ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 161 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ (แอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีน)
ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพใหม่
เพื่อให้การกำหนดปริมาณยาเสพติดดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ยาเสพติดปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่าหากมีการประกาศใช้บังคับแล้ว
ควรพิจารณาให้มีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางให้ประชาชนและสังคมรับทราบ
เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องถึงเจตนารมณ์ในการออกกฎกระทรวง
ตลอดจนควรพิจารณาให้มีการเก็บข้อมูลผลลัพธ์หลังการประกาศใช้ในประเด็นต่าง ๆ เช่น
สังคม เศรษฐกิจ และการแพทย์ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายต่อไป ๓.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 162 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖) มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว
เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณากำหนดแนวเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ
ทั่วประเทศให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และประชาชนกลุ่มต่าง
ๆ สามารถเข้าใช้ประโยชน์และมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้องนั้น เนื่องจากได้รับทราบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติว่าปัจจุบันแผนที่อาณาเขตที่ดินของประเทศไทยในหลายพื้นที่ยังขาดความชัดเจน
ทำให้ไม่มีมาตรฐานในการนำไปใช้อ้างอิงและใช้ประโยชนในทางราชการต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการนำส่งข้อมูลต่าง
ๆ เกี่ยวกับที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนโดยด่วนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการบูรณาการปรับปรุงแผนที่
One Map ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๘ นี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 163 | การผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง รวมถึงในอดีตถือเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น
หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน - หลวงพระบางให้เป็นเมืองคู่แฝดมรดกโลก
ก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนและผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจังหวัดน่านให้มีความสะดวก
ปลอดภัย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายสนามบินและขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของสนามบินจังหวัดน่านให้สามารถให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 164 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (ปรับปรุงช่วงที่ 1 พ.ศ. 2566 - 2580) | นร.14 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐)
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน
รวมถึงแผนปฏิบัติการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดเป้าหมายรายลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับ
(ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ -
๒๕๘๐) ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาน้ำให้เพียงพอสำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงต่อไปในอนาคตและจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก
รวมทั้งให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทั้งระบบให้เกิดความสมดุล
ครอบคลุมถึงภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ และด้านอื่น ๆ ด้วย ๒.ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
โดยคำนึงถึงวงเงินงบประมาณของประเทศที่จะดำเนินการตามแผนให้ประสบผลสำเร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับ รวมทั้งประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
และมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
กำกับ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ
๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐) และรายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๑๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรให้มีการปรับปรุงรายละเอียดเป้าหมาย การดำเนินงาน
และหน่วยงานรับผิดชอบ ในภาคผนวก ก ค่าเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ในด้านที่ ๕ การบริหารจัดการ
ให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่
๑) พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้
ในการดำเนินโครงการผันน้ำจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดชลบุรี
เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่
EEC ให้เพียงพอและมีความยั่งยืน
โดยให้มีการพิจารณาเปรียบเทียบระบบการผันน้ำ โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างท่อส่งน้ำ
การก่อสร้างคลองส่งน้ำ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความเหมาะสม คุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 165 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... | ตช. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจให้ครอบคลุมกับกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบัน
และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และสำหรับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ดังนี้ สำนักงาน ก.พ. เห็นควรพิจารณาวางแผนบริหารจัดการและกำหนดกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสมกับความจำเป็นตามภารกิจ
รวมทั้งกำหนดลักษณะงานและคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งที่จะมีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งให้มีความสอดคล้องกับตำแหน่งข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งอยู่เดิมและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับข้าราชการประเภทอื่นด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 166 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) และนกชนหิน หรือนกหิน (Buceros
vigil หรือ Rhinoplax vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวน
เพิ่มเติม จากที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามลำดับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
มีผลใช้บังคับไปพร้อมกัน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาแจ้งเรื่องการปรับปรุงสถานะความคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายของประเทศไทยให้ประเทศภาคีอนุสัญญา
CITES รับทราบ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
ทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทที่แข็งขันของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 167 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดตั้งกรมการมัธยมศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดตั้งกรมการมัธยมศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 168 | การจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย | กต. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย [Agreement between the Thailand Trade and Economic Office
