ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 958 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน วงเงิน 11,500.000 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800.000 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2564 | คค. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔)
โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดยในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้
รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงิน ๑๑,๕๐๐
ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ รฟท.
ดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท
โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูล
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ดังกล่าว
เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยตลาด การเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูการแก้ไขปัญหาขององค์กรให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ
และมุ่งเน้นการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย โดยเฉพาะการสร้างรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน
การจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และการพิจารณาเบิกใช้เงินกู้ในจำนวนและระยะเวลาที่เหมาะสม
รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานเท่าที่จำเป็น
และเร่งรัดการลงทุนโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเพิ่มรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 3/2563 | ทส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๕ ครั้งที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)] (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดภูเก็ต
(กะทู้) ของการเคหะแห่งชาติ (๓) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ (๔) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 โครงการพื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ และ (๕) โครงการโรงไฟฟ้าวังน้อย (ทดแทนชุดที่ ๑-๒)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒)
โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (๓)
โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายประสาน
ยุวานนท์ คำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๖๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองน้ำแดง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (๔) การกำหนดขั้นตอนการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเข้าร่วมเป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพในโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพ
และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(๕) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๖)
การครบกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่เทศบาลตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่เทศบาลตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่เทศบาลตำบลนครชัยศรี
อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๓๓
สายนครชัยศรี-ดอนตูม ที่บ้านต้นลาน สำหรับก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทางขอให้กรมทางหลวงให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติทำให้ระบายน้ำไม่ทันและอาจเกิดอุทกภัยในอนาคต
และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานรับผิดชอบ (การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง
และกรมทางหลวงชนบท)
ร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาจุดตัดรถไฟกับถนนเสมอระดับทั่วประเทศให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนและเพิ่มความเร็วเฉลี่ยของขบวนรถโดยสารและสินค้าได้ตามเป้าหมายการพัฒนาระบบรางของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานและเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๑ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติข้อ ๑
เฉพาะในส่วนที่อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า “ขอให้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง
การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ มีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล” ๑.๒ ให้ยกเลิกมติข้อ ๖ ที่กำหนดว่า
“ในส่วนของการประกวดราคาค่าจ้างก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อพิจารณาวิธีการประกวดราคาโครงการฯ ที่เหมาะสม ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด” และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พิจารณาถึงกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี ความคุ้มค่า
ต้นทุน และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ นอกจากนี้
ควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามให้ รฟท.
เร่งดำเนินโครงการลงทุนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบให้เป็นไปตามแผนดำเนินการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงและจัดหารถจักรและล้อเลื่อนให้มีความพร้อมและสามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตภายหลังจากที่ได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๑ และรถไฟสายใหม่ จำนวน ๒ เส้นทาง แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ในการเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล รฟท. ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มแผนงานหรือโครงการ
ให้ส่วนราชการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า จัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น
ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | ร่างข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4.9 กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ...) | คค | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ...) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๘ เพื่อกำหนดมิให้นำข้อบังคับดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาใช้กับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานในการรถไฟแห่งประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรับจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการมิให้นำข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ฯ มาใช้กับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานใหม่ ซึ่งเป็นการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายอันจะมีผลใช้บังคับต่อเนื่องตลอดไป สมควรที่จะกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในส่วนบททั่วไปของข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๙ฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงถ้อยคำเพิ่มเติมและปรับปรุงเงื่อนไขให้ครอบคลุมผู้ปฏิบัติงานเดิมที่อาจได้รับสิทธิให้สามารถสมัครใจเลือกเข้าเป็นสมาชิกระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอนาคต เพื่อให้ข้อบังคับดังกล่าวสามารถดำเนินการและปฏิบัติต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขัดแย้งกับการดำเนินการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และในการกำหนดอัตราส่วนเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้คำนึงถึงฐานะทางการเงินในภาพรวมของการรถไฟแห่งประเทศไทยประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หลากหลาย และส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงินการลงทุนแก่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถบริหารจัดการเลือกและปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2563 | สกพอ | 12/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนงานรื้อย้ายสาธารณูปโภคและก่อสร้างทดแทนในพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ท่าอากาศยานดอนเมือง-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากาศยานอู่ตะเภา) และกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการดังกล่าว จำนวน ๔,๑๐๓.