ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 966 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19301 - 19320 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19301 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2559 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ได้มีการจัดการอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ๒. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะค่อนข้างดี เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ดัชนีความคาดหวังในอีก ๖ เดือนข้างหน้า ประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๙ มีค่าเท่ากับ ๖๕.๔ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าเท่ากับ ๖๔.๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19302 | รายงานการประชุมระดับรัฐมนตรี China - ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ 5 | กษ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรี China-ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๙-๑๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของการประชุมผู้ประสานงานระดับอธิบดี (ASEAN-China SPS Cooperation Contact Point Meeting) ครั้งที่ ๕ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมการดำเนินความร่วมมือด้านการควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันที่เกี่ยวข้องกับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนภายใต้แผนปฏิบัติการของปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ และให้การรับรองรายงานแผนปฏิบัติการความร่วมมือปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วยขอบเขตความร่วมมือ ๔ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การจัดทำระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแจ้งเตือนประกาศ (๒) การแลกเปลี่ยนการเยือน (๓) การจัดการฝึกอบรมและการสัมมนา และ (๔) การจัดทำวิจัยร่วม ๒. จีนได้นำเสนอโครงการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้าน SPS ระหว่างกัน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) การจัดทำพื้นที่นำร่องอาเซียน-จีนสำหรับการตรวจสอบและกักกันค้าชายแดน ณ ด่านผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (๒) ความร่วมมือด้านการมาตรฐานทางการเกษตร (๓) ความร่วมมือด้านใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) ความร่วมมือด้านการป้องกันและการควบคุมโรคพืชและสัตว์ ๓. ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมหนานหนิง โดยไม่มีการลงนาม มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ความสำเร็จในการเจรจาการยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (๒) เร่งรัดการเจรจาประเด็น SPS ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ให้สามารถสรุปผลได้ภายในกำหนด และ (๓) การส่งเสริมความร่วมมือในการตรวจสอบและกักกันสินค้าเกษตรและอาหาร ๔. การประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๑ โดยมีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19303 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี 1 เอเอ็ม และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑๕-๑๗/๒๕๕๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ๑.๒ เห็นชอบหลักเกณฑ์สำหรับโครงการที่จะขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองและเพื่อการต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ โดยจะต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่เดิมที่มีการทำเหมืองมาก่อน มีความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่าและความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรกำกับดูแลให้ผู้ถือประทานบัตรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และพิจารณากำหนดมาตรการที่เข้มข้นเพิ่มเติมสำหรับผู้ยื่นคำขอประทานบัตรรายนี้ เพื่อกำหนดเป็นเงื่อนไขพิเศษและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ประกอบการสั่งอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาต เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ยื่นคำขอประทานบัตรรายนี้จะไม่ทำเหมืองนอกเขตพื้นที่บริเวณประทานบัตรในพื้นที่อื่นอีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามกรณีคดีความกับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) กรณีการทำเหมืองนอกเขตพื้นที่ประทานบัตรและทำเหมืองในพื้นที่ห้ามทำเหมือง (Buffer Zone) หากคดีถึงที่สุดแล้วให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19304 | การบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน | กค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งเสริมให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยประเภทใหม่ คือ “สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์” ให้ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจตั้งอยู่ โดยให้กู้ยืมเงินทั้งที่มีหรือไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน วงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย คิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) ไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี และเห็นชอบการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) เพื่อรับผิดชอบภารกิจด้านการแก้ไขหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางกฎหมายกับองค์กรหรือนายทุนเงินกู้นอกระบบอย่างจริงจัง การจัดทำฐานข้อมูลสำหรับป้องกันและปราบปราม การบูรณาการช่วยเหลือคุ้มครองประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตัดวงจรสาเหตุของหนี้นอกระบบ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระดับกระทรวงหรือระดับองค์กร การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชนเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาหนี้นอกระบบ การอบรมให้ความรู้และพัฒนาทักษะการบริหารจัดการทางการเงิน ตลอดจนการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงินเพื่อให้เป็นภูมิคุ้มกันสำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนในอนาคต การกำหนดหลักเกณฑ์การวัดผลการดำเนินงาน รวมถึงตัวชี้วัดในการดำเนินงานและนำแนวทางการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบฯ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เพื่อให้มีแผนปฏิบัติการรองรับและมีผู้รับผิดชอบชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ จัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางการเงิน (Financial literacy) แก่ประชาชน รวมทั้งกลไกในการขับเคลื่อน โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดให้มีการให้ความรู้ฯ แก่ประชาชนในช่องทางที่หลากหลายและเหมาะสมสำหรับประชาชนแต่ละกลุ่มอาชีพ การศึกษา หรือช่วงวัย ๓.๒ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และวางแผนการประชาสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจูงใจให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้ผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ต่อไป ๕. ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) และคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดให้ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19305 | ร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารจัดการ การพัฒนาพื้นที่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกรวม ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์บางประการภายใต้เขตพื้นที่ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขปรับปรุงชื่อร่างพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ [เรื่อง โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development)] การเรียงลำดับชื่อจังหวัดในภาคตะวันออกควรเรียงตามลำดับภูมิศาสตร์ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง รวมทั้งควรผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เป็นกฎหมายหลักในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ การจัดตั้งกองทุนต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ การกำหนดให้การถมทะเลได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการประมง ขอบเขตพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ การจัดทำแผนเกี่ยวกับการผังเมือง การแก้ไขถ้อยคำและเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการบางประการในร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งการพิจารณาจัดทำกฎระเบียบในการลดระยะเวลาและขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติอนุญาตสำหรับโครงการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเป็นการเฉพาะ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19306 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557 | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปี พ.ศ. ๒๕๕๗ กรณีการจัดซื้ออาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก แห่งใหม่ และกรณีโครงการปรับปรุงวังสราญรมย์ จำนวน ๗ รายการ วงเงิน ๕๓๗,๘๐๓,๘๑๗.๖๗ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการดำเนินการและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19307 | การปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดเป็นขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงิน ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้ปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ได้แก่ ลูกจ้างที่มีค่าจ้างไม่เกิน ๔๓,๘๙๐ บาท สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างแบบช่วง ให้ปรับในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ได้รับอยู่เดิมอีกไม่เกินร้อยละ ๒ ของค่าจ้างที่ได้รับอยู่ และสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างแบบขั้น ให้ปรับในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ได้รับอยู่เดิมอีกไม่เกิน ๐.๕ ขั้น ของค่าจ้างที่ได้รับอยู่ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ลูกจ้างที่เคยได้รับอัตราค่าจ้างน้อยกว่าหลังจากปรับค่าจ้างดังกล่าวแล้ว จะยังคงได้รับอัตราค่าจ้างไม่สูงกว่าลูกจ้างที่มีค่าจ้างสูงกว่า และไม่เกินอัตราค่าจ้างขั้นสูงของแต่ละระดับตำแหน่ง โดยให้ใช้งบประมาณของแต่ละรัฐวิสาหกิจเอง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ และกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราค่าจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19308 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ (ACD Vision for Asia Cooperation 2030) (๒) ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) และ (๓) ร่างเอกสารแถลงการณ์ ACD เกี่ยวกับบทบาทของเอเชียในการกระตุ้นการเติบโตผ่านความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเชื่อมโยง (ACD Statement on Reigniting Growth through Partnership for Connectivity) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิก ACD เพื่อวางกรอบแนวทางการดำเนินความร่วมมือในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน สอดคล้องกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ค.ศ. ๒๐๓๐ และร่างพิมพ์เขียวระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑) ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกพิจารณาใช้เป็นแนวทางดำเนินความร่วมมือใน ๖ เสาหลักของ ACD ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศและผลประโยชน์ของประเทศไทยและภูมิภาคโดยรวม ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่กรุงเทพมหานคร ร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการตามผลลัพธ์การประชุมฯ ให้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดจะต้องดำเนินการภายในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) และกิจกรรมใดจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ (ด้านต่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19309 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม แห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Water Resources Between the Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Land, Infrastructure and Transport of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับนโยบายด้านน้ำ กฎหมายและองค์กร เทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดำเนินงานในสาขาทรัพยากรน้ำของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับทวิภาคี ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ การศึกษาดูงาน การวิจัยและพัฒนาร่วม การจัดประชุมและสัมมนาร่วม และความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ และการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19310 | การต้อนรับ - ส่งผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้แทนรัฐบาลในการต้อนรับ-ส่ง ผู้นำระดับประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ท่าอากาศยาน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19311 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ศธ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Education of the Republic of Korea) มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาทุกระดับ ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา โดยมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ การจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนนักวิชาการ ครู นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา ทุนการศึกษา การวิจัยร่วม การฝึกอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนสาขาอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ภายหลังการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ทำเนียบรัฐบาล ๑.