ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 967 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19321 - 19340 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19321 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (จำนวน 11 คน 1. นายสมยศ เชื้อไทย ฯลฯ) | พณ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า จำนวน ๑๑ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมยศ เชื้อไทย ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒. พลตำรวจตรี รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๓. นายจักกพงศ์ ณ บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๔. นายสุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๕. นายบุญมา เตชะวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๖. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๗. นายศุทธา ปริยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๘. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๙. นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๑๐. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๑. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19322 | รายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใช้ข้อมูลจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีมูลค่าการจัดหาพัสดุรวมทั้งสิ้น ๙๑,๗๐๑.๓๘ ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวเป็นข้อมูลก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ และส่วนราชการยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากสำนักงบประมาณ จึงไม่สามารถจำแนกได้ว่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวใช้เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน งบเงินอุดหนุน หรืองบรายจ่ายอื่น นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวไม่รวมรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังจะได้แจ้งผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการทุกเดือนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19323 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19324 | การเลื่อนกำหนดการจัดการแข่งขัน "กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016" | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ สิงหาคม ๒๕๕๙) รับทราบกำหนดการจัดการแข่งขัน “กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016” ในระหว่างวันที่ ๒๐ กันยายน-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ นั้น โดยที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ASIA Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงนี้อาจไม่เหมาะสม จึงให้เลื่อนกำหนดการแข่งขันดังกล่าวไปเป็นช่วงหลังวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19325 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ๑.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการประชุมเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศมีหลักการตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การลดความหวาดระแวง และการได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ใช้หลักการต่างตอบแทนในการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นรูปธรรม นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการพัฒนาท่าอากาศยานในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางภายในภูมิภาคและรองรับความต้องการเดินทางระหว่างสองประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม โดยให้ใช้ประสบการณ์ ฝีมือ และผลิตภาพของแรงงาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไม่ควรก่อให้เกิดผลกระทบกับภาคการลงทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต และให้นำเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมรายการสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยที่ใช้โปรแกรมประยุกต์ (Application) เป็นช่องทางในการติดต่อซื้อขายหรือให้บริการแก่ผู้บริโภค เพื่อใช้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น และเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการจัดการท่องเที่ยวทางเรือโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างประเทศ รวมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนด้วย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการว่า ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่เดิมเป็นลำดับแรก ๓.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดสังคมไทยที่เข้มแข็ง พอเพียง และปลอดภัย โดยนำหลักธรรมมาสร้างจิตสำนึก ค่านิยม ในสังคม และทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นั้น ให้นำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านสังคม เช่น การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ต่อไปด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีการผันน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร และให้นำเสนอมาตรการและแนวทางดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เป็นหน่วยงานหลักจัดทำแผนการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้ครอบคลุมการจัดทำผังเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายเมื่อเกิดฝนตกหนัก และให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๔.๓ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยอาจสนับสนุนทุนสำหรับขยายกิจการหรือสนับสนุนมาตรการทางภาษี นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการ โดยให้รวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการในสังกัดเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และส่งฐานข้อมูลดังกล่าวให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้รับผิดชอบภาพรวมการขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐ เพื่อนำไปใช้ประกอบการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศให้รองรับประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป ๔.