ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1325 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26481 - 26500 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26481 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายน และแนวโน้มปี 2556 และ 2557 | นร11 | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายน และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวตามการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านสุวรรณภูมิและดอนเมืองซึ่งสอดคล้องกับการแจ้งเตือนของประเทศต่าง ๆ ที่ให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุม อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวรวม ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีที่ ๒๖.๒ ล้านคน ในขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งในด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๖ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓.๐ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ ๒.๔ และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ สำหรับในปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ ๔.๐-๕.๐ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๑-๓.๑ และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๖ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อย่างไรก็ดีการประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานการเบิกจ่ายจากแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไม่ต่ำกว่า ๔๖,๕๐๐ ล้านบาท และการเบิกจ่ายภายใต้แผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งไม่ต่ำกว่า ๑๑๒,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งภายใต้การประมาณการดังกล่าว การลงทุนภาครัฐในปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวร้อยละ ๑๒.๐ แต่หากการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวร้อยละ ๑๒.๐ แต่หากการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปี ๒๕๕๗ จะส่งผลให้การลงทุนภาครัฐขยายตัวเพียงร้อยละ ๓.๐ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปีลดลงจากการประมาณการในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ประมาณร้อยละ ๐.๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26482 | ขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทย | กต | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโชติรัส ชวนิชย์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26483 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ | กต | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเซอเริน นุทซ์ฮอร์น เฮเดอ (Mr. Soren Nutzhorn Hede) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา สืบแทนนายเคนแนร์ท เบอร์เยอ รอนนี คาร์ลสัน (Mr. Kennerth Boerje Ronny Karlsson) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26484 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์อดีตประธานคณะผู้ปฎิบัตหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ | พศ | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๖๗,๕๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26485 | รายงานผลการปฎิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฎิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2555 | นร09 | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้ให้คำปรึกษาและตอบข้อหารือแก่หน่วยงานของรัฐ อาทิ กรมบังคับคดี เรื่องที่ขอหารือ ได้แก่ การมอบอำนาจในการดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครอง สำนักงานประกันสังคม เรื่องที่ขอหารือ ได้แก่ บัญญัติมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จะนำมาใช้ขยายกำหนดเวลาการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้หรือไม่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องที่ขอหารือ ได้แก่ การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เรื่องที่ขอหารือ ได้แก่ การใช้มาตรการบังคับทางปกครองในกรณีอนุโลมให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับกับพนักงานขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นต้น ๒. การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้จัดฝึกอบรมข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเป็นวิทยากรออกไปเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามที่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐร้องขอ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องตลอดมา สำหรับปี ๒๕๕๕ ได้มีการจัดวิทยากรไปบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้แก่ กรมบัญชีกลาง กรมวิชาการเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สำนักบังคับคดีอาญาและบังคับใช้กฎหมาย กระทรวงยุติธรรม นอกจากนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยในปี ๒๕๕๕ มีการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ จำนวนทั้งสิ้น ๑๓๒ ครั้ง และได้เผยแพร่เอกสารที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่สนใจเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26486 | รายงานผลการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับเอกอัครราชทูต Luis CdeBaca ผู้อำนวยการสำนักงานติดตามและต่อต้านการค้ามนุษย์กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา | พม | 21/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับเอกอัครราชทูต Luis CdeBaca ผู้อำนวยการสำนักงานติดตามและต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๖-๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ประชุมกับเอกอัครราชทูต Luis CdeBaca ผู้อำนวยการสำนักงานติดตามและต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเรื่องรายงานการค้ามนุษย์และการจัดระดับของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๕๗ รวมทั้งนำเสนอความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานเกี่ยวกับบทบาทของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) บทบาทของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ในฐานะประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ บทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งได้สรุปรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลไทยโดยเปรียบเทียบการดำเนินงานระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานของประเทศไทยตามแผนปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ที่ประเทศไทยยื่นต่อประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน ๗ ประเด็น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับทราบข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า กระทรวงแรงงาน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดทำบัญชีรายชื่อสินค้าที่มีการใช้แรงงงานเด็กและแรงงานบังคับ โดยบังคับให้ส่วนราชการทั้งหมดของรัฐบาลกลางห้ามสั่งซื้อสินค้าที่ปรากฏในบัญชีรายชื่อดังกล่าว โดยในปี ๒๕๕๖ ประเทศไทยมีสินค้าอยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว จำนวน ๕ รายการ คือ กุ้ง สิ่งทอ ผลิตโดยใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ อ้อย และสื่อลามก ผลิตโดยใช้แรงงานเด็ก และปลา ผลิตโดยใช้แรงงานบังคับ ซึ่งกระทรวงแรงงาน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีหนังสือแจ้งว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานเพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของประเทศไทยในการขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๖-มีนาคม ๒๕๕๗ โดยขอรับข้อมูลภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26487 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | กษ | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แก่ การสุ่มตรวจ การจัดประชาคมว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ การตรวจสอบพื้นที่การปลูกข้าวของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ผ่านประชาคม และการตรวจสอบการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและการออกใบรับรอง ๒. ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มโครงการฯ ได้แก่ การตรวจสอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ ของโรงสีข้าว/คลังสินค้ากลาง การตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือก/ข้าวสารในความครอบครองของเกษตรกร การตรวจสอบข้าวเปลือกที่รับฝากจากเกษตรกร การตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้นข้าวเปลือก ณ จุดรับจำนำ ๓. ขั้นตอนการรับจำนำข้าวของเกษตรกร ได้แก่ การสุ่มตรวจความถูกต้องของเอกสารหลักฐานการรับจำนำเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ การสุ่มตรวจปริมาณข้าวของเกษตรกรที่นำมาจำนำ การตรวจสอบเอกสารใบรับรองเกษตรกรและหลักฐานการเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร การสุ่มตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับจำนำตลอดระยะเวลาโครงการฯ การตรวจสอบการบริหารจัดการของหน่วยรับฝาก/คลังสินค้ากลาง การตรวจสอบการควบคุมวงเงินค้ำประกันสัญญาและประกันภัยสินค้าให้ครอบคลุมปริมาณสินค้า ณ วันที่เข้าตรวจ การสุ่มตรวจการใช้ระบบสารสนเทศในการปฏิบัติงาน การตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนของเกษตรกร การตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือก/ข้าวสารที่รับฝากในโครงการฯ และการตรวจสอบเทียบน้ำหนักกับเอกสารใบชั่งน้ำหนักและการจดค่าความชื้นข้าวเปรียบเทียบกับเอกสารหลักฐานทางบัญชี ๔. ขั้นตอนการสีแปรสภาพและการส่งมอบข้าวสาร ได้แก่ การตรวจสอบเร่งรัดการสีแปรสภาพและการส่งมอบข้าวสารของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตลอดระยะเวลาโครงการฯ ๕. ขั้นตอนการรับมอบและการเก็บรักษาข้าวสารในคลังสินค้ากลาง ได้แก่ การตรวจสอบการแปรสภาพข้าว ปริมาณการรับมอบสินค้าของคลังสินค้ากลางและการดูแลรักษาทรัพย์สินมิให้เกิดความสูญหายหรือความเสียหายใด ๆ การตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวย์) และการสุ่มตรวจปริมาณข้าวสารตามโครงการฯ ระยะสิ้นสุดโครงการฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26488 | โครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาส 3/2556 ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2555/56 | พน | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ ๓/๒๕๕๖ ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๕/๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ ๓/๒๕๕๖ มีสัดส่วนการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เท่ากับ ๗๐ : ๓๐ คิดเป็นปริมาณการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เท่ากับ ๑๗๑,๒๘๒,๒๘๕ ลิตร : ๗๓,๖๕๕,๘๗๐ ลิตร หรือคิดเป็นปริมาณหัวมันสด จำนวน ๔๙๙,๗๙๑ ตัน ๒. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ ๒.๑ ผู้ผลิตเอทานอล ได้แก่ บริษัท อี85 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังหยุดการผลิตเอทานอลในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ เพื่อปรับปรุงระบบบ่อบำบัด และคลังกลางมันเส้น องค์การคลังสินค้า ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงงานเอทานอล มีมันเส้นไม่เพียงพอกับความต้องการใช้มันเส้นผลิตเอทานอล ผู้ผลิตเอทานอลจำเป็นต้องรับมันเส้น องค์การคลังสินค้า ในพื้นที่หรือจังหวัดอื่นทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและราคาเอทานอล ๒.