ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1333 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26641 - 26660 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26641 | การเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco - car) รุ่นที่ 2 | อก | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco-car) รุ่นที่ ๒ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ได้พิจารณาเกี่ยวกับการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco-car) รุ่นที่ ๒ มีมติ ๑.๑.๑ เห็นชอบการเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ โดยเงื่อนไขขนาดการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนของโครงการรวม (Package) สำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่ได้รับส่งเสริมอยู่เดิม กำหนดเป็นไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ เห็นชอบให้ผู้ได้รับการส่งเสริมรายเดิมสามารถยื่นขอขยายกำลังการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลได้ และในกรณีที่ผู้ประกอบการรายเดิมสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ได้ ให้สามารถนับรวมเป็นปริมาณการผลิตจริงตามเงื่อนไขที่จะต้องมีปริมาณการผลิต (Actual Production) ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คันต่อปี ของโครงการเดิมได้ ๑.๒ เห็นชอบให้เสนอกระทรวงการคลังพิจารณา ๑.๒.๑ กำหนดให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่จะได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๔ หรือ ๑๒ ตามที่ได้ประกาศกำหนดไว้ในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่แล้วนั้น จะต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๓๐๐ ซีซี หรือเครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๕๐๐ ซีซี ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตรวจสอบและให้การอนุมัติว่ามีคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ นี้ทุกประการ ๑.๒.๒ ในช่วงที่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ เห็นชอบให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราเดียวกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่ร้อยละ ๑๗ ตามที่กำหนดในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน ๑.๒.๓ พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดมาตรการส่งเสริมเชื้อเพลิงทดแทนประเภท Bio Diesel เพิ่มเติมในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยกำหนดให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่สามารถใช้เชื้อเพลิงทดแทนประเภทน้ำมัน B10 ได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๒ เช่นเดียวกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่สามารถใช้น้ำมัน E85 ได้ ๑.๒.๔ ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ทั้งรุ่นที่ ๑ และรุ่นที่ ๒ ที่จะได้รับสิทธิการชำระภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๑๗, ๑๔ หรือ ๑๒ ตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ๑.๓ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศ ที่ ส.๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เรื่อง การส่งเสริมกิจการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๒ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และแม่พิมพ์ไทยอย่างจริงจัง โดยมีการรายงานผลการติดตามและประเมินผลดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อสิ้นสุดระยะ ๕ ปีแรก ของการได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26642 | รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2553 | คค | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของกรมการขนส่งทางบก ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินและงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงาน การบริหารแผนงบประมาณ การใช้จ่ายเงินตามแผนงานโครงการ และการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26643 | หนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ (Exchange of Notes between the Government to the Kingdom of Thailand and the Government of His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam on Visa Exemption for Holders of Diplomatic and Official Passports) ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการระหว่างกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตร และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า แวะผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของทั้งสองประเทศเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าและออก โดยการดำเนินการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประติบัติต่างตอบแทน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
26644 | ขอความเห็นชอบการเปิดสำนักงานการกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดภูเก็ต | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดสำนักงานการกงสุลประจำจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การกำกับดูแลของสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา และมีเขตกงสุลครอบคลุม ๓ จังหวัดของไทย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา ๒. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของกระทรวงการต่างประเทศระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายจีนเกี่ยวกับการเปิดสำนักงานการกงสุลของสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดภูเก็ต |
||||||||||||||||||||||||
26645 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหลวงเหนือ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | มท | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหลวงเหนือ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลนาแก บางส่วนของตำบลหลวงเหนือ บางส่วนของตำบลหลวงใต้ และบางส่วนของตำบลบ้านโป่ง อำเภองาว จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
26646 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเตรียมการเปิดทำการศาลจังหวัดพิมายและศาลจังหวัดวิเชียรบุรี รวม 4 ฉบับ | ศย | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเตรียมการเปิดทำการศาลจังหวัดพิมายและศาลจังหวัดวิเชียรบุรี รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพิมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพิมาย ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงนครราชสีมา ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใชบทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้ศาลจังหวัดนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด สำหรับคดีอาญาที่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวง ซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอคง อำเภอชุมพวง อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนแดง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอปากช่อง อำเภอประทาย อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดวิเชียรบุรี |
||||||||||||||||||||||||
26647 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ 1 | ศธ | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรายการก่อสร้าง ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ จัดหาภายในวงเงินไม่เกินราคากลาง ๒,๒๙๙,๙๙๙,๗๖๑.๗๐ บาท โดยใช้วิธีการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศประกวดราคาเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ยื่นเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ มีจำนวนผู้เข้ายื่นเอกสารประกวดราคาฯ จำนวน ๖ ราย ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ดำเนินการ เริ่มดำเนินการศึกษาข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นมา และส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การดำเนินการด้านครุภัณฑ์การแพทย์ ได้วางแผนดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อป ๔. การดำเนินการด้านบุคลากร ได้วางแผนดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริหารจัดการเชิงบูรณาการในภาพรวมของมหาวิทยาลัยมหิดล และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
