ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 968 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19341 - 19360 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19341 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์" พ.ศ. .... | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท เพื่อใช้เป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19342 | แจ้งมติสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง | สว | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำ ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม และการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และมิใช่ข้าราชการการเมืองของกระทรวงกลาโหม เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๖๘ ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) และ (๒) และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๕ ซึ่งมีผลทำให้บุคคลดังกล่าวถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมือง หรือในหน่วยงานของรัฐ หรือในการรับราชการเป็นระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19343 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี รวม 9 ช่วง [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.13 + 000.000 - กม.17+ 000.000 (ช่วง 5), ช่วง กม.17 + 000.000 - กม.22 + 500.000 (ช่วง 6), ช่วง กม.46 + 000.000 - กม.50 + 000.000 (ช่วง 14), และช่วง กม.77+000.000 - กม.80 + 000.000 (รวมทางแยกต่างระดับท่าม่วง) (ช่วง 20)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม.๑๓+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๗+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๕), ช่วง กม.๑๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๒๒+๕๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๖), ช่วง กม.๔๖+๐๐๐.๐๐๐-กม.๕๐+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๔), และช่วง กม.๗๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๘๐+๐๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับท่าม่วง) (ช่วง ๒๐) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19344 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมาฯ (รวม 17 ช่วง) [การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วง กม. 41+ 300.000 - กม. 42 + 497.858 (ช่วง 8) , ช่วง กม. 42 + 497.858 - กม. 43 + 772.858 (ช่วง 9) , ช่วง กม. 43 + 772.858 - กม. 45 + 022.858 (ช่วง 10), ช่วง กม. 45 + 022.858 - กม. 46 + 274.828 (ช่วง 11) , ช่วง กม. 46 + 274.828 - กม. 47 + 600.000 (ช่วง 12) และช่วง กม. 128 + 095.000 - กม. 129 + 715.000 (ช่วง 27)] | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม. ๔๑+๓๐๐.๐๐๐-กม. ๔๒-๔๙๗.๘๕๘ (ช่วง ๘), ช่วง กม. ๔๒+๔๙๗.๘๕๘-กม. ๔๓+๗๗๒.๘๕๘ (ช่วง ๙) ,ช่วง กม. ๔๓+๗๗๒.๘๕๘-กม. ๔๕+๐๒๒.๘๕๘ (ช่วง ๑๐), ช่วง กม. ๔๕+๐๒๒.๘๕๘-กม. ๔๖+๒๗๔.๘๒๘ (ช่วง ๑๑), ช่วง กม. ๔๖+๒๗๔.๘๒๘-กม.๔๗+๖๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๒) และช่วง กม. ๑๒๘+๐๙๕.๐๐๐-กม. ๑๒๙+๗๑๕.๐๐๐ (ช่วง ๒๗) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19345 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 1 | พณ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการค้าและการลงทุน ได้แก่ การขยายมูลค่าการค้าระหว่างไทยและภูฏาน และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย การส่งเสริมการลงทุนของไทยในภูฏาน การอำนวยความสะดวกและการสนับสนุนการจัดกิจกรรม Road Show ของภูฏาน (การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว) การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในการนำเข้าของภูฏาน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับกรมอุตสาหกรรมของภูฏาน ๒. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การพัฒนาแพ็คเกจการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด "2 Kingdoms 1 Destination" การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการบริหารจัดการโรงแรม ๓. ความร่วมมือด้านการเกษตร ได้แก่ การขยายความร่วมมือด้านการเกษตรเกี่ยวกับการดูแลผลิตภัณฑ์หลังเก็บเกี่ยว การวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการทดสอบและพัฒนาห้องแลป เป็นต้น ๔. ความร่วมมือด้านการพัฒนาสินค้าหัตถกรรม ได้แก่ การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์พัฒนาผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรม/หัตถศิลป์ (สิ่งทอ ไม้ โลหะ) การตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ๕. การรักษาพยาบาล/การรับบริการด้านสุขภาพในไทย ได้แก่ พิจารณาความเป็นไปได้ในการลดค่าบริการการรักษาให้กับคนไข้ชาวภูฏาน (โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน) ๖. ประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ ผลักดันการเจรจา FTA ภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ให้มีข้อสรุปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19346 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๑๑๐ รายการ วงเงินรวม ๓๘๕,๗๘๗,๑๗๒.๕๔ บาท ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จให้ใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป และอนุมัติการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ที่เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยให้สัตยาบันการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรกที่ดำเนินการไปแล้ว ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๒๘,๖๐๔,๕๐๒.๐๐ บาท และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๒,๗๓๓,๓๙๐.๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติการขอยกเลิกการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๒๔ รายการ วงเงินรวม ๓๐,๗๔๐,๗๖๒.๖๘ บาท ๑.๓ อนุมัติให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้ดำเนินการดึงเงินเหลือจ่ายคืนจากหน่วยงานเจ้าของโครงการโดยตรงหลังจากวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่คณะรัฐมนตรีขยายระยะเวลาการดำเนินการและเบิกจ่ายตามข้อ ๑.๑ เพื่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะได้ดำเนินการปิดบัญชีแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อไป ๑.๔ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จากเดิม “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙” เป็น “เห็นชอบการปิดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และยุติการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ” ๑.๕ อนุมัติการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โดยให้สัตยาบันการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC๑ พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกรมชลประทาน จำนวนทั้งสิ้น ๒.๑๗ ล้านบาท ๑.๖ อนุมัติการจัดสรรวงเงินสำรองจ่ายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๓๕๕,๗๔๒.๐๐ บาท ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และกระทรวงการคลังกำกับหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และเร่งรัดดำเนินการปิดโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ โดยคณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาดำเนินงานหรือการเบิกจ่ายเงินอีกต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการเบิกจ่ายเงินเกินกรอบระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีของส่วนราชการ รวมทั้งเสนอแนวทางป้องกันมิให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19347 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ พ.ศ. .... | คค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย ตำบลมวกเหล็ก ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น ตำบลกลางดง ตำบลปากช่อง ตำบลหนองสาหร่าย ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง ตำบลคลองไผ่ ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว ตำบลมะเกลือเก่า ตำบลเสมา ตำบลสูงเนิน ตำบลโคราช ตำบลนากลาง ตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทางและสะพานข้ามทางรถไฟ ทางรถไฟทางคู่ และทางลอดใต้ทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19348 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | วท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ และเจ้าหน้าที่เดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หากเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน สามารถกระทำได้ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และหากคณะรัฐมนตรีมีมติให้กำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งดังกล่าว ก็อาจดำเนินการผ่านคณะกรรมการบริหารของหน่วยงานนั้น ๆ สำหรับกรณีให้หน่วยงานของรัฐควบคุมการประกอบกิจการที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งสองหน่วยงานจะทำข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการควบคุมดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนการยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เห็นควรยื่นตั้งแต่ในขั้นขออนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งอาจต้องปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจะดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19349 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พุทธศักราช ๒๔๘๒ และนำมาบัญญัติรวมไว้ในพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งเตรียมมาตรการหรือแนวทางการควบคุมและกำกับดูแลให้การจับสัตว์น้ำของเรือประมงพาณิชย์สัญชาติไทยและเรือประมงพาณิชย์สัญชาติต่างประเทศอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เกินกว่าผลจับสูงสุดที่ยั่งยืนของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19350 | การปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายออลีวีเย เรอเน ตีแยรี ว็อง เดอ แว๊งแกล (Mr. Olivier Rene Thierry Van de Winkel)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากเดิม มีเขตกงสุลครอบคลุมนครมาร์ไซย์ จังหวัด Bouches-du-Rhone แคว้น Provence-Alpes-Cote d’ Azur เป็น มีเขตกงสุลครอบคลุม ๖ จังหวัด ในแคว้น Provence-Alpes-Cote d’ Azur ประกอบด้วย จังหวัด Alpes-de-Haute-Provence จังหวัด Hautes-Alpes จังหวัด Alpes-Maritimes จังหวัด Bouches-du-Rhone จังหวัด Var และจังหวัด Vaucluse ๒. แต่งตั้ง นายออลีวีเย เรอเน ตีแยรี ว็อง เดอ แว็งแกล (Mr. Olivier Rene Thierry Van de Winkel) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สืบแทน นายฟรานซิส บิเจต์ (Mr. Francis