๒ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ บางราย ไม่สามารถซื้อเอทานอลจากมันสำปะหลังได้ตามสัดส่วน ๓. แนวทางการแก้ไขปัญหา กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานแจ้งผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ เพื่อขอความร่วมมือให้รับซื้อเอทานอลตามสัดส่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26489 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนพฤศจิกายน 2556 | พณ | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๙ (เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๗) จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาตามหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๐.๐๙ (เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๑) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดข้าว ร้อยละ ๐.๓๔ หมวดปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๒ หมวดเครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๙๖ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๔ หมวดอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๒ สำหรับหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๙ (เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๕) จากดัชนีหมวดน้ำมันเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๖ หมวดเคหสถาน สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๖ หมวดตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕ หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๔ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๒ หมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๗ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๓.๕๔ เทียบกับเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๘ สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเคหสถาน หมวดอาหารสำเร็จรูป ประกอบด้วยอาหารบริโภค-ในบ้าน และอาหารบริโภค-นอกบ้าน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26490 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าข้าว | กษ | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าข้าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานวิจัยและพัฒนาข้าว โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นประธาน ทำหน้าที่ประสานการจัดทำข้อมูล กำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าว เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายการพัฒนาสินค้าข้าวตลอดห่วงโซ่คุณค่าการผลิต พิจารณากำหนดหัวข้อวิจัยผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีเป้าหมายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายได้เป็นจำนวนมาก มีมูลค่าสูง มีคุณภาพได้มาตรฐานสูง สามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตได้ รวมทั้งพิจารณากำหนดหัวข้อวิจัยในแต่ละห่วงโซ่คุณค่าการผลิตข้าวตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผลักดันให้มีการนำผลงานวิจัยด้านข้าวที่มีแล้วและการวิจัยใหม่ ๆ ไปใช้ในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น และติดตามความก้าวหน้าการพัฒนา การส่งเสริมและแก้ไขปัญหาในกิจการสินค้าข้าว ๒. ทิศทางการวิจัยและพัฒนาสินค้าข้าวของประเทศไทย และข้อเสนอโครงการวิจัยด้านข้าว (นำร่อง) ปี ๒๕๕๗ ๒.๑ กรอบยุทธศาสตร์การวิจัย ได้มีการกำหนดกรอบยุทธศาสตร์การวิจัยเรื่องข้าวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ โดยต้นน้ำ ประกอบด้วย ๒ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การปรับปรุงพันธุ์ และยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตข้าว กลางน้ำ ประกอบด้วย ๑ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการหลังจากเก็บเกี่ยวและโลจิสติกส์ และปลายน้ำ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการแปรรูป ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการตลาดข้าว และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ๒.๒ ผลงานตามกรอบยุทธศาสตร์ที่พร้อมจะนำไปขยายผล แยกเป็น ต้นน้ำ จำนวน ๑๐ เรื่อง ได้แก่ ด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าว ด้านเทคโนโลยีการผลิตข้าว ด้านลดความสูญเสียจากโรคและแมลงศัตรูข้าว ด้าน Zoning/ภาพถ่ายดาวเทียม กลางน้ำ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ ด้านการเก็บรักษาข้าว การลดความชื้น และการตรวจวิเคราะห์ข้าว และปลายน้ำ จำนวน ๑๒ เรื่อง ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อเป็นยา และการติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาด (Rice Watch) ๒.๓ แผนงานดำเนินการวิจัยที่สำคัญ ปี ๒๕๕๗ ได้มีการกำหนดหัวข้องานวิจัยด้านข้าวที่สำคัญที่จะดำเนินการ จำนวน ๑๔ หัวข้อ แบ่งเป็น ต้นน้ำ มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาข้าวคุณภาพสูงเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำนวน ๔ หัวข้อ กลางน้ำ มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว จำนวน ๔ หัวข้อ และปลายน้ำ มุ่งเน้นการแปรรูปและผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าและการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตลาดข้าวไทย จำนวน ๔ หัวข้อ รวมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร จำนวน ๒ หัวข้อ ๒.๔ ข้อเสนอโครงการวิจัยด้านข้าวนำร่อง ปี ๒๕๕๗ มีจำนวน ๒ โครงการ วงเงินงบประมาณรวม ๑๖๐ ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายผลโรงอบแห้งข้าวเปลือกเพื่อลดความชื้นและการกำจัดศัตรูข้าวหลังการเก็บเกี่ยว วงเงิน ๖๐ ล้านบาท และโครงการขยายผลเครื่องต้นแบบในการกำจัดแมลงในข้าวสารโดยเทคโนโลยีจากคลื่นความถี่วิทยุเพื่ออาหารที่สะอาดและปลอดภัยระดับชุมชนและอุตสาหกรรม วงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ๓. โครงการสนับสนุนให้ชาวนารายใหญ่ที่มีผลผลิตส่วนเกินไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้ (เกินวงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ บาทต่อฤดู) มาเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยกำหนดให้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมชาวนาที่มีศักยภาพให้เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์เชิงธุรกิจ โดยชาวนาสามารถเลือกที่จะประกอบธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ เป็นผู้ผลิต รวบรวม และจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวเอง เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวร่วมกับเครือข่ายผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนกรณีชาวนาที่มีพื้นที่มากและมีศักยภาพอยู่รวมกันในชุมชนหลายรายประสงค์จะรวมกลุ่มกันผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ๔. การผลิตเอทานอลจากข้าว ได้มีการศึกษาแนวทางการนำข้าวไปผลิตเอทานอล ได้แก่ กระบวนการผลิตเอทานอล การประเมินต้นทุนการผลิตเอทานอล และโรงงานที่ผลิตเอทานอลในประเทศไทย ๕. ในการดำเนินการตามข้อ ๑-๓ จะใช้งบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ของหน่วยงานในการดำเนินงาน สำหรับข้อเสนอโครงการวิจัยด้านข้าวนำร่อง ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๒ โครงการ อยู่ระหว่างการพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณ ซึ่งหากมีการดำเนินงานทั้ง ๒ โครงการจะทำให้เกิดการขยายผลในเชิงพาณิชย์และมีความคุ้มค่าที่จะดำเนินโครงการวิจัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26491 | การรับรองวันดินโลกขององค์การสหประชาชาติ | กษ | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับรองวันดินโลกขององค์การสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ที่ ๖๘ (UN General Assembly : UNGA 68th) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ได้พิจารณาให้การรับรองวันดินโลก (World Soil Day) ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี และในปี ๒๕๕๘ เป็นปีดินสากล (International Year of Soil in 2015) ๒. ผลที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการยอมรับในระดับสหประชาชาติ ให้วันที่ ๕ ธันวาคมเป็นวันดินโลกนั้น จากปี ๒๐๑๔ เป็นต้นไป ทุกวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติกว่า ๒๐๐ ประเทศจะจัดงานเฉลิมฉลองวันดินโลก เนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองซึ่งจะส่งผลให้วันดินโลกอยู่ในปฏิทินปฏิบัติงานขององค์การสหประชาชาติอย่างเป็นทางการ สำหรับประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักร่วมกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรประจำกรุงโรม จะได้เตรียมกิจกรรมเฉลิมฉลองวันดินโลกในวันที่ ๕ ธันวาคมทุกปี และปีดินสากล ในปี ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26492 | รายงานผลการจัดหาเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 มิถุนายน 2556 | กค | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการจัดหาเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ครั้งที่ ๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งมีการบริหารจัดการในกรอบวงเงินหมุนเวียนของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นจำนวนรวม ๔๖๓,๘๐๕ ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่ต่ำกว่ากรอบวงเงินหมุนเวียนของโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ เงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้จัดหาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน ภายใต้กรอบวงเงินกู้ไม่เกิน ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีหนี้คงค้างสำหรับโครงการฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นจำนวนรวม ๓๙๖,๗๕๖ ล้านบาท ยังคงเหลือกรอบวงเงินกู้ จำนวน ๑๓,๒๔๔ ล้านบาท (๔๑๐,๐๐๐-๓๙๖,๗๕๖ ล้านบาท) ๑.๒ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ใช้เงินทุนหมุนเวียนของ ธ.ก.ส. ภายใต้กรอบวงเงิน ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ธ.ก.ส. ได้ใช้เงินทุนไปแล้ว สำหรับปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ และ ๒๕๕๕/๕๖ จำนวนรวม ๓๗,๙๙๔ ล้านบาท และปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ จำนวน ๒๙,๐๕๕ ล้านบาท คงเหลือวงเงินอีก จำนวน ๒๒,๙๕๑ ล้านบาท (๙๐,๐๐๐-๓๗,๙๙๔-๒๙,๐๕๕ ล้านบาท) ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเห็นควรให้มีการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เหมาะสม ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้นำเรื่องการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวไว้แล้ว กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. สามารถดำเนินการโครงการฯ ต่อไปได้ตามแนวทางที่เคยปฏิบัติมาตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ ข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่ได้อนุมัติหรือเห็นชอบไว้ก่อนมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26493 | ขออนุมัติลงนามในสัญญาก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวด | นร04 | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีลงนามในสัญญาก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดในการดำเนินโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 ทุกภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จำนวน ๑๐ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี นครสวรรค์ เชียงใหม่ ชลบุรี นครศรีธรรมราช และสงขลา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26494 | แนวทางปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขตามมาตรา 181 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | ลต | 07/01/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขตามมาตรา ๑๘๑ (๑) (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อการกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไปเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26495 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26496 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา - ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถีและทางเชื่องต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | คค | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26497 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 | กค | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะของประเทศ โดยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ มีจำนวน ๕,๔๓๐,๕๖๐.