ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1336 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26701 - 26720 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26701 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลบ้านไผ่ บางส่วนของตำบลในเมือง บางส่วนของตำบลหัวหนอง บางส่วนของตำบลหินตั้ง บางส่วนของตำบลหนองน้ำใส บางส่วนของตำบลบ้านลาน อำเภอบ้านไผ่ และบางส่วนของตำบลโนนแดง อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
26702 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ รวม 6 ฉบับ | นร09 | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดชื่อส่วนราชการภายในสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ตามร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ได้เปลี่ยนชื่อ “สำนักนโยบายและแผน” เป็น “กองยุทธศาสตร์และแผนงาน” ในขณะที่ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ากระทรวงพาณิชย์) ยังคงใช้ชื่อ “สำนักนโยบายและแผน” (เดิม) จึงเห็นควรตรวจสอบการกำหนดชื่อส่วนราชการภายในของสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้สอดคล้องกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26703 | รายงานปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนกันยายน 2556) | ตช | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๘๖ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๗๘๐ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓,๘๓๐ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๑๘๔ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๗.๖๗ ของการรับแจ้ง (๓๘๖ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๘๒๕ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๓๕ ของการรับแจ้ง (๑,๗๘๐ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๕๒๕ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๘๒ ของการรับแจ้ง (๓,๘๓๐ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนกันยายน ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเร่งรัดมาตรการด้านสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำผิดตามห้วงเวลาที่เกิดเหตุมากของแต่ละพื้นที่ ให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาที่เหมาะสมเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความยุติธรรมด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส เสมอภาคและเป็นธรรม โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ประชุม สั่งการ ติดตาม เร่งรัดคดี สถานการณ์อาชญากรรม ขับเคลื่อนผ่านศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
26704 | ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ไทย - เมียนมาร์ ครั้งที่ 27 | กห | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ไทย-เมียนมาร์ ครั้งที่ ๒๗ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม-๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้าจากการประชุม RBC-26 ได้แก่ ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกองทัพ การปราบปรามการค้าอาวุธและกระสุนผิดกฎหมาย การเปิดจุดการค้ามูด่อง และทิกี้ รวมทั้งการใช้คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนเพื่อที่จะปฏิบัติตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้อง ๒. มาตรการเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือระหว่างทั้งสองกองทัพในทุกระดับ การเพิ่มการแลกเปลี่ยนการเยือนของกองทัพเรือ และความร่วมมือทวิภาคีต่าง ๆ ๓. ความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การเปิดจุดผ่านแดนสิงขร-มูด่อง การประสานงานของ TBCs ในส่วนของการปรับจุดประสานงานจากเดิมระหว่างบ้านพระเจดีย์สามองค์-จะอินเซ็กจี เป็นบ้านพระเจดีย์สามองค์-พญาตองซู และการจัดตั้ง TBC เพิ่มเติม คือ (๑) บ้านพุน้ำร้อน-บ้านทิกี้ (๒) บ้านตะโกบน-บ้านม้อท่า (๓) บ้านสิงขร-บ้านมูด่อง (๔) บ้านห้วยผึ้ง-บ้านนามน ความร่วมมือในการจัดตั้งหมู่บ้านคู่ขนานตามแนวชายแดน ความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายแดน การขยายความร่วมมือในการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน และความร่วมมือในการคุ้มครองแรงงานเมียนมาร์ ๔. ความร่วมมือทวิภาคีในการปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ การประสานงานเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานประสานงานชายแดน ความร่วมมือในการปราบปรามการค้ายาเสพติดและสารตั้งต้น และความร่วมมือในการพัฒนาทางเลือก ๕. ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน ได้แก่ การปลูกยางพาราและการบุกรุกป่าสงวนปากจั่น การข้ามแดนผิดกฎหมายและเหตุการณ์โจมตีหน่วยรักษาความมั่นคงเมียนมาร์ มาตรการหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน การกระทำความผิดกฎหมายบนเกาะกลางแม่น้ำเมย/ตองยิน การวางกำลังฐานทหารบริเวณชายแดน ที่พาร์ซี และดอยลาง ประเด็นเกาะตันพญา/บ้านแม่โกนเกน และคอกช้างเผือก การทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำเมียนมาร์ การก่อสร้างอาคารใกล้แม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตามแม่น้ำเขตแดน การบุกรุกปลูกพืชบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ การก่อสร้างในช่องทางพระเจดีย์สามองค์/พญาตองซู และกรณีเกาะ ๓ เกาะ ในแม่น้ำปากจั่น/กระบุรี ๖. การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านบริเวณชายแดน ได้แก่ การเข้ามาอาศัยในดินแดนไทยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยนักศึกษาพม่า ๒ แห่ง กองกำลังแห่งชาติว้า ๑ แห่ง กบฏมุสลิมและพรรคกอบกู้หงสาวดีกลุ่มละ ๑ แห่ง กกล. กองทัพรัฐฉาน (กลุ่มยอดศึก) ๕ แห่ง พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะยา ๑ แห่ง กองกำลังกะเหรี่ยงพม่า (KNU) ๒ แห่ง รวมทั้งบ้านพักของผู้นำกลุ่ม ๗. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเมียวดี การเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับของผู้หนีภัยการสู้รบและการปิดพื้นที่พักพิงชั่วคราว จำนวน ๙ แห่ง ตามพื้นที่ชายแดน การควบคุมการใช้น่านฟ้า และการปลอมแปลงธนบัตร ๘. การกำหนดวันที่และสถานที่ของการประชุม RBC-28 กำหนดจัดขึ้นที่เมียนมาร์ ส่วนวันและสถานที่จะกำหนดร่วมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26705 | ขอความเห็นชอบต่อร่างกรอบความตกลงเพื่อความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) | กต | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบความตกลงเพื่อความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และภาคผนวก และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ทั้งนี้ ร่างกรอบความตกลงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกรอบความตกลงฯ เป็นเอกสารระบุความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับยูเนสโกเป็นเวลา ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๔-๒๐๑๘) โดยเน้นความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม การสื่อสารและสารสนเทศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมและมนุษย์ศาสตร์ การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ๑.๒ ร่างกรอบความตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนาม โดยมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๕ ปี ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือฉบับนี้จะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกอาเซียนตามที่ระบุในข้อ ๒๓ ของร่างกรอบความตกลงฯ ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องการให้ความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน โดยดำเนินการผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา |
||||||||||||||||||||||||
26706 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาสิงคโปร์ที่จะมีการรับรองในการประชุม รัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 13 | ทก | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาสิงคโปร์ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๓ (The 13th ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : The 13th TELMIN) โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศในการเน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการดำเนินการตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015) และการพัฒนาแผนแม่บทฯ ในระยะต่อไป ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ จะครอบคลุมการส่งเสริมนวัตกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศของอาเซียน ความร่วมมือเพื่อขยายการประสานงานการจัดสรรคลื่นความถี่ภายในอาเซียน ส่งเสริมการพัฒนาการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมเพื่อสร้างศักยภาพประชาชนอาเซียนและลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อลดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามพรมแดน การพัฒนาทุนมนุษย์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแรงงานด้านไอซีทีในอาเซียนอย่างมีศักยภาพ สนับสนุนความสามารถในการใช้ไอซีทีของผู้สูงอายุและคนพิการ สร้างความมั่นคงและปลอดภัยบนโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศ ส่งเสริมความร่วมมือการเชื่อมโยงเคเบิลใต้น้ำในระดับภูมิภาคและระดับโลก ส่งเสริมความร่วมมือกับคู่เจรจาอาเซียนและองค์การระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน ภายหลัง ปี ๒๕๕๘ ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญและที่ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
26707 | การลงนามความตกลงด้านการค้าบริการ และความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐอินเดีย | พณ | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามความตกลงด้านการค้าบริการ และความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐอินเดีย ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (Ministerial Conference) ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ก่อนนำเสนอความตกลงทั้งสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ เพื่อให้ความเห็นชอบเพื่อผูกพันประเทศไทยต่อไป ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ มอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่นลงนามความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ ๑.๔ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงทั้ง ๒ ฉบับแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ความตกลงทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับ ๒. ให้แก้ไขตารางข้อผูกพันในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐอินเดียตามความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามความตกลงฯ ได้ทันตามกำหนดเวลา รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26708 | ขอความเห็นชอบแนวทางการเจรจาข้อตกลง ในการสร้าง ผลิต ลงทุน หรือร่วมลงทุน เกี่ยวกับธุรกิจภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่สัญญา | วธ | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่อง ขอความเห็นชอบแนวทางการเจรจาข้อตกลง ในการสร้าง ผลิต ลงทุน หรือร่วมลงทุน เกี่ยวกับธุรกิจภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่สัญญา คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และเมื่อร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี ก็ให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำข้อเสนอให้มีความชัดเจนและครบถ้วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