๖๐๘ ล้านบาท เฉพาะส่วนที่หน่วยงานของรัฐเจ้าของสาธารณูปโภคต้องดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วย หน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค) จำนวน ๔,๐๖๙.๔๐๘ ล้านบาท หน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม (กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ) จำนวน ๓๑.๒ ล้านบาท และหน่วยงานภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ (ค่ายลูกเสือวชิราวุธ) จำนวน ๓ ล้านบาท ในส่วนของแผนงานรื้อย้ายสาธารณูปโภคและก่อสร้างทดแทนสาธารณูปโภคที่กีดขวางการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ของหน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงาน [บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย] และของเอกชนอื่น ๆ นั้น หน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภคและเอกชนเจ้าของสาธารณูปโภคจะดำเนินการรื้อย้ายและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง และเมื่อดำเนินการรื้อย้ายและ/หรือก่อสร้างทดแทนสาธารณูปโภคในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จะทยอยส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาเพื่อเข้าดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการบริหารความเสี่ยงในขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการดำเนินโครงการ และควรกำกับและติดตามการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน นอกจากนี้ ในระหว่างขั้นตอนการรื้อย้ายและก่อสร้างสาธารณูปโภคทดแทนกลับ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนทั้งในด้านความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากการดำเนินงานในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายนิรุฒ มณีพันธ์) | คค | 07/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๙๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ ให้นายนิรุฒ มณีพันธ์ ลาออกจากตำแหน่งพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่นก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดพิษณุโลก | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินการรถไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดพิษณุโลกเพิ่มเติมจากเดิมที่มีการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) เนื่องจากผลการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบขนส่งสาธารณะเมืองพิษณุโลก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพบว่า จะมีความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นบวก ในกรณีที่โครงการรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ กรุงเทพมหานคร-พิษณุโลกเปิดให้บริการ จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทยบูรณาการแผนการดำเนินโครงการดังกล่าว (๒) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งควรกำหนดแผนบริหารความเสี่ยง และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของ รฟม. จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ (๓) โครงการดังกล่าวเป็นโครงการระบบขนส่งมวลชนที่ใช้ราง จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และกรณีที่ รฟม. จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนขอให้คำนึงถึงบทบัญญัติมาตรา ๔๙ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและเพิ่มวงเงินในการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) | ตผ | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้าง และเพิ่มวงเงินในการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๔ รายการ วงเงิน ๑,๘๓๒,๙๐๖,๖๐๐ บาท เป็น ๒ รายการ ภายในกรอบวงเงิน ๒,๖๓๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) รายการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวนเงิน ๒,๕๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวนเงิน ๗๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในรายละเอียดอย่างเคร่งครัด และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในการต่อสัญญาเช่าที่ดินของ รฟท. ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอความร่วมมือจาก รฟท. ในการพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเช่าสำหรับหน่วยงานราชการในลักษณะผ่อนปรนต่ำสุดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในกรณีที่ราคาประเมินมูลค่าที่ดิน ณ ปีที่ต่ออายุสัญญาเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมทั้งให้ระบุการขอสงวนสิทธิ์การขอใช้พื้นที่ของ รฟท. ไว้ในสัญญาเช่าให้ชัดเจนด้วย ๒. ในกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องดำเนินโครงการในลักษณะนี้อีกในอนาคต ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบความพร้อมและความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างละเอียดรอบคอบและครบถ้วนในทุกมิติก่อนที่จะเสนอขออนุมัติโครงการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรมีกลไกในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. 14/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อบ. 152/2562 ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ 2 คณะรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี | นร05 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. ๑๔/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อบ. ๑๕๒/๒๕๖๒ ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ ๒ คณะรัฐมนตรี ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓ หน่วยงาน ๔๕ รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗๗,๔๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) กรมทางหลวง จำนวน ๔๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗๐,๖๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) กรมทางหลวงชนบท จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓) กรมท่าอากาศยาน จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ๑.๓ สำหรับโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๐๕๕,๑๙๘,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ใช่การดำเนินงานในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสนับสนุนตามหลักการการอุดหนุนโครงการของ รฟท. โดยเห็นควรให้ รฟท. กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) และให้ รฟท. รับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และ รฟท.) รับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของโครงการ/แผนงานตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการและเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการโครงการและมีการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานและกู้เงินระยะสั้น วงเงิน 800.00 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | คค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม สำหรับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงินให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังต่อไปนี้ (๑) เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงิน ๑๐,๙๑๐.