26648 | รายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ | พณ | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Memorandum of Understanding between the Department of Intellectual Property, Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand, and the Department of Science and Technology, the General Administration of Quality Supervision, Inspection, and Quarantine of the People’s Republic of China on Cooperation in the Areas of Geographical Indications) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งราชอาณาจักไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ กับอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการแลกเปลี่ยนเอกสารทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นการลงนามในต้นฉบับคู่ ๓ ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันลงนามและฝ่ายจีนได้ส่งเอกสารการลงนามที่ครบถ้วนถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. บันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ การจัดสัมมนา ฝึกอบรม โครงการนำร่องเพื่อคุ้มครองและจดทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GIs) ระหว่างกัน การเยี่ยมแหล่งผลิตสินค้า GIs การจัดแสดงสินค้า GIs การบริหารจัดการ การควบคุมและการตรวจสอบการจดทะเบียนสินค้า GIs และการจัดโครงการฝึกอบรมภาคธุรกิจ เป็นต้น มีผลเป็นระยะเวลา ๖ ปี และจะต่ออายุออกไปอีก ๒ ปี โดยอัตโนมัติจนกว่าคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกโดยการบอกกล่าวเจตนาเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังคู่สัญญาอีกฝ่ายเป็นระยะเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย ๒ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
26649 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน | กก | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Letter of Intent between the Kingdom of Thailand and the European Union on Cooperation in the Field of Sustainable Tourism) โดยหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายด้านการบริการการท่องเที่ยว การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงฝ่ายวิชาการด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ การลงทุนขนาดกลางและขนาดย่อม การฝึกอบรม การปรับปรุงการบริการด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ในโอกาสการเยือนไทยของนาย Antonio Tajani รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และกรรมาธิการด้านอุตสาหกรรมและกิจการวิสาหกิจและคณะ ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรพิจารณาความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันในเนื้อหาของกรอบนโยบายด้านการท่องเที่ยว (Communication on Tourism) เพื่อกำหนดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่อยู่ในความสนใจร่วมกันที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และควรพิจารณาประเด็นที่เชื่อมโยงที่มีผลกระทบทางอ้อม (Indirect Impacts) กับเรื่องการท่องเที่ยว เช่น ความปลอดภัยของยานพาหนะสำหรับนักท่องเที่ยว การคุ้มครองสิทธิ์ของนักท่องเที่ยว รวมถึงการแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยว การเปิดตลาดการบริการด้านการท่องเที่ยว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26650 | ขออนุมัติและสนับสนุนงบประมาณโครงการก่อสร้างโรงงานแปรรูปนมที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี | กษ | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมปศุสัตว์ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานแปรรูปนมที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ งบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๕๙,๙๙๒,๔๒๘.๓๐ บาท โดยให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อร่วมกันวางแผนพัฒนากระบวนการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำนมโคให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร และการวางแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลิตภัณฑ์นมไม่มีที่จำหน่าย จนกระทั่งจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดนมโรงเรียน รวมทั้งในระยะยาวควรมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมให้มีความหลากหลายขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้โครงการฯ ดำเนินอยู่ได้ด้วยตนเอง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26651 | รายงานผลการจัดนิทรรศการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศ | นร11 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย ๒๐๒๐” ระหว่างวันที่ ๔ ตุลาคม-๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดหนองคาย นครราชสีมา ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ และฉะเชิงเทรา ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการบูรณาการการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จำนวนผู้เข้าร่วมนิทรรศการฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๕๖๔,๓๗๙ คน หรือเฉลี่ย ๒๖,๘๗๕ คน/วัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๑๓๙,๑๘๓ คน หรือเฉลี่ย ๔๖,๓๙๔ คน/วัน และน้อยที่สุดที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๔๖,๒๘๔ คน หรือเฉลี่ย ๑๕,๔๒๘ คน/วัน ๒. ความเห็นของผู้ร่วมชมนิทรรศการฯ ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจการจัดนิทรรศการฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ได้รับทราบข่าวการจัดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย ๒๐๒๐” จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน รองลงมาคือ สื่อโทรทัศน์ ป้ายประชาสัมพันธ์/แผ่นพับ และเพื่อน/ครอบครัว ตามลำดับ โดยมีความประทับใจนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงมากที่สุด รองลงมาคือ การจำหน่ายสินค้า OTOP และกิจกรรมการประกวด “จานด่วนไทย ไปครัวโลก” ตามลำดับ ๓. การดำเนินงานในระยะต่อไป คณะกรรมการการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศเห็นควรให้มีการจัดนิทรรศการเพื่อสรุปภาพรวมทั้งประเทศอีกครั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้มีการเตรียมข้อมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงให้มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถชี้แจงและสื่อสารต่อประชาชนและผู้ที่สนใจได้อย่างชัดเจน และครบถ้วน ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯ เห็นควรกำหนดช่วงเวลาการจัดนิทรรศการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์-๒ มีนาคม ๒๕๕๗ สำหรับสถานที่จัดนิทรรศการฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมทั้งในด้านขนาดของพื้นที่ และความสะดวกในการเดินทางเข้าถึงสถานที่จัดนิทรรศการฯ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมเสนอให้มีพื้นที่ในการจัดแสดงผลงานที่ได้รับรางวัลการประกวดแนวคิดการออกแบบสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ภายใต้ชื่อ “Design Station Define Identity” และกระทรวงศึกษาธิการได้จัดให้มีกิจกรรมการประกวดภาพและเรียงความในหัวข้อ “จังหวัดของฉันในปี ๒๐๒๐” ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนและนักศึกษาเกิดความสนใจในการรับทราบข้อมูลของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมากขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอีกทางหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