26709 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนและปฏิบัติการพร้อมครุภัณฑ์ พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,500 ตารางเมตร ของวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา (วัดนิเวศธรรมประวัติ) | ศธ | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงชื่อรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง จากเดิม รายการอาคารเรียนและปฏิบัติการพร้อมครุภัณฑ์ พื้นที่ไม่ต่ำกว่า ๑,๕๐๐ ตารางเมตร วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา (วัดนิเวศธรรมประวัติ) ๑ หลัง เป็น รายการอาคารเรียนและปฏิบัติการ พื้นที่ไม่ต่ำกว่า ๑,๙๒๐ ตารางเมตร วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา (วัดนิเวศธรรมประวัติ) ๑ หลัง ๒. เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนและปฏิบัติการ พื้นที่ไม่ต่ำกว่า ๑,๙๒๐ ตารางเมตร วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา (วัดนิเวศธรรมประวัติ) ๑ หลัง จากเดิม วงเงิน ๑๗,๖๔๐,๐๐๐ บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ มีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น จำนวน ๒๑,๔๒๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๓๙,๐๖๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงิน ๓,๓๖๐,๐๐๐ บาท ที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๒,๐๓๓,๙๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก วงเงิน ๒๓,๖๖๖,๑๐๐ บาท ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พงศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๓. สำหรับการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงปบระมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ นั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างตามข้อ ๒ แล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาขออนุมัติขยายระยะเวลาดังกล่าวต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดก่อนลงนามในสัญญาจ้าง ตามข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงปบระมาณ พงศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26710 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มและการขยายระยะเวลาแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ | มท | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม เพื่อใช้เป็นแผนกลยุทธ์เชิงรุกที่ใช้ในการบริหารจัดการลดความสูญเสียและลดผลกระทบจากภัยแผ่นดินไหวและอาคารถล่มและเป็นแผนสนับสนุนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ๑.๒ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ จาก พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖ เป็น พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ๑.๓ ให้กระทรวง กรม องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถือปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ ๒. สำหรับการจัดตั้งกองทุนประกันภัยแผ่นดินไหว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้ กปภ.ช. รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องภัยแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการการเกิดของแผ่นดินไหวที่แท้จริงและเพื่อเป็นแนวทางในการลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น และควรมีการฝึกซ้อมแผนอพยพหลบภัยเกี่ยวกับภัยแผ่นดินไหวในอาคารสูง เพื่อให้สามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดภัย สำหรับแผนระยะต่อไป ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกรอบทิศทางของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Index : KPI) เพื่อประโยชน์ในการประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กระทรวง กรม องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) ประธานกรรมการ กปภ.ช. หารือร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ของฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารให้สอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
26711 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2555 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ของ รฟท. ซึ่งมีประมาณการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จำนวน ๑,๘๗๙.๘๗๗ ล้านบาท (จำนวนเงินอุดหนุนฯ ปี ๒๕๕๕ หักเงินค่าปรับจากการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ) โดยให้มีการพิจารณาความเหมาะสมของจำนวนเงินอุดหนุนบริการสาธารณะดังกล่าวอีกครั้งภายหลังจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองงบการเงินประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ของ รฟท. แล้ว ๑.๒ ให้ รฟท. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ งวดที่ ๒ จำนวน ๗๐๔.๗๔๔ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ๑.