ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | สธ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง
- ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาสุขอนามัย
เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน
และโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็กตามแนวชายแดนของไทย สปป. ลาว
และเวียดนาม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขระมัดระวังและไม่ดำเนินการใดที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศจากการแลกเปลี่ยนการใช้การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีความอ่อนไหว
หรือเป็นองค์ความรู้หรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเท่านั้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงกำกับและดูแลการประเมินผลโครงการทั้งด้านการวางแผนโครงการและการดำเนินงานโครงการ
รวมถึงกิจกรรมและการบริหารงบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด
รวมถึงสื่อสารผลการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงได้รับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว
ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘
โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการเข้าร่วมบวชชีพรหมโพธิและบวชเนกขัมมะพรหมโพธิของสตรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้
ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม) ด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
และบวชชีพรหมโพธิ ๗๓ คน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในส่วนของการขอยกเว้นการดำเนินการตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เรื่อง แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ รวมถึงประกาศที่เกี่ยวข้อง นั้น
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งประสานหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและดำเนินการให้ถูกต้องตามหน้าที่และอำนาจตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อโปโดยด่วน ๓.
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
เพื่อสามารถรองรับให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ทส. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมควบคุมมลพิษก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๖๐,๒๔๖.๙๖ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรเป็นค่าสาธารณูปโภคได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท | กค. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน
๑๕๗,๐๐๐ ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานรับงบประมาณจัดทำโครงการและคำของบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าว ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่
๒/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตามนัยข้อ ๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการจัดทำโครงการและการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ.
๒๕๖๗ รวมทั้งกฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่าหากหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านน้ำแล้ว
ขอให้เร่งรัดดำเนินการ พร้อมทั้งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
สนับสนุนและเอื้ออำนวยการส่งเสริมการค้า
รวมถึงเสริมสร้างประสบการณ์และการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน
บนพื้นฐานของการต่างตอบแทนและผลประโยชน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาน้ำมันปาล์ม
มีสาขาความร่วมมือ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในอนุภูมิภาค
IMT - GT เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ไห้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรคำนึงถึงพื้นที่ที่ใช้ในการปลูกปาล์ม
ควรเป็นพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการบริหารจัดการต้นปาล์มตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และหากประสงค์จะดำเนินการในเขตพื้นที่ป่าไม้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 (เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร) | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
ในประเด็นเงินจ่ายขาด จากจำนวน ๑๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๕.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการวิเคราะห์ลูกหนี้เพื่อจัดชั้นลูกหนี้
บริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พร้อมกำหนดมาตรการสร้างแรงสูงใจให้กลุ่มเกษตรกรชำระหนี้ควบคู่กับการขยายระยะเวลา ๕ ปี
โดยกำหนดเป้าหมายการรับชำระหนี้และส่งเงินต้นคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ต่อปี รวมถึงกำหนดแผนการดำเนินงานและแนวทางการช่วยเหลือ
กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าการพิจารณาดำเนินโครงการฯ
รวมถึงการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จะต้องคำนึงถึงเหตุผล ความจำเป็น
ความคุ้มค่า รวมถึงเป็นไปด้วยความโปร่งใส
ตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ และให้มีการติดตามประเมินผลโครงการและการชำระหนี้ของเกษตรกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถส่งคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์)
เร่งรัด ติดตามการชำระหนี้เงินกู้ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการผลิตและการตลาดและบริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระอย่างเหมาะสม
โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๗๓ และไม่ให้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวออกไปอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก 9 ชั้น เป็นอาคาร คสล. 9 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 8,810 ตารางเมตร โรงพยาบาลระยอง จังหวัดระยอง 1 หลัง | สธ. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลระยอง
จังหวัดระยอง ก่อสร้างอาคารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิค ๙ ชั้น เป็นอาคาร คสล.
