ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
381 | ขออนุมัติการกู้เงินให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการ Airport Rail Link | กค | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติ เห็นชอบ และรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางและรูปแบบในการจัดหาเงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการ Airport Rail Link โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ วงเงิน ๑,๘๖๐ ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ และให้ รฟท. นำเงินกู้ดังกล่าวมาให้กู้ต่อแก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ตามมาตรา ๓๙(๔) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท. วงเงิน ๑,๘๖๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ เห็นชอบเงื่อนไขการรับภาระดอกเบี้ยของรัฐบาล โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระดอกเบี้ยเงินกู้แทนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ในระยะเวลา ๑๐ ปีแรก และให้กระทรวงการคลังเข้าร่วมถือหุ้นในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ตามภาระการชดเชยภาระดอกเบี้ย ๑.๔ รับทราบความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ (Business Model) และแผนการจัดหารายได้ในเชิงพาณิชย์ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม รฟท. และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ดำเนินการต่อไป ๑.๕ รับทราบผลจากการดำเนินนโยบายค่าโดยสารอัตราเดียว (๒๐ บาท ตลอดสาย) ของรัฐบาล ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม รฟท. และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเตรียมความพร้อมหากต้องดำเนินการตามนโยบายค่าโดยสารอัตราเดียว (๒๐ บาทตลอดสาย) ของรัฐบาล โดยการจัดทำแผนการดำเนินการและมาตรการลดผลกระทบทางการเงิน เร่งรัดการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด การเร่งจัดหารายได้จากการให้บริการส่วนอื่น ๆ และการศึกษาผลกระทบต่อภาครัฐจากการใช้นโยบายราคาค่าโดยสารคงที่ ๒๐ บาท ตลอดสาย นอกจากกนี้ ให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เร่งพิจารณาทบทวนแนวทางการดำเนินธุรกิจ (Business Model) และแผนการจัดหารายได้เชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถลดการสนับสนุนจากภาครัฐต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในส่วนของการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ (Business Model) และแผนการจัดหารายได้เชิงพาณิชย์ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รฟท. และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับการดำเนินการในเชิงธุรกิจมากยิ่งขึ้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
382 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่า 1 ปี (ค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง) | ศย | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณย่านพหลโยธิน เนื้อที่ ๑๗,๕๑๓ ตารางเมตร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เกินกว่า ๑ ปี เพื่อใช้ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ซึ่งเป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณระยะเวลา ๑๔ ปี ๙ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๙ ภายในวงเงิน ๑๔๓,๙๓๗,๘๑๔.๖๑ บาท ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔(๒) สำหรับงบประมาณที่ใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณตามความเหมาะสมและจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
383 | รายงานสถานการณ์อุทกภัย ประเมินความเสียหายเบื้องต้น และการแก้ไขปัญหา (ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2554) | คค | 16/08/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานความเสียหาย ประเมินความเสียหายเบื้องต้น ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตน ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม - ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สภาพความเสียหายและประเมินความเสียหายเบื้องต้น ๑.๑ กรมทางหลวงรายงานเส้นทางในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ๒๓ จังหวัด ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น ๑๐๑ เส้นทาง ๓๗๔ แห่ง ประเมินความเสียหายเบื้องต้น ๙๕๔.๕๙๑ ล้านบาท สภาพความเสียหายส่วนใหญ่เป็นลักษณะทางขาด คอสะพานและอาคารระบายน้ำชำรุด และน้ำท่วมขังทำให้โครงสร้างถนนชำรุดเสียหาย เป็นต้น ปัจจุบันกรมทางหลวงได้ซ่อมแซมสภาพทางชั่วคราวให้จราจรผ่านได้แล้ว ๙๙ สายทาง โดยใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ จำนวน ๑๑.๗๐๐ ล้านบาท และจากสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ จำนวน ๙๔๒.๘๙๑ ล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูสภาพทางคืนสู่สภาพอย่างยั่งยืน ๑.๒ กรมทางหลวงชนบทรายงานเส้นทางในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ๒๑ จังหวัด ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น ๑๓๖ เส้นทาง ประเมินความเสียหายเบื้องต้น ๗๗๒.๘๘ ล้านบาท สภาพความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากดินสไลด์ น้ำกัดเซาะคอสะพาน ไหล่ทาง และน้ำท่วมขัง ปัจจุบันกรมทางหลวงชนบทได้ซ่อมแซมสภาพทางชั่วคราวให้การจราจรผ่านได้แล้ว จำนวน ๑๑๕ สายทาง โดยใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ ซึ่งมีอยู่แต่ละจังหวัดดำเนินการไปก่อนแล้ว และจากสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ จำนวน ๗๗๒.