ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1335 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 26681 - 26700 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26681 | การรับรองร่างปริญญาลิมาว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม | อก | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการของคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๕ ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ระหว่างวันที่ ๒-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู เพื่อให้การรับรองร่างปฏิญญาลิมาว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามที่ได้รับความเห็นชอบและอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญในการกำหนดให้การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุมเป็นนโยบายหลัก เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในวิสัยทัศน์ที่จะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และจะรวมอยู่ในวาระเพื่อการพัฒนาภายหลังปี ๒๐๑๕ (Post-2015 Development Agenda) และเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (๒๕๕๕-๒๕๕๙) และยุทธศาสตร์ประเทศของไทยในการสร้างโอกาสบนความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของสังคม (Inclusive Growth) และการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Growth) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26682 | การลงนามความตกลง Memorandum of Association among the Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technological and Economic Coopertion (BIMSTEC) Member Countries Concerning Establishment of a BIMSTEC Center for Weather and Climate | ทก | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เดิม เป็นอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ BIMSTEC เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ BIMSTEC ด้านอวกาศและภูมิอากาศ [Memorandum of Association among the Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technological and Economic Cooperation (BIMSTEC) Member Countries Concerning Establishment of a BIMSTEC Centre for Weather and Climate : MOA] เพื่อจัดตั้ง BIMSTEC Centre for Weather and Climate (BCWC) ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นสำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่จะพิจารณามอบหมายบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ได้เป็นผู้ลงนาม MOA ดังกล่าว ๒. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายผู้แทนเป็นผู้ลงนาม MOA ดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสำหรับการลงนาม MOA ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26683 | การดำเนินการเลือกตั้งกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 28 เขตเลือกตั้ง ไม่สามารถสมัครได้ | ลต | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำชี้แจงของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา) ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กราบเรียนประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งใน ๒๘ เขตเลือกตั้ง โดยกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจในการกำหนดวันรับสมัครวันเลือกตั้ง เพิ่มเติม และกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งการประกาศงดเว้นการจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร นั้น ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้กระทำได้ เพราะการทูลเกล้าฯ เสนอพระมหากษัตริย์เพื่อใช้พระราชอำนาจตราพระราชกฤษฎีกานั้น ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย (มาตรา ๑๘๗) สำหรับการเลือกตั้งใน ๒๘ เขตเลือกตั้ง นั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถกระทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26684 | การลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC และศูนย์ปฏิบัติการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC | วธ | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC และศูนย์ปฏิบัติการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC) จากเดิม “เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC และศูนย์ปฏิบัติการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC” เป็น “อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC และศูนย์ปฏิบัติการอุตสาหกรรมวัฒนธรรม BIMSTEC” ๒. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26685 | การเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ 1 เมษายน 2556 ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐอื่นที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี [นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร )] | นร | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐอื่นที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี [นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)] จำนวนรวม ๙๙ คน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ เลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานระดับดีเด่น จำนวน ๒๔ คน (เลื่อนเงินเดือน ๑ ขั้น) และส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนเงินเดือนไปได้เลย โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก ๑.๒ เลื่อนเงินเดือนให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี จำนวน ๗๕ คน และให้ส่งกระทรวง กรมต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนเงินเดือนไปได้เลย โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก ประกอบด้วย ๑.๒.