ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 960 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 61 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง) วงเงิน 13,500.000 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800.000 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2565 | คค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว สำหรับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงิน ๑๓,๕๐๐.๐๐๐ ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐.๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการขอเจรจาต่ออายุสัญญาเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๒๐/๑๔๒๒๕ ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๒๔/๓๙๐๒ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔) ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 62 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๓๔๔,๗๘๓.๘๔ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๕๐๕,๓๖๙.๖๔ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน
๓๓๙,๒๙๑.๘๗ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง
ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔
แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย ๑.๓ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๔
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฯ มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกัน
และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 63 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... | คค. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ.
....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางของประเทศ เพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางให้สามารถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งทางรางอย่างเป็นระบบ
สอดคล้องกับการพัฒนาการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ให้เป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างสมบูรณ์
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ตามความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานศาลยุติธรรม
เช่น ควรให้มีการพิจารณาบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติฯ
ในรายละเอียดที่ชัดเจนและคำนึงถึงการแบ่งแยกบทบาทหน่วยงานต่าง ๆ ในกิจการขนส่งทางราง
ความสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรกำหนดให้มีระบบการรายงาน
การติดตามและประเมินผลผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนการพัฒนาขนส่งทางราง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนทุกมิติ คำนึงถึงภารกิจ
ความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางรางต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่และอำนาจขององค์กรอื่น
ควรให้มีการพิจารณากำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการขนส่งทางรางทั้งในส่วนของระดับนโยบาย
การกำกับดูแลกิจการ และหน่วยงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงการบูรณาการภารกิจและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการในสาขาขนส่งรูปแบบต่าง
ๆ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรกำหนดให้มีระบบการรายงาน
การติดตามและประเมินผลผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนการพัฒนาขนส่งทางราง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนทุกมิติ คำนึงถึงภารกิจ
ความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย ควรให้มีการพิจารณากำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการขนส่งทางรางทั้งในส่วนของระดับนโยบาย
การกำกับดูแลกิจการ และหน่วยงานระดับปฏิบัติการ
รวมถึงการบูรณาการภารกิจและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการในสาขาขนส่งรูปแบบต่าง
ๆ และมีการซักซ้อมความเข้าใจกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยให้ชัดเจนก่อนที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 64 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายกรณินทร์ กาญจโนมัย และนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย) | คค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายกรณินทร์ กาญจโนมัย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 65 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | สกพอ. | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๕๖๘,๒๒๘,๒๕๕ บาท สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วน
และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญาได้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 66 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ
และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า กรณีการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.
๒๕๔๕
ให้มีความละเอียดชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะขั้นตอนและวิธีการในการปฏิบัติงานของสำนักงานอนุญาโตตุลาการ
จะได้มีการทบทวนหรือปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ
ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป และการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อกำหนดการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารศาลปกครอง และที่ประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดอาจจะมีผลเป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อออกหลักเกณฑ์ที่กำหนดการใช้ดุลพินิจของตุลาการศาลปกครองซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นอิสระของตุลาการศาลปกครองได้
การปรับปรุงการปฏิบัติงานของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการติดตามการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ
และในส่วนการดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และบุคคลต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานต่าง ๆ
กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินคดี
รวมทั้งในส่วนของความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 67 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๒,๘๘๖.๖๔๗ ล้านบาท
ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบในโอกาสแรกด้วย
เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย)
พิจารณาดำเนินการจัดทำต้นทุนการให้บริการที่ถูกต้องและได้มาตรฐานอย่างแท้จริง
เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
รวมทั้งจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะเป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 68 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2564 เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน) | สกพอ. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔
เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน)
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติให้ขยายกรอบวงเงินสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
จากเดิม ๓,๕๗๐.๒๙ ล้านบาท (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑)
เป็นจำนวนไม่เกิน ๕,๗๔๐.๔๔ ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น ๒,๑๗๐.๑๕ ล้านบาท
เพื่อให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นและจำนวนเงินทดแทนค่าอสังหาริมทรัพย์
และเพื่อให้ครอบคลุมค่างานจัดกรรมสิทธิ์ฯ สำหรับช่วงดอนเมือง-พญาไท
ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติไว้ข้างต้น โดยที่ประชุมฯ อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอรับจัดสรรงบประมาณส่วนที่เพิ่มขึ้น
๒,๑๗๐.๑๕ ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๐๗,๕๖ ล้านบาท
และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๖๒.๕๙ ล้านบาท
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง
ขออนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน และการกำหนด
“พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” เพิ่มเติม) โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขยายกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
จากเดิม ๓,๕๗๐.๒๙ ล้านบาท เป็นจำนวนไม่เกิน ๕,๗๔๐.๔๔ ล้านบาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ในส่วนของงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยมีแผนจะใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นั้น ขอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพแผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกตรวจสอบผลการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยรับงบประมาณในแผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่สามารถชะลอได้โดยไม่เกิดความเสียหาย
หรือคาดว่าไม่สามารถก่อหนี้ได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และรายการที่ดำเนินการแล้วมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการ
เพื่อโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการนำมาเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นลำดับแรก
สำหรับในส่วนที่เหลือขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น
ควรเร่งพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
(งานจัดกรรมสิทธิ์) ที่อยู่ภายใต้โครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
ส่วนต่อขยายช่วงพญาไท-ดอนเมือง และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง
ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก ให้ชัดเจน
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง
ส่วนต่อขยายที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วโดยเร็ว
เพื่อให้วงเงินลงทุนโครงการอยู่ภายใต้กรอบที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ ซี่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างคุ้มค่า
รวมทั้งช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่บริเวณรอบนอกกรุงเทพมหานครเข้าสู่บริเวณกรุงเทพมหานครชั้นในมีความสะดวกยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 69 | ขออนุมัติเพิ่มระยะเวลาและวงเงินก่อหนี้ผูกพันค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย | วธ. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จากเดิมวงเงิน ๓๒,๖๔๓,๑๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๑๙๕,๓๘๘,๒๖๔ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๗ ได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงวัฒนธรรม และ รฟท.
ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเช่าที่ดินให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การกำหนดแนวทาง/มาตรการป้องกันหรือแก้ไขปัญหากรณีที่หน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ปรับอัตราค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่หน่วยงานราชการอื่นได้เช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับอัตราค่าเช่าเพิ่มสูงมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น) ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรม และ รฟท.
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่อยู่ติดกับพื้นที่เช่าตามสัญญาเช่าที่ดิน
รฟท. เพื่อจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 70 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กยท. รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะไปดำเนินการด้วย ๑.๓
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งเห็นควรอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และเห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น
ๆ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ กยท. และ รฟท.
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการให้มีการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า ทันต่อสถานการณ์
และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 71 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร | ศย. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จากเดิมวงเงิน ๒๒,๐๔๖,๐๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๘๑,๙๙๗,๘๐๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๕ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว สมทบกับเงินรายได้ค่าธรรมเนียมศาล
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ค่าเช่าที่ดินที่ รฟท.