in Taipei (TTEO) and the Taipei Economic and Cultural Office in Thailand (TECO)
for the Promotion and Protection of Investments] และอนุมัติให้ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) ลงนามร่างความตกลงฯ สำหรับฝ่ายไทย
กับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไต้หวัน
รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายไต้หวัน เพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับภายหลังการลงนาม โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นเพื่อปรับปรุงและแทนที่ความตกลงฯ ฉบับเดิม
ให้สอดคล้องกับบริบทของการลงทุนในปัจจุบันที่เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
ซึ่งมีการปรับปรุงข้อบทให้มีความชัดเจน รัดกุม
และเป็นไปตามกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยมีข้อบทที่สำคัญ เช่น (๑)
การกำหนดขอบเขตความคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนอีกฝ่ายเฉพาะการลงทุนทางตรงที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
(๒)
การกำหนดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานผู้มีอำนาจของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการตีความและบังคับใช้ความตกลงฯ
และ (๓)
การกำหนดให้มีคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการลงทุนเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคธุรกิจรับทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 169 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ | นร. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๔ พฤษภาคม
๒๕๖๗ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ พบว่า
จังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพที่สามารถยกระดับให้เป็นเมืองขนาดใหญ่
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนได้อีกเป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ จังหวัดสุพรรณบุรี ๑. โดยที่ในระยะที่ผ่านมา จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่สามารถบริหารจัดการน้ำทั้งระบบได้เป็นอย่างดี
ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง อย่างไรก็ตาม
ในอนาคตคาดว่า สถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะมีความถี่และมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดในระยะยาวให้เหมาะสม ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาพรวมด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดทำมาตรการควบคุมโรคในฟาร์มโคนมทั่วประเทศให้ชัดเจน
เพื่อรักษามาตรฐานและคุณภาพการเลี้ยงโคนม ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เช่น การปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก การปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
การนำซังข้าวโพดมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เพื่อช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตร
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ๓. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานปกครอง หน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่เร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามแนวชายแดนในเรื่องต่าง
ๆ อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เช่น การลักลอบเข้าเมือง
การลักลอบขนยางพาราและสินค้าเกษตรอื่น ๆ เข้ามาในพื้นที่ การลักลอบขนยาเสพติด จังหวัดราชบุรี ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร
การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตร
และการควบคุมและปรับราคาสินค้าเกษตรในตลาดให้มีความสมดุลและเป็นธรรมทั้งแก่เกษตรกรและผู้ค้า
เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมป่าไม้)
ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการพัฒนาอุทยานหินเขางูให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งในด้านสันทนาการ นันทนาการ และกิจกรรมกีฬาประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๖.
ท่าอากาศยานหัวหินเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในการยกระดับให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติเพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
จึงขอให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ครบถ้วนในทุกประเด็น เช่น การขยายทางวิ่ง การสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในท่าอากาศยาน
ประมาณการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดชื่อท่าอากาศยานที่จะปรับปรุงใหม่
เช่น ท่าอากาศยานเพชรหัวหิน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดชื่อด้วย
๗. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการจัดกิจกรรมตามประเพณีท้องถิ่น
และกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขัน ทั้งนี้ ในระยะสั้น
ให้พิจารณาศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายเวลาการแข่งขันกีฬาวัวลาน
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน และในระยะยาว ให้พิจารณขยายผลการดำเนินการ ให้ครอบคลุมถึงกีฬาสัตว์พื้นเมืองและสัตว์แข่งขันชนิดอื่น
ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 170 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 171 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๔๖๕ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๔๓,๙๐๗.๔
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๒๒ รายการ วงเงิน ๑๖๒,๕๗๕.๒ ล้านบาท
และเมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
ให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๑๑ หน่วย
ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว กรมท่าอากาศยาน
สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมราชทัณฑ์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สถาบันพระบรมราชชนก สถาบันวิทยาลัยชุมชุน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๒
เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง
ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ)
เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ระยะเวลา ๕ ปี (๖๐ เดือน)
ได้ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
และยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินงานจริง ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 172 | การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบดังกล่าวได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) และให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน
ณ ด่านศุลกากรหนองคาย
เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ต่อไป และต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๗ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ให้แล้วเสร็จและครบวงจร
โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วด้วย
นั้น
เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวบรรลุผลเป็นรูปธรรมตามกรอบเวลาที่กำหนด