๑ เลื่อนเงินเดือนให้แก่ผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น จำนวน ๖๘ คน [เลื่อนเงินเดือนร้อยละ ๔ (ครึ่งปี) ของฐานในการคำนวณให้แก่ข้าราชการพลเรือน และเลื่อนเงินเดือน ๑ ขั้น ให้แก่ลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐอื่น (ตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงาน)] ๑.๒.๒ เลื่อนเงินเดือนให้แก่ผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าระดับดีเด่น จำนวน ๗ คน [เลื่อนเงินเดือนร้อยละ ๓ (ครึ่งปี) ของฐานในการคำนวณให้แก่ข้าราชการพลเรือน และเลื่อนเงินเดือน ๑ ขั้น ให้แก่ลูกจ้างส่วนราชการ (ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวจะต้องได้รับการเลื่อนเงินเดือนทั้งปีไม่เกิน ๑.๕ ขั้น ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ ให้แก่ข้าราชการตำรวจและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี (จำนวน ๑๐๒ คน)] ๒. ให้ส่งรายชื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนเงินเดือนไปได้เลยโดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
26686 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนภายใต้ความผันผวนของค่าเงินบาทซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการผลิต" | สสป | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนภายใต้ความผันผวนของค่าเงินบาทซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการผลิต" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยควรพิจารณาและรักษาเสถียรภาพอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ให้มีความผันผวน โดยให้สอดคล้องไปกับภูมิภาค ๒. รัฐบาลควรจะเตรียมมาตรการและเครื่องมือในการรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณการบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะมีความรุนแรงในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๖ ๓. รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยควรมีมาตรการในการควบคุมเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ ในลักษณะการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงปลายปี ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีการออกกรอบรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ๒๒ มาตรการแล้ว แต่ยังขาดแนวปฏิบัติในการควบคุมและบังคับใช้ ๔. ธนาคารแห่งประเทศไทยควรกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นระบบ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารเงินทุนไหลเข้า รวมทั้งเงินเฟ้อในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมจะส่งผลต่อเสถียรภาพด้านการเงิน ด้านต้นทุนการผลิต และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ๕. รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยควรวางแนวทางในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Forward/ Hedging Exchange Rate) โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกซึ่งอยู่ในภาคเกษตร เกษตรแปรรูป และ SMEs ซึ่งมี Local Content สูง ๖. รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการส่งออก และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้อยโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และภาคเกษตร-เกษตรแปรรูป โดยอาจใช้วิธีปล่อยกู้ด้วยวิธีการผ่อนปรนหลักประกันเป็นกรณีพิเศษ (PSA) ๗. รัฐบาลควรพิจารณาถึงคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-เอกชน ในการบูรณาการขับเคลื่อนมาตรการกรอบรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จัดทำให้สามารถขับเคลื่อนได้จริง ๘. รัฐบาลควรมีมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนให้กับภาคเกษตรและเกษตรแปรรูป รวมทั้ง SMEs และวิสาหกิจชุมชนประเทศไทยภายใต้ความผันผวนด้านการเงิน และเศรษฐกิจโลก
|
|||||||||||||||||||||||||||
26687 | ขออนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 | พณ | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จ่ายให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส. จะได้จ่ายให้เกษตรกรตามใบประทวนที่เกษตรกรได้จำนำไว้กับรัฐบาลต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติในหลักการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ สำหรับนำไปใช้จ่ายตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ โดยเมื่อได้รับกระแสเงินสดจากกระทรวงการคลังและการระบายข้าวแล้ว ให้กรมการค้าต่างประเทศนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชดใช้คืนเงินทดรองราชการต่อไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของใบประทวนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และตามมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญก่อนการเบิกจ่ายด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
26688 | ขอรับการจัดสรรงบกลางให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาสนับสนุนเป็นเงินรางวัลตามวัตถุประสงศ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ | นร04 | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๘๔,๐๗๘,๐๐๐ บาท สมทบให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนเป็นเงินรางวัลตามวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้กับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๗ แข่งขันระหว่างวันที่ ๑๑-๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26689 | รายงานความก้าวหน้าโครงการสำคัญ (Flagship Project) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 25/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าโครงการสำคัญ (Flagship Project) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีโครงการสำคัญเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ จำนวน ๘ โครงการ ดังนี้
