโครงการด้วยว่า ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์อะไร อย่างไรบ้าง เช่น ประชาชนจะมีน้ำใช้เพิ่มขึ้นจำนวนเท่าไร ประชาชนจะได้รับการบริการที่ดีขึ้นอย่างไร เป็นต้น ๑.๒ ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของทุกส่วนราชการ ให้ประกาศเชิญชวนผ่านสื่อทุกประเภทให้ประชาชนและผู้สนใจได้ทราบล่วงหน้าโดยทั่วกัน เพื่อให้มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้จัดทำขอบเขตของงาน (TOR) ให้มีความรัดกุม และให้มีผู้แทนของหน่วยงานกลาง เช่น คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงบประมาณ เป็นต้น เป็นผู้สังเกตการณ์ในวันทำการประมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณาปรับปรุงแนวทางการใช้จ่ายเงินทดรองราชการกรณีการเกิดภัยพิบัติ ในประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มวงเงินทดรองราชการให้แก่ส่วนราชการ แนวทางการจัดสรรเงินให้แก่ส่วนราชการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ ๑.๔ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณาตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ จำนวน ๓๙๖ แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีความถูกต้องและเหมาะสม และให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและปัญหาในการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ๑.๕ การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ นั้น ให้หัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายดำเนินการตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๖ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน และให้พิจารณาหาแนวทางการแบ่งปันผลประโยชน์ให้เป็นธรรม มิให้มีการผูกขาด รวมทั้งกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จากเงินรายได้เพื่อสาธารณประโยชน์เป็นหลักด้วย ๑.๗ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะจะต้องมีระบบติดตามมิให้ขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนด และมีระบบตรวจสอบว่าผู้ขับขี่มีความพร้อม ไม่เมาสุรา ไม่เสพยาเสพติด และมีการพักผ่อนที่เพียงพอ ๑.๘ ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเร่งรัดจัดการประชุมคณะกรรมการโดยเร็ว เพื่อขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๙ ให้ชะลอการดำเนินการจัดประชุมคลื่นความถี่ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ไว้ก่อน และให้ทบทวนการดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและมีกลไกที่รัฐสามารถควบคุมกำกับดูแลระบบโทรคมนาคมได้อย่างเหมาะสม ๑.๑๐ ให้กระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาหาแนวทางและมาตรการด้านพลังงานทั้งในระยะเวลา ๓-๕ ปีข้างหน้า และในระยะยาว โดยให้มีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม หรือการหาวิธีการใช้พืชพลังงานและพลังงานทางเลือก ๒. เรื่องการประชาสัมพันธ์ ๒.๑ การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ติดตามและกำหนดแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และสามารถตอบข้อสงสัยของประชาชนได้ ทั้งนี้ ให้ประสานทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน สมาคม และมูลนิธิต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีแนวทางการสื่อสารที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย ๒.๒ ให้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาของรายการบางรายการซึ่งเผยแพร่ทางกรมประชาสัมพันธ์ โดยให้เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานและผลการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟรางคู่ ทั้งในด้านประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับและพื้นที่ที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการ รวมทั้งขั้นตอนที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ขนาดของรางรถไฟที่ใช้มีความเหมาะสมประการใด และการกู้เงินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศมีข้อกำหนดประการใด ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างไรด้วย ๓. เรื่องการปฏิรูปประเทศ ตามที่ได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการถึงห้วงเวลาในการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งแบ่งเป็น ๓ ระยะ โดยในระยะที่ ๒ หลังจากมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองชั่วคราว ซึ่งจะมีบทกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสภาปฏิรูป โดยสภาปฏิรูปที่จัดตั้งนั้น จะประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน พรรคการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง มีการกำหนดวิธีการในการคัดเลือก ซึ่งการปฏิรูปประเทศต้องให้ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การเมือง กฎหมาย การปกครองส่วนท้องถิ่น พลังงาน สิ่งแวดล้อม สังคมจิตวิทยา การบริหารราชการ การศึกษา กระบวนการยุติธรรม คุณภาพคน มาตรการป้องกันแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชัน สื่อสารมวลชน และอื่น ๆ ซึ่งเมื่อมีข้อสรุปจากสภาปฏิรูปที่ชัดเจนแล้วก็จะเข้าสู่ระยะที่ ๓ ต่อไป ๔. เรื่องโรงงานกำจัดขยะ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาขยะ และการกำจัดน้ำเสียจากโรงงาน รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ โดยเริ่มต้นจากการให้ทุกส่วนราชการดำเนินมาตรการแยกประเภทและบริหารจัดการขยะให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ให้พิจารณาสร้างโรงงานกำจัดขยะบนพื้นที่ราชพัสดุหรือพื้นที่ทหารก่อน ๕. เรื่องโครงการจัดการน้ำและระบบสาธารณูปโภค ๕.