ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1340 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 26781 - 26800 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26781 | การจัดทำแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (Joint Statement on the outcome of the official visit to the Russian Federation by the Prime Minister of the Kingdom of Thailand) ในระหว่างวันที่ ๘-๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีเป้าหมายที่จะยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนในระดับที่สูงขึ้น โดยจะกระชับและขยายความร่วมมือในทุกมิติผ่านกลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. ให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวกับประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียโดยไม่มีการลงนาม
|
||||||||||||||||||||||||
26782 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม | ตช | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวางเงิน ๘๑๕,๑๘๔,๗๒๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในอัตราค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่กรมบัญชีกลางกำหนดตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
26783 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมโครงการจัดตั้งศูนย์ผลิตภัณฑ์จากพลาสมา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย | สกช | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ สภากาชาดไทยเป็นองค์กรสาธารณสุขเพื่อมนุษยธรรมซึ่งมิใช่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ และมีสถานะเป็นนิติบุคคลที่พึงได้รับการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐ สภากาชาดไทยจึงมิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่เนื่องจากสภากาชาดไทยขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อคณะรัฐมนตรีในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ซึ่งเป็นข้อผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีที่จะต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายสนับสนุนให้ในปีต่อ ๆ ไปต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) กรณีที่สภากาชาดไทยได้ดำเนินการลงนามในสัญญาจัดตั้งศูนย์ผลิตภัณฑ์จากพลาสมา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ไปแล้ว เห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายต่อไป ๑.๒ การขอสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนเพิ่มเติม จำนวน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากวงเงินที่เพิ่มขึ้น ๗๑๔,๑๘๔,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินของโครงการทั้งสิ้น ๒,๗๗๗,๑๔๙,๐๐๐ บาท เห็นควรเห็นชอบความเหมาะสมของทั้งโครงการเป็นจำนวน ๒,๖๗๑,๐๐๐,๕๐๐ บาท โดยใช้เงินงบประมาณ จำนวน ๑,๑๖๕,๘๙๑,๗๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๑,๕๐๕,๑๐๘,๘๐๐ บาท ตามสัดส่วนเดิม ๒. ให้สภากาชาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยพลาสมาเพื่อต่อยอดการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมากลุ่มอื่น ๆ รวมทั้งสร้างมาตรฐานคุณภาพการจัดเก็บพลาสมาของโรงพยาบาลที่จะต้องมีการจำหน่ายให้แก่ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาเพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรค ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26784 | การขออนุมัติการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียของรัฐบาลไทย | กค | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย จำนวน ๖.๘๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ครบ ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามเจตนารมณ์เดิมในการก่อตั้งบรรษัทฯ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันพิจารณาถึงข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรอบระยะเวลาที่ต้องใช้ในการดำเนินการในกรณีกระทรวงการคลังจะขอใช้จ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมของบรรษัทฯ และให้นำเสนอผลการพิจารณาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป และหากกระทรวงการคลังไม่สามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมของบรรษัทฯ โดยใช้จ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ หรือไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นควรให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เสนอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ภายในกรอบวงเงินจำนวน ๒๑๙ ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒ บาท โดยให้เบิกจ่ายตามอัตราจริง ณ วันเบิกจ่าย ทั้งนี้ ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการมาใช้จ่ายเพื่อการนี้อีกครั้งหนึ่งก่อน |
||||||||||||||||||||||||
26785 | โครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) จำนวน 7 ขบวน ของบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด | คค | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) จำนวน ๗ ขบวน ขบวนละ ๔ ตู้ วงเงินรวม ๔,๘๕๔.๔๑ ล้านบาท (รวมค่าใช้จ่ายสำหรับอะไหล่สำรอง ร้อยละ ๑๐ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ ๗ และค่าใช้จ่ายในการแก้ไขระบบอาณัติสัญญาณและการเดินรถ) ของบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ด้านการโดยสารรถไฟฟ้าและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินขบวนรถไฟฟ้าเนื่องจากเป็นการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าธรรมดาเพิ่มเติม จำนวน ๗ ขบวน ขบวนละ ๔ ตู้ และเสริมการให้บริการของขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทฯ มีอยู่เดิมที่จะครบวาระในการซ่อมหนัก (Overhaul) เมื่อวิ่งครบระยะทาง ๑ ล้านกิโลเมตร ในช่วงต้นปี ๒๕๕๗ รวมทั้งปริมาณผู้โดยสารคาดการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา ที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๕ ขบวน ขบวนละ ๓ ตู้ ไม่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้ใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศในการดำเนินโครงการฯ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงิน และนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อเพื่อนำไปเพิ่มทุนให้กับบริษัทฯ เพื่อดำเนินโครงการฯ โดยจะให้ รฟท. ถือหุ้นร้อยละ ๑๐๐ ต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีการให้กระทรวงการคลังเข้าร่วมถือหุ้นในบริษัทฯ แทน รฟท. ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ทั้งนี้ หากกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ประสงค์ให้กระทรวงการคลังเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ กระทรวงการคลังจะต้องเปิดโอกาสให้ รฟท. สามารถซื้อหุ้นของบริษัทฯ คืนจากกระทรวงการคลังได้ในราคาทุนในอนาคต |
