ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม - เมษายน 2562 (มีนาคม 2562) | นร | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการประกันภัยข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการประกันภัยข้าวนาปี และการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ (เพิ่มเติม) ๒. ภัยแล้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒ ๓. โครงการระบบรถไฟชานเมือง เน้นการประชาสัมพันธ์ในการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง (ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา) และสายสีแดงเข้ม (ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) และโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงอ่อน (ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๔. ประเพณีสงกรานต์ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นแนวทางการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) ๕. การเลือกตั้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ๖. ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม | คค | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ในวงเงิน ๖๖,๘๔๘.๓๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๘ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๘) โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณของ รฟท. ให้ รฟท. มีอำนาจในการปรับปรุงรายละเอียดด้านงบประมาณค่าก่อสร้าง ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเวนคืนที่ดิน และรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ นั้น กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้กับ รฟท. เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และค่าจ้างที่ปรึกษาประกวดราคา วงเงินรวม ๑๐,๒๕๕.๓๓ ล้านบาท สำหรับค่าก่อสร้าง จำนวน ๕๕,๔๖๒.๐๐ ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน ๑,๑๓๑ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๕๖,๕๔๓.๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และให้ รฟท. กู้ต่อ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. กำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนของโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ตลอดจนดำเนินการแยกทรัพย์สินในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐเป็นผู้รับภาระการลงทุนออกจากบัญชีของ รฟท. ให้ชัดเจน (๒) ให้ รฟท. วางแผนบริหารจัดการการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรมีแนวทางการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการขนส่งทางรางอย่างเป็นรูปธรรม (Open Access) เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (๓) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการโครงการในภาพรวมให้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการย่านลานกองเก็บตู้สินค้าที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง และลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และ (๔) ให้ รฟท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) รวมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาและเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ครั้งที่ 2 | กค | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติและรับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑.๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๗,๐๙๔.๔๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๘๕๑,๑๓๗.๙๙ ล้านบาท เป็น ๑,๘๓๔,๐๔๓.๕๒ ล้านบาท และรับทราบการปรับเพิ่มวงเงินของโครงการหรือรายการเดิมในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๒๐ โครงการ/รายการ ๑.๑.๒ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนาหรือโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๖ รายการ ๑.๑.๓ อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ โดยให้ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้จากการให้บริการขนส่ง การศึกษาแนวทางการขอปรับเพิ่มค่าระวางในการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ การจัดตั้งคณะทำงานติดตามและหาแนวทางแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินแผนงานก่อสร้างศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟพร้อมจัดหาเครื่องมือที่ท่าเรือแหลมฉบัง (Single Rail Transfer Operator : SRTO) และการหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จ่ายเงินชดเชยค่าบอกเลิกสัญญาสัมปทานให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ไปดำเนินการด้วย ๑.๒ อนุมัติและรับทราบในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๒.๑ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๒.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของ รฟท. ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่อง ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไปพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้เป็นไปตามนัยกฎหมายว่าด้วยการรร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยให้มีการศึกษาข้อมูลตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน และดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจัดทำสัญญาร่วมลงทุนและการเจรจากับเอกชนผู้ร่วมลงทุนจะต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบและหลักการของมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนั้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้กลับไปพิจารณาทบทวน และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และความเห็นเพิ่มเติมของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงหลักการและเงื่อนไขในร่างสัญญาร่วมลงทุนไปจากรายงานผลการศึกษาที่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีมิใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามมาตรา ๓๕ นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงหลักการและเงื่อนไขไม่ว่ากรณีใดสมควรที่จะต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพื่อให้เป็นไปตามนัยกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีความเหมาะสม คุ้มค่า หรือส่งผลดีต่อภาครัฐและประเทศหรือไม่ อย่างไร และจะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนด้วย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | คค | 21/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับแนวทางการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวง โดยเฉพาะการก่อสร้างที่กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ และให้คำนึงถึงผลกระทบจากการระบายน้ำภายหลังการก่อสร้าง และให้กรมทางหลวงชนบทประสานกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อให้การดำเนินการตามโครงการมีความสอดคล้องกับผังเมืองรวมเมืองทุ่งสงฉบับใหม่ รวมทั้งพิจารณาออกแบบโครงสร้างถนนของโครงการในบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนเสมอระดับภายใต้รูปแบบโครงสร้างทางรถไฟที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ออกแบบไว้ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2562 | นร63 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (เพิ่มเติม) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และ (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ โดยรายละเอียดงบประมาณสำหรับการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการระบบรถไฟาเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และการดำเนินการตามโครงการเร่งด่วน (Flagship Project) ภายใต้แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ทางราชการเป็นสำคัญ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นแหล่งงบประมาณในการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท การดำเนินการตามโครงการเร่งด่วน (Flagship Project) ภายใต้แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ รวมทั้งการเร่งรัดการเวนคืนที่ดิน และการประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | คค | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ตามโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปดำเนินการสำรวจที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และควรให้กรมการขนส่งทางบกประสานการรถไฟแห่งประเทศไทยในส่วนของการกำหนดแผนดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งทางถนนสู่ระบบรางได้อย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ รวมทั้งก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าได้ตามเป้าหมายที่ประมาณการไว้ นอกจากนี้ การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้จะต้องเป็นการเวนคืนเพื่อประโยชน์ในการสร้างศูนย์การขนส่งชายแดน ตามโครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม อันเป็นการดำเนินการเพื่อกิจการสาธารณูปโภคหรือเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยไม่อาจดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2562 | กค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การจัดทำร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อใช้เป็นหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีของรัฐวิสาหกิจแทนหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ปี ๒๕๕๒ (๒) การพิจารณาอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น และ (๓) การแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ๖ แห่ง ได้แก่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หากประเด็นการควบรวมกิจการของทั้ง ๒ บริษัทมีความชัดเจนและได้ข้อยุติแล้ว เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการยุบเลิกบริษัท โครงข่ายบรอดแบรนด์แห่งชาติ จำกัด และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินภารกิจการให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน ๖,๖๔๕.๐๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) (ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงใหม่เพื่อทดแทนโรงซ่อมบำรุงที่สถานีรถไฟธนบุรี วงเงินประมาณ ๘๒๔.๔ ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้รัฐบาลรับภาระการลงทุนค่างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และ รฟท. รับภาระการลงทุนค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลและงานจัดหาตู้รถไฟฟ้า ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณากำหนดชื่อสถานีที่เชื่อมต่อกันของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้เป็นชื่อเดียวกัน เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใช้บริการเกิดความสับสนในการเดินทาง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ เช่น (๑) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรื้อย้ายชุมชนที่บุกรุกและการย้ายผู้เช่าที่ในเขตทางรถไฟ โดยดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด (๒) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจนรองรับกรณีการซ้อนทับกันระหว่างแนวเส้นทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ตลิ่งชัน กับโครงการนี้ ควรกำหนดโครงสร้างราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับระบบตั๋วร่วม ควรศึกษาโครงสร้างต้นทุนในการใช้ทางร่วมกัน (Share Track) ในการเดินรถในช่วงสถานีศาลายาไปถึงสถานีธนบุรี-ศิริราช เพื่อใช้ประกอบการกำหนดค่าใช้ทางของผู้ให้บริการเดินรถทั้ง ๒ เส้นทางดังกล่าว (Access Charge) ควรกำหนดค่าโดยสารที่เหมาะสม ควรจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) และจัดทำแผนการเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ และ (๓) กระทรวงคมนาคม โรงพยาบาลศิริราช รฟท. และ รฟม. ควรร่วมกันออกแบบโครงสร้างอาคารผู้ป่วยในของโรงพยาบาลศิริราช สถานีธนบุรี-ศิริราช ของโครงการฯ และสถานีศิริราช ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างกลมกลืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ครั้งที่ 1 | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๒ ในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ ๒๓,๐๑๘.๘๑ ล้านบาท จากเดิม ๑,๘๒๘,๑๑๙.๑๘ ล้านบาท เป็น ๑,๘๕๑,๑๓๗.๙๙ ล้านบาท และการบรรจุโครงการพัฒนาหรือโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการเงินกู้เพื่อรองรับการดำเนินงานของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลอื่น ๆ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) โครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) และโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) เป็นต้น รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าวรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เช่น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้ชัดเจนและสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกระจายภาระหนี้ให้สอดคล้องกับการจัดหารายได้ของหน่วยงานและความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในแต่ละปี เป็นต้น ไปดำเนินการด้วย ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานครจำนวนไม่เกิน ๑๕,๐๒๕.๕๒ ล้านบาท โดยเป็นวงเงินกู้ต่อเดิมของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาเงินยืม จำนวนไม่เกิน ๔,๑๒๒.๒๘ ล้านบาท และเรียกเก็บเงินยืมที่ไม่มีดอกเบี้ยกับกรุงเทพมหานคร ๑.๕ รับทราบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้และการชำระคืนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังให้กู้แก่กรุงเทพมหานคร และแนวทางการชำระคืนเงินตามสัญญาเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับกรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดกระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาองค์กรและแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจกลุ่มดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อลดภาระความเสี่ยงทางการเงินของรัฐบาลในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีพระราม 6 สถานีบางกรวย - กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม ๓ สถานี ได้แก่ สถานีพระราม ๖ สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี ในกรอบวงเงิน ๑๐,๒๐๒.๓๘ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในกรอบวงเงิน ๖,๕๗๐.