ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1335 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26681 - 26700 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26681 | ขอความเห็นชอบการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างอาเซียน - เยอรมนี (ASEAN-German Technical Cooperation Project on Sustainable Port Development in the ASEAN Region: SPD) ระยะที่ 2 (Verbal Note) | คค | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างอาเซียน-เยอรมนี (ASEAN-German Technical Cooperation Sustainable Port Development in the ASEAN Region : SPD) ระยะที่ ๒ (Verbal Note) ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๓ ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๖-ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบการจัดทำร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างอาเซียน-เยอรมนี ระยะที่ ๒ (ASEAN-German Technical Cooperation Sustainable Port Development in the ASEAN Region : SPD) ๑.๓ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และร่างความตกลงฯ แทนประเทศไทย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของเลขาธิการอาเซียนหรือผู้ที่เลขาธิการอาเซียนมอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนไทยถาวรประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบของรัฐบาลไทยต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และร่างความตกลงฯ และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการทำความตกลงระหว่างประเทศโดยอาเซียนที่กำหนดให้รัฐบาลไทยจะต้องยินยอมผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ในการลงนามร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยส่วนราชการเจ้าของเรื่องจะต้องเสนอร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว และภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมได้มีการจัดทำระบบ Manifest System ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการเฝ้าระวังและติดตามการลักลอบทิ้งของเสียที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งการทิ้งของเสียจากการเดินเรือทะเล (ASEAN Mechanism to Enhance Surveillance against Illegal Desludging and Disposal of Tanker Sludge at Sea) โดยเป็นหลักการร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนั้น ในการดำเนินโครงการควรนำเรื่องระบบ Manifest System มาพิจารณาด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้กำกับดูแลและบริหารท่าเรือ นำองค์ความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้กับท่าเรือแห่งอื่นภายในประเทศ เพื่อยกระดับการบริการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในมาตรฐานเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
26682 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางพัชรี ขันติพงษ์) | สธ | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพัชรี ขันติพงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
26683 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคาร และค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ขนาด 8 บัลลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับงานที่เพิ่มขึ้น และขออนุมัติปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | ศย | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ขนาด ๘ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๑๒๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๒๕,๐๒๓,๐๐๐ บาท โดยมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น จำนวน ๔,๒๒๓,๐๐๐ บาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ขนาด ๘ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๑,๙๕๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๐๓๔,๔๖๐ บาท โดยมีค่าควบคุมงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๘๔,๔๖๐ บาท สำหรับการปรับแผนการใช้งบประมาณและการขยายระยะเวลาการก่อสร้าง ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย
|
||||||||||||||||||
26684 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกะลุวอเหนือ และตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
26685 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 25 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน | พณ | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ต่อต้านมาตรการกีดกันทางการค้า (Protectionist measures) ขยายเวลาที่จะคง (standstill) การไม่นำมาตรการใหม่ ๆ ที่เป็นการปกป้องทางการค้ามาใช้จนถึงปี ๒๕๕๙ และเรียกร้องให้สมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) แสดงเจตจำนงทางการเมืองและความยืดหยุ่นเพื่อให้การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ ๙ (The 9th WTO Ministerial Conference : MC9) เมื่อวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย บรรลุผลสำเร็จ สนับสนุนการเจรจาขยายขอบเขตสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA Expansion) ให้สามารถหาข้อสรุปได้ก่อน MC9 โดยได้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าเชิงพาณิชย์ น่าเชื่อถือ ปฏิบัติได้ และสมดุล ๑.๒ ยืนยันการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคให้เหลือร้อยละ ๕ หรือต่ำกว่า ภายในปี ๒๕๕๘ และเห็นชอบการจัดตั้งเวทีหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชนเรื่องสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม (APEC Public-Private Partnership on Environmental Goods and Services : PPEGS) เพื่อหารือประเด็นด้านการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้การส่งเสริมการค้าสินค้าที่สนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึงโดยการพัฒนาชนบทและบรรเทาความยากจน นอกจากนี้ ต่อต้านและยกเลิกมาตรการที่ก่อให้เกิดการบิดเบือนทางการค้า ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff measures : NTMs) และให้การรับรองแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการสร้างงานและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน (APEC Best Practices to Create Jobs and Increase Competitiveness) เพื่อเสนอแนะนโยบายการสร้างงาน การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แทนการใช้มาตรการกำหนดเงื่อนไขให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ๑.