๓ ให้ รฟท. รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะทราบ ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (คณะกรรมการ รฟท.) พิจารณาถึงการนำเอาเป้าหมายตัวชี้วัดตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปเชื่อมโยงกับการประเมินผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๕๗ ของคณะกรรมการ รฟท. และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การประเมินผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท. ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ควรมีการปรับปรุงตัวชี้วัด (KPI) และจัดลำดับความสำคัญของตัวชี้วัด รวมทั้งกำหนดเป้าหมายความสำเร็จของแต่ละกิจกรรม (Milestone) ให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินกิจการของ รฟท. ได้อย่างแท้จริง โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของ รฟท. ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล คุณภาพมาตรฐานของการให้บริการ ความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของ รฟท. จึงขอให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26712 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 9/2556 ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2556) | นร | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ ครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ ณ วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. พายุและการคาดการณ์ฝน อิทธิพลของพายุ "กรอชา" อาจส่งผลให้มีฝนตกในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สำหรับพายุดีเปรสชั่น "30W" และ "31W" อาจทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาโดยเฉพาะภาคใต้ตอนบนบริเวณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และนครศรีธรรมราช ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ๒.๑ กรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ๒.๑.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๑,๒๓๖ ลูกบาศก์เมตร/วินาที เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๙๒๔ ลูกบาศก์เมตร/วินาที และอำเภอบางไทร สถานี C.29 ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย ๑,๓๓๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๑.๕๔ ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๑๖ เมตร แม่น้ำวัง ที่สถานี W.4A จังหวัดตาก +๒.๔๕ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๖๕ เมตร แม่น้ำยม ที่สถานี Y.13 จังหวัดพิษณุโลก +๖.๗๘ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๐.๒๒ เมตร แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๐.๓๘ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๖๒ เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๑.๗๙ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๔๑ เมตร และแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๗๐ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๑.๐๒ ม.รทก. ๒.๑๓ น้ำในเขื่อน เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗,๑๗๔, ๕,๙๔๖ และ ๙๖๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ๒.๒ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รายงานสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ ๑๐ จังหวัด ๓๖ อำเภอ ๒๔๒ ตำบล ๑,๘๒๔ หมู่บ้าน ๘๗,๙๐๔ ครัวเรือน ๒๙๗,๒๗๖ คน อพยพ ๖๑๕ ครัวเรือน ๒,๘๔๐ คน แยกเป็นจังหวัดที่มีสถานการณ์ปานกลาง ๓ จังหวัด เล็กน้อย ๗ จังหวัด และไม่มีจังหวัดที่มีสถานการณ์รุนแรง
|
||||||||||||||||||||||||
26713 | การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงวงเงินในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ จาก ๕๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๗๖,๐๘๒,๔๒๐ บาท โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะบริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๑.๒ เห็นชอบร่างเอกสารวิสัยทัศน์ผู้นำ (Leaders’ Vision) และร่างแถลงการณ์ที่ประชุมสุดยอดผู้นำ (Summit Communique) ซึ่งสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) ได้ยกร่างขึ้นและได้ผ่านการพิจารณาจากประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกแล้ว โดยร่างเอกสารวิสัยทัศน์ผู้นำ ระบุถึงการรับรู้สภาพปัจจุบันและแนวโน้มในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนร่างแถลงการณ์ที่ประชุมสุดยอดผู้นำฯ เน้นย้ำประเด็นสำคัญของวิสัยทัศน์ผู้นำและการกำหนดประเด็นเร่งด่วนที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้วิสัยทัศน์ผู้นำสัมฤทธิ์ผล ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของฝ่ายไทยและมิใช่การแก้ไขในสาระสำคัญ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงวงเงินค่าใช้จ่าย จำนวน ๒๑,๘๘๒,๔๒๐ บาท ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
26714 | รายงานความก้าวหน้าการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่สอง (วันที่ 23 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2556) | นร | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่สอง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖) ตามที่คณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ส่วนราชการได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบร่างรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีฯ โดยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของแต่ละหน่วยงานรับไปพิจารณาร่างรายงานดังกล่าวอีกครั้ง หากประสงค์จะปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลในร่างรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีฯ ให้ส่งฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) ภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับสมบูรณ์ก่อนนำเสนอต่อรัฐสภาต่อไป โดยส่วนราชการได้แจ้งผลการพิจารณาให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ ทราบแล้ว จำนวน ๑๕ กระทรวง ๒. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ ได้ปรับปรุงแก้ไขร่างรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีฯ ตามความเห็นของส่วนราชการแล้ว และได้ส่งร่างต้นฉบับให้โรงพิมพ์ดำเนินการออกแบบและจัดทำรูปเล่ม รวมทั้งตรวจพิสูจน์อักษร ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดพิมพ์ คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จและเสนอต่อรัฐสภาภายในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||