26652 | รายงานผลการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการและติดตามงานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) | นร11 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
26653 | คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก | นร01 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๙/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประกอบด้วยคณะที่ปรึกษาฝ่ายบรรพชิต คณะที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส และคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาแนวทางการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พิจารณามอบหมายการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามที่เห็นสมควร และดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26654 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (จำนวน 3 ราย 1. นายโสภณ เพชรสว่าง ฯลฯ) | นร04 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ จำนวน ๓ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายโสภณ เพชรสว่าง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๒. นายสิทธิชัย กิติธเนศวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๓. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ
|
||||||||||||||||||||||||
26655 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายอภิมุข สุขประสิทธิ์) | นร04 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอภิมุข สุขประสิทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26656 | การจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ - นครศรีธรรมราช | นร07 | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประสานงานกับสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เกี่ยวกับการจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ในวันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสารโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบทุนมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) โดยขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นนักบินที่ ๑ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ร่วมเสด็จพระราชดำเนินในเที่ยวบินพิเศษมหากุศลในครั้งนี้ด้วย ในการนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ประสานงานกับสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งได้รับพระราชทานวินิจฉัยให้จัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช โดยจะเสด็จพระราชดำเนินไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๑.๒ ให้แต่งตั้งคณะทำงานอำนวยการการจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงาน ผู้แทนจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทำงานและเลขานุการ และผู้แทนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้แทนจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่สั่งการ อำนวยการ กำกับ กำหนดกิจกรรมดำเนินการ ติดตามการจัดทำแผนงานและกิจกรรม ประสานงานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการรับเสด็จ บริหารจัดการงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งจัดหาผู้รับจ้างดำเนินการ การจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ตลอดรวมถึงดำเนินการอื่นใดที่จำเป็น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งดำเนินการอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ๑.๓ บัตรโดยสารเครื่องบิน จำนวน ๑๐๐ ที่นั่ง ให้หน่วยงานที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัด ให้การสนับสนุนบัตรโดยสารเครื่องบิน จำนวน ๕๐ ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๕๐ ที่นั่ง ให้หน่วยงานอื่น ๆ ร่วมสนับสนุน โดยแจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๑.๔ ให้ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธยย่อ ม.ว.ก. จัดทำเข็มที่ระลึกเพื่อพระราชทานให้แก่ผู้สนับสนุนบัตรโดยสารเครื่องบิน และนำรายได้ที่ได้จากการสนับสนุนทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบทุนมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ๒. อนุมัติหลักการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล เส้นทางบินไปกลับกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ภายในกรอบวงเงิน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
26657 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านไอซีที แอพพลิเคชั่นด้านไอซีที การแลกเปลี่ยนทางสารสนเทศ การสื่อสารในกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งการคุ้มครองข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยมิใช่เป็นการแก้ไขสาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26658 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในข้อ ๑๗ ซึ่งจากเดิมกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติอยู่ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาเป็นให้สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติอยู่ในกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ๒. เพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาหรือคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ๓. เพิ่มเติมบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ก่อนที่ระเบียบฉบับแก้ไขใหม่จะมีผลใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||||||||
26659 | แถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ | กต | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ไทย-นิวซีแลนด์ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยร่างแถลงข่าวร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และการต่อยอดผลการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในมิติด้านต่าง ๆ อาทิ การค้าและการเชื่อมโยงธุรกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการท่องเที่ยว ตลอดจนความร่วมมือในกรอบพหุภาคี นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์และความร่วมมืออันแน่นแฟ้นตลอด ๕๗ ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองแถลงข่าวร่วมฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามผลการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง สรุปผลการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไปยังกระทรวงการต่างประเทศโดยด่วนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26660 | การจัดทำความตกลงในการเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาแห่งภาคีสถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตระหว่างประเทศ (International Anti - Corruption Commission : IACA) ครั้งที่ 2 | ปช | 12/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อจัดทำความตกลงในการเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาแห่งภาคี สถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตระหว่างประเทศ (International Anti-Corruption Commission : IACA) ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร (United Nations Conference Centre) และร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายไทย ๑.๒ อนุมัติให้ผู้แทนไทยประจำ IACA เป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับของฝ่ายไทย ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ ดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) โดยหากผู้ลงนามมิใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
.....