๓ รับรองแผนงานด้านความเชื่อมโยงในกรอบเอเปค (APEC Framework on Connectivity) ประกอบด้วยความเชื่อมโยง ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านกายภาพ ด้านสถาบัน และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และเพื่อบรรลุเป้าหมายปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานของเอเปคให้ได้ร้อยละ ๑๐ ภายในปี ๒๕๕๘ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (APEC Trade and Investment Liberalization Sub-Fund on Supply Chain Connectivity) เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร ๑.๔ ส่งเสริมบทบาทสตรีและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อการมีส่วนร่วมมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด ส่งเสริมความเป็นสากล ให้ความรู้เรื่องการเงิน และการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางน้ำ พลังงาน และทางอาหาร โดยส่งเสริมความร่วมมือและนโยบายแบบบูรณาการ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ภายในเวลาที่กำหนด การดำเนินการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค ให้รับฟังความเห็นจากภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชน รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการเข้าถึงการค้าบริการ [APEC Services Trade Access Requirements (STAR) Database] ควรมีการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ (Trade in Health Services) อย่างรอบคอบในทุกกรอบความร่วมมือ รวมทั้งท่าทีของประเทศไทยในการสนับสนุนการเจรจาขยายขอบเขตสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA Expansion) เพื่อให้สามารถหาข้อสรุปได้ก่อนการประชุม MC9 อยู่บนฐานของความยืดหยุ่นและระดับการพัฒนาด้าน IT ที่แตกต่างกัน และไม่ควรมีผลกระทบต่อรายการสินค้าอ่อนไหวของความตกลงการค้าเสรีในกรอบอื่น ๆ ที่ได้ลงนามไปแล้ว รวมถึงต้องคำนึงถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม IT ภายในประเทศ และการปฏิบัติได้จริงตามกระบวนการศุลกากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
26686 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐรวันดา | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐรวันดา (Memorandum of Understanding on the Establishment of Bilateral Consultations between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs and Cooperation of the Republic of Rwanda) โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการปรึกษาหารืออย่างเป็นทางการเป็นประจำในระดับปลัดกระทรวงหรือผู้แทน เพื่อทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ การพาณิชย์ วิชาการ วัฒนธรรมและกงสุล อันจะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐรวันดาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนาม ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการเจรจาและประชุมนานาชาติตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
26687 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๔ (14th Informal ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 14th IAMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๙ (9th Meeting of the Conference of the Parties to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : COP-9) การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (Special ASEAN-Japan Ministerial Dialogue) และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๒ (12th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยในส่วนของผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมให้การรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยสิ่งแวดล้อมศึกษา (ASEAN Environmental Education Action Plan : AEEAP) พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ ต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕ ที่สิ้นสุดลง เพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ๒. ที่ประชุมให้การรับรองอุทยานแห่งชาติ Mt. Makiling Forest Reserve in Los Banos ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียนแห่งที่ ๓๓ ๓. ที่ประชุมรับทราบว่าประเทศไทยให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Agreement on the Establishment of the ASEAN Centre for Biodiversity) เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๔. ที่ประชุมเห็นชอบต่อการจัดพิธีมอบรางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนอาเซียน ครั้งที่ ๓ (3rd ASEAN ESC Award) และการมอบใบประกาศเกียรติคุณ ครั้งที่ ๒ (2nd Certificate of Recognition) ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๕. ที่ประชุมให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการดำเนินการเรื่องการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน รวมถึงกิจกรรมภายใต้กรอบการดำเนินงาน ๑๐ ปีว่าด้วยการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
|
||||||||||||||||||
26688 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 11 | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของประธาน (Chair’s Statement) ฉบับวันที่ ๒๓ ตุลาคม ค.ศ. ๒๐๑๓ สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๑ (the 11th ASEM Foreign Ministers’ Meeting : ASEM FMM 11) โดยร่างถ้อยแถลงฯ เป็นการแถลงเจตนารมณ์ทางการเมืองและนโยบายที่มีนัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประกอบกับการเข้าร่วมการประชุมและร่วมรับรองเอกสารผลการประชุม ASEM FMM 11 เป็นการสะท้อนท่าทีและเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศสมาชิก ASEM ๑.๒ อนุมัติให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย หรือผู้แทน รับรองเอกสารดังกล่าว ๑.๓ หากมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำของร่างเอกสารผลการประชุม ASEM FMM 11 ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนจะมีการรับรองเอกสารดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณาจัดกิจกรรมทางวิชาการเพื่อพัฒนาความร่วมมือกับประเทศสมาชิก ASEM ในด้านที่มีความสนใจร่วมกัน รวมทั้งปรับปรุงถ้อยคำในเอกสารดังกล่าวเพื่อให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