||||||||||||||||||||||||
26786 | การเลื่อนการจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ - นครศรีธรรมราช | นร | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช) รับทราบและอนุมัติการจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ นั้น บัดนี้ กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แจ้งว่า ของดเที่ยวบินพิเศษดังกล่าวไว้ก่อน
|
||||||||||||||||||||||||
26787 | ขออความเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง | คค | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ร่างบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Draft Final MOU for the Establishment of the Greater Mekong Railway Association : GMRA) ฉบับปรับปรุงใหม่ ๒. การลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMRA) ๓. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ |
||||||||||||||||||||||||
26788 | การประเมินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน | คค | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ลดหย่อนค่ารายปีให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประจำปีภาษี ๒๕๔๘ ถึงปีภาษี ๒๕๕๓ จากที่กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ จำนวน ๑,๒๘๙,๓๕๒,๔๒๓.๐๕ บาท ลงเหลือ จำนวน ๖๘,๐๑๗,๖๘๔.๑๖ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
26789 | โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) | มท | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ ในวงเงินลงทุนรวม ๔,๕๓๐ ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ในประเทศ ๓,๓๙๕ ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. วงเงิน ๑,๑๓๕ ล้านบาท และเห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศภายในกรอบวงเงิน ๓,๓๙๕ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. ให้ กฟภ. รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมีรายละเอียดการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟทั้งด้านฮาร์ตแวร์ และซอฟต์แวร์ โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก กฟภ. จึงควรมุ่งเน้นด้านการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้ากำลังเป็นอันดับแรก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในอนาคต นอกจากนี้ กฟภ. ควรพิจารณาดำเนินการปรับปรุงพัฒนาให้ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟสามารถรองรับการใช้งานได้ในระยะยาว เพื่อเป็นการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26790 | การกู้เงินประจำปีงบประมาณ 2557 ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติกู้เงินประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อการบริหารหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ (Roll Over) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26791 | รายงานปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนตุลาคม 2556) | ตช | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รอบเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๔๐๗ คดี คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๔๔ คดี และคดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๔,๒๔๒ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๒๔๒ คดี คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๘๘๙ คดี และคดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๘๔๐ คดี ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาดกำลังพลที่จะปฏิบัติงานในพื้นที่ปกติ จึงให้หน่วยงานพิจารณาจัดสรรกำลังทดแทนจากหน่วยข้างเคียง และขอความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง อาสาสมัครภาคประชาชน มาร่วมปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||
26792 | รัฐบาลรัฐสุลต่านโอมานเสนอขอแต่งตั้งเอกอักราชทูตประจำประเทศไทย [นายอับดุลเลาะฮ์ เศาะลาฮ์ อะห์มัด อัล-ไมมานีย์ (Mr. Abdullah Saleh Ahmed Al-Maimani)] | กต | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอับดุลเลาะฮ์ เศาะลาฮ์ อะห์มัด อัล-ไมมานีย์ (Mr. Abdullah Saleh Ahmed Al-Maimani) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐสุลต่านโอมานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายฮาฟีดห์ ซาลิม โมฮาเมด บา-โอมาร์ (Mr. Hafeedh Salim Mohamed Ba-Omar) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26793 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่ายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดรูปแบบ มาตรการ รวมถึงระบบการดูแลเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือโรคเนื่องจากการทำงานที่ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมและจำเป็น และควรเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ หลักเกณฑ์ขั้นตอนการเข้าถึงสิทธิประโยชน์กรณีต่าง ๆ แก่ลูกจ้างและนายจ้างภายใต้กองทุนเงินทดแทนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26794 | รัฐบาลสาธารณรัฐไอซ์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสเตฟาน สเกียล์ดาร์ซอน (Mr. Stefan Skjaldarson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ มีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนางสาวคริสทีน เอ. อาร์นาโดเทียร์ (Ms. Kristin A. Arnadottir) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26795 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 2 ราย คือ นายชัยเลิศ หลิมสมบูรณ์ฯ) | กต | 03/12/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) จำนวน ๒ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยเลิศ หลิมสมบูรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ (นักบริหาร ระดับต้น) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายสมชาย เภาเจริญ ซึ่งเกษียณอายุราชการ ๒. นายพิชยพันธุ์ ชาญภูมิดล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก (นักบริหาร ระดับต้น) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายธฤต จรุงวัฒน์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