๑. โครงการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การประกาศเป็นนโยบายการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ การรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับความเหมาะสมของดิน (Land Suitability) ความต้องการของพืช ประมง ปศุสัตว์ (Production Requirement) และข้อมูลเกษตรจากทุกจังหวัด การประกาศเขตเศรษฐกิจสำหรับพืช ปศุสัตว์ และประมง ระหว่างวันที่ ๕ กุมภาพันธ์-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ พร้อมจัดทำแผนที่ประกอบ จำนวน ๒๐ ชนิดสินค้า ประกอบด้วย พืช ๑๓ ชนิด ปศุสัตว์ ๕ ชนิด และประมง ๒ ชนิด การจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการในระดับจังหวัดและกระทรวง การปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรที่ไม่เหมาะสมไปสู่พืช ประมง และปศุสัตว์ ในพื้นที่ที่เหมาะสม การเสนอแผนการบริหารจัดการพื้นที่และสินค้าเกษตรระดับจังหวัดของผู้ว่าราชการจังหวัด และการจัดทำแผนสนับสนุนปัจจัยการผลิตหลักทั้งในเรื่องดินและน้ำ รวมทั้งกิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไปคือ การประกาศเขตเศรษฐกิจตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. ๒๕๒๒ และการออกกฎกระทรวงหรือกฎหมายอื่นรองรับการดำเนินงานภายใต้โครงการ Zoning ๒. โครงการเมืองเกษตรสีเขียว (Green Agricultural City) การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่เกษตรใน ๖ จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ หนองคาย ศรีสะเกษ จันทบุรี ราชบุรี และพัทลุง ดำเนินการสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่กำหนดเป็นเมืองเกษตรสีเขียว รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตโดยใช้สารเคมีอย่างถูกวิธีให้เกิดตำบลหรือหมู่บ้านสีเขียวต้นแบบ ๓. โครงการพัฒนาเกษตรกรและเจ้าหน้าที่เกษตรปราดเปรื่อง (Smart Farmer and Smart Officer) การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การตรวจสอบจำนวนและคุณสมบัติของเกษตรกรที่ทำการผลิตทั้งพืช ประมง ปศุสัตว์ การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยสนับสนุนนโยบาย Smart Farmer/Smart Office “หนึ่งบัตรประชาชนเพื่อเกษตรกรปราดเปรื่อง : One ID Card for Smart Farmer” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาการจดทะเบียนเกษตรกรให้ทันสมัย การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลเกษตร หรือ War Room การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เกษตร (MOAC TV) เพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรระบบใหม่และเป็นสื่อกลางระหว่างทุกภาคส่วน การจัดทำโปรแกรมพัฒนาเกษตรกรเชื่อมโยงกับบัตรประจำตัวเกษตรกร การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการพัฒนาเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) การนำระบบ Training and Visiting (T&V) system มาใช้เต็มรูปแบบ การแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดเพื่อดำเนินการสำรวจและคัดกรองเกษตรกร และการสร้างครูเกษตรกร ๔. โครงการพัฒนาสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน (Food Safety) การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ การส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบการผลิต มาตรฐาน โดยรับรองมาตรฐานฟาร์มเกษตรกรเป็น CAP การตรวจสอบและรับรองโรงงานตามมาตรฐาน GMP และ HACCP การถ่ายโอนการตรวจรับรองให้ส่วนราชการหรือเอกชน การรับรองร้านอาหารและภัตตาคารที่ใช้วัตถุดิบจากฟาร์มเกษตรโดยใช้สัญลักษณ์ Q รวมทั้งการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการเชื่อมโยงระบบการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพอาหารของประเทศโดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวสนับสนุน ๕. โครงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งกองเกษตรอาเซียนเพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงาน การจัดประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ของแต่ละชนิดสินค้า วิเคราะห์กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ และกลุ่มที่ยังมีปัญหา การพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรให้เป็นมาตรฐานอาเซียน การประสานงานกับกรมศุลกากรในการบูรณาการด่านพืช ประมง ปศุสัตว์ และห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าในพื้นที่ชายแดน จุดผ่านเข้าออกสินค้าระหว่างประเทศ การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำโครงการความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตรและร่วมมือการผลิตในลักษณะทำการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๖. โครงการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมอาเซียน (Seed Hub) การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาศูนย์วิจัยพันธุ์พืชและผลิตพันธุ์หลักเพื่อให้เกษตรกรผลิตพันธุ์ขยายจำหน่ายให้เกษตรกร การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตามความต้องการของเกษตรกร การผลิตเมล็ดพันธุ์ดี การศึกษาวิจัยพันธุ์ข้าวและพันธุ์พืชที่เป็นลักษณะเฉพาะของประเทศไทย และเก็บรวบรวมพันธุ์ไว้เพื่อให้เกิดความมั่นคงอาหารและการเกษตรกรรมของประเทศ การสร้างเครือข่ายเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์และดูแลธุรกิจผลิตเมล็ดพันธุ์พืชในประเทศเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและเป็นศูนย์กลางของอาเซียน รวมทั้งการสนับสนุนให้สหกรณ์หรือภาคเอกชนด้านปศุสัตว์ผลิตพันธุ์ปศุสัตว์และพัฒนาเกษตรกรของไทยให้จำหน่ายพันธุ์สัตว์ ๗. โครงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงานเกษตร การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ พัฒนาเครื่องจักรกลเกษตรเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าเกษตร การจัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ เพื่อพัฒนาและสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบกระบวนการผลิตของประเทศ การจัดงานนิทรรศการเครื่องจักรกลเกษตรที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อแสดงศักยภาพด้านเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทย และการสนับสนุนงานวิจัยเพื่อผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร ๘. โครงการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานให้มีความชัดเจน โดยประกาศพื้นที่น้ำน้อย จัดพื้นที่ปลูกพืชตามปริมาณน้ำในเขื่อน จัดหาอาชีพและรายได้แก่เกษตรกรในภาวะน้ำแล้ง การมีระบบเตือนภัยเวลาเกิดน้ำท่วม ฝนแล้ง แจ้งเตือนแก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มพื้นที่ชลประทานปีละ ๒๐๐,๐๐๐ ไร่ เป็นอย่างน้อย เพิ่มบ่อน้ำขนาดเล็กนอกเขตชลประทานปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ไร่ และวางระบบเติมน้ำในแหล่งน้ำชุมชนให้สามารถใช้น้ำเพื่อการเกษตรในช่วงแล้ง การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการน้ำเข้าพื้นที่เกษตรเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเขตพืชไร่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งการนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องฝนหลวงมาใช้เพื่อแก้ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร |
|||||||||||||||||||||||||||
26690 | รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเหวียน เติ๊ต ถั่ญ (Mr. Nguyen Tat Thanh) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายโง ดึ้ก ทั้ง (Mr. Ngo Duc Thang) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26691 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฉาว เสี่ยวเหลียง (Mr. Chao Xiaoliang) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๒ จังหวัดภาคเหนือของไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย และอุตรดิตถ์ สืบแทนนายจาง เหว่ยฉาย (Mr. Zhang Weicai) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26692 | รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง อู วีน หม่อง (U Win Maung) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน อู ตีน์ วีน์ (U Tin Win) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26693 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำเมืองพัทยา | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัลเบอร์ต อาร์เทอร์ แอลสัน เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำเมืองพัทยาคนใหม่ สืบแทนนายแบรี เคนยอน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26694 | การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร | นร05 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงกรณีการเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
๑. การเสนอแต่งตั้งผู้แทนส่วนราชการเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายจัดตั้ง และการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และนิติบุคคลที่กระทรวงการคลังถือหุ้น ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และตามสิทธิของกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นกรณีที่สามารถกระทำได้ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังได้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ๒. สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ที่ได้กำหนดไว้ว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายซึ่งอาจมีตำแหน่งว่างลงในระหว่างการยุบสภาจะกระทำมิได้ นั้น หมายถึงคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และที่ได้มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการนั้น ๆ ไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26695 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๙,๖๓๓,๘๐๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26696 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ให้แก่ข้าราชการผู้มาช่วยปฏิบัติราชการในงานของประธานผู้แทนการค้าไทยและผู้แทนการค้าไทย จำนวน ๘ คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นางสาวพัชรินทร์ ฤทธิเกิด นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ สำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ประธานผู้แทนการค้าไทย (นายโอฬาร ไชยประวัติ) ๑.๒ นายธีระพงษ์ วัฒนวงษ์ภิญโญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักประสานงานการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพิเชษฐ สถิรชวาล) ๑.๓ นางฐิติพร สุขเจริญ เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน สำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพิเชษฐ สถิรชวาล) ๑.๔ นางกมลพรรณ เทพอาวุธ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ๑.๕ นายศักดิ์นรินทร์ อินภิรมย์ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สงขลา ๒ กรมสรรพากร ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ๑.๖ นางสาวสุภาวดี เชิดมณี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นางนลินี ทวีสิน) ๑.๗ นางสาวพุทธชาติ วงษ์มงคล นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นางนลินี ทวีสิน) ๑.๘ นายศิริเทพ ทั่งศิริ นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ กรมการค้าต่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์) ๒. สำหรับเงินเลื่อนเงินเดือนให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของส่วนราชการต้นสังกัดไปดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26697 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 9 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พณ | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference : MC) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ (MC9) ๑.