26689 | ขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเลโซโทประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายอภิชาติ สุดแสวง) | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอภิชาติ สุดแสวง เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเลโซโทประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย สืบแทนนายรณพงศ์ คำนวณทิพย์ ที่ขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
26690 | การขอรับเงินชดเชยจากรัฐ สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร กรณีได้รับผลกระทบจากการขยายระยะเวลาก่อสร้าง ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 ครั้ง | พม | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติได้รับเงินชดเชยจากรัฐสำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวนเงิน ๑๑๙.๔๒ ล้านบาท กรณีได้รับผลกระทบจากการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างในการขยายระยะเวลาก่อสร้าง ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๓ ครั้ง ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ (เรื่อง การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างในเขตจังหวัดที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งออกตามความในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการก่อสร้างอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย) โดยใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่การเคหะแห่งชาติได้รับจัดสรรและงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว เพื่อให้การเคหะแห่งชาติสามารถปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐได้โดยไม่เกิดผลกระทบทางการเงิน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้การเคหะแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยดังกล่าวให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
26691 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดยโสธร พ.ศ. .... | มท | 12/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดยโสธร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดยโสธร เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
26692 | คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร | นร | 11/11/2556 | |||||||||||||||
นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้จัดประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยเชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ตามนัยมาตรา ๘ วรรคสอง ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยที่เห็นว่า คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว เกี่ยวข้องกับอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติและอยู่ในความสนใจของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งเข้าข่ายเป็นกรณีที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่สมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
๑. ให้เสนอเรื่อง คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร ให้ประธานรัฐสภาเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา ๑๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะดำเนินคดีปราสาทพระวิหารของประเทศไทย รายงานคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร สรุปได้ว่า คำพิพากษาของศาลฯ ให้ความสำคัญกับการที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจากัน โดยมีประเด็นหลัก ๆ ดังนี้ ๒.๑ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศรับฟังข้อต่อสู้ของฝ่ายไทย และได้ยืนยันที่จะตัดสินภายในขอบเขตของคำพิพากษาเดิมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ๒.๒ ศาลฯ รับฟังข้อต่อสู้ของฝ่ายไทย โดยยืนยันว่าคำพิพากษาเดิมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับประเด็นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งหมายความว่าศาลฯ ไม่รับพิจารณาข้อเรียกร้องของกัมพูชาเหนือพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร และที่สำคัญศาลฯ ไม่ได้ตัดสินว่าแผนที่มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ ผูกพันไทย โดยผลของคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ๒.๓ ศาลฯ รับตีความเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร (vicinity) ตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี ๒๕๐๕ โดยอธิบายว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ประกอบขึ้นเป็นยอดเขาพระวิหาร โดยไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน และที่สำคัญไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งในส่วนของพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทนี้ ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไปโดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ๒.๔ ศาลฯ ได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการที่จะต้องร่วมมือกันอนุรักษ์และพัฒนาปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลก ๓. ให้คณะที่ปรึกษากฎหมายศึกษารายละเอียดและสาระสำคัญของคำพิพากษาเพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปประกอบการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลต่อไป ต่อจากนั้น ฝ่ายไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย โดยจะต้องคำนึงถึงขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมาย ตลอดจนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย ๔. ให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน รักษาอธิปไตยและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสันติภาพ สันติสุข และความสงบเรียบร้อยดังที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด
|
||||||||||||||||||