๒ ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19312 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) และตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 6 ราย 1. นางสาววิมล คิดชอบ ฯลฯ) | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูต จำนวน ๔ ราย และตำแหน่งอธิบดี จำนวน ๒ ราย รวม ๖ ราย ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิมล คิดชอบ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์ก ๒. นายเรืองเดช มหาศรานนท์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ๓. นายธานี ทองภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๔. นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ๕. นายชุตินทร คงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ๖. นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ลำดับที่ ๑ ถึง ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ (เฉพาะลำดับที่ ๑ ๒ และ ๔ เกษียณอายุราชการในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ด้วย) และลำดับที่ ๖ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19313 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 4 ราย 1. นายประเสริฐ บุญเรือง ฯลฯ) | ศธ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายประเสริฐ บุญเรือง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพิษณุ ตุลสุข ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายประชาคม จันทรชิต ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๔. นายกฤตชัย อรุณรัตน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19314 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (จำนวน 6 ราย 1. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ฯลฯ) | อก | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
๑. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ๒. นายสมคิด วงศ์ไชยสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรพล ชามาตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายณัฐพล รังสิตพล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายประสงค์ นิลบรรจง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19315 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (นาวาเอก ปิยะ อาจมุงคุณ) | คค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นาวาเอก ปิยะ อาจมุงคุณ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน ตามมติคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19316 | การแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จำนวน 13 คน 1. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ฯลฯ) | นร08 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๓ คน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๒ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงค์ เป็นรองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๓ พลเอก จำลอง คุณสงค์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๔ พลเอก ปราการ ชลยุทธ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๕ พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๖ พลเอก สกล ชื่นตระกูล เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๗ พลเอก อักษรา เกิดผล เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๘ พลเอก อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๙ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๐ พลตำรวจโท ไพฑูรย์ ชูชัยยะ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๑ นายพรชาต บุนนาค เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๒ นายจำนัล เหมือนดำ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๑.๑๓ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. ให้แก้ไขการแต่งตั้ง นายภาณุ อุทัยรัตน์ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิม “เป็นเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” เป็น “เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลและเลขานุการ” รวมทั้งให้ปรับวิธีการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคเอกชนธุรกิจเพื่อรวบรวมแผนงาน โครงการ และบุคลากรให้ทำงานตามยุทธศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการบูรณาการงานภายในพื้นที่ก่อนขึ้นถึงระดับนโยบาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19317 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (จำนวน 11 คน 1. นายสมยศ เชื้อไทย ฯลฯ) | พณ | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า จำนวน ๑๑ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมยศ เชื้อไทย ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒. พลตำรวจตรี รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๓. นายจักกพงศ์ ณ บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๔. นายสุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๕. นายบุญมา เตชะวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๖. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๗. นายศุทธา ปริยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๘. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๙. นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๑๐. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๑. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19318 | รายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใช้ข้อมูลจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีมูลค่าการจัดหาพัสดุรวมทั้งสิ้น ๙๑,๗๐๑.๓๘ ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวเป็นข้อมูลก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ และส่วนราชการยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากสำนักงบประมาณ จึงไม่สามารถจำแนกได้ว่าการจัดหาพัสดุดังกล่าวใช้เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน งบเงินอุดหนุน หรืองบรายจ่ายอื่น นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวไม่รวมรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังจะได้แจ้งผลการจัดหาพัสดุของส่วนราชการไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการทุกเดือนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19319 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19320 | การเลื่อนกำหนดการจัดการแข่งขัน "กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016" | นร04 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ สิงหาคม ๒๕๕๙) รับทราบกำหนดการจัดการแข่งขัน “กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016” ในระหว่างวันที่ ๒๐ กันยายน-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ นั้น โดยที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ASIA Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงนี้อาจไม่เหมาะสม จึงให้เลื่อนกำหนดการแข่งขันดังกล่าวไปเป็นช่วงหลังวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
.....