ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 969 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19361 - 19380 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19361 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อรับโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดตั้ง “บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (Islamic Bank Asset Management Ltd. : IAM)” มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมดใน IAM อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงการคลัง และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นหน่วยงานกำกับดูแล IAM โดยให้ IAM ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Financing : NPF) ในส่วนลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม รวมถึงหลักประกันของสินทรัพย์จาก ธอท. และนำไปบริหารหรือจำหน่ายเท่านั้น ตลอดจนดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการจัดตั้ง IAM การกำหนดการโอนลูกหนี้ และกำหนดคำนิยามหรือคุณสมบัติของลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่จะโอนไปยัง IAM ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ และเร่งรัดจัดตั้ง IAM โดยเร็ว โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑ ด้วย ๓. ยกเว้นให้ IAM ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไปเท่าที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้ง IAM โดยให้ IAM จัดให้มีกฎ ระเบียบ และข้อบังคับขององค์กรเอง เว้นแต่ในเรื่อง (๑) ระเบียบเรื่องการก่อหนี้ของประเทศ (๒) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ และ (๓) การให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังซึ่งเป็นข้าราชการประจำร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM เสนอกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของ IAM ต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง โดย IAM จัดทำแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์ แนวทางการกำกับดูแล ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน แหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการดำเนินการของ IAM และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทราบทุกเดือน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของ IAM ให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19362 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2560 | นร11 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงินดำเนินการ ๑,๕๒๐,๕๔๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน ๕๘๐,๙๘๐ ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการอนุมัติลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ๑.๓ มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว โดยกรณีการปรับลดเป้าหมายการลงทุนต้องเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถบริหารจัดการได้เท่านั้น ๑.๔ ให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๐ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ ประมาณ ๑๐๗,๗๒๒ ล้านบาท และรับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๗๒๐,๓๑๓ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๐๒,๗๑๑ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงเจ้าสังกัด และรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนที่สอดคล้องกับวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรายงานให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ ตลอดจนให้จัดทำแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการตามแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับความเห็นชอบแล้วให้มีการก่อหนี้โดยเร็ว สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front Load) ทั้งนี้ ให้เน้นการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๐ ให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแล และคณะกรรมการของแต่ละรัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญในการติดตามผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19363 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ แก้ไขชื่อตำแหน่งของส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมและส่วนราชการอื่น กำหนดเงื่อนไขการทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ของกรรมการ และเพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อรับรองอาวุธซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองโดยได้รับอนุญาต ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาทบทวนตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเพื่อควบคุมกิจการทางทหารที่เกี่ยวเนื่องด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19364 | แนวทางการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ (ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม พ.ศ. ....) | นร09 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการทำสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม กำหนดกลไกในการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา กำหนดแนวทางให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามแผน กำหนดรูปแบบของสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญา และออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญากำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามกลไกที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งเตรียมความพร้อมล่วงหน้าทั้งด้านบุคลากร การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของกฎหมายอย่างชัดเจน และอุปกรณ์ในการดำเนินงานเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนเผยแพร่ให้ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดของหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการทำการเกษตรในระบบเกษตรพันธสัญญาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฯ อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19365 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน 3 ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร จำนวน ๓ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการในท้องที่) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) ในท้องที่] ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่และส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานการใช้มาตรการภาษีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ และมีความแตกต่างกันในรายละเอียดการช่วยเหลือและการสร้างแรงจูงใจภาคเอกชน รวมทั้งขอบเขตพื้นที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อมาตรการภาษีสิ้นสุดลงหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสานกับอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในการติดตามและประเมินผลการนำมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปบังคับใช้ในพื้นที่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19366 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ พึงประเมินที่ได้รับโดยเสน่หาที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬา ได้รับอันเนื่องมาจากเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬา สมัครเล่นระดับนานาชาติ) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้พึงประเมินที่นักกีฬา นักกีฬาพิเศษ และบุคลากรทางการกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หา เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นรายการกีฬาตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่อง การแบ่งระดับเกมส์การแข่งขันมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่จำนวนเกินกว่าที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒ (๒๘) แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19367 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2526 เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และเสนอร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอายุใบอนุญาตประกอบการ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการท้ายร่างพระราชบัญญัติและการระงับการใช้รถหรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบการเป็นการชั่วคราว) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ปรับปรุงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการ) รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๕. ให้กระทรวงคมนาคมรับร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ให้ได้ข้อยุติ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างภายในของกรมการขนส่งทางบก ก็ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว หากกรมการขนส่งทางบกได้รับอนุมัติกรอบโครงสร้างหรือกรอบอัตรากำลังใหม่ และไม่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้ ก็เห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อดำเนินการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปดำเนินการด้วย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบจากการปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการยกเลิกสัญญาระหว่าง ขสมก. กับรถเอกชนร่วมบริการ เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งใหม่ และให้ ขสมก. เร่งพิจารณาทบทวนแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของ ขสมก. เสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบกร่วมกันพิจารณากำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงกลไกการสนับสนุนทางการเงินเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานขาดทุนของผู้ให้บริการที่เป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๗. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตต่าง ๆ และปรับปรุงมาตรการการชำระค่าปรับโดยให้มีข้อมูลเชื่อมโยงกับการต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19368 | ขออนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี 2559 (เพิ่มเติม) (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) | ยธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) สนับสนุนให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนแต่ละประเทศ เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับการจัดสรร ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ จะต้องคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ความมั่นคง และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมั่นคงยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และรายงานผลการดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายกำหนด พึงระมัดระวังและกำกับดูแลมิให้มีการใช้จ่ายที่ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19369 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบ ความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 และการขออนุมัติให้วันที่ 10 ตุลาคม 2559 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษในกรุงเทพฯ และปริมณฑล | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายและการขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ เป็นการประชุมระหว่างประเทศที่ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นระดับรัฐมนตรี ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง โดยให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ โดยมิต้องดำเนินการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ แต่อย่างใด ๒. กรณีกระทรวงการต่างประเทศ ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงการต่างประเทศขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19370 | ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการดำเนินการเพื่อให้สถานพยาบาลมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งพัฒนาให้มีระบบสนับสนุน บุคลากรที่มีองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สามารถรองรับการดำเนินงานได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียควรคำนึงถึงอัตราการเกิดของปริมาณน้ำเสียให้ครอบคลุมทุกแหล่งกำเนิดภายในโรงพยาบาล การออกแบบรายละเอียดก่อสร้างควรพิจารณาระบบรวบรวมน้ำเสีย ระบบท่อแยก และโรงพยาบาลควรพิจารณานำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่โรงพยาบาล หากมีการปล่อยออกสู่ระบบระบายน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณะ ควรมีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังตรวจสอบและติดตามมิให้มีการปล่อยน้ำเสียหรือกรณีชำรุดรั่วไหลออกสู่ภายนอกอันอาจก่อให้เกิดผลกระทบกับชุมชนบริเวณโดยรอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ฯ ตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) และปรับระยะเวลาของยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19371 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติ UNSC ที่ ๒๒๐๖ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ที่ ๒๒๗๑ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ที่ ๒๒๘๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) และที่ ๒๒๙๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) เกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ๒. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคมกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19372 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 3 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และร่างสัญญาเงินกู้ ๑.๒ เห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามร่างสัญญาเงินกู้และ General Terms and Conditions for Japanese ODA Loans ฉบับเดือนพฤศจิกายน ปี ๒๕๕๗ ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจาก JICA สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑๖๖,๘๖๐ ล้านเยน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น และอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนที่รัฐบาลรับภาระให้แก่ รฟท. เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และลงนามในสัญญาเงินกู้กับ JICA ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวในโอกาสแรกภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และ รฟท. ดำเนินการควบคุมจัดทำระบบบัญชีเงินกู้ในส่วนที่รัฐบาล และ รฟท. รับภาระแยกออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อให้ทราบภาระต้นเงินกู้ ค่าดอกเบี้ย และภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบ และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณารูปแบบการลงทุนและการเดินรถโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่มีความเหมาะสม และในกรณีที่กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วยืนยันว่า รฟท. จำเป็นต้องเป็นผู้ลงทุนและเดินรถโครงการดังกล่าว เห็นควรให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนธุรกิจ แผนบริหารจัดการหนี้สิน และแผนการปรับโครงสร้างองค์กร รวมทั้งแนวทางการจัดเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจว่า รฟท. จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ทันทีที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19373 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ในกรอบวงเงิน ๒๙,๔๔๙.