Biget) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมาร์ไซย์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19351 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเหริน อี้เชิง (Mr. Ren Yisheng)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเหริน อี้เชิง (Mr. Ren Yisheng) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๒ จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ สุโขทัย ตาก และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายฉาว เสี่ยวเหลียง (Mr. Chao Xiaoliang) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19352 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเฌอร์มัน เอกัว ซีมา อาบากา (Mr. German Ekua Sima Abaga)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฌอร์มัน เอกัว ซีมา อาบากา (Mr. German Ekua Sima Abaga) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายมานูเอล โมโต โตโม (Mr. Manuel Moto Tomo) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19353 | รัฐบาลสาธารณรัฐเช็กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Marek Libricky)] | กต | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Mr. Marek Libricky) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายวีเจซสลัฟ เกรเปิล (Mr. Vitezslav Grepl) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19354 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายทีปรัตน์ วัชรางกูร และ นายวิชญายุทธ บุญชิต) | นร11 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายทีปรัตน์ วัชรางกูร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. นายวิชญายุทธ บุญชิต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19355 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนระดับทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวบงกช อนุโรจน์ และนางสาวจิตรา กุลวานิช) | นร | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวบงกช อนุโรจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ ๒. นางสาวจิตรา กุลวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19356 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายไพศาล ชื่นจิตร) | กค | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล ชื่นจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19357 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... | มท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาวิชาชีพวิศวกรรมอากาศยาน วิศวกรรมชีวการแพทย์ วิศวกรรมอาหาร วิศวกรรมเกษตร วิศวกรรมบำรุงรักษาอาคาร วิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย วิศวกรรมสารสนเทศ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมปิโตรเลียม วิศวกรรมสำรวจ วิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมชายฝั่ง วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ วิศวกรรมยานยนต์ วิศวกรรมต่อเรือ วิศวกรรมพลังงาน และวิศวกรรมระบบราง เป็นสาขาวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเสนอให้มีการบรรจุสาขาวิศวกรรมชลประทาน สาขาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด และสาขาวิศวกรรมขนส่ง เป็นวิชาชีพวิศวกรรมเพิ่มเติม รวมทั้งสภาวิศวกรควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดให้สาขาวิชาชีพวิศวกรรมที่เสนอเพิ่มเติมเป็นวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามขั้นตอน โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19358 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล ห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง ตำบลลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง ตำบลลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ (ฝั่งซ้าย) ตามแผนงานที่กำหนดไว้ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนส่วนที่เหลือต่อไปได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) พิจารณาแนวทางการเปิดโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเพื่อร่วมตัดสินใจและแก้ไขประเด็นข้อขัดแย้งต่าง ๆ ให้ไปสู่การสร้างความยอมรับให้ดำเนินโครงการในพื้นที่ได้อย่างเป็นเอกฉันท์ และจัดทำโครงการให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนตามความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19359 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทยของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรมีกลไกการกำกับตรวจสอบโดยอาจเพิ่มเงื่อนไขการอนุญาตในกฎกระทรวงดังกล่าว และขอรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งการแก้ไขและป้องกันปัญหาอย่างบูรณาการไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและการขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยกับรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในการออกใบอนุญาตภายใต้กฎกระทรวงฉบับนี้จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาต เรือประมง เครื่องมือทำการประมง ระบบติดตามเรือประมง และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19360 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ๑.๒ ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ๑๔,๕๐๐ บาท และตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....