๘๘ ล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูสภาพทางคืนสู่สภาพอย่างยั่งยืน ๒. การแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ๒.๑ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า และกรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัย อาทิ การจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้การจราจรผ่านได้เร็วที่สุด การขนย้ายลำเลียงผู้ประสบภัย การสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค การจัดให้มีเจ้าหน้าที่บำรุงทางเฝ้าระวังพื้นที่น้ำท่วมในทุกเส้นทางรถไฟ การประกาศปิดเส้นทางเดินรถ การสนับสนุนเรือท้องแบนเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งการจัดเตรียมยานพาหนะให้การสนับสนุนการขนย้ายผู้ประสบภัย เป็นต้น ๒.๒ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นที่สำนักงานแขวงการทางอุดรธานี เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในพื้นที่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อรับข้อร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
384 | ขออนุมัติกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน จำนวน ๖,๒๗๘ ล้านบาท เพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะใช้ในการดำเนินงานสำหรับช่วงเวลาที่เหลือก่อนสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการ เงื่อนไข รายละเอียดของการกู้เงิน และยกเว้นการคิดค่าค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งนำเสนอให้คณะกรรมการ รฟท. พิจารณาอนุมัติปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะที่มีมติให้ รฟท. สามารถเบิกเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่วนที่เหลือได้ภายหลังจากคณะกรรมการ รฟท. พิจารณาปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารแล้ว เพื่อให้ รฟท. นำเงินอุดหนุนดังกล่าวมาชดเชยการขาดสภาพคล่องขององค์กรต่อไป และให้ รฟท. เร่งดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของ รฟท. ในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างค่าโดยสารให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์และต้นทุนที่เป็นจริง รวมทั้งเร่งรัดปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนการขนส่งเชิงพาณิชย์และการบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดินเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายลง ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
385 | ขอรับความเห็นชอบโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อน วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๑๔,๙๐๓.๕๕ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๔,๙๘๑.๐๕ ล้านบาท แทนการจัดหาขบวนรถโดยสารรูปแบบชุด (Train Set) สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๖ ขบวน โครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน วงเงิน ๖,๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และโครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน ๕๖ คัน วงเงิน ๓,๓๖๐ ล้านบาท โดยให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ ประเด็นความเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน ได้แก่ การจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมด้านเทคนิคและราคาต่อหน่วยของโครงการฯ โดยเปรียบเทียบความแตกต่างทางเทคนิคของตู้รถโดยสารที่เสนอในครั้งนี้กับโครงการจัดหาขบวนรถโดยสารรูปแบบชุด (Train Set) และความเหมาะสมของประมาณการวงเงินลงทุนเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนากิจการรถไฟร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้ในการกำหนดแผนธุรกิจของ รฟท. และแผนพัฒนาระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการจัดหารถโดยสารและรถสินค้าในระยะต่อไป การเร่งรัดแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ การจัดหาแหล่งเงินดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางราง การปรับปรุงตารางการเดินรถให้สอดคล้องกับประมาณการการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และการเร่งสำรวจพฤติกรรมการเดินทางและความต้องการของผู้โดยสารทางรถไฟ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนส่งเสริมการขายและการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร ๒.๒ ประเด็นความเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน และโครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตรอม จำนวน ๕๖ คัน ได้แก่ การพิจารณาศึกษาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการพัฒนากิจการรถไฟ และการเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนากิจการรถไฟร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้ในการกำหนดแผนธุรกิจของ รฟท. และแผนพัฒนาทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการรถจักร (Fleet Management) ที่ครอบคลุมทั้งด้านแผนการใช้งานของรถจักร แผนการจัดหาหรือซ่อมบำรุงรถจักร รวมทั้งแผนการปลดระวางรถจักรอย่างเป็นระบบ การจัดทำแผนการส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการมาใช้บริการขนส่งทางรถไฟเพิ่มมากขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลที่ดินของ รฟท. เพื่อให้ทราบจำนวนพื้นที่ ที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์ที่ดินของ รฟท. ในปัจจุบัน และการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาและค้ำประกันเงินกู้เพื่อรองรับการดำเนินโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อนของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||||||||