๓๑ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินโครงการของ รฟท. มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ในระดับที่เสนอ เช่น การพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและบริหารจัดการเดินรถร่วมกับ รฟท. การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้สามารถแข่งขันกับการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ได้ การแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ การพัฒนาที่ดินที่ไม่ใช้ในการเดินรถตามแนวทางเขตรถไฟ การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการรถไฟ ตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการลงทุนต่าง ๆ ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งหลายรูปแบบ (Multi-modal) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. สำหรับแนวทางการรับภาระการลงทุน ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยค่าเวนคืนที่ดินและค่าดำเนินการประกวดราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ รฟท. และในส่วนของค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในประเทศและให้กู้ต่อแก่ รฟท. โดยเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเป็นรายจ่ายชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่ รฟท.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19374 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 (ครั้งที่ 8) | พน | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๘) เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสตามนโยบายของรัฐ และรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) แผนงานพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ) (๒) การทบทวนนโยบายการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า ประเภทใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า และ (๓) ปรับปรุงเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสตามนโยบายของรัฐ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจกำหนดค่าตอบแทนใดไม่ให้รวมเป็นมูลค่าของฐานภาษีได้ตามมาตรา ๗๙(๔) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยคณะรัฐมนตรีก็สามารถมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรเพื่อบรรเทาภาระภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การพิจารณาหักลดรายได้นำส่งคลังให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายโดยเร็ว และการส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ควรให้ความสำคัญกับศักยภาพการผลิตพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ และให้โอกาสแก่ชุมชนในพื้นที่ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตแหล่งเชื้อเพลิงและการผลิตพลังงานให้กับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษก่อนเป็นลำดับแรก รวมทั้งควรพิจารณาความคุ้มค่าและความจำเป็นในการวางแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าฐาน (base power plants) ที่ต้องทำหน้าที่รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในกรณีที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าด้วย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19375 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้ง IAEA ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEAต้องระบุยืนยันในหนังสือตอบรับของฝ่ายไทยว่า ไทยจะสามารถให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับตามความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEA เท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกหรือแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อรองรับพันธกรณีในเรื่องนี้ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19376 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ) | มท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๑๘๗.๘๓๐๒ ล้านบาท ให้กรุงเทพมหานครตามที่จ่ายจริงสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕ รายการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19377 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข็มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เพิ่มเติม [โครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (PCC)] | สธ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปสำหรับดำเนินโครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (Primary Care Cluster : PCC) จำนวน ๓๕๖,๙๔๕,๖๐๐ บาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างศูนย์สุขภาพชุมชน ๔ ชั้น ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ กำแพงเพชร ขอนแก่น เพชรบูรณ์ ตรัง เชียงใหม่ พิษณุโลก และน่าน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19378 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งพลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ] มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ ที่มียาเสพติดให้โทษเกินปริมาณที่กำหนดให้มีลักษณะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสพิสูจน์ความจริงได้ นอกจากนี้ได้แก้ไขอัตราโทษความผิดเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าว ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19379 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า - ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ควรให้มีการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร ควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจ และควรมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการคลังดำเนินการร่วมกันในการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มเติมตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมทั้งจัดระบบการบริหารงานภายในเพื่อรองรับภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนอย่างเต็มรูปแบบ ๒.๓ ให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลัก ๒ ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและกำกับดูแลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งพิจารณากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ โดยมอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19380 | มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ได้ร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำหรับงบประมาณในการดำเนินมาตรการฯ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เงินทุนธนาคารดำเนินการจ่ายแก่เกษตรกรในเบื้องต้นไปก่อน โดยรัฐบาลจะชำระคืนเงินต้นและต้นทุนเงินแก่ ธ.ก.ส. ในอัตรา FDR+1 โดยให้ ธ.ก.ส. จัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาล และให้ ธ.ก.ส. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙) ที่กำหนดให้ ธ.ก.ส. ใช้วงเงินไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของกำไร เพื่อการจัดสรรโบนัสเฉพาะปีบัญชี ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาวิธีการคำนวณกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำของ ธ.ก.ส. รวมทั้งคำนวณการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ธ.ก.ส. จากกำไรสุทธิและผลประกอบการจริงของ ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือต้องมีความชัดเจน การพิจารณาถึงผลกระทบที่จะมีต่อ ธ.ก.ส. จากการดำเนินมาตรการฯ และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนกรณีฉุกเฉินจำเป็น (A-Cash) โดยคำนึงถึงการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการก่อหนี้สินเกินตัว รวมทั้งการกำหนดให้ ธ.ก.ส. บันทึกธุรกรรมที่เกิดจากการดำเนินมาตรการในบัญชีธุรกรรมนโยบายภาครัฐ (Public Service Account : PSA) ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถติดตามผลของมาตรการได้อย่างเป็นระบบและมีความโปร่งใสต่อสาธารณชน นอกจากนี้ ควรมีการติดตามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ได้เกษตรกรที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้สินอยู่กับสถาบันการเงินอื่น ๆ นอกเหนือจาก ธ.ก.ส. ได้รับโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือด้านหนี้สินทางการเกษตรเช่นเดียวกับลูกค้า ธ.ก.ส. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....