จึงขอให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวางแผนและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้คณะอนุกรรมการยกระดับศักยภาพและการอำนวยความสะดวกของชายแดน และระบบขนส่ง/โลจิสติกส์
ที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นประธานอนุกรรมการ เป็นกลไกเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินการต่าง ๆ
ในภาพรวมเพื่อให้การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จ (One Stop
Service) ที่ให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าสินค้าในรูปแบบ
Single Submission ณ ด่านศุลกากรหนองคาย
แล้วเสร็จโดยเร็วเป็นแห่งแรก โดยให้สามารถเริ่มทดลองใช้ระบบได้ภายในวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๗ และสามารถใช้ระบบอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามลำดับ หลังจากนั้นจึงให้พิจารณาขยายการดำเนินการไปสู่ด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ที่มีความพร้อมต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในส่วนของด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ดังกล่าว ให้คณะอนุกรรมการฯ สามารถพิจารณาให้มีการดำเนินการต่าง
ๆ คู่ขนานไปกับการดำเนินการ ณ ด่านศุลกากรหนองคายได้ตามความจำเป็นเหมาะสมตามแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 173 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานทางการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขี้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓๔,๓๒๑.๒๕ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๕.๐๖ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากร
และการนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
มีค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๒๓๔,๖๐๒.๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๕๘
เนื่องจากการลดลงของค่าใช้จ่ายอุดหนุนตามมาตรการของรัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ คลี่คลาย มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๓๖๘,๙๒๓.๘๔ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๖๐ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการจัดเก็บภาษีและการนำส่งเงินรายได้ของหน่วยงานสูง ๒. ฐานะการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒๘๗,๑๒๗.๙๗ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๖ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของที่ดินราชพัสดุ เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
เงินให้กู้ยืมระยะยาว และรายได้รัฐบาลค้างรับ มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๙๐,๑๕๒.๘๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๐๔ เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
และการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้ มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุนลดลง จำนวน
๓๐๓,๐๒๔.๙๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๔๓
เนื่องจากมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสะสมเพิ่มขึ้น จากผลการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับงวดปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๓๙,๘๓๙.๑๒ ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับปรุงรายการบัญชี
การปรับปรุงมูลค่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 174 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างเครือข่ายความเป็นเลิศของคนประจำเรือภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กับกรมเจ้าท่า ประเทศไทย (Memorandum of Understanding between The Asia-Pacific Economic Cooperation Seafarers Excellence Network (APEC SEN) and Marine Department of Thailand) | คค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างเครือข่ายความเป็นเลิศของคนประจำเรือภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
กับกรมเจ้าท่าประเทศไทย (Memorandum of
Understanding between The Asia-Pacific Economic Cooperation Seafarers
Excellence Network (APEC SEN) and Marine Department of Thailand)
และอนุมัติให้อธิบดีกรมเจ้าท่า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย สำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตความร่วมมือระหว่าง APEC SEN กับกรมเจ้าท่า
ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการในด้านการศึกษาและการฝึกอบรมทางน้ำที่มีคุณภาพ
การปรับปรุงสวัสดิการผ่านการสนับสนุนร่วมกัน
และการอำนวยความสะดวกในการพัฒนาอาชีพและการฝึกอบรมใหม่ สำหรับคนประจำเรือในยุคดิจิทัล
เช่น การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญสำหรับกิจกรรมของ APEC SEN การทำงานร่วมกันในการออกแบบและดำเนินกิจกรรม
เสริมสร้างศักยภาพทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ
ที่ตกลงร่วมกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างเครือข่ายความเป็นเลิศของคนประจำเรือภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
กับกรมเจ้าท่าประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 175 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 | พม. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ โดยไม่มีการลงนาม ในช่วงการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ (The fifty-seventh session of the Commission on
Population and Development-CPD57) ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยประชากรและการพัฒนา
และเสริมสร้างความร่วมมือระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ความร่วมมือเหนือ-ใต้
ใต้-ใต้ และความร่วมมือไตรภาคี เพื่อบรรลุการขจัดความยากจน การเพิ่มอายุคาดเฉลี่ย
(Life Expectancy) การลดการเสียชีวิตของเด็กและมารดา
การปรับปรุงการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน และบริการด้านสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์
รวมถึงการวางแผนครอบครัว โดยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในลักษณะบูรณาการ
และตระหนักถึงความท้าทายที่สำคัญ อาทิ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุประชากร
ความยากจน ผลกระทบด้านลบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญ
ซึ่งทำให้ความเปราะบางและความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น
และมีผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 176 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีของส่งอาเซียน
(ASEAN Transport Ministers Meeting : ATM) ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ)
ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การประชุม
ATM ครั้งที่ ๒๙
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การพิจารณาผลการดำเนินความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน
การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM ครั้งที่ ๒๙ และการรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการบินที่ยั่งยืน
เป็นต้น (๑) การประชุม ATM-จีน ครั้งที่ ๒๒
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น รับทราบผลสำเร็จของการดำเนินความร่วมมือด้านการขนส่งทางน้ำและการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ และการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-จีน ครั้งที่ ๒๒