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาปรับปรุงแนวทางการจูงใจผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ให้เข้ามาเป็นบุคลากรภาครัฐ เช่น การกำหนดค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ เป็นต้น และให้นำเสนอแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๔.๕ ในการจัดทำโครงการหรือมาตรการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอโครงการหรือมาตรการจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการหรือมาตรการที่จะกำหนดขึ้นไม่มีความซ้ำซ้อนและไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน ๔.๖ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งพิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ลุ่มน้ำให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามมิให้ผู้เคยกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าในกรณีใดเป็นผู้ได้รับอนุญาตอีก ทั้งนี้ การดำเนินการต้องไม่ขัดกับหลักสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ๔.๗ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดทำเป็นเอกสารชี้แจง (Press Release) เพื่อให้ข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนหรือถูกกล่าวอ้างผิดไปจากข้อเท็จจริง ๔.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายจราจรกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วเกินกำหนดบนท้องถนนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) รวมทั้งสร้างการรับรู้และจิตสำนึกเกี่ยวกับวินัยในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ๔.๙ ให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ หรือค่าล่วงเวลาของบุคลากรให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19326 | แผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยให้ระบุรายละเอียดโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการ และผลที่จะได้รับในแต่ละระยะ บูรณาการการทำงานและงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น ประเมินและทบทวนแผนงานทุก ๆ ๕ ปี และส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รวบรวมแผนงานจาก ๒๘ หน่วยงานนำเสนอนายกรัฐมนตรีแล้ว นั้น เห็นควรให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังมิได้จัดทำแผนงานข้างต้นเร่งรัดการจัดทำแผนงานให้แล้วเสร็จ โดยให้จัดทำในรูปแบบตาราง แยกเป็นรายกิจกรรม กำหนดกรอบงบประมาณ และแผนการดำเนินการที่ชัดเจน ตามแนวทางข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และให้เพิ่มเติมด้วยว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมเร่งด่วนที่จะดำเนินการ ในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ทั้งนี้ สำหรับ ๒๘ ส่วนราชการที่จัดทำแผนงานส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว ให้ทบทวนแผนงานดังกล่าวและเพิ่มเติมข้อมูลให้เป็นไปในแนวทางข้างต้นต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการส่งแผนงานดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยงานกลางใช้แผนงานดังกล่าวประกอบการพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาตินำแผนงานไปพิจารณาประกอบการจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และแผนปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ (Road map) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ๑.๒.๒ ให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ๑.๒.๓ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณานำเรื่องที่ส่วนราชการเสนอคณะรัฐมนตรี ๒. ให้ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามแนวทางและกรอบเวลาที่กำหนดโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19327 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2559) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๒/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖๓/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19328 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19329 | ร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19330 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | สว | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว สำหรับกรณีที่จำเลยร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์และศาลมีคำสั่งอนุญาตย่อมมีผลทำให้จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาแสดงตนไปด้วยในตัว โดยต้องแสดงตนเมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่ได้ขยายออกไป ส่วนกรณีบทบัญญัติตามร่างพระราชบัญญัตินี้มีความเกี่ยวพันกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๒ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้ด้วย และกรณีกำหนดให้ใช้คำว่า “ผู้มีหน้าที่ต้องส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบ” เห็นว่ามีความครอบคลุมมากกว่าคำว่า “ผู้ที่ศาลสั่งให้ส่งสิ่งที่ริบ” และเมื่อนำไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับการดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจะหมายความรวมถึงผู้มีหน้าที่ต้องส่งสิ่งที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตดังกล่าว เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม และส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19331 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ที่เห็นควรมีการแก้ไขกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งหรือนำตราสารเปลี่ยนมือออกไปนอกหรือเข้ามาในประเทศผ่านระบบไปรษณีย์ รวมทั้งควรแก้ไขบันทึกเหตุผลแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19332 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า ทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สิทธิของผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา โดยขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมร่วมมือกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดเตรียมเอกสารและจัดทำสื่อวิดีทัศน์เผยแพร่วางที่หน่วยบริการของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถนำไปเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ได้ สำหรับการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เห็นควรให้มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ จำนวน ๑ คน เพียงพอแล้ว ส่วนการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว เห็นควรแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงแรงงาน แทนเจ้าหน้าที่ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นภาพรวมของกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19333 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19334 | ขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด) | นร07 | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๖ รายการ วงเงิน ๘.๒๘๑ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ค่าปรับปรุงอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีศาลสูงภาค ๗ (๒) ค่าปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารที่พักอาศัย สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน (๓) ค่าซ่อมแซมอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี (๔) ค่าปรับปรุงบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ (๕) ค่าก่อสร้างกำแพงกันดินและวางระบบท่อระบายน้ำ สำนักงานอัยการภาค ๒ และ (๖) ค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองอุดรธานี ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19335 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา (รวม 17 ช่วง) [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วง กม.15 + 000.000 - กม. 27 + 500.000 (ช่วง 5), ช่วง กม.102 + 000.000 - กม.110 + 9000.000 (รวมทางแยกต่างระดับปากช่อง) (ช่วง 23), ช่วง กม.110 + 900.000 - กม.119 + 000.000 (ช่วง 24), ช่วง กม.119 + 000.000 - กม.126 + 475.000 (ช่วง 25), ช่วง กม.129 + 715.000 - กม.131 + 335.000 (ช่วง 28), ช่วง กม.131 + 335.000 - กม.132 + 955.000 (ช่วง 29), ช่วง กม.138 + 690.000 - กม.140 + 040.000 (ช่วง 33), ช่วง กม.140 + 040.000 - กม.141 + 810.000 (ช่วง 34), ช่วง กม.141 + 810.000 - กม.144 + 000.000 (ช่วง 35), ช่วง กม.144 + 000.000 - กม.154 + 800.000 (ช่วง 36) และ ช่วง กม.175 + 100.000 - กม.188 + 800.000 (ช่วง 39)] | คค | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม.๑๕+๐๐๐.๐๐๐-กม.๒๗+๕๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๕), ช่วง กม.๑๐๒+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๑๐+๙๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับปากช่อง) (ช่วง ๒๓), ช่วง กม.๑๑๐+๙๐๐.๐๐๐-กม.๑๑๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๔), ช่วง กม.๑๑๙+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๒๖+๔๗๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๕), ช่วง กม.๑๒๙+๗๑๕,๐๐๐-กม.๑๓๑+๓๓๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๘), ช่วง กม.๑๓๑+๓๓๕.๐๐๐-กม.๑๓๒+๙๕๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๙), ช่วง กม.๑๓๘+๖๙๐.๐๐๐-กม.๑๔๐+๐๔๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๓), ช่วง กม.๑๔๐+๐๔๐.๐๐๐-กม.๑๔๑+๘๑๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๔), ช่วง กม.๑๔๑+๘๑๐.๐๐๐-กม.๑๔๔+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๕), ช่วง กม.๑๔๔+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๕๔+๘๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๖) และช่วง กม.๑๗๕+๑๐๐.๐๐๐-กม.๑๘๘+๘๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๙) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19336 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี รวม 9 ช่วง [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.1 + 119.007 - กม.5 + 000.000 LT. และ กม.1 + 225.000 - กม.5 + 000.000 - RT.(SPUR LINE) (ช่วง 24), ช่วง กม.5 + 000.000 - กม.9 + 856.000 (SPUR LINE) (ช่วง 25), ช่วง กม.80 + 000.000 - กม.87 + 000.000 (ช่วง 21), ช่วง กม.87 + 000.000 - กม.92 + 000.000 (ช่วง 22), ช่วง กม.92 + 000.000 - กม.96 + 410.000 (รวมทางแยกต่างระดับกาญจนบุรี) (ช่วง 23)] | คค | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม. ๑+๑๑๙.๐๐๗-กม.๕+๐๐๐.๐๐๐ LT. และ กม.๑+๒๒๕.๐๐๐-กม.๕+๐๐๐.๐๐๐ RT. (SPUR LINE) (ช่วง ๒๔), ช่วง กม.๕+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙+๘๕๖.๐๐๐ (SPUR LINE) (ช่วง ๒๕), ช่วง กม.๘๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๘๗+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๑), ช่วง กม.๘๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙๒+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒๒), ช่วง กม.๙๒+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙๖+๔๑๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับกาญจนาบุรี) (ช่วง ๒๓) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19337 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ และได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีในหัวข้อด้านการท่องเที่ยว [1st Asia Cooperation Dialogue (ACD) Ministerial Meeting on Tourism] ณ เมืองทาบริซ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับรัฐมนตรีในหัวข้อด้านการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีมติให้การรับรองปฏิญญาทาบริซ (Tabriz Declaration) โดยตกลงที่จะร่วมกันดำเนินการตามประเด็นสำคัญ อาทิ จัดตั้งคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดตั้งเครือข่ายการท่องเที่ยว “Joint Tourism Network” และยกระดับการท่องเที่ยวในภูมิภาค ๒. การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับรองประธานาธิบดีและประธานองค์กรการท่องเที่ยวหัตถกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมประจำอิหร่าน (Vice President and Head of Iran Cultural Heritage, Handicrafts and Tourism Organization) โดยฝ่ายอิหร่านมีข้อเสนอ อาทิ การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ การจัด Fam Trips (Familiarization Trips) โดยเชิญนักข่าวจากไทยเดินทางมาสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวที่อิหร่าน และการขอให้ไทยดำเนินการลงนามในร่างบันทึกความตกลงด้านการท่องเที่ยว (MOU) สำหรับฝ่ายไทยมุ่งเน้นการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ และในส่วนของ (MOU) จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19338 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรมเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. 2559 - 2563 | รง | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพแรงงานด้านภาษาและวัฒนธรรมเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติได้เห็นชอบผลการจัดทำยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งวิเคราะห์จากความเชื่อมโยงของแผน นโยบายยุทธศาสตร์ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง และการระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบด้วย ๕ ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้และการทดสอบสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม (๒) พัฒนาหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกถึงคุณค่าของภาษาและวัฒนธรรม (๓) ขยายความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน (๔) ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาทักษะด้านภาษาและวัฒนธรรม และ (๕) ปรับปรุงสื่อการเรียนรู้และฐานข้อมูลกลางด้านภาษาและวัฒนธรรม และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในยุทธศาสตร์ที่ ๑ ยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้และการทดสอบสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม กลยุทธ์ที่ ๑.๔ สนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางทดสอบภาษาเพื่อการปฏิบัติงานสำหรับแรงงานไทย ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานเจ้าภาพบูรณาการด้วยนั้น โดยที่เรื่องดังกล่าวมิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของการดำเนินการของหน่วยงานที่รับผิดชอบภายในประเทศ กระทรวงแรงงานซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักอาจพิจารณาหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19339 | รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 37 และการเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการประชุมฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๗ (The 37th Meeting of ASEAN Senior Officials on Drug Matters : ASOD) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานความร่วมมือด้านยาเสพติดของอาเซียนในรูปแบบของโครงการต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมด้านยาเสพติด การปฏิบัติการร่วม และการดำเนินกิจกรรมในด้านต่าง ๆ (๒) พิจารณาข้อเสนอโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านยาเสพติดในอาเซียน (๓) ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และแผนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และ (๔) ร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานความร่วมมือ สำหรับการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๘ ในปี ๒๕๖๐ ประเทศเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19340 | แผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา วัฒนธรรม และด้านสาธารณสุขและการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ห้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2559 - 2560 | นร04 | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา วัฒนธรรม และด้านสาธารณสุขและการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ห้วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙-๒๕๖๐ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) แผนการปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม เช่น กำกับดูแลและสนับสนุนการท่องเที่ยวในแต่ละ Cluster ให้มั่นคงและยั่งยืน จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ จัดทำแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ และแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นต้น และ (๒) แผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข และการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น ปรับระบบการบริหารจัดการบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิให้เป็นรูปแบบ Primary Care Cluster เพิ่มแหล่งทุนเพื่อการสร้างสุขภาพป้องกันโรคของประเทศเป็นร้อยละ ๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ แก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งเตรียมความพร้อมสังคมและคนทุกวัยเพื่อเป็นสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ เป็นต้น ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....