ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม | คค. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม
(สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม) จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่
ระยะเวลาดำเนินการ ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๑ วงเงินรวม ๔,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคา รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมดำเนินตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อาคารและสิ่งปลูกสร้างโครงการและพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น กระทรวงคมนาคม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
ควรพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการจราจรบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
(สถานีกลางบางซื่อ) และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
เพื่อป้องกันและลดปัญหาการจราจรติดขัดในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒)
ในวงเงินงบประมาณ ๓,๑๔๐,๓๑๓,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ พันธกิจของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม จัดทำแผนการดำเนินการด้านบุคลากร
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับ รวมถึงความครอบคลุมและชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผู้มีสิทธิในระบบประกันสังคม
และผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการได้เข้าถึงการบริการที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ตลอดจนความสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมีการบริหารจัดการโครงการฯ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
และพิจารณาความเป็นไปได้ของการร่วมลงทุนจากภาคส่วนต่าง ๆ
ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman
Wellness Economic Corridor) อาทิ หน่วยงานท้องถิ่นและภาคเอกชนที่มีศักยภาพให้เข้ามาร่วมลงทุน
เนื่องด้วยโครงการมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับสูงร่วมด้วย
ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณของภาครัฐให้สามารถนำเงินไปลงทุนพัฒนาหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นได้เพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน ๓
พันล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) และห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สถาบันแสงซินโครตรอน
(องค์การมหาชน) คำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ใช้บริการเดิมรับทราบถึงแผนการดำเนินงานโครงการในช่วงเปลี่ยนผ่าน
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการใช้บริการเครื่องกำเนิดแสงเพื่อพัฒนางานวิจัยที่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานในการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลสรุป
รวมทั้งกำหนดแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนจากภาคเอกชนและกำหนดแผนการขยายกลุ่มผู้ใช้บริการให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั้งในและต่างประเทศ
และควรพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการให้มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อการบริหารโครงการในระยะยาวและเพื่อสามารถลดการพึ่งพางบประมาณจากทางภาครัฐ
พร้อมทั้งวางแผนการบริหารโครงการอย่างรัดกุมและรอบคอบเพื่อให้โครงการสามารถแล้วเสร็จได้ตามกำหนด ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมดให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | การกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรค หรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒
และมอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงหรือกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อใช้ดำเนินการในเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอนได้ตามความเหมาะสม และสมควรแก่กรณี ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการนำข้อมูลบ่งชี้ด้านสุขภาพมากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ร่วม
อาทิ ข้อมูลความชุกของโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองฯ เพื่อให้การกำหนดมาตรการรองรับมีความสอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรดำเนินการตามแนวทางตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน
(Joint KPIs) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
ควรบูรณาการกำหนดมาตรการ แนวทาง และผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน
เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน
๒.๕ ไมครอน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | โครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะ (Skill/Credit Portfolio) รายบุคคลระดับอุดมศึกษาสำหรับการวางแผนและพัฒนากำลังคน ของประเทศ | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะ (Skill/Credit Portfolio) รายบุคคลระดับอุดมศึกษาสำหรับการวางแผนและพัฒนากำลังคนของประเทศ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๔๑๓.๗๕ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี
(พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดหาระบบคลาวด์ควรดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย
มาตรฐาน และกรอบกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สำหรับการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากจะมีการพัฒนาระบบในการสะสมและจัดการข้อมูลทักษะที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างการศึกษาและอาชีพ
ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในการออกแบบพิมพ์เขียว (blueprint) ระดับประเทศ
โดยพิจารณาต่อยอดจากแพลตฟอร์มการพัฒนาทักษะและยกระดับทักษะของบุคคลที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว
และออกแบบองค์ประกอบภายในแพลตฟอร์ม (module) ที่มีการกำหนดบทบาทหน้าที่และผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนอย่างเป็นเอกภาพบนมาตรฐานเดียวกัน
ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวางแผนพัฒนาทักษะของกำลังคนได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2568 | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ ๒๕๖๘ ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๘ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๖๒๐,๖๙๑,๓๖๐
บาท โดยแยกรายหน่วยงาน ดังนี้ ๑) กรมป่าไม้ วงเงิน ๑๘๗,๐๒๒,๓๓๐ บาท และ ๒) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช วงเงิน ๔๓๓,๖๖๙,๐๓๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับ
ติดตามหน่วยงานผู้รับผิดชอบแผนงาน/โครงการให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงยุติธรรม
โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดยโสธร พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลสำราญ
อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๖๒๓,๑๕๖,๕๐๐ บาท
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรดำเนินการขออนุญาตเจาะน้ำบาดาลและใช้น้ำบาดาล ให้เป็นไปตามกฎหมาย และการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ สถานะการเงินการคลังของประเทศ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จำนวน ๑ รายการ ได้แก่ โครงการบิน ป้องกัน แก้ไขปัญหาภัยพิบัติ
เหตุฉุกเฉินทางธรรมชาติโดยบูรณาการอากาศยานกับภาคพื้นดิน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.(๒๕๖๙ – ๒๕๗๓) จำนวนเงิน ๑,๕๕๕.๑๒ ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรพิจารณาถึงการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
และการบริหารจัดการเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำข้อมูลความคุ้มค่าและการใช้ประโยชน์อากาศยานดังกล่าว
เพื่อประกอบการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569) | นร.01 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๓๗๗,๔๐๐,๑๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของสภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สภาองค์กรของผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ | นร.09 | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๘
ที่แก้ปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม
ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๑๓/๒๕๖๗ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง
มติคณะรัฐมนตรี หรือแนวปฏิบัติในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่
๑๓/๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม
อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม
อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