386 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 เรื่อง ขออนุมัติจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และอนุมัติเงินทุนจดทะเบียนในการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อให้บริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และขอรับจัดสรรเงินกู้จำนวน 1,860 ล้านบาท เพื่อมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนบริหารงานภายในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด | คค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบการจัดสรรเงินกู้ จำนวน ๑,๘๖๐ ล้านบาท ให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนบริหารงานภายในบริษัทฯ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการโครงการ Airport Rail Link โดยให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นในการกู้เงินแทนบริษัทฯ ทั้งนี้ ให้รัฐบาล (กระทรวงการคลัง) เข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัทฯ ตามภาระการชดเชยที่สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการกู้เงินในแต่ละปีทันที ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ส่วนข้อเสนอการแปลงหนี้สินที่มีอยู่กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน ๗,๐๓๕ ล้านบาท ให้เป็นทุนของบริษัทฯ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ ร.ฟ.ท. และบริษัทฯ ร่วมกันหารือเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการรับภาระการลงทุนของโครงการ Airport Rail Link ทั้งในส่วนโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเดินรถให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระการลงทุนเฉพาะในส่วนโครงสร้างพื้นฐานของโครงการ Airport Rail Link และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม ร.ฟ.ท. และบริษัทฯ รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการให้บริการและให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของพื้นที่ในบริเวณสถานีและการส่งเสริมการขายบัตรโดยสารในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงให้มีข้อตกลงร่วมระหว่างบริษัทฯ ร.ฟ.ท. และกระทรวงการคลัง ในกรณีที่บริษัทฯ มีฐานะการเงินดีขึ้นและมีเงินสดปลายงวดคงเหลือในกิจการเพียงพอ จะต้องนำเงินสดดังกล่าวมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ให้แก่ ร.ฟ.ท. และหนี้ที่จะเกิดขึ้นจากการกู้เงินของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ นอกจากนี้ ควรพิจารณาปรับแผนการใช้ประโยชน์จากขบวนรถ Express Line ไปเสริมขบวนรถ City Line เพื่อให้การบริหารจัดการเดินรถที่มีอยู่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้บริษัทฯ หาพันธมิตรร่วมทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความเข้มแข็งทางการเงินเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วยว่า การดำเนินโครงการเกี่ยวกับระบบขนส่งทางรถไฟ ภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น ส่วนการบำรุงรักษา (maintenance) โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวรวมทั้งระบบรางเป็นความรับผิดชอบของ ร.ฟ.ท. และบริษัทที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||
387 | รายงานปัญหาอุปสรรคของการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXXI-1 | กค | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงานในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (Fuel Pipeline Transportation Limited : FPT) ร่วมเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเร่งรัดให้บริษัท FPT ปฏิบัติตามสัญญาเช่าที่ดิน (สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXXI-1) เพื่อดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการรื้อย้ายแนวฝังท่อน้ำมันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในโอกาสแรกต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
388 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553 - 2557 (เพิ่มเติม) | คค | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) ณ เดือนมกราคม ๒๕๕๔ มีผลการดำเนินงาน ดังนี้
๑. แผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินลงทุนรวม ๘๗,๕๒๙ ล้านบาท (รัฐรับภาระ ๘๔,๐๒๔ ล้านบาท รฟท. รับภาระ ๓,๕๐๕ ล้านบาท) ๒. โครงการที่จะต้องดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายงาน EIA เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นรายโครงการ จำนวน ๑๐ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๘๙,๒๗๙ ล้านบาท (รัฐรับภาระ ๖๘,๓๑๐ ล้านบาท รฟท. รับภาระ ๒๐,๙๖๙ ล้านบาท) ๓. การก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จำนวน ๑๑๒ แห่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท วงเงินลงทุนรวม ๑๙,๔๗๕ ล้านบาท (เปลี่ยนแปลงจากเดิม จำนวน ๑๑๔ แห่ง วงเงินลงทุน ๑๙,๐๑๓ ล้านบาท) แบ่งเป็นงานของกรมทางหลวง ๘๒ แห่ง วงเงินลงทุน ๑๖,๕๕๐ ล้านบาท และงานของกรมทางหลวงชนบท ๓๐ แห่ง วงเงินลงทุน ๒,๙๒๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
389 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งประกอบด้วย เงินกู้โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท และเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก ๑ ปี สำหรับใช้ในกรณีที่อาจขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงาน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเร่งปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ดำเนินการเพิ่มรายได้ในส่วนการขนส่งเชิงพาณิชย์ การขนส่งสินค้า และการบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดินเพื่อการหาประโยชน์ด้านพาณิชย์ของ รฟท. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายลง ความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการ รวมทั้งควรควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามมาตรฐานและเป็นต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลการขาดทุนขององค์กร ส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินของ รฟท. ดีขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วนต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
390 | การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 | ทก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สัญญาร่วมลงทุนจัดตั้งโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงตามเส้นทางรถไฟ ระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท คอม - ลิงค์ จำกัด ได้แก่ การแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม/การจัดทำข้อตกลงแนบท้ายสัญญา (จำนวน ๒ ครั้ง) ๑.๑.๑ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๑ เรื่อง เปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการส่งหนังสือ หรือคำบอกกล่าว และการแก้ไขปรับปรุงจุดเชื่อมโยงระบบของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อลดความหนาแน่นของปริมาณ Traffic (เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖) ๑.๑.๒ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๒ เรื่อง การติดตั้งวงจรเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงตามเส้นทางรถไฟภายในท้องถิ่น และการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณส่วนแบ่งรายได้เฉพาะส่วนท้องถิ่น (เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๔) ๑.๒ สัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ได้แก่ การแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม/การจัดทำข้อตกลงแนบท้ายสัญญา (ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๔ และสัญญาร่วมดำเนินการฯ) ๑.๒.๑ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๑ เรื่อง ย้ายจุดเชื่อมโยง และจุดขึ้นฝั่ง สำหรับวงจรท้องถิ่น (เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๓๗) ๑.๒.๒ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๔ เรื่อง การปรับปรุงโครงข่าย จาก ๔ ระดับ เป็น ๒ ระดับ เพื่อให้มีวงจรใช้งานเพิ่มขึ้น (เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๕) ๑.๒.๓ การจัดทำสัญญาร่วมดำเนินการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำฝั่งทะเลด้านตะวันออก (เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๗) ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ที่เห็นควรให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เตรียมความพร้อมในการรับมอบทรัพย์สิน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญา และเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและแผนการให้บริการในระยะต่อไป เพื่อให้การบริการโครงข่ายมีความต่อเนื่อง และให้รัฐวิสาหกิจที่ทำสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัทเอกชนปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถติดตามกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามสัญญา โดยเฉพาะการตรวจสอบส่งมอบทรัพย์สินและการแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ภาครัฐ เพื่อดำเนินงานเป็นไปตามสัญญา ทั้งนี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินโครงการหรือแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเสนอคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ พิจารณา หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยจะต้องรายงานต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดตามมาตรา ๒๓ (๒) และหากการแก้ไขดังกล่าวมีผลเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐ รัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดก็ชอบที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป และเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว หน่วยงานเจ้าของโครงการจึงจะลงนามแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
391 | ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในอนาคต สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๑ ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ๑.๑.๑ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ การดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีความก้าวหน้าของงานคิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๒ การก่อสร้างงานโยธา สัญญาที่ ๑ (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก) สัญญาที่ ๒ (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก) และสัญญาที่ ๓ (การก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอาคารจอดแล้วจร) มีความก้าวหน้ารวม ร้อยละ ๗.๓๑ ส่วนสัญญาที่ ๖ งานระบบราง อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อการประกวดราคา สำหรับการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ให้สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในช่วงบางใหญ่ - เตาปูน ๑ ราย ส่วนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ช่วงเตาปูน - บางซื่อ เห็นชอบให้ รฟม. ดำเนินการศึกษาให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ ๑.๑.๒ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ การดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีความก้าวหน้าของงานคิดเป็นร้อยละ ๑๔.๖๒ และได้คัดเลือกผู้รับเหมางานโยธา (สัญญาที่ ๑ - ๕) แล้วเสร็จ ๑.๑.๓ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิด - สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ การสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ มีความก้าวหน้าร้อยละ ๑.๒๖ ส่วนช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อว่าจ้างสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ๑.๒ ด้านการเงินและการลงทุน ได้มีการบริหารความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการจ่ายค่าจ้างผู้รับเหมาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ ด้วยวิธีการทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้ศึกษาแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของการคืนเงินกู้ (เงินเยน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในลักษณะของการนำเงินกู้ (เงินเยน) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ มาจ่ายคืนเงินกู้ และหาเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงอื่นๆ ๑.๓ ด้านการให้บริการ ได้ปรับปรุงการให้บริการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การจัดให้มีพื้นที่จอดแล้วจรเพิ่มในเขตทางพิเศษศรีรัช (ด่านอโศก ๑) การพัฒนาและจัดให้มีระบบขนส่งต่อเนื่อง (Feeder Systems) และการประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ รฟท. กับสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรี โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ๑.๔ ด้านการบริหารจัดการองค์กรและพัฒนาทรัพยากรบุคคล อาทิ การจัดทำฐานข้อมูลรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การพัฒนาระบบสารสนเทศตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีจากที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และผู้รับจ้างต่าง ๆ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ เป็นต้น ๒. นโยบายของคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อาทิ ๒.๑ เร่งดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นไปตามแผน ๒.๒ ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยคำนึงถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ๒.๓ สร้างมูลค่าเพิ่มจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนโดยบริหารสินทรัพย์และดำเนินธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๒.๔ บริหารจัดการองค์กรและธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพขององค์กร ๒.๕ สนับสนุนการประสานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกับระบบขนส่งอื่น ๆ เพื่อให้มีการขนส่งต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดให้มีระบบตั๋วร่วม ๓. โครงการและแผนงานในอนาคต รฟม. มีโครงการหลักสำคัญที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๖ โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
392 | รายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๓) กระทรวงการคลังมิได้ดำเนินการจัดสรรเงินกู้ดังกล่าวให้แก่รัฐวิสาหกิจใด ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้เงินกู้ Short term facility ที่ครบกำหนดไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๓ จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงมีวงเงินกู้คงเหลือสำหรับวงเงิน Short term facility เท่ากับ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