26796 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 25/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26797 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 25/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ได้แก่ ๑.๑ โครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างดำเนินการและมีการผูกพันสัญญาแล้ว จำนวน ๙ รายการ วงเงิน ๒๙๒.๗๒๙๕ ล้านบาท สำหรับรายการที่ต้องขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ โครงการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับรายการที่มีการผูกพันสัญญาของกรมทรัพยากรน้ำ วงเงิน ๘๖,๔๒๓,๕๕๗.๙๗๐๐ บาท ๑.๓ โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๖๒๙,๖๒๙,๒๘๐.๐๐๐๐ บาท ๑.๔ โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์วิทยบริการ จำนวน ๕๐ แห่ง ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำหรับรายการที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและหรือขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเร่งรัดขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติการยกเลิกโครงการเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจนั้นต่อไป ได้แก่ ๒.๑ การยกเลิกโครงการที่ยังไม่มีข้อผูกพันสัญญาและยังไม่ได้เริ่มการดำเนินงาน ในส่วนของโครงการอาคารพักพยาบาล ๒๐ ห้อง โรงพยาบาลนายายอาม (จังหวัดจันทบุรี) วงเงิน ๕.๕๒๓๐ ล้านบาท และโครงการระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลยุพราชฉวาง (จังหวัดนครศรีธรรมราช) วงเงิน ๗.๗๑๓๐ ล้านบาท ของกระทรวงสาธารณสุข ๒.๒ การยกเลิกการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งห้วยน้ำภูนก ช่วง ๒ ห้วยภูนก หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าปลา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงิน ๑,๙๐๓,๔๐๐.๐๐ บาท เนื่องจากไม่สามารถเข้าพื้นที่ดำเนินการได้และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองน้ำบางดี หมู่ที่ ๔ ตำบลพ่วงพรหมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงิน ๔,๒๘๐,๔๙๐.๐๐๐๐ บาท ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ได้แก่ ๓.๑ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒ รายการ วงเงิน ๒,๑๑๙,๖๑๐.๐๔๐๐ บาท ๓.๒ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม จำนวน ๑๘ รายการ วงเงิน ๓๑,๑๘๕,๙๘๖.๐๐๐๐ บาท ๓.๓ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๑,๓๒๕,๓๑๑.๗๐๐๐ บาท ๔. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเป็นภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๕. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๓๓.๐๐๐๐ บาท และอนุมัติดำเนินโครงการพัฒนางานห้องผ่าตัด ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน และห้องปฏิบัติการกลาง จำนวน ๓๐ รายการ และอนุมัติจัดสรรเงินเหลือจ่ายตามวงเงินที่คงเหลือให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๐๐.๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||||||||
26798 | ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาราคายางพาราและสินค้าการเกษตรด้านอื่น ๆ | สผ | 25/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาราคายางพาราและสินค้าการเกษตรด้านอื่น ๆ พร้อมผลการดำเนินการตามญัตติดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้ายางพารา สินค้าปาล์มน้ำมัน สินค้ามันสำปะหลัง การแบ่งเขตโซนนิ่งเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน มาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในเรื่องยางพาราจากกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26799 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน 3,910 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน ๓,๙๑๐ ล้านบาท จากปีงบประมาณ ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินที่เหมาะสม ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนการใช้ที่ดินในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนการกู้เงินที่กำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
26800 | ขออนุมัติกู้เงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลังเมื่อมีความพร้อมในการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) บางซื่อ-รังสิต วงเงิน ๗๑๐.๕๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน ๓,๓๒๑.๔๓ ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัย ๘ สายทาง วงเงิน ๒,๘๙๒.๐๖ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เฉพาะในส่วนที่รัฐบาลรับภาระเพื่อชำระหนี้คืนแหล่งเงินกู้โดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป รวมทั้งให้ รฟท. จัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และแผนการกู้เงินที่สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะดำเนินการจริง โดยให้ รฟท. ทยอยเบิกเงินกู้โดยตรงจากแหล่งเงินกู้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อนการกู้เงิน ๒. ให้ รฟท. กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ (รถจักรดีเซลไฟฟ้า) จำนวน ๕๐ คัน วงเงิน ๘๘๕ ล้านบาท โครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน ๕๖ คัน วงเงิน ๓๔๒.๗๓ ล้านบาท และโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๖๗๒.๔๔ ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑,๙๐๐.๑๗ ล้านบาท โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายจากการกู้เงิน และสำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน ๓๐๘ คัน (น้ำหนักกดเพลา ๒๐ ตัน) วงเงิน ๑๐๖ ล้านบาท เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาสากล โดยให้ผู้ประกวดราคาเสนอแหล่งเงินกู้ในลักษณะของ Supplier Credit/Export Credit และกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของแหล่งเงินกู้ที่ผู้ประกวดราคาเสนอมา หากพบว่าต้นทุนเงินกู้ที่เสนอสูงกว่าต้นทุนที่กระทรวงการคลังจะจัดหาให้ รฟท. ได้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้ต่อไป แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคซึ่งโครงการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนของแหล่งเงินทุน ดังนั้น เมื่อ รฟท. ทราบแหล่งเงินที่ชัดเจนแล้ว ให้ รฟท. นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติแหล่งเงินสำหรับโครงการดังกล่าวต่อไป ๓. ให้ รฟท. กู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระ (Roll-over) ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๑๔,๙๘๙.๒๘ ล้านบาท รวมทั้งให้ รฟท. ต่ออายุสัญญาเงินกู้เบิกเกินบัญชี วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี เพื่อไว้รองรับปัญหาเงินสดขาดมือในการดำเนินงาน ๔. กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกัน และเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น |
.....