เพื่อปรับปรุงเป็นฉบับใหม่ โดยกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นและเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมาย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบในหลักการประกาศ รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานของรัฐ
หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ
การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสอบสถานประกอบการหรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง
๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง
เช่น การประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงบประมาณ เช่น กระทรวงสาธารณสุขควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจตามร่างประกาศดังกล่าวให้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และในการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุด
กระทรวงสาธารณสุขควรถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
(เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ)
โดยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินการของรัฐ
ภาระที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และปัจจัยอื่น ๆ ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์ดังกล่าว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [กำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] | คค. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ
และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถและการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เพื่อให้การควบคุมกำกับดูแลการจดทะเบียนรถยนต์โบราณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างพลังสร้างสรรค์ (Soft Power) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในส่วนของบทนิยาม
“รถยนต์โบราณ (Classic Cars)” จากเดิม “โดยไม่รวมถึงการนำเข้าจากเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร”
เป็น “โดยไม่รวมถึงการนำเข้าจากเขตปลอดอากร คลังสินค้าทัณฑ์บน ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
หรือเขตประกอบการค้าเสรี” และตัดคำว่า “โดยต้องมีรายละเอียดอัตลักษณ์ครบถ้วน” และคำนิยาม
“รถยนต์โบราณ (Classic Cars)” อาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี
ประกอบกับมติการประชุมคณะงานติดตามมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic
Cars) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ เช่น
การเพิ่มเติมคุณสมบัติของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ที่มีอายุเกิน
๑๐๐ ปี โดยเพิ่มพิกัดอัตราศุลกากร ๙๗.๐๖ โบราณวัตถุ
เพื่อให้ได้รับสิทธิยกเว้นอากรศุลกากร เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม
๒๕๖๗ [เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการพิจารณาศึกษารายละเอียดของมาตรการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ
และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การพิจารณากฎหมายหรือระเบียบ
ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงร่างกฎกระทรวงดังกล่าวที่กระทรวงคมนาคมเสนอในครั้งนี้
เป็นไปอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินงบประมาณ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินงบประมาณ
โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยควรเร่งรัดการดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและจ่ายค่าทดแทนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการป้องกันปัญหาราษฎรที่เคยได้รับค่าทดแทนไปแล้วมาขอรับค่าทดแทนที่ดินเพิ่มเติมเนื่องจากที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้น
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕
(ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๘ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการประสานงานฝ่ายไทยว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศอาเซียน ๒. คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ๓.
คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ๔.
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (Thai National Committee for
International Council of Museum) ๕. คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ๖. คณะกรรมการพัฒนากฎหมายกระทรวงวัฒนธรรม ๗ คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ๘. คณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ๙. คณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก
ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน | ทส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ดังนี้
๑.๑
ให้มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนคงมีผลใช้บังคับต่อไป
จำนวน ๔ มติ ได้แก่ ๑.๑.๑
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๑ (เรื่อง
การขอเข้าใช้ประโยชน์ในเขตป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ) ๑.๑.๒
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ (เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๘) ๑.๑.๓
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๗ (เรื่อง
ขออนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ) ๑.๑.๔
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๘ กันยายน ๒๕๓๕ เกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้
เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าภาคเอกชน) ๒. ในส่วนของมติคณะรัฐมนตรีอื่น ๆ
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ นอกเหนือจากข้อ ๑ อีกจำนวน ๔๙ มติ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนเพิ่มเติมเพื่อให้คงอยู่ไว้เฉพาะที่จำเป็น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับการเช่ายานพาหนะประจำตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คัน และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 | นร.04 | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งของเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จำนวน ๑ คัน ระยะเวลา ๔๖ เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๘ - ตุลาคม ๒๕๗๑)
วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๙๖,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ผลผลิตการขับเคลื่อนการอำนวยการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี งบดำเนินงาน
จำนวน ๓๑๒,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑,๒๘๓,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ - พ.ศ. ๒๕๗๒ ซึ่งไม่เกินกว่าอัตราค่าเช่าที่กระทรวงการคลังกำหนด
โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๑
พฤษภาคม ๒๕๕๕ ในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการน้อยกว่า ๕ ปี เป็นกรณีเฉพาะราย
ซึ่งเป็นระยะเวลาน้อยกว่าที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เรื่อง การสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric
Vehicle : EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรก และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับเงื่อนเวลาของภารกิจดังกล่าว
และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๓ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ๒. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง
(นบมส.) ๓.
คณะกรรมการว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา
(Duty free Quota Free Scheme :
DFQF) ๔. คณะกรรมการนโยบายอาหาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ | ดศ. | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | การขอปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) และอนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) จากปี พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นดังนี้ ๑)
การขยายแผนการดำเนินโครงการฯ ASEAN Digital Hub กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ ASIA Direct
Cable (ADC) เป็นภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ และ๒) การขยายแผนเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการฯ
ASEAN Digital Hub กิจกรรมย่อยที่ ๓
การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ ASIA Direct Cable (ADC) เป็นภายใน พ.ศ. ๒๕๗๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)
และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมฯ
กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศฯ กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำ ADC หากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยืนยันว่าเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมฯ
คณะรัฐมนตรีก็สามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ แต่สมควรเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อมิให้เสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว
|