๑ โครงการต่าง ๆ ที่มีความพร้อมในการดำเนินการและผ่านการตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมจากแต่ละฝ่ายและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐแล้ว ให้นำเสนอเรื่องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ๕.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการสร้างถนนทางสายหลักและทางสายรองในแต่ละเส้นทางว่ามีความจำเป็น คุ้มค่า และเป็นไปตามความต้องการของคนในพื้นที่ รวมทั้งพิจารณาหาแนวทางการดูแลซ่อมบำรุงถนนทั้งระบบ โดยเฉพาะการป้องกันการเสื่อมสภาพของพื้นที่ถนน เช่น การเลือกวัสดุที่ใช้ทำถนน การกำหนดน้ำหนักบรรทุกของรถ เป็นต้น นอกจากนี้ ให้สำรวจถนนที่มีการก่อสร้างขวางทางเดินน้ำและเร่งจัดทำท่อลอดเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในอนาคต ๕.๓ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาระบบการเดินรถไฟให้มีความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ รวมทั้งการจัดสถานที่จอดรถสำหรับผู้ใช้บริการด้วย ๕.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยทบทวนการบริหารจัดการกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทยระยะยาว โดยเน้นการปรับโครงสร้างองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพ การเพิ่มรายได้ การลดภาระรายจ่ายที่ไม่จำเป็น รวมทั้งจัดทำแผนการเพิ่มทุน และการบริหารจัดการหนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๖. เรื่องแรงงานต่างด้าว ตามที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report : TIP Report) ซึ่งประเทศไทยได้รับการประเมินอยู่ในสถานะระดับ ๒ (Tier 2 : Watch List) ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกจับตามอง ดังนั้น เพื่อมิให้ประเทศไทยถูกลดระดับลง จึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน เป็นต้น เร่งดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศให้ถูกต้องและทั่วถึงเกี่ยวกับการใช้แรงงานในประเทศไทย รวมทั้งการที่ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างเต็มที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยเบื้องต้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว เพื่อทำหน้าที่จัดระเบียบและแก้ไขปัญหาแรงงานทั้งระบบด้วยการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศและประชาคมโลก โดยไม่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือ และให้ฝ่ายความมั่นคงเร่งจัดทำแผนและแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่า
|
|||||||||||||||||||||
290 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | สลธ.คสช. | 17/06/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของ รฟท. จำนวน ๘,๘๖๔.๖๑๘ ล้านบาท โดย รฟท. รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ รฟท. ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญและเร่งดำเนินงานปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ให้แล้วเสร็จ ซึ่งรวมถึงราง หัวรถจักร และระบบอาณัติสัญญาณ เพื่อให้สามารถเดินรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นควรพิจารณายุทธศาสตร์ในการเพิ่มรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าโดยการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานการให้บริการ รวมทั้งขยายตลาดของกลุ่มผู้ใช้บริการระบบรางให้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนพิจารณาการเพิ่มรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน และควรเร่งปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๓) ซึ่งประกอบด้วย ๓ หน่วยธุรกิจ ได้แก่ หน่วยธุรกิจการเดินรถ หน่วยธุรกิจการซ่อมบำรุง หน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน และ ๑ บริษัทลูก ให้สามารถแบ่งแยกบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน และรับรู้ผลกำไรขาดทุนของแต่ละหน่วยธุรกิจได้อย่างชัดเจน รวมทั้งความเห็นของคณะรักษาความสงบแห่งชาติรวม ๒ ข้อ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้
๑. การรถไฟแห่งประเทศไทยควรเร่งรัดปรับปรุงการรักษาความสะอาดของขบวนรถให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพภายนอกของตู้โดยสาร ๒. การที่ขบวนรถไฟต้องวิ่งเข้าสู่สถานีหัวลำโพงเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและการสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมากในภาพรวม ดังนั้น กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาวทั้งระบบ เพื่อดำเนินการต่อไป เช่น การนำรถไฟชานเมืองระยะสั้นมาใช้วิ่งเข้าเมืองแทนการให้ขบวนรถระยะไกลต้องวิ่งเข้าเมืองทุกขบวน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