เป็นต้น (๒) การประชุม ATM-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒๑
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒๑ และการรับรองแผนปฏิบัติการหลวงพระบาง เป็นต้น (๓)
การประชุม ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๔ มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การพิจารณาผลการประชุม
ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๓ การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๔ และการรับรองยุทธศาสตร์อาเซียนว่าด้วยการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ
เป็นต้น และ (๔) การประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีอาเซียนสาขาการขนส่ง-สาขาการท่องเที่ยว
(ASEAN Interface Meeting on Transport and Tourism Ministers Meeting) มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการความร่วมมือทั้งสองสาขา
และเพื่อพัฒนาการขนส่งและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รวมทั้งเห็นชอบการกระชับความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
และการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนสาขาการขนส่ง-สาขาการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ที่ประชุม ATM ครั้งที่ ๒๙
และที่ประชุมที่เกี่ยวข้องได้มีการปรับปรุงเนื้อหาและถ้อยคำของร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
จำนวน ๕ ฉบับ ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้นในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของ
สปป.ลาว ได้หารือทวิภาคีในประเด็นสำคัญ เช่น (๑) การดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขง
(หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งที่ ๒ และ (๒)
การขอรับการสนับสนุนจากไทยในการพัฒนาบุคลากรด้านการขนส่งของ สปป.ลาว เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 177 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร | กค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร) ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงตามเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. และมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน
รวมถึงป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส. โดยให้ถือใช้ข้อความตามที่ปรับปรุงแล้ว
แทนข้อความเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
เช่น ๑)
ควรสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้เกี่ยวกับวิธีการดำเนินคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ๒)
ควรกำหนดแผนบริหารจัดการหรือมาตรการจัดการหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับหรือผลกระทบในด้านอื่น
ๆ ที่เป็นภาระแก่เกษตรกรเกินสมควร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้เกษตรกรที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing
Loans : NPLs) ซึ่งยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มนี้ยังคงมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ต่อไปโดยไม่ถูกดำเนินคดีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 178 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของหน่วยรับงบประมาณ และแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และรับทราบผลการพิจารณาคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริหารการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งเร่งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
เพื่อนำไปสู่การลดการขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่ากว่าร้อยละ ๓.๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในช่วงถัดไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 179 | การร่วมมือกับรัฐบาล สปป. ลาว ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12 (R12) ช่วงเมืองท่าแขก-จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป. ลาว | กค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(สปป. ลาว) ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข ๑๒ (R12) ช่วงเมืองท่าแขก-จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป.
ลาว (โครงการ R12) ดังนี้ ๑) อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการตามขอบเขตของโครงการ แหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบ วิธีการ
และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ
R12 จำนวน ๑,๘๓๓,๗๔๗,๐๐๐ บาท ๒) อนุมัติให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณเป็นรายปี
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗o รวมระยะเวลา ๓ ปี
สำหรับวงเงินให้เปล่า จำนวน ๙๑,๐๖๓,๐๐๐
บาท และร้อยละ ๕๐ ในส่วนของเงินกู้จำนวน ๘๗๑,๓๔๒,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๙๖๒,๔๐๕,๐๐๐
บาท ๓) เห็นชอบแนวทางการกู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ จำนวน ๘๗๑,๓๔๒,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด และ ๔)
กรณี สปป. ลาว ผิดนัดชำระหนี้ สพพ. จะพิจารณาใช้เงินสะสมของ สพพ. เพื่อชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศไปก่อน
ทั้งนี้ หาก สพพ.
เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องจะขอรับจัดสรรเงินงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อเสริมสภาพคล่องและเมื่อ
สพพ. สามารถเรียกเก็บหนี้ได้จะนำเงินดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง [สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน)] และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๗๐๖/๗๕ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม
๒๕๖๖) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยขอให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
พร้อมจัดทำขั้นตอนการดำเนินงาน แผนการก่อสร้าง และการเปิดให้บริการ และให้ สพพ.
ใช้เงินสะสมของหน่วยงาน
และกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาอนุมัติได้ตามที่เห็นสมควร และโดยที่เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตาม
ม. ๘ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สพพ. พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มติมและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทยจึงเข้าข่ายเป็นการดำเนินการตามมาตรา
๔ (๑) และ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องฯ พ.ศ. ๒๕๔๘ นอกจากนี้ ควรมอบหมายให้กระทรวงการคมนาคมกำกับโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม
และโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ให้แล้วเสร็จตามแผน
เพื่อให้โครงข่าย/คมนาคมของไทยสามารถเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร้รอยต่อ
อันจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
ตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 180 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 3 | นร.07 | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