๑ ที่ประชุมฯ สามารถสรุปผลลัพธ์การเจรจาเรียกว่า “Bali Package” ซึ่งครอบคลุม ๓ ประเด็นภายใต้การเจรจารอบโดฮาที่สมาชิกได้หยิบยกมาเจรจาเพื่อหาข้อสรุปก่อน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) เกษตร (Agriculture) และการพัฒนา รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด สำหรับประเด็นต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ ๘ ที่ประชุมฯ มีมติขยายเวลาการยกเว้นการเก็บอากรศุลกากรชั่วคราวสำหรับการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ภายใต้แผนงานด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และขยายเวลาการยกเว้นการฟ้องกรณีพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ออกไปอีก ๒ ปี (๒๕๕๗-๒๕๕๘) รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการดำเนินการต่อเนื่องตามแผนงานเกี่ยวกับกลุ่มประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดเล็ก (small economies) โครงการความช่วยเหลือเพื่อการค้า (Aid for Trade) และการค้ากับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Session) ว่า ไทยให้ความสำคัญกับระบบการค้าพหุภาคี และเห็นว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูบทบาทการเป็นเวทีการเจรจาการค้าขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การสรุปผลของการเจรจารอบโดฮาในที่สุด อีกทั้งเรียกร้องให้สมาชิกผลักดันการเจรจาเกษตรที่มีผลลัพธ์ที่สมดุลระหว่างการเปิดเสรีสินค้าเกษตรกับผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา ในการนี้ไทยได้ประกาศการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least-Developed Countries : LDCs) โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา (Duty Free Quota Free : DFQF) แก่สินค้านำเข้าจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด จำนวน ๔๙ ประเทศ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ ๗๓ ของรายการสินค้าทั้งหมด ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในพิธีสารการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทย-อัฟกานิสถานภายใต้กระบวนการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิก WTO ๒. การดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุม MC9 ในเรื่องความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Agreement on Trade Facilitation : TFA) กระทรวงพาณิชย์จะจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวินัยที่สามารถปฏิบัติได้ทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ และแจ้งต่อ WTO โดยเร็วเพื่อนำไปประกอบในความตกลง TFA สำหรับในส่วนการยอมรับพิธีสารแก้ไขความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้ง WTO เพื่อผนวก TFA เป็นส่วนหนึ่งของความตกลงภายใน WTO จะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๔ ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาแจ้งการยอมรับพิธีสาร (ระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ๓. หลังจากที่ไทยประกาศดำเนินโครงการการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา (DFQF) อย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ แล้ว กรมศุลกากรต้องพิจารณาหลักเกณฑ์กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าและคณะกรรมการป้องกันผลกระทบอันเนื่องจาก “การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา” และกระทรวงพาณิชย์ต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการระงับสิทธิพิเศษ ก่อนที่จะแจ้งรายละเอียดโครงการฯ ต่อ WTO ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
26698 | พิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน | พน | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่องการพิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เพื่อไปพิจารณาทบทวนและหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
26699 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายโอยันตา อุมาลา ตัสโซ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ ๔-๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องสำหรับการลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับสถาบันพลังงานนิวเคลียร์แห่งสาธารณรัฐเปรู อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับฝ่ายเปรู ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเปรู อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับฝ่ายเปรูเรื่องโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเอกชนแห่งสาธารณรัฐเปรูเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนในระดับทวิภาคี อย่างเป็นรูปธรรม และศึกษาแผนการลงทุนของฝ่ายเปรูโดยเฉพาะในสาขาการก่อสร้างและพลังงาน ๕. ให้กระทรวงศึกษาธิการติดตามให้มีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตจำนงที่จะมีความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทยกับผู้บริหารระดับสูงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือกับฝ่ายเปรูเรื่องทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทย และการส่งอาจารย์ชาวเปรูมาสอนภาษาสเปนที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างไทยกับเปรู ๗. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับฝ่ายเปรูโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงสุขภาพ ๘. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือด้านสวัสดิการสังคมกับฝ่ายเปรูโดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ๙. ให้กระทรวงการต่างประเทศผลักดันให้มีการดำเนินการตามสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา อย่างเป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||
26700 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... | ลต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....