291 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2556 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ๑.๑ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วเสร็จ งานก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้ารวมร้อยละ ๗๑.๔๒ งานระบบรถไฟฟ้า ช่วงบางใหญ่-เตาปูน รฟม. ได้ลงนามในสัญญากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๖ ส่วนช่วงเตาปูน-บางซื่อ อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมงาน ๑.๒ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความก้าวหน้าร้อยละ ๙๘.๖๔ งานก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้าร้อยละ ๔๒.๓๗ งานระบบรถไฟฟ้าอยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมงาน ๑.๓ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความก้าวหน้าร้อยละ ๙๙.๔๒ งานก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้าร้อยละ ๑๔.๙๒ งานศึกษาวิเคราะห์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม ๑.๔ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา ส่วนงานศึกษาวิเคราะห์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ดำเนินการพร้อมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ๑.๕ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เนื่องจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้มีผลบังคับใช้แล้ว จึงต้องนำเสนอการอนุมัติโครงการให้คณะรัฐมนตรีชุดต่อไปพิจารณา ๑.๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี งานศึกษาความเหมาะสม ได้ศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ จัดเตรียมเอกสารประกวดราคาและดำเนินการของตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้วเสร็จ งานขออนุมัติโครงการ เนื่องจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้มีผลบังคับใช้แล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้คืนเรื่องเพื่อให้กระทรวงคมนาคมพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ๑.๗ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม โดยมีความก้าวหน้าร้อยละ ๗๗.๒๓ ๑.๘ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม โดยมีความก้าวหน้าร้อยละ ๘๖.๑๕ ๒. ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ได้ปรับปรุงการให้บริการในด้านต่าง ๆ เช่น การอนุญาตให้เอกชนใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถของ รฟม. เป็นที่จอดรถรับส่งผู้โดยสาร การร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยในการพัฒนาทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีเพชรบุรีกับสถานีมักกะสันของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด การสร้างที่จอดรถเพิ่มเติมบริเวณสถานีพระราม ๙ และสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การกำกับดูแลการเดินรถของผู้รับสัมปทานให้เป็นไปตามมาตรฐานบริการคุณภาพ ISO 9001 : 2008 และมาตรฐานการเดินรถ และการอนุญาตให้เอกชนเชื่อมต่ออาคารกับสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น ๓. ด้านการเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รฟม. มีผลประกอบการกำไรสุทธิ ๑๕,๑๒๒.๕๘ ล้านบาท โดยมีรายได้รวม ๑๘,๕๐๔.๘๗ ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม ๒,๕๗๔.๕๔ ล้านบาท และมีค่าดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการก่อสร้าง งานโยธา (สายเฉลิมรัชมงคล) ๘๐๗.๗๖ ล้านบาท ๔. ด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การดำเนินการตามแผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการภายใน และระบบสารสนเทศ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและวิชาการที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนาวิศวกรรมระบบรางเพื่อรองรับการเติบโตในอุตสาหกรรมระบบรางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และการปรับปรุงอัตราเงินเดือนของพนักงานให้สามารถแข่งขันได้กับหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ การจ่ายโบนัสตามผลการประเมินการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจที่มิใช่ตัวเงิน เช่น การมอบโล่รางวัล และของที่ระลึกต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ๕. ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้แก่ การกำหนดนโยบาย เป้าประสงค์ กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน และมีการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ครบถ้วน การดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility) เช่น การมอบทุนการศึกษา มอบอุปกรณ์กีฬาแก่ศูนย์เด็กผู้ด้อยโอกาส การดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า รวมทั้งการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการข้อร้องเรียน และจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นต่อการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ของ รฟม. อย่างต่อเนื่อง |
|||||||||||||||||||||
292 | ขออนุมัติกู้เงินประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพิ่มเติม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๘๘๗.๐๘ ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ รฟท. นำเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า การพิจารณาเรื่องนี้ของคณะรัฐมนตรีเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดและเป็นไปตามการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบแล้ว มิใช่กรณีที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่อันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||
293 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จาก แผนงานบริหารหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทาง มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน ๕๖๖,๐๐๙,๐๐๐ บาท สำหรับชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๑ และระยะที่ ๑๓ โดยโครงการชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๑ เป็นไปตามผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง เป็นเงินจำนวน ๔๓๔,๖๗๑,๘๖๓ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๑๓๑,๓๓๗,๑๓๗ บาท จะนำไปชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๓ ในบางส่วนต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้แจ้งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบตามนัยระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า การพิจารณาเรื่องนี้ของคณะรัฐมนตรีเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและมิได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่อันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีจึงสามารถดำเนินการได้ |
|||||||||||||||||||||
294 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาวะค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 - 31 กรกฎาคม 2557 | กค | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๓ เดือน (ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗) และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับเงินชดเชยเพื่อการนี้ อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินรวม ๑,๐๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๗๘๑ ล้านบาท และมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๒๖๓ ล้านบาท โดยให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
295 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาวะค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2557 | กค | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในกรอบวงเงินจำนวน ๓๕๕ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลการดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อเบิกค่าใช้จ่ายชดเชยตามที่จ่ายจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||
296 | รายงานผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2556 ไตรมาส 4 (กรกฎาคม - กันยายน 2556) | นร11 | 21/01/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๖ ไตรมาส ๔ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๖) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จากการประมวลผลการดำเนินงานในไตรมาส ๔ ของรัฐวิสาหกิจที่ใช้รอบปีบัญชีทั้งปีงบประมาณและปีปฏิทิน จำนวน ๕๔ แห่ง ปรากฏว่ารัฐวิสาหกิจในภาพรวมสามารถเบิกจ่ายลงทุนในช่วงดังกล่าวได้จำนวน ๑๐๑,๑๓๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๖.๙ ของเป้าหมายไตรมาส ๔ (จำนวน ๑๓๑,๔๕๕ ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เบิกจ่ายลงทุนได้ร้อยละ ๙๑.๒ และสามารถเบิกจ่ายลงทุนสะสมตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๕๕-กันยายน ๒๕๕๖ ได้จำนวน ๒๕๕,๓๙๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๓.๘ ของเป้าหมายสะสม (จำนวน ๓๔๕,๘๕๕ ล้านบาท) ๒. ผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาส ๔ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๖) เปรียบเทียบกับเป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนของไตรมาสที่แล้ว มีรัฐวิสาหกิจที่มีผลการเบิกจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมายหลายแห่ง โดยหากพิจารณารัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนสูงซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและมีผลการเบิกจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ที่สำคัญ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยสาเหตุที่เบิกจ่ายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญเนื่องจากปัญหาความล่าช้าในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายใน การทบทวนแผนการลงทุน การส่งมอบงานล่าช้า รวมทั้งความไม่พร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการ ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการลงทุนได้ตามแผน นอกจากนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการปรับลดอัตราการจ่ายค่าเครื่องบินล่วงหน้า จากเดิมร้อยละ ๓๕ เป็นร้อยละ ๒๐ ซึ่งเป็นอัตราที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินเป็นผู้กำหนด ส่งผลให้การเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมายเดิม อย่างไรก็ตาม รัฐวิสาหกิจที่เป็นปีปฏิทิน ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย คาดว่าจะสามารถเร่งเบิกจ่ายได้มากขึ้นในช่วงปลายปี
|
|||||||||||||||||||||
297 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 214 สายต่อเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ควบคุม - ช่องจอม ตอนทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ด้านเหนือ พ.ศ. .... | คค | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๔ สายต่อเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ควบคุม-ช่องจอม ตอนทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ด้านเหนือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๔ สายต่อเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ควบคุม-ช่องจอม ตอนทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ด้านเหนือ ในท้องที่ตำบลคอโค ตำบลท่าสว่าง ตำบลแกใหญ่และตำบลแสลงพันธ์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงประสานการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อขอข้อมูลโครงการรถไฟทางคู่สายชุมทางจิระ-อุบลราชธานี มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบก่อสร้างเส้นทางบริเวณจุดตัดทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