26693 | รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ | นร | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่จะต้องจัดส่งให้ประเทศสหรัฐอเมริกาภายในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ยังมีข้อมูลหลายส่วนที่ยังไม่ชัดเจนและครบถ้วน รวมทั้งยังไม่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพในการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการเพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดำเนินการในส่วนของศูนย์ช่วยเหลือสังคม (One Stop Crisis Center : OSCC) ยังขาดการประสานงานและการเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อรับประเด็นปัญหาและข้อร้องเรียนไปพิจารณาดำเนินการต่อไป จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการประสานและกำกับดูแลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์รับไปเร่งรัดดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อปรับปรุงรายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้มีข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน ก่อนจัดส่งให้กับประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report : TIP Report) ประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๓ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
26694 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. .... | นร09 | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายจัดตั้งกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ และการใช้จ่ายเงินที่ได้มาจากการเรียกเก็บดังกล่าวในการพัฒนาระบบสถาบันการเงินและช่วยเหลือสถาบันการเงินของรัฐ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
26695 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) โดยเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นกรรมการใน กนพ. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
26696 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
26697 | ขอถอนรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน 4 คน | ปง | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการถอนรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๔ คน ได้แก่ นายเกษม มกราภิรมย์ นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ พลตำรวจตรี สุเทพ รมยานนท์ และนายภิญโญ ทองชัย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะบังคับบัญชาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้แจ้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
26698 | รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | กค | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าว ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งจัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) โดยใช้ข้อมูลบัญชีจากชุดรัฐบาลที่แสดงการรับจ่ายเงินคงคลังของรัฐบาลเป็นหลัก และรวบรวมข้อมูลที่มีสาระสำคัญในส่วนสินทรัพย์และหนี้สินของรัฐบาลจากส่วนราชการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแทนรัฐบาล มาปรับปรุงในบัญชีชุดรัฐบาล โดยข้อมูลเหล่านี้ ได้แก่ ข้อมูลหนี้สาธารณะจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ข้อมูลเงินลงทุนของรัฐบาลจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และข้อมูลที่ราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย รายได้สุทธิ รวม ๑,๖๕๖,๓๔๙.๙๕ ล้านบาท และค่าใช้จ่าย รวม ๑,๖๗๖,๒๙๐.๕๒ ล้านบาท ๒. งบแสดงฐานะการเงิน ประกอบด้วย สินทรัพย์ รวม ๔,๘๙๑,๓๕๐.๑๓ ล้านบาท หนี้สินและภาระผูกพัน รวม ๒,๓๙๑,๘๒๖.๕๓ ล้านบาท และสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน รวม ๒,๔๙๙,๕๒๓.๖๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
26699 | การจัดทำแผนเผชิญเหตุการณ์ป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับบริเวณกว้าง | มท | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแผนเผชิญเหตุป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับบริเวณกว้าง ตามมติคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยวัตถุประสงค์ของร่างแผนฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับบริเวณกว้างได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ มีการบูรณาการในการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานและการประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนและสื่อมวลชนได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชาทุกระดับ เพื่อบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กปภ.ช. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบวิธีการรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะการระบุระดับของความรุนแรงของภัยที่เกิดขึ้นและผู้ที่จะต้องได้รับรายงานในแต่ละระดับ และพิจารณาการเพิ่มช่องทางพิเศษในการรายงานให้เกิดความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ เช่น SMS E-mail การรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรหรือ Application ต่าง ๆ ที่สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงกรณีที่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารในช่องทางปกติด้วย ทั้งนี้ กรณีไฟฟ้าดับบริเวณกว้างนอกจากจะคำนึงถึงมิติด้านขนาดพื้นที่แล้วควรพิจารณาในมิติด้านผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ด้วย รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีผู้แทนจากกระทรวงพลังงานในส่วนบังคับบัญชาและอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับบริเวณกว้าง การกำหนดคำนิยามทางไฟฟ้าในแผนเผชิญเหตุป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับบริเวณกว้างให้ชัดเจน การกำหนดระดับดัชนีชี้วัดด้านความรุนแรงของเหตุการณ์ เช่น ปัจจัยด้านระยะเวลาจ่ายไฟฟ้าคืนระบบ ปัจจัยด้านจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ และปัจจัยด้านความสำคัญของพื้นที่ เพื่อเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจและบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการบูรณาการระหว่างหน่วยงานด้านไฟฟ้าและหน่วยงานหลักในการเผชิญเหตุและหน่วยงานสนับสนุนที่รับผิดชอบในการจัดทำแผนฯ ก่อนนำไปปฏิบัติใช้จริง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
26700 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 05/11/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....