๐๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๕.๔๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๗๗๔,๘๑๙.๔๙ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๑๑๒,๙๗๓.๘๕ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๕๔๑,๙๓๒.๐๑ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๘๓๔.๖๙ ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่มีหนี้คงค้าง ทั้งนี้ หนี้สาธารณะดังกล่าวจำแนกตามอายุของหนี้เป็นหนี้ระยะยาว จำนวน ๕,๒๑๘,๒๕๙.๐๐ ล้านบาท และหนี้ระยะสั้น จำนวน ๒๑๒,๓๐๑.๐๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๖.๐๙ และร้อยละ ๓.๙๑ ตามลำดับ และจำแนกตามแหล่งที่มาเป็นหนี้ต่างประเทศ จำนวน ๓๗๘,๐๗๑.๑๗ ล้านบาท และหนี้ในประเทศ จำนวน ๕,๐๕๒,๔๘๘.๘๗ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๙๖ และร้อยละ ๙๓.๐๔ ตามลำดับ ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๖ (เมษายน-กันยายน ๒๕๕๖) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๙๕๙,๕๔๑.๗๘ ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าคิดเป็นร้อยละ ๔๙.๕๖ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี สำหรับผลการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๖ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๕๖,๓๑๔.๐๐ ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26498 | รายงานผลการจัดนิทรรศการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างอนาคตประเทศ ครั้งที่ 2 | นร04 | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย ๒๐๒๐” ระหว่างวันที่ ๘ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และสงขลา (หาดใหญ่) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมหลักในการจัดนิทรรศการฯ ประกอบด้วย การแสดงปาฐกถาพิเศษ และการเสวนาของผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนรูปแบบนิทรรศการฯ แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ก้าวใหม่การพัฒนา เชื่อมไทยสู่โลก และส่วนที่ ๒ ยกระดับทุกมิติเพื่อคนไทยทุกคน รวมทั้งกิจกรรมประกอบการชมนิทรรศการฯ เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการฯ ได้ศึกษาและทำความเข้าใจโครงการต่าง ๆ ๒. ผลการจัดนิทรรศการฯ จำนวนผู้เข้าร่วมนิทรรศการฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช มีจำนวนทั้งสิ้น ๒๒๙,๙๖๒ คน ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการ มีความประทับใจนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงมากที่สุด และมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการฯ เพิ่มขึ้นและให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม เพิ่มเจ้าหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ ภายในสถานที่จัดงาน และจัดสถานที่ให้มีขนาดเหมาะสมต่อปริมาณของผู้เข้าร่วมงาน สำหรับจังหวัดสงขลา (หาดใหญ่) มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยมาคัดค้านการจัดนิทรรศการฯ ทำให้ไม่สามารถจัดงานต่อไปได้ ๓. การดำเนินการในระยะต่อไป ๓.๑ ควรกำหนดให้มีหน่วยงานของภาครัฐเปิดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยอาจจัดทำเว็บไซต์เรื่องการปรับโครงสร้างคมนาคมของประเทศอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องและให้บริการดาวน์โหลดเอกสารดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับรู้ข่าวสารการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างต่อเนื่อง ๓.๒ ควรมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากลไกสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรม “จานด่วนไทย ไปครัวโลก” อย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับวิชาชีพการทำอาหารท้องถิ่นไปสู่ระดับมาตรฐานสากล ๓.๓ ควรมอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรและระบบฐานข้อมูลเพื่อให้บุคลากรสามารถวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเข้าใจและลึกซึ้งเช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ของภาคเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26499 | ให้เร่งรัดการดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียนและโครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้แก่โรงเรียน | นร | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัดพบว่าการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบของหลายกระทรวงที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ/เห็นชอบไปแล้วก่อนการยุบสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่แล้วเสร็จและบรรจุผลในการปฏิบัติในระดับพื้นที่ เช่น โครงการอาหารกลางวันนักเรียนที่ได้มีการปรับค่าอาหารกลางวันจากเดิมในอัตรา ๑๓ บาทต่อคนต่อวัน เป็นอัตรา ๒๐ บาทต่อคนต่อวัน และโครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้แก่โรงเรียน เป็นต้น จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับไปกำชับและติดตามการดำเนินการ โดยประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขอให้เร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการ/แผนงานในความรับผิดชอบ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26500 | คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง | นร04 | 25/12/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการับไปศึกษารายละเอียดของข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม สำหรับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมือง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|