298 | โครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) จำนวน 7 ขบวน ของบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด | คค | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) จำนวน ๗ ขบวน ขบวนละ ๔ ตู้ วงเงินรวม ๔,๘๕๔.๔๑ ล้านบาท (รวมค่าใช้จ่ายสำหรับอะไหล่สำรอง ร้อยละ ๑๐ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ ๗ และค่าใช้จ่ายในการแก้ไขระบบอาณัติสัญญาณและการเดินรถ) ของบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ด้านการโดยสารรถไฟฟ้าและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินขบวนรถไฟฟ้าเนื่องจากเป็นการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าธรรมดาเพิ่มเติม จำนวน ๗ ขบวน ขบวนละ ๔ ตู้ และเสริมการให้บริการของขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทฯ มีอยู่เดิมที่จะครบวาระในการซ่อมหนัก (Overhaul) เมื่อวิ่งครบระยะทาง ๑ ล้านกิโลเมตร ในช่วงต้นปี ๒๕๕๗ รวมทั้งปริมาณผู้โดยสารคาดการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา ที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๕ ขบวน ขบวนละ ๓ ตู้ ไม่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้ใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศในการดำเนินโครงการฯ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงิน และนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อเพื่อนำไปเพิ่มทุนให้กับบริษัทฯ เพื่อดำเนินโครงการฯ โดยจะให้ รฟท. ถือหุ้นร้อยละ ๑๐๐ ต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีการให้กระทรวงการคลังเข้าร่วมถือหุ้นในบริษัทฯ แทน รฟท. ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ทั้งนี้ หากกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ประสงค์ให้กระทรวงการคลังเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ กระทรวงการคลังจะต้องเปิดโอกาสให้ รฟท. สามารถซื้อหุ้นของบริษัทฯ คืนจากกระทรวงการคลังได้ในราคาทุนในอนาคต |
|||||||||||||||||||||
299 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน 3,910 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน ๓,๙๑๐ ล้านบาท จากปีงบประมาณ ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินที่เหมาะสม ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนการใช้ที่ดินในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนการกู้เงินที่กำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
300 | ขออนุมัติกู้เงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลังเมื่อมีความพร้อมในการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) บางซื่อ-รังสิต วงเงิน ๗๑๐.๕๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน ๓,๓๒๑.๔๓ ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัย ๘ สายทาง วงเงิน ๒,๘๙๒.๐๖ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เฉพาะในส่วนที่รัฐบาลรับภาระเพื่อชำระหนี้คืนแหล่งเงินกู้โดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป รวมทั้งให้ รฟท. จัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และแผนการกู้เงินที่สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะดำเนินการจริง โดยให้ รฟท. ทยอยเบิกเงินกู้โดยตรงจากแหล่งเงินกู้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อนการกู้เงิน ๒. ให้ รฟท. กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ (รถจักรดีเซลไฟฟ้า) จำนวน ๕๐ คัน วงเงิน ๘๘๕ ล้านบาท โครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน ๕๖ คัน วงเงิน ๓๔๒.๗๓ ล้านบาท และโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๖๗๒.๔๔ ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑,๙๐๐.๑๗ ล้านบาท โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายจากการกู้เงิน และสำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน ๓๐๘ คัน (น้ำหนักกดเพลา ๒๐ ตัน) วงเงิน ๑๐๖ ล้านบาท เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาสากล โดยให้ผู้ประกวดราคาเสนอแหล่งเงินกู้ในลักษณะของ Supplier Credit/Export Credit และกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของแหล่งเงินกู้ที่ผู้ประกวดราคาเสนอมา หากพบว่าต้นทุนเงินกู้ที่เสนอสูงกว่าต้นทุนที่กระทรวงการคลังจะจัดหาให้ รฟท. ได้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้ต่อไป แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคซึ่งโครงการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนของแหล่งเงินทุน ดังนั้น เมื่อ รฟท. ทราบแหล่งเงินที่ชัดเจนแล้ว ให้ รฟท. นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติแหล่งเงินสำหรับโครงการดังกล่าวต่อไป ๓. ให้ รฟท. กู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระ (Roll-over) ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๑๔,๙๘๙.๒๘ ล้านบาท รวมทั้งให้ รฟท. ต่ออายุสัญญาเงินกู้เบิกเกินบัญชี วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี เพื่อไว้รองรับปัญหาเงินสดขาดมือในการดำเนินงาน ๔. กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกัน และเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น |
.....