๖๙ ล้านบาท และ (๒) เงินกู้ระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยให้ รฟท. พิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ใหม่ ก่อนที่จะทำสัญญาต่อไปแทนการต่ออายุเงินกู้เดิม ควรควบคุมการเบิกใช้วงเงินกู้ตามสถานการณ์จริงและระยะเวลาที่เหมาะสม ควรเร่งรัดดำเนินการพิจารณาแนวทางต่าง ๆ ในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย ควรเร่งรัดดำเนินการตามแนวทางของแผนฟื้นฟูองค์กรโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วให้เป็นไปตามเป้าหมาย และควรจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะเพื่อให้ได้รับเงินชดเชยบริการอุดหนุนสาธารณะตามระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2561 และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2562 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร02 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยคณะอนุกรรมการทบทวนนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ได้ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐกำหนดและจัดทำรายละเอียดของเรื่องสื่อสารประจำปีที่สำคัญ เช่น การบริหารจัดการมลพิษทั้งระบบ ระบบการทำงานของภาครัฐ การยกระดับบริการสาธารณสุข การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น และได้ประเมินผลการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน พบว่า ประชาชนมีการรับรู้ข่าวสารและให้ความสนใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เมืองอัจฉริยะ คลินิกครอบครัว รถไฟทางคู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยประชาชนได้มีข้อเสนอต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม เช่น ให้กรมควบคุมมลพิษช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เกิดปัญหามลพิษอย่างเร่งด่วนให้ทันต่อสถานการณ์ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบของแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าของการก่อสร้างและการเปิดใช้รถไฟทางคู่ให้มากขึ้น เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ในการจัดทำเอกสารหรือสื่อต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์หรือเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดส่งเอกสารหรือสื่อดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการนำไปถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง โดยให้พิจารณาใช้ช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะในแต่ละกรณีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 7 คน 1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ฯลฯ) | คค | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย รวม ๗ คน แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายชยธรรม์ พรหมศร กรรมการ ๓. นายอำนวย ปรีมนวงศ์ กรรมการ ๔. นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ ๕. นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการ ๖. นายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการ ๗. นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 9/2562 เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน | สกพอ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๙/๑๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซี่งที่ประชุมฯ รับทราบผลการเจรจาของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในเรื่องการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และเห็นชอบเกี่ยวกับมาตรกรและแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินให้แก่เอกชนคู่สัญญา ๑.๒ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในประเด็นมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินรถ การดำเนินงานศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และการสอบถามเกี่ยวกับความวิตกกังวลของผู้ได้รับผลกระทบ และให้หน่วยงานรับไปดำเนินการตามมติดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอนและสาระสำคัญที่กำหนดอย่างโปร่ง รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในทุกภาคส่วน และสัดส่วนอย่างเหมาะสมของประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๘๙๔,๐๐๕.๖๕ ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๘๓๑,๑๕๐.๓๒ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน ๓๙๘,๓๗๒.๕๕ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการยางแห่งประเทศไทย ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๕ แห่ง รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเกี่ยวกับระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๑๓ กำหนดให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเสนอแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี โดยในแผนฯ ประจำปีงบประมาณอย่างน้อยต้องครอบคลุมในเรื่องการกู้เงินและการค้ำประกัน การชำระหนี้ การบริหารหนี้คงค้าง หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหนี้สาธารณะ ไปดำเนินการด้วย และให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการกู้เงินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยเห็นว่า แม้ว่า บกท. ยังมี DSCR ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ (๑ เท่า) แต่พบว่า บกท. มีการก่อหนี้ใหม่เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า บกท. ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องและมีเงินสดไม่เพียงพอในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๒ ขาดทุน จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดรับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาการขาดสภาพคล่องของหน่วยงาน ๑.๔ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจทั้ง ๕ แห่ง ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการฯ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนฯ ที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2562 | กค | 27/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๕ แห่ง ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย การจัดตั้งบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า รัฐวิสาหกิจควรกำหนดแผนปฏิบัติการ และเป้าหมาย/ตัวชี้วัดของการดำเนินงาน รวมทั้งควรมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจอย่างเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปแล้ว ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงที่กำกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องติดตาม เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้เป็นไปตามแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๑,๗๗๕.๖๕๓ ล้านบาท และของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๓,๒๓๘.๖๘๒ ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. รายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ทราบในโอกาสแรกด้วย เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ รวมทั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย และให้ ขสมก. และ รฟท. ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการ และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ตลอดจนการลงทุนโครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการลงทุนและสามารถสร้างรายได้ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาฐานะทางการเงินขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งจัดทำต้นทุนมาตรฐานเพื่อใช้ในการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารและคุณภาพการให้บริการให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อนำข้อมูลต้นทุนมาตรฐานดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จัดทำคู่มือในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะให้กับกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะในปีต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม - เมษายน 2562 (เมษายน 2562) | นร | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการประกันภัยข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการประกันภัยข้าวนาปี และการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ (เพิ่มเติม) ๒. ภัยแล้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒ ๓. โครงการระบบรถไฟชานเมือง เน้นการประชาสัมพันธ์ในการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง (ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา) และสายสีแดงเข้ม (ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) และโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงอ่อน (ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๔. ประเพณีสงกรานต์ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นแนวทางการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) ๕. การเลือกตั้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ๖. ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ
|