เรียกเก็บจากสำนักงานศาลยุติธรรมในครั้งนี้
ได้กำหนดให้มีการปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ทุกปี
ซึ่งไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
ที่เห็นชอบการกำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี
จึงเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงค่าเช่า
จากร้อยละ ๕ ทุกปี เป็นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 72 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 และครั้งที่ 6/2563 | ทส. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานประจำปี ๒๕๖๒ กองทุนสิ่งแวดล้อม (๒)
ร่างแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน (๓)
การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพ
ภายใต้โครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกและใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(East
Asian-Australasian Flyway Partnership : EAAFP) (๔) กรอบและแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติบึงโขงหลง
อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕)
แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ (๖)
โครงการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นาเพื่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี
ของมูลนิธิข้าวขวัญ และ (๗)
รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
(โครงการปรับปรุงกายภาพและก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่)
ของกรมท่าอากาศยาน ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๒) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๓) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) ของการเคหะแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 73 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2563 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๒ และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซี่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว
และในคราวประชุมคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติรับทราบและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายงานผลการให้บริการสาธารณะดังกล่าว
เช่น หากในระหว่างปีเกิดเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐวิสาหกิจที่ขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
เห็นควรกำหนดเป็นแนวทางให้รัฐวิสาหกิจสามารถนำเสนอสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมรายละเอียดเหตุผลสนับสนุนในการขอปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดหรือค่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
เพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาภายในสิ้นปีงบประมาณนั้น ๆ ต่อไป
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 74 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น | คค. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง
และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น [
Memorandum of Cooperation (MoC) on the Bang Sue Project between the Ministry of
Transport of the Kingdom of Thailand, the State Railway of Thailand, the
Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan, and the Urban
Renaissance Agency of Japan] และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
โดยร่างบันทึกข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตและกระชับความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เพื่อผลักดันแผนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติต่อไปในการพัฒนาพื้นที่บางซื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงคมนาคมผลักดันแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ของโครงการบางซื่อไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน
เพื่อบูรณาการการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒)
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔
ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรและการรถไฟแห่งประเทศไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 75 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | ทส. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ รวม ๑๐ เรื่อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี ๒๕๖๒ ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา
๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(FSRU) ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(๓) โครงการถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนแยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข
๒๐๕-แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๒๒๖ จังหวัดนครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๔)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางปะอิน-นครราชสีมา (บริเวณศูนย์บริการทางหลวง) ของกรมทางหลวง (๕)
โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานตรัง ของกรมท่าอากาศยาน (๖)
โครงการอาคารเช่าสำหรับข้าราชการผู้มีรายได้น้อย จังหวัดสกลนคร ของการเคหะแห่งชาติ
(๗) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ
อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ ๓ และ ๔
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๘) การปรับปรุงมาตรฐานระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
และ (๙)
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 76 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต รวม 4 ฉบับ | คค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
โครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนและกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และในท้องที่เขตจตุจักร
เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา
จังหวัดปทุมธานี ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพื่อปรับปรุงทางเท้าบริเวณบันไดขึ้น-ลง
สถานีรถไฟฟ้า ลิฟต์ ตอม่อ และทางลาดของคนพิการ บริเวณสถานีต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและผู้ใช้ทางเท้าอื่นในการสัญจรไปมา
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน
เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. ....
๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญในการป้องกันปัญหาการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
และควรกำหนดมาตรฐานในการก่อสร้างรถไฟฟ้าให้ชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
การรถไฟแห่งประเทศไทยควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ควรมอบหมายให้กรุงเทพมหานครรับผิดชอบดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และควรมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยประสานและบูรณาการกับกรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการปรับปรุงทางเท้าบริเวณบันไดขึ้น-ลงลิฟต์
ตอม่อ และทางลาดของคนพิการให้เป็นไปตามความจำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 77 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ รวม 4 ฉบับ | คค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนและกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการรถไฟฟ้า
สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ในท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่
เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร และโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน
ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่
และเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อปรับปรุงทางเท้าบริเวณบันไดขึ้น-ลง สถานีรถไฟฟ้า
ลิฟต์ ตอม่อ และทางลาดของคนพิการบริเวณสถานีต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและผู้ใช้ทางเท้าอื่นในการสัญจรไปมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร
เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ.
.... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร
เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ.
.... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญในการป้องกันปัญหาการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
และควรกำหนดมาตรฐานในการก่อสร้างรถไฟฟ้าให้ชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
และการรถไฟแห่งประเทศไทยควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งควรมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยประสานและบูรณาการกับกรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการปรับปรุงทางเท้าบริเวณบันไดขึ้น-ลงลิฟต์
ตอม่อ และทางลาดของคนพิการที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าของโครงการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 78 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 งานสำรวจ ออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร - ท่าเรือน้ำลึกระนอง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการงานสำรวจออกแบบรายละเอียด
และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางรถไฟชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ ในวงเงิน ๗๔,๗๑๕,๓๐๐ บาท
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการศึกษาโครงการฯ
ให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย
และอันดามัน ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ที่อยู่ระหว่างดำเนินการด้วย
เพื่อให้การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และ พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือใช้จ่ายจากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอน
ส่วนงบประมาณที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 79 | อนุมัติในหลักการให้ขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยขอเพิ่มวงเงิน | อส. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน
(ริมถนนรัชดาภิเษก แปลงที่ ๔, ๕, ๖) ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดิม ในเนื้อที่เท่าเดิม
เพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๕
เปลี่ยนมาเป็นอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดขยายระยะเวลาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
เป็นปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๘ เป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และขอปรับวงเงินเพิ่ม จากเดิมอัตราค่าเช่าตารางเมตรละ ๙๐๒.๓๕ บาทต่อปี
เป็นค่าเช่าปีแรก ๔,๒๐๓,๕๙๘ บาท (ไม่รวมค่าภาษี) และมีอัตราปรับเพิ่ม ๕% ทุกปี
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๐,๗๐๗,๑๐๔ บาท เพิ่มเป็นอัตราตารางเมตรละ ๑,๑๖๐.๑๖ บาทต่อปี
เป็นค่าเช่าปีแรก ๕,๔๐๔,๖๐๖ บาท (ไม่รวมค่าภาษี) และมีอัตราปรับเพิ่ม ๕% ทุกปี
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑๖,๖๘๓,๒๗๒ บาท และเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
มีกำหนดระยะเวลา ๑๕ ปี นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงค่าเช่ากรณีดังกล่าว
จากเดิมที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕ ต่อปี เป็นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินที่จะเกิดขึ้นปีแรกและภาระงบประมาณในปีต่อไป
เห็นควรให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศใช้บังคับ แล้วแต่กรณี ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไป
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดเร่งรัดจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและประชาชนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 80 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท. (เบื้องต้นจะใช้ชื่อว่า บริษัท
รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด) ทุนจดทะเบียน ๒๐๐ ล้านบาท ตามมาตรา ๓๙ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ และตามขั้นตอนของหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยให้นำความเห็นตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ไปประกอบการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ๑.๒ ให้ รฟท. กู้ยืมเงิน จำนวน ๒๐๐ ล้านบาท
ตามมาตรา ๓๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
เพื่อนำมาลงทุนเป็นทุนจดทะเบียนในบริษัทลูกฯ โดย รฟท. รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย
และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงิน
รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม
สำหรับการขอยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท.
พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ รฟท.
จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เช่น (๑) การพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมสำหรับสัญญาเช่าของหน่วยงานรัฐ
ซี่งไม่ได้มีวัตถุประสงค์การใช้พื้นที่ในเชิงพาณิชย์ และ (๒) ให้ รฟท.
เร่งจัดทำบัญชีทรัพย์สินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และกำหนดแนวทางในการนำผลตอบแทนที่ได้รับจากบริษัทลูกฯ มาชำระหนี้ของ รฟท. ต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม
และ รฟท. ร่วมกันจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินงานของบริษัทลูกฯ ที่ชัดเจนเป็นระบบ
และกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินงานของบริษัทลูกฯ
ที่ครอบคลุมปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factors) ที่สอดคล้องกับระดับการเติบโตของบริษัทลูกฯ ในแต่ละช่วงเวลา
เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทลูกฯ
รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งบริษัทเดินรถและบริษัทซ่อมบำรุงรางและล้อเลื่อนตามแผนการขนส่งทางรางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ [ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง)
และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ....] ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