393 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2553 | กค | 18/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และเห็นชอบตามมติคณะกรรมการ กนร. ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธาน กนร. เสนอ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. รับทราบงบประมาณการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. พิจารณามูลค่าการลงทุนที่รัฐวิสาหกิจสามารถประหยัดงบประมาณลงทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และศึกษาผลประโยชน์ที่ประชาชนและภาคการผลิตจะได้รับการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท และให้รัฐวิสาหกิจปรับลดงบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงโครงการลงทุนที่มีรายการ Import Content แฝงอยู่เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย และรายงาน กนร. พิจารณาในคราวประชุมครั้งต่อไป ๒. รับทราบการติดตามความคืบหน้าโครงการให้เอกชนเข้าร่วมงานในกิจการท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. พิจารณาความเหมาะสมของอัตรา Discount Rate ที่นำมาคำนวณมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) และตรวจสอบความสอดคล้องของการขอขยายระยะเวลาก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D (ท่าเทียบเรือ D1 D2 และ D3) กับปริมาณ Excess Capacity ที่เหลืออยู่ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พิจารณาแนวทางกำหนดราคาค่าบริการที่มีความเป็นธรรมต่อการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการเอกชนในท่าเรือแหลมฉบัง และศึกษาการขยายท่าเรือแหลมฉบังให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพเพื่อนำไปสู่การสร้างศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ของท่าเรือกรุงเทพในอนาคต ตลอดจนนำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ให้ กนร. พิจารณาต่อไป ๓. รับทราบการติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกพื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประเภทของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับวิธีการดำเนินธุรกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมีแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม รวมทั้งติดตามและตรวจสอบประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ๓.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินธุรกิจของหน่วยงานทั้ง ๒ แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้วนำเสนอ กนร. พิจารณาต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการเคหะแห่งชาติพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาทางการเงิน แล้วนำเสนอ กนร. พิจารณา โดยกรณีโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ให้ศึกษาเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายระหว่างดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จกับการยกเลิกสัญญาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทันที โดยคำนึงถึงทำเลที่ตั้งและความต้องการของตลาดประกอบการพิจารณา ส่วนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้ศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบทางการเงินที่เกิดขึ้นระหว่างการจำหน่ายให้เอกชนทั้งโครงการภายใน ๑ ปี กับการดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติเอง สำหรับโครงการที่เป็นสินทรัพย์ระงับการพัฒนา ให้ศึกษาเปรียบเทียบผลประกอบการทางการเงินในการให้เอกชนเป็นผู้พัฒนาโครงการทั้งหมดกับการดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติเอง และให้พิจารณาแนวทางการจัดตั้งหน่วยธุรกิจเฉพาะเช่นเดียวกับกรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company) เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเอื้ออาทร ๔. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๑,๒๕๑.๑๕๙ ล้านบาท และข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะที่ให้มีการปรับปรุงวงเงินอุดหนุนในขั้นตอนของการจัดทำบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับเงินอุดหนุนของภาครัฐในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (โครงการรถเมล์ฟรี) ๕. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๓๘๒.๕๓๑ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ๖. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการกำกับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบราง รวมทั้งพิจารณาเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนเข้าร่วมในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม และให้คณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ดำเนินการกำกับดูแลการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้ กนร. ทราบเป็นระยะ ๆ ๗. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูป ขสมก. เพื่อทำหน้าที่พิจารณาปฏิรูป ขสมก. และความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพในภาพรวมในอนาคต ตลอดจนรูปแบบการดำเนินการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิง จำนวน ๔,๐๐๐ คัน ของ ขสมก. ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
394 | รายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท | กค | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจัดหา Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจกับสถาบันการเงิน จำนวน ๖ แห่ง เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒ วงเงินรวม ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถกู้เงินระยะสั้นได้โดยตรงเพื่อเป็นการเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารและจัดการการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยมีโครงสร้าง การดำเนินการ ตลอดจนวิธีการสอดคล้องกับความต้องการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจัดสรรการกู้เงินของภาครัฐไม่ให้เกิดภาวการณ์กระจุกตัวในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่งได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดสรรเงินกู้ Short term facility ไปแล้วเป็นจำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเต็มจำนวน ดังนั้น ยอดเงินกู้ดังกล่าวจึงมีวงเงินคงเหลือเท่ากับ ๑๙๙,๐๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