๔๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท อย.๕๐๔๒ กับสถานีรถไฟ ทางรถไฟ และย่านสถานีรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ดศ | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมรับทราบและพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒) แนวทางการดำเนินการการนำสายสื่อสารลงใต้ดินตามนโยบายของรัฐบาล (กรุงเทพมหานคร) (๓) (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (๔) การปรับปรุงโครงข่ายเพื่อรองรับแผนเลขหมายโทรคมนาคมระยะยาว ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (๕) (ร่าง) แนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-Satellite Orbit : GSO) ตามนัยมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๖) (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ และ (๗) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 เกี่ยวกับการกู้เงินสำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อ สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในส่วนของการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ รฟท. พร้อมทั้งกำกับติดตามแผนการดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการฯ ได้ภายในปี ๒๕๖๔ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงคลองสามประเวศ แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตำบลบางเตย ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลบ้านสวน ตำบลหนองข้างคอก ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี ตำบลบางพระ ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา ตำบลนาเกลือ ตำบลหนองปรือ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และตำบลสำนักท้อน ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อก่อสร้างย่านสถานี ทางเข้าออกสถานี ทางรถไฟ และดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน หรืออยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืนที่ดินเพื่อดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑) และเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการส่งมอบที่ดินที่จะเวนคืนให้ครบถ้วนเพื่อให้ดำเนินโครงการฯ ได้ และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น (๑) กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต (๒) รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินกระบวนการขั้นตอนการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในโครงการฯ เพื่อให้ รฟท. สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ในการจัดหาและส่งมอบที่ดินให้แก่เอกชนคู่สัญญาได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ และ (๓) ให้ รฟท. พิจารณาการกำหนดแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามความจำเป็นเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบการเวนคืนที่ดินของประชาชน และช่วยให้ รฟท. ควบคุมวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2560 และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2561 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของ ขสมก. มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๘๙๘.๕๔๒ ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นชอบให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ งวดที่ ๓ จำนวน ๑๐๗.๕๒๓ ล้านบาท สำหรับ รฟท. มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๒,๗๓๙.๔๓๑ ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นชอบให้ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (งวดที่ ๒ และงวดที่ ๓) จำนวน ๙๐๗.๗๙๒ ล้านบาท เพื่อป้องกันการขาดสภาพคล่องของ รฟท. ๒. ผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ของ ขสมก. มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๑,๑๔๗.๑๖๘ ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นสมควรให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๑ งวดที่ ๒ จำนวน ๔๑๙.๓๙๗ ล้านบาท สำหรับ รฟท. มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๑,๔๐๐.๐๖๐ ล้านบาท ซึ่ง รฟท. ไม่สามารถเบิกจ่ายวงเงินอุดหนนุในงวดดังกล่าวได้ตามกำหนด เนื่องจากจัดทำและส่งรายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ล่าช้าและไม่ครบถ้วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม จำนวนรวม ๓๑ โครงการ และให้กระทรวงคมนาคมเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และในส่วนของโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการของกระทรวงคมนาคม ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนความพร้อมของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน รวมทั้งการขอเช่าพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการของกระทรวงคมนาคมเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายละเอียดโครงการนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อประกอบการยื่นคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานและกู้เงินระยะสั้นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | คค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ รฟท. สำหรับการกู้เงิน (๑) เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) เงินกู้ระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ถึง ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการใช้จ่ายเงินกู้ของ รฟท. ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของ รฟท. อย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับการผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้ในรายงาน EIA (๒) การดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ขอให้ รฟท. คำนึงถึงทิศทางการไหลของน้ำโดยธรรมชาติ โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าวต้องไม่กีดขวางทิศทางการไหลของน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ (๒) การดำเนินโครงการฯ หากมีจุดที่กีดขวางทางน้ำ ขอให้ รฟท. ออกแบบให้มีช่องทางระบายน้ำ โดยกำหนดตำแหน่งและขนาดของช่องระบายน้ำที่เหมาะสม เพียงพอต่อการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | ดศ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องสืบเนื่อง จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๒๐ ปี (๒) (ร่าง) ข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ (๓) การเชื่อมต่อโครงข่ายเน็ตประชารัฐเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตในโครงการเน็ตชายขอบ และ (๔) การจัดระเบียบสายสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ๓. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ แนวทางการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๔. เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (๓) รายงานผลการดำเนินงานการจัดงาน Digital Thailand Big Bang 2018 (๔) การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ของสำนักงาน กสทช. (๕) ผลการดำเนินงานโครงการเน็ตประชารัฐของสำนักงาน กสทช. และ (๖) ผลการดำเนินงานและปัญหา อุปสรรค ในการจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงใต้ดิน
|
.....