26715 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นายกฤษศญพงษ์ ศิริ) | วธ | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษศญพงษ์ ศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26716 | ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยโครงการความร่วมมือของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟโดยแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตรจากประเทศไทย (Joint Statement on the Governmental Cooperation Project on the Railway Infrastructure Development in Exchange of Agricultural Products from Thailand) | คค | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการหารือระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายจีนเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟโดยแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตรจากประเทศไทยซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟในประเทศไทยโดยแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตรจากประเทศไทย (ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ในการดำเนินการตามผลการหารือดังกล่าว ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26717 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายคณิต แพทย์สมาน และนายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา) | กค | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๒ คน แทนกรรมการที่ลาออกจากตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายคณิต แพทย์สมาน เป็นกรรมการอื่น แทนนายยรรยง พวงราช ที่ขอลาออก ๒. นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นกรรมการอื่น แทนนายวศิน ธีรเวชญาณ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
26718 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (จำนวน 7 ราย 1. นายนพปฎล คุณวิบูลย์ ฯลฯ) | กต | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ให้ลำดับ ๑-๔ มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ส่วนลำดับ ๕-๗ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายนพปฎล คุณวิบูลย์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป อีกตำแหน่งหนึ่ง ๒. นายอิศร ปกมนตรี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล ๓. นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายคมกริช วรคามิน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย ๕. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๖. นายพิรุณ ลายสมิต ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ๗. นางสาวสุชาดา ไทยบรรเทา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
26719 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ในช่วง 6 เดือนหลัง (1 เมษายน 2555 - 30 กันยายน 2555) | นร07 | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๖๙ วรรคสาม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑ เมษายน ๒๕๕๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ในช่วง ๖ เดือนหลัง (๑ เมษายน ๒๕๕๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕) มีการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน ๑๑,๕๘๔.๓๓๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๘๗ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐๐ ล้านบาท จำแนกการโอนงบประมาณรายจ่ายฯ ออกเป็น ๒ กรณี คือ เป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายโดยใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ จำนวน ๘,๘๒๔.๓๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๗๑ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการที่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ จำนวน ๒,๗๖๐.๐๐๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๑๑๖ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ลักษณะการโอนงบประมาณรายจ่าย ๒.๑ เป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรี และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน หรือเป้าหมายการดำเนินงานของส่วนราชการ จำนวน ๑๐,๗๕๒,๓๗๓,๕๔๑ บาท ๒.๒ เป็นการโอนงบประมาณเพื่อชดใช้คืนรายการผูกพันที่ยืมจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๑๗๗,๐๙๔,๕๕๔ บาท ๒.๓ เป็นการโอนงบประมาณระหว่างหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนดจำนวน ๒๔๖,๒๗๗,๙๖๑ บาท ๒.๔ เป็นการโอนไปจ่ายเป็นค่าสาธารณูปโภค จำนวน ๔๐๘,๕๘๙,๑๓๓ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
26720 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสุวัฐน์ ตันติพัฐน์) | มท | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุวัฐน์ ตันติพัฐน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....