395 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการกรณีการเช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และกรณีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรณีการเช่าพื้นที่ รฟท. ของห้างสรรพสินค้าเช็นทรัล ลาดพร้าว สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเห็นว่า การขยายเวลาเช่าจากเดิมออกไปอีก ๑ ปี ถือเป็นเรื่องที่มีผลต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐหรือเป็นกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่มีผลต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จึงเห็นควรให้ รฟท. เสนอคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ พิจารณานำเสนอรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วนสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่า กรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาซึ่งได้ลงนามแล้ว รฟท. ก็ชอบที่จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานฯ ซึ่งเคยเจรจาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนกับผู้ลงทุนจนได้ข้อยุติและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนกับผู้ลงทุนจนได้ข้อยุติและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว จึงจะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามมาตรา ๒๒ ที่จะติดตามกำกับดูแลสัญญาเดิมและสัญญาฉบับแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ๑.๒ กรณีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๖ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อและวงเงินสินเชื่อร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งให้ชัดเจนและสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
396 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 - 28 กุมภาพันธ์ 2554) | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนออกไป ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง และมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ โดยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวต่อไปจนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามหลักการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และให้รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย กู้เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในช่วงขยายระยะเวลา และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยมาตรการในเรื่องใดที่เป็นบริการเชิงสังคมควรปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการพิจารณาให้เงินอุดหนุนที่ชัดเจนและเป็นระบบ และอาจพิจารณาความจำเป็นในการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้สามารถรองรับการอุดหนุนตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
397 | การขออนุมัติจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และขออนุมัติเงินทุนจดทะเบียนในการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อให้บริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ตามพระราช บัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๘) เพื่อให้บริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟ เชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ในส่วนของเงินทุนสำหรับการชำระค่าหุ้นก่อนการยื่นจัดตั้งบริษัทดังกล่าว ให้ดำเนินการตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรนำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่กันไว้เบิก เหลื่อมปี ในรายการเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทเดินรถ จำนวน ๑๔๐ ล้านบาท ไปใช้จ่ายเป็น ทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทในเบื้องต้นก่อน ๓. ให้ ร.ฟ.ท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้พิจารณาทบทวนผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องข้าง ต้นโดยเร่งด่วนเพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็นและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยว กับการนำวิธีการแปลงหนี้สินเป็นทุนมาใช้และการนำส่วนที่รัฐรับภาระบันทึกเป็นทุนของหน่วยงานเสมือนเป็น การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ แทนการสนับสนุนทุนจดทะเบียน และความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ รฟท. เพิ่มทุนสำหรับการชำระค่าหุ้นก่อนการยื่นจัดตั้ง บริษัทฯ เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและลดความเสี่ยงทางการเงินให้แก่บริษัทฯ ไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