๙ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๘,๘๑๐
ตารางเมตร โรงพยาบาลระยอง จังหวัดระยอง ๑ หลัง วงเงิน ๑๖๘,๕๕๔,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเซอร์เบีย | กต. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเซอร์เบีย
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดการประชุมหารือทวิภาคีระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายเป็นประจำ
เพื่อทบทวนและพิจารณาความสัมพันธ์ทวิภาคีและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระดับภูมิภาค
และประเด็นระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เห็นว่าที่ผ่านมายังไม่ปรากฏข้อห่วงกังวลด้านความมั่นคงระหว่างไทย
และ เซอร์เบีย ทั้งในปัญหาระดับทวิภาคีหรือในเวทีระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
หน่วยงานความมั่นคงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และหากพบพฤติการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงอาจเสนอให้ทบทวนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ดังกล่าว ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการประชุมปรึกษาหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการชาวต่างชาติแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน | กต. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการประชุมปรึกษาหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการชาวต่างชาติแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกรอบความร่วมมือในการประชุมปรึกษาหารือทางการเมือง
เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศควรสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
และหากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมผลการปรับแก้บันทึกความเข้าใจฯ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข | สธ. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับอินโดนีเซียและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง
ๆ เช่น การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพและระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ
การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ความมั่นคงด้านยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
การเงินการคลังด้านสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ที่ปรับปรุงใหม่ | พณ. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า
ที่ปรับปรุงใหม่ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า
ที่ปรับปรุงใหม่ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงถ้อยคำในบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับปัจจุบันเพื่อให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน
เนื่องจากมีการปรับชื่อหน่วยงานของเวียดนามที่รับผิดชอบภารกิจด้านความร่วมมือทางการค้าทวิภาคีกับไทย
การปรับปีเป้าหมายของวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนจากปี ค.ศ. ๒๐๒๕ เป็นปี ค.ศ. ๒๐๔๕
รวมถึงการปรับถ้อยคำเพื่อให้สะท้อนถึงการประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี
เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านในปี ๒๕๖๘ ณ ประเทศเวียดนาม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๐๘๐๔/๓๕๒ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม
๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย
ควรเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ควรให้ครอบคลุมความร่วมมือในการป้องกันการสวมสิทธิการส่งออกสินค้าของประเทศที่สาม
(Transshipment หรือ Origin
Fraud) โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยและรูปแบบการกระทำความผิด
รวมถึงการเฝ้าระวังแนวโน้มการกระทำความผิดในรูปแบบใหม่
อันจะช่วยลดผลกระทบจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ | สธ. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง
ๆ ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ควรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | บจธ. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ออกไปเป็นภายในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๙
เพื่อศึกษาทบทวนบทบาทภารกิจและความจำเป็นในการมีอยู่ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) โดยในช่วงการขยายระยะเวลาดังกล่าวนี้ ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ปฏิบัติภารกิจเท่าที่จำเป็นและไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น
ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ทั้งนี้
ตามมติของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๘
เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และให้ปรับแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาการยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | แนวทางการดำเนินการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS) | นร.10 | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ
(Outstanding Development
Opportunity Scholarship : ODOS) เพื่อให้นักเรียนซึ่งขาดแคลนโอกาส
มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี มีศักยภาพ ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณภาพและมีศักดิ์ศรี
รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนซึ่งขาดแคลนโอกาส
ให้เข้าถึงการศึกษาและพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างมีคุณภาพ และปลูกฝังทัศนคติให้แก่เด็กและเยาวชนของประเทศในการพัฒนาตนเองอย่างมีเป้าหมายและต่อเนื่อง
ตามที่คณะกรรมการอำนวยการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศเสนอ ให้คณะกรรมการอำนวยการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางแผนรองรับภายหลังสำเร็จการศึกษาของผู้รับทุนที่มีความชัดเจนและรัดกุม
โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนในการสนับสนุนเป็นกำลังสำคัญของภาครัฐและภาคเอกชน
ให้มีความสอดคล้องตามความต้องการท้องถิ่นและทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการดังกล่าวในทุกปีการศึกษา เพื่อให้ทราบปัญหาอุปสรรคและนำผลการติดตามประเมินผลดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการและจัดสรรงบประมาณในระยะต่อไปด้วย โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - เนปาล | คค. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย
- โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๒.
ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - รวันดา ไทย -
โมร็อกโก ไทย - เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ๔. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
เพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ ระหว่างไทย –
รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย - เนปาล รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตดังกล่าว
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - ชาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเนปาลและร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาหารือกับฝ่ายรวันดาและเนปาลอีกครั้งถึงความจำเป็นในการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าภายหลังจากร่างความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาแนวทางการส่งเสริมให้สายการบินสัญชาติไทยสามารถใช้ประโยชน์จากผลการเจรจาได้อย่างเต็มศักยภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมถึงพิจารณาบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สายการบินในประเทศสามารถเข้าสู่ตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-รวันดา | คค. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย
- โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเป็นเอกสารสรุปผลการเจรจาหารือร่วมกันระหว่างคู่ภาคี ๒. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย
- รวันดา, ไทย - โมร็อกโก, ไทย - เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิ และข้อบทต่าง
ๆ ในการดำเนินการบริการเดินอากาศระหว่างประเทศไทยกับประเทศดังกล่าว ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๔. ในส่วนของรวันดา โมร็อกโก และเนปาล :
เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ
รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูต โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. ในส่วนของซาอุดีอาระเบีย : มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูต
เพื่อให้ร่างความตกลงฯ ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย | คค. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑.
รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย
- ซาอุดีอาระเบีย ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๒.
เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก ไทย
- เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย ๓.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ๔.
เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย เพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย – เนปาล รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตดังกล่าว
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - โมร็อกโก | คค. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย
– โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๒.
เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - รวันดาไทย - โมร็อกโก ไทย
- เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ๔.
เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย เพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ ระหว่างไทย -
รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย - เนปาล รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตดังกล่าว โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นควรพิจารณาหารือกับฝ่ายรวันดาและเนปาลอีกครั้ง ถึงความจำเป็นในการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | การขอความเห็นชอบต่อร่างขอบเขตข้อกำหนดสำหรับการประชุม Navy to Navy Talks ระหว่างกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรไทยกับกองทัพเรือเเห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กห. | 06/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างขอบเขตข้อกำหนดสำหรับการประชุม Navy to Navy Talks ระหว่างกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรไทยกับกองทัพเรือแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ร่วมลงนามในร่างขอบเขตข้อกำหนดฯ
มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติสำหรับการประชุมและแลกเปลี่ยนนโยบายระหว่างกองทัพเรือกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างขอบเขตข้อกำหนดฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ | อว. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน ๑๗๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท
โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป
เพื่อดำเนินโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน
ในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ๕ แห่ง ในลักษณะโครงการนำร่อง
ของมหาวิทยาลัยมหิดล ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด |