ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 181 | การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานสากล | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานว่า
คุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศเท่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Roundtable on Sustainable Palm Oil : RSPO) จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานการผลิตที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ออกใบรับรองคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทย
รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มเติม
เพื่อแสวงหาลู่ทางการเพิ่มมูลค่าทางการค้าของปาล์มน้ำมันให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 182 | ร่างกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานบางส่วนแก่นายจ้าง ซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย พ.ศ. .... | รง. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานบางส่วนแก่นายจ้าง
ซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการไม่ให้นำบทบัญญัติบางส่วนในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑
มาใช้บังคับกับนายจ้างซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
เพื่อให้ลูกจ้างดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบถึงสิทธิประโยชน์ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 183 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) | กค. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย
ปี ๒๕๖๗ และมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๒
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๕
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
รวม ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการของโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. รับทราบโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life และรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการส่งเสริมก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๕.
มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการมาตรการอื่น
ๆ
ซึ่งผู้ประกอบการเอกชนในภาคอสังหาริมทรัพย์มีข้อเสนอให้ภาครัฐพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 184 | รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
ด้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ
รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
และรัฐสามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น
ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในประเทศ
รวมทั้งรัฐควรต้องสร้างการรับรู้และมีการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้รอบด้านด้วย ๑.๒
ด้านโครงสร้างทางธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการเก็บรายได้เข้ารัฐ
โดยการศึกษารูปแบบของการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย
เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น
โดยมีแนวทางดำเนินการในรูปแบบการให้ใบอนุญาตกับเอกชนตามระยะเวลาที่กำหนด
ซึ่งจะทำให้รัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนหากแต่เป็นการกำกับควบคุมและดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง
ๆ รวมถึงการกำหนดขั้นตอนการตรวจสอบให้รัดกุม
พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจะตั้งเป็นสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ
มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสามารถรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ ควรมีการกำหนดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง
ๆ อย่างเหมาะสม และเป็นการเฉพาะต่างหากจากอัตราภาษีปกติทั่วไปที่มีอยู่
ควรมีการศึกษามาตรการป้องกันและการลดผลกระทบจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ควรจัดตั้งหน่วยงานในกำกับดูแลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
และควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนร่วมกันพิจารณาใช้เงินกองทุนเพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน ๑.๓
ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ควรปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบ
โดยการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นแนวทาง พร้อมทั้งทำการปรับปรุงกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วและเกี่ยวข้องควบคู่กันไป
เพื่อให้นโยบายการมีสถานบันเทิงครบวงจรสามารถดำเนินไปอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งมีมาตรการต่าง ๆ รองรับ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้ยกตัวอย่างร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... ด้วยแล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 185 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 2 | นร.07 | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกรอบงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลาง
(Medium Term Expenditure
Framework : MTEF) ตามมติคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
ในคราวการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๙ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ
และการอนุมัติงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 186 | การแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2567 (ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. ....) | คค. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑
นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันพุธที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 187 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... | นร.12 | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
เพื่อลดขั้นตอนการอนุญาตที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงระบบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวกและทันสมัยยิ่งขึ้น
รวมทั้งลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในการอนุมัติ อนุญาต อันจะนำไปสู่การลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน ผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติ มาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรกำหนดให้มีการตรวจสอบ
ทบทวน และปรับปรุงกระบวนการ
ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามที่กำหนดในคู่มือประชาชนเป็นประจำอย่างน้อย
๒ ปี ตามร่างมาตรา ๘ วรรคสี่ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๓.
เห็นชอบข้อเสนอการทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาคัดเลือกและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 188 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 2 ฉบับ | รง. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดให้ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีและการกำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าร่างประกาศดังกล่าวเป็นการดำเนินการใด ๆ ของรัฐที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนสถานะการเงินและผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงแนวทางดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 189 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
ให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 190 | ภาคผนวกที่ 1 และภาคผนวกที่ 2 ที่ปรับปรุงแก้ไขของข้อตกลงการยอมรับร่วมรายสาขาว่าด้วยระบบการตรวจสอบและการให้การรับรองด้านสุขลักษณะอาหารสําหรับผลิตภัณฑ์อาหารสําเร็จรูปของอาเซียน (ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Inspection and Certification Systems on Food Hygiene for Prepared Foodstuff Products; MRA on PF) | กษ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขภาคผนวกที่ ๑ และภาคผนวกที่ ๒
ที่ปรับปรุงแก้ไขของข้อตกลงการยอมรับร่วมรายสาขาว่าด้วยระบบการตรวจสอบและการให้การรับรองด้านสุขลักษณะอาหารสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของอาเซียน
[ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Inspection and Certification
Systems on Food Hygiene for Prepared Foodstuff Products
(MRA on PF)] เพื่อให้สามารถร่วมให้การรับรองการแก้ไขดังกล่าวในการประชุมคณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป [Prepared Foodstuff Product Working Group (PFPWG)] ครั้งที่
๓๘ ซึ่งจะมีการรับรองการปรับปรุงแก้ไขภาคผนวกที่ ๑ และภาคผนวกที่ ๒ ของข้อตกลงฯ
ในการประชุมคณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ครั้งที่ ๓๘ ระหว่างวันที่ ๑-๒
เมษายน ๒๕๖๗ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ครบถ้วน เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามภาคผนวกที่ ๑
และภาคผนวกที่ ๒ ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขใหม่ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 191 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ครั้งที่ 4 | มท. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว
เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (Joint Committee for Management on Mekong River and Heung
River : JCMH) ครั้งที่ ๔ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกการประชุมฯ
โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีประเด็นที่สำคัญคือ
การปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดมาตรฐานด้านเทคนิคการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง
และข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ปัจจุบันยังคงพบปัญหาความไม่ชัดเจนของเขตแดนร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขงระหว่างไทยและ
สปป.ลาว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในแม่น้ำโขง เช่น
การเปลี่ยนแปลงของเกาะหรือดอนในแม่น้ำโขง การขยายตัวของชุมชนตามแนวชายแดน
การสร้างท่าเทียบเรือและตลิ่ง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางหรือกลไกในการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างคณะกรรมการ/คณะกรรมาธิการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการแม่น้ำโขงและพื้นที่เกี่ยวเนื่องร่วมกับ สปป.ลาว
และประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การกำหนดนโยบายและการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 192 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. .... | คค. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคำธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตหรือใบรับรองที่กำหนดขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ
(ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ แก้ไขปรับปรุงการจำแนกประเภทใบอนุญาตและใบรับรอง
รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน
พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ที่สะท้อนต้นทุน
และความเหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 193 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กษ. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ กำหนดหลักเกณฑ์การโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ
การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การยกเลิกสิทธิการทำการประมงให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น และกำหนดหลักเกณฑ์การทดแทนเรือประมง
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการทำประมงของชาวประมงในปัจจุบันควบคู่ไปกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 194 | การพัฒนาอุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park Phayao) | นร. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่เยี่ยมชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ชุมชน
ณ อุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park Phayao) เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย
โดยมีการจัดพื้นที่สำหรับกิจกรรมและการเรียนรู้ที่หลากหลาย
รวมถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของการหารายได้เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาอุทยานการเรียนรู้พะเยา
นั้น พบว่า ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ หลายประการ เช่น
การห้ามจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากการฝึกอาชีพ
การไม่เก็บค่าสมาชิกห้องสมุดและค่าปรับกรณีคืนหนังสือล่าช้า ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งเสริมให้อุทยานการเรียนรู้ทุกแห่งสามารถบริหารจัดการและดำเนินภารกิจต่าง ๆ
ในกรอบหน้าที่และอำนาจของตนได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 195 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) เมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 และวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 | นร.11 สศช | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) เมื่อวันพุธที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๗ และวันจันทร์ที่ ๑๘
มีนาคม ๒๕๖๗ ๑.๒
เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด จำนวน ๙ โครงการ กรอบวงเงิน
๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของวงเงินโครงการ สำหรับโครงการเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ
(Chiang Rai Wellness City) วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองเก่าแพร่ วงเงิน
๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับไปหารือกับสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม
และนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในโอกาสแรก
รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการมาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) จำนวน ๔ โครงการ กรอบวงเงิน ๑๔๕,๘๘๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
สำหรับ ๔ โครงการที่อยู่ในคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ได้แก่
(๑) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมผิวถนน สาย บ้านฝั่งหมิ่น บ้านนาก้า อำเภอเวียงสา
จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๘๕๘,๐๐๐ บาท (๒) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมผิวถนน สาย บ้านเด่น
บ้านห้วยลี่ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓)
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน สาย บ้านนาก้อ-บ้านสบกอน ๒ อำเภอปัว อำเภอเชียงแสน
จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๙๐๒,๐๐๐ บาท และ (๔) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน สาย บ้านตอน
บ้านป่าต้าง อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน วงเงิน ๖,๑๑๒,๐๐๐ บาท วงเงินรวม ๓๔,๘๗๒,๐๐๐
บาท ขอให้พิจารณาเป็นโครงการที่มีลำดับความสำคัญสูง รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือจำนวน ๗๔ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕
มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือจำนวน ๗๔ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอ โดยขอให้เร่งรัดผลักดันโครงการที่สำคัญเพื่อยกระดับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (พะเยา เชียงราย แพร่ และน่าน) ให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง
ส่งเสริมการค้า
การลงทุนเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ประกอบด้วย (๑) ด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจชายแดน จำนวน ๒ เรื่อง (๒)
ด้านคุณภาพชีวิต จำนวน ๒ เรื่อง และ (๓) ด้านอื่น ๆ จำนวน ๒ เรื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๖
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อ ๑.๒-๑.๕
และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) เร่งประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
เกี่ยวกับการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำ
เพื่อให้สามารถปรับปรุงและขยายสายทางตั้งแต่บริเวณสามแยกอนามัยถึงแนวเขตพรมแดนไทย
เป็นขนาด ๔ ช่องทางจราจร ระยะทาง ๒ กิโลเมตร
เพื่อรองรับการเชื่อมโยงระหว่างจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 196 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2558) | มท. | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงผังเมืองให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่จะรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม
และให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 197 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2566 | นร.11 สศช | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ
และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการวัคซีน AstraZeneca ที่ยังไม่ได้รับการส่งมอบจำนวน
๑๙.๐๗๔๔ ล้านโดส เป็นการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ยาว (Long-acting
antibody : LAAB) รุ่นใหม่ จำนวน ๓๖,๐๐๐ โดส
ส่งผลให้กรอบวงเงินโครงการฯ ลดลงจาก๑๘,๓๘๒.๕๖๔๓ ล้านบาท เป็น
๑๓,๖๓๔.๘๗๑๒ ล้านบาท หรือลดลงจำนวน ๔,๗๔๗.๕๙๓๑
ล้านบาท (๒) มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับให้กรมควบคุมโรค เร่งประสานกับบริษัท AstraZenecaฯ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน
เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้ภายในเดือนมีนาคม
๒๕๖๗ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ LAAB ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
(๓) อนุมัติให้จังหวัดกระบี่
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวหาดอ่าวนางและหาดนพรัตน์ธารา
ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ วงเงิน ๕.๔๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๕ เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ โดยขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว
จากเดิม “สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖” เป็น “สิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๗” (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโดยเร็ว
และ (๕) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๙ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๑ และ ๒๒ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการ เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 198 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ
ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๘ ประเด็น โดยในส่วนของประเด็นที่เห็นควรให้แก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย
จาก “นายกรัฐมนตรี” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นั้น ยังมีความเห็นบางส่วนที่เห็นว่า
การให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อให้นโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดผลสัมฤทธิ์
ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
รับทราบคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเป็นการปรับปรุงคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสถานที่ห้ามจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพิ่มอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณาเพื่อการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ
หรือชักจูงใจ กำหนดให้มีการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพแก่ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานศาลยุติธรรม
และผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และความเห็นที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 199 | การปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Agreement : ISA) ฉบับปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) | อก. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
(International Sugar Agreement :
ISA) ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในตราสารการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
โดยการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์ตามความตกลงฯ เป็นไปตามข้อมติที่ ๙๓
(๔) รับรองโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ประกอบด้วย (๑) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านน้ำตาลโลกและสารทำความหวานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพลังงานชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลจากพืชน้ำตาล (๒) เพื่อเป็นเวทีในการหารือระหว่างประเทศด้านตลาดน้ำตาลและสารให้ความหวาน
รวมถึงผลพลอยได้ที่เกิดจากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลและเชื้อเพลิงเอทานอล (๓)
เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า ชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลที่ผลิตจากน้ำตาล และ (๔)
เพื่อเพิ่มปริมาณการอุปสงค์ของน้ำตาลและพืชน้ำตาล โดยเฉพาะที่มิใช่การนำมาบริโภค ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรใช้โอกาสจากการปรับปรุงข้อตกลงดังกล่าว กำหนดแนวทางการผลิต การแปรรูป และการส่งออกผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้ในอุตสาหกรรมน้ำตาล
เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอล
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาล
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 200 | การลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) | นร.01 | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งภาคเอกชนและประชาชนในทุกภาคส่วนให้การส่งเสริม สนับสนุน
และช่วยกันพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารและศักยภาพในด้านต่าง
ๆ ของทั้ง ๓ จังหวัด
เพื่อดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
นั้น จากการลงพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๗-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ได้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพของทั้ง
๓ จังหวัด ทั้งในด้านการท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร และผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่าง
ๆ
(ที่พร้อมรับการสนับสนุนและผลักดันจากทุกภาคส่วนให้เจริญเติบโตและแพร่ขยายออกไปในวงกว้าง
ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการต่าง
ๆ ในกรอบหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานเพื่อดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมการเจริญเติบโต
และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกมิติ ทั้งนี้
ให้รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การยกระดับท่าอากาศยานเบตง
รวมตลอดถึงการยกระดับการศึกษา การปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว การสร้างพิพิธภัณฑ์ เครื่องทองเหลือง
การตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเอกสารโบราณและคัมภีร์อัลกุรอาน
การยกระดับอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชน เช่น ปลานิลสายน้ำไหล ปลาพลวงชมพู
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