398 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 13/2553 | นร | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนการลงทุนด้านโครง สร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) และมอบหมาย ให้ รฟท. กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เร่งเสนอแผนการลงทุนเพื่อประกอบการพิจารณาขอรับการ จัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จากกระทรวงการคลัง รวมทั้งมอบหมายให้ กระทรวงคมนาคมจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการลงทุนฯ ให้เป็นไปตามเป้า หมายที่กำหนดไว้ โดยให้รายงานผลการดำเนินงานเป็นรายเดือนต่อคณะรัฐมนตรี และรับทราบสรุปผลการหารือ ร่วมกับ World Economic Forum (WEF) เกี่ยวกับการจัดอันดับของไทยในรายงาน Global Competitiveness Report 2010 – 2011 ซึ่งไทยถูกปรับลดอันดับความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับที่ ๓๘ ในปี ค.ศ. 2010 – 2011 จากอันดับที่ ๓๖ ในปี ค.ศ. ๒๐๐๙ - ๒๐๑๐ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชา ติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปประกอบการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว รวมทั้งผลักดันภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ WEF ต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรม การ รศก. เสนอ ทั้งนี้ มอบหมายให้ สศช. เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการรวบรวมและบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องสำหรับการจัดอันดับของประเทศไทยที่จะให้แก่ WEF โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานสนับ สนุนและประสานงานเพื่อการดังกล่าว ๒. มอบหมายให้ สศช. รวบรวมตัวชี้วัดและสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับความสามารถใน การแข่งขันของประเทศในรายงาน Global Competitiveness Report 2010 - 2011 และให้นำเสนอคณะกรรมการ รศก. ในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
399 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 | นร | 25/11/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ ๖๐ และการเฉลิมพระชนมพรรษา สรุปได้ดังนี้ ๑. ในส่วนกลาง รัฐบาลและภาคเอกชนได้กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยใช้ชื่องานว่า “แผ่นดินของเรา” ที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต ระหว่างวันที่ ๑-๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการของกระทรวง ๒๐ กระทรวง การแสดงนิทรรศการของภาครัฐวิสาหกิจและเอกชน กลุ่มจังหวัด ๑๘ จังหวัด พิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงพื้นบ้านและนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ จะมีการจัดขบวนเรือประดับไฟเฉลิมพระเกียรติในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีขบวนเรือประดับไฟประมาณ ๓๒ ลำ และมีขบวนเรือจากจังหวัดต่าง ๆ ประมาณ ๖๐๐ ลำ โดยขบวนเรือจะตั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช และร่วมพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล รวมทั้งมีการฉายภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ “หนึ่งในน้ำพระราชหฤทัย” รวม ๗ เรื่อง ผ่านจอม่านน้ำบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และมีการแจกซีดีภาพยนตร์ จำนวน ๕ ล้านชุด ให้ประชาชนทั่วประเทศ ๒. ในส่วนภูมิภาค ทุกจังหวัดได้จัดพิธีและกิจกรรมในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ พร้อมกันทั่วประเทศ ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ พิธีลงนามถวายพระพร กิจกรรมบำเพ็ญพระราชกุศล กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ พิธีถวายเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เป็นต้น ๓. กิจกรรมของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้แก่ โครงการพาพ่อเที่ยวไหว้พระทางเรือ ของกรมเจ้าท่า โครงการพาพ่อล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาชมแสงสีของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรมทางหลวง โครงการพาพ่อเที่ยวนั่งรถไฟฟ้าหัวจักรไอน้ำ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพาพ่อโดยสารรถไฟฟ้า ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการจำหน่ายบัตรโดยสารเครื่องบินในราคาพิเศษเส้นทางภายในประเทศระหว่างวันที่ ๑-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โครงการครอบครัวสุขสันต์ไหว้พระ ๙ วัด ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการธันวาพาพ่อเที่ยวไทยไปกับ บขส. ของบริษัท ขนส่ง จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
400 | การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ของส่วนราชการ | วธ | 02/11/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเข้าพื้นที่ของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นเวลา ๑ ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจ ช่วยลดภาระและบรรเทาอุปสรรคบางส่วนให้แก่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งของชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวม ๗ หน่วยงาน ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมชลประทาน กรมศิลปากร กรมธนารักษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยมีเงื่อนไขยังคงต้องวางเงินประกันความเสียหายก่อนการถ่ายทำให้แก่หน่วยงานดังกล่าวตามระเบียบที่กำหนดไว้ตามเดิม ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม [บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] เกี่ยวกับกรณีที่จะขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการถ่ายทำภาพยนตร์ ขอให้มีหนังสือยืนยันต่อบริษัทฯ โดยตรงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารต้องบริหารบริษัทฯ ด้วยความระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |