ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1330 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26581 - 26600 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26581 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) (จำนวน 8 ราย 1. นายวิทยา อธิปอนันต์ ฯลฯ) | กษ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง จำนวน ๘ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายวิทยา อธิปอนันต์ ๒. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส ๓. นายอภัย สุทธิสังข์ ๔. นายวราวุธ ขันติยานันท์ ๕. นางนันทิยา อุ่นประเสริฐ ๖. นายโอภาส กลั่นบุศย์ ๗. นายสมปอง อินทร์ทอง ๘. นางวีณา พงศ์พัฒนานนท์
|
|||||||||||||||||||||
26582 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเติร์กเมนิสถาน | กต | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเติร์กเมนิสถาน (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of Turkmenistan on Technical Cooperation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การส่งคณะผู้แทนไทยไปศึกษา ติดตามและประเมินผลโครงการพัฒนา การแลกเปลี่ยนการไปปฏิบัติงานของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ อาสาสมัคร และอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม ส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งจัดทำโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การให้ความช่วยเหลือในโครงการเฉพาะต่างๆ ในสาขาที่มีความสำคัญตามนโยบายของแต่ละฝ่าย และในสาขาที่เป็นความสนใจร่วมกัน รวมถึงความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่ตกลงร่วมกัน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
26583 | การแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (นายสมชาย ชาญณรงค์กุล และนายจุมพล สงวนสิน) | กษ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจุมพล สงวนสิน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||
26584 | เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในระหว่างวันที่ 29 - 30 พฤศจิกายน 2556 ณ จังหวัดสงขลา | นร | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า เนื่องจากในขณะนี้ได้เกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดของภาคใต้ ส่งผลให้เกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม เส้นทางคมนาคมหลายสายชำรุดเสียหายจนไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับกำลังจะมีพายุเข้ามาอีก ๑ ลูก ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถระดมทรัพยากรไปเพื่อการดำเนินการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดสงขลาออกไปก่อน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดวันสำหรับการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26585 | การประเมินค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา รอบที่ 3 | นร01 | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เกณฑ์ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา รวมทั้งขั้นตอนและวิธีการประเมินตนเอง รอบที่ ๓ ซึ่งจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเกณฑ์ชี้วัด จำนวน ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านงานส่งเสริมคุณภาพชีวิต ด้านการจัดระเบียบชุมชน/สังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อย ด้านการวางแผน การส่งเสริมการลงทุน พาณิชยกรรมและการท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและด้านศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น จำแนกเป็น ๑.๑.๑ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก จำนวน ๑๓ ภารกิจ ๔๖ ตัวชี้วัด ๑.๑.๒ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะของกรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๓ ภารกิจ ๔๙ ตัวชี้วัด ๑.๑.๓ เกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะของเมืองพัทยา จำนวน ๑๘ ภารกิจ ๗๓ ตัวชี้วัด ๑.๒ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทางด้านเทคนิค วิชาการ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนจากส่วนราชการได้มาตรฐานตามเกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนการประเมินตนเองตามเกณฑ์ชี้วัดและค่าเป้าหมายขั้นต่ำการจัดบริการสาธารณะดังกล่าว โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผนวกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลปะ วัฒนธรรมในงานด้านส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้รวมอยู่ในงานด้านศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งควรเพิ่มงานด้านศาสนาเป็นเกณฑ์ตัวชี้วัดในงานด้านดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดเชิงคุณภาพเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงาน/ศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพการจัดบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26586 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง | มท | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง แทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศ กระทรวงการคลัง) ๒. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศ กระทรวงการคลัง) ๓. พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ๔. นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๕. พลตำรวจตรี พีรพันธุ์ เปรมภูติ ข้าราชการบำนาญ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๖. นายหิรัญ พรหมมา ข้าราชการบำนาญ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๗. นายวิทูร จงเจริญพรชัย อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กิจการองค์กรและสังคมการไฟฟ้า) ๘. นายนริศ ศรีนวล อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการ รัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๙. นายชัยธวัช เสาวพนธ์ ข้าราชการบำนาญ รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๑๐. นางกัญญารัตน์ ศรีบุญงาม ธุรกิจส่วนตัว ๑๑. นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการบริษัท เอ็มโซลูชั่น จำกัด (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๑๒. พันตำรวจโท กุลธน ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการบริษัท เวย์บียอน จำกัด
|
|||||||||||||||||||||
26587 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ เพื่อให้มีการกำหนดนโยบายของรัฐที่ชัดเจนและแน่นอนในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่ครบถ้วน สมบูรณ์ ๒. เห็นว่าตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ การร่วมลงทุนต้องผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และมีขั้นตอนในการที่จะเสนอผ่านหลายหน่วยงานหลายชุดของคณะกรรมการ ซึ่งไม่มีความจำเป็น และหน่วยงานอาจไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในกิจการต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ทำให้เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ ๓. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีความโปร่งใสและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและหลักวินัยการเงิน การคลัง การส่งเสริมและสนับสนุนการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๔. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน กล่าวคือ มีคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเป็นผู้กำหนดนโยบาย มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนโยบายหลักของหลักการร่วมทุนกับเอกชน วิธีการในการที่จะนำเสนอโครงการของแต่ละหน่วยงานจะต้องมีที่ปรึกษา มีข้อกำหนดว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งมีความชัดเจนกว่ากฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ยังขาดกรอบการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ๕. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่แน่นอนซึ่งตามร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศว่าจะเดินทางทิศใดและต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ดังนั้น กระทรวงทุกกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ต้องดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กำหนดเกี่ยวกับการลงทุนไว้อย่างชัดเจน ๖. เห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้จะมีความชัดเจนว่า ๑) ยุทธศาสตร์ใดที่เจ้ากระทรวงหรือหน่วยงานใดเสนอมาต้องมีความชัดเจนและอยู่ภายในกรอบยุทธศาสตร์หลักที่กำหนดไว้ ๒) ในการพิจารณาแต่ละขั้นตอน มีกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น ไม่เกิน ๖๐ วัน หรือต้องอนุมัติภายใน ๖๐ วัน และ ๓) ในแต่ละขั้นตอนต้องมีที่ปรึกษาที่สามารถให้คำปรึกษาในโครงการได้ ๗. โครงการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ทุกโครงการก่อนที่จะดำเนินการ หน่วยงานที่จะเสนอโครงการต้องอ่านและเข้าใจยุทธศาสตร์หลักและต้องใช้เป็นแม่บทในการเขียนโครงการ โดยเฉพาะต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเป็นผู้เห็นชอบในหลักการ การดำเนินการให้มีประสิทธิภาพตามร่างพระราชบัญญัตินี้จะเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นหลักในระยะเริ่มแรก ๘. โดยที่ปัจจุบันผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐได้รับจากเอกชนในการให้สัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม และการให้ประทานบัตรตามกฎหมายว่าด้วยแร่ มิได้อยู่ภายใต้หลักผลตอบแทนตามสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนที่เป็นธรรม โดยถือว่ารัฐไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จึงมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของเอกชนฝ่ายเดียว ดังนั้น จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม และกฎหมายว่าด้วยแร่ เพื่อบัญญัติให้นำหลักผลตอบแทนตามสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ทั้งนี้ เพื่อให้การแบ่งผลตอบแทนระหว่างรัฐและเอกชนมีสัดส่วนที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
26588 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล เรื่อง "กรณีกล่าวหาการทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง" | สว | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
26589 | แจ้งผลคดีหมายเลขดำที่ 76/2555 คดีหมายเลขแดงที่ 1612/2556 ระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม 4 คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ | อส | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ๗๖/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๑๒/๒๕๕๖ ระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม ๔ คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม ๕ คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
|
|||||||||||||||||||||
26590 | ขออนุมัติอัตรากำลังเพิ่มใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ | ศธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับการขออนุมัติอัตรากำลังเพิ่มใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ เพื่อรองรับการเปิดการสอนในคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลิตแพทย์และเป็นสาขาวิชาที่มีความขาดแคลนและจำเป็นต่อการให้บริการทางวิชาการและการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การขอสนับสนุนนโยบายการโอนย้ายข้าราชการจากส่วนราชการอื่นมารับราชการในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี) ซึ่งอนุมัติในหลักการให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีวิทยาเขตในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) สามารถใช้อัตราข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ว่างลงจาการเกษียณอายุและอัตราว่างโดยเหตุอื่น เพื่อรองรับการโอนย้ายข้าราชการต่างประเภทจากส่วนราชการอื่นมาเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะตัว โดยต้องปฏิบัติงานในตำแหน่งวิชาการซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัยเท่านั้น ๒. ในส่วนกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์นั้น เห็นสมควรให้การสนับสนุนอัตรากำลังเพิ่มใหม่ตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ จำนวน ๑๕๐ อัตรา โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ (คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์) ไปดำเนินการเกลี่ยอัตรากำลังให้เป็นสายผู้สอนและสายสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงค่าตอบแทน สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ รวมทั้งความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ของพนักงานมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนและสามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรไว้ในระบบ ภายใต้ความจำเป็นตามภาระงานของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26591 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... | มท | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาตาล่วง ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลทับเที่ยง ตำบลบางรัก ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ และตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26592 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||
26593 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 | ทส | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26594 | ขออนุมัติใช้สิทธิรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | อก | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ข้าราชการพลเรือน ตำแหน่งปลัดกระทรวงอุสาหกรรม ใช้สิทธิรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในอัตราเดือนละ ๔๑,๐๐๐ บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ รวมวงเงินงบประมาณ ๔๙๒,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม งบดำเนินงาน จากรายการค่าเช่ารถยนต์ ซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ จำนวน ๔๙๒,๐๐๐ บาท โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการค่าเช่ารถยนต์เป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามนัยข้อ ๗ (๑) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
26595 | ร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. .... | นร01 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. .... เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมและเป็นไปทิศทางเดียวกัน มีมาตรฐานการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ มีการบูรณาการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาเป็นระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนและองค์กรประชาชนได้อย่างรวดเร็วและตรงกับความต้องการของประชาชน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์เสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับประเด็นเรื่องราวร้องทุกข์ด้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และประเด็นด้านนโยบาย ควรแยกประเด็นให้ชัดเจน โดยประเด็นที่เป็นเรื่องราวร้องทุกข์ด้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการแก้ไขตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการ ส่วนประเด็นเรื่องราวร้องทุกข์ด้านนโยบาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสม หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องทบทวน หรือปรับปรุง แก้ไขประการใดก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์อย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลของทุกส่วนราชการเป็นฐานข้อมูลเดียวกันที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกส่วนราชการ โดยให้มีการอ้างอิงตามกรอบแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (Thailand e-Government Interoperability Framework) การนำระบบจัดการเรื่องราวร้องทุกข์มาใช้บนเครือข่ายสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศภาครัฐ (Government Information Network : GIN) การเน้นประเด็นเข้าถึงและช่องทางการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน การให้ความสำคัญกับกระบวนการและบุคลากรในการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ โดยให้มีการอนุมัติโครงสร้างและอัตรากำลัง การให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้รับทราบถึงช่องทางการร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องและแพร่หลาย การสรุปผลการดำเนินการจากการรับเรื่องร้องทุกข์และเผยแพร่เพื่อสร้างความโปร่งใสในการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ โดยเฉพาะการจัดทำสื่อเผยแพร่ผลการแก้ปัญหาที่ได้รับการร้องเรียน รวมทั้งการพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการร้องทุกข์โดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องทุกข์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
26596 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๔ ทางน้ำ ดังนี้
๑. ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๓๗๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ๒. ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายซอย ๑ ซ้ายของท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๗๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ๓. ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๗๔๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ๔. ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายซอย ๑ ขวาของท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๖๒๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
|
|||||||||||||||||||||
26597 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทาน ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 12 ฉบับ | กษ | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทาน ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน ๑๒ ฉบับ มีสาระสำคัญคือ กำหนดทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกระทุ่ม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยค้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำท่าตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำสันหนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสามชุก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
26598 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเลย พ.ศ. .... | มท | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเลย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดเลย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26599 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ | พม | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ) เป็นดังนี้ “ให้ประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ลงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๕ และเรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๓ คน ได้แก่ นายชาญณัฏฐ์ แก้วมณี ผู้แทนกระทรวงการคลัง นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ และนายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ยกเว้นนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ” และให้แก้ไขประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีนี้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26600 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดขอนแก่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) | นร01 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ ๑๒ (จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๑๒ รายงานสรุปผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดขอนแก่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัย ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๕๐๐ คน รวมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อค้นพบจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัยพบว่า ภูมิประเทศของพื้นที่ทั้ง ๓ แห่ง ได้แก่ พื้นที่บ้านป่าม่วง หมู่ที่ ๙ พื้นที่บ้านแจ้งกระหนวน หมู่ที่ ๑๓ ตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด และพื้นที่บ้านชีกกค้อ หมู่ที่ ๗ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ ตั้งติดกับแม่น้ำชีและอ่างเก็บน้ำแก่งละว้า ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีพื้นที่ประมาณ ๑๓,๐๐๐ ไร่ และมีลักษณะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง เมื่อเกิดฝนตกหนักหรือน้ำป่าไหลหลากพื้นที่บริเวณนี้จะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเป็นเส้นทางของมวลน้ำจากจังหวัดชัยภูมิไหลตามแม่น้ำชีลงสู่แก่งละว้า ซึ่งที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณดังกล่าวประสบปัญหาอุทกภัยต่อเนื่องมาเป็นเวลา ๗ ปีแล้ว โดยในส่วนของพื้นที่บ้านชีกกค้อ หมู่ที่ ๗ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ ผู้แทนโครงการชลประทานขอนแก่นรายงานว่า มีการก่อสร้างทำนบดินเพื่อใช้กั้นแม่น้ำชีและใช้เป็นเส้นทางสัญจรของหมู่บ้าน ปัจจุบันประตูระบายน้ำของแก่งละว้า ๒ จุด เสียหาย จึงมีความต้องการจะขอรับการสนับสนุนงบประมาณปรับปรุงทำนบดินในบริเวณที่เป็นประตูระบายน้ำ มาเป็นการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว ๑๐๐ เมตร และสร้างฝายสันกว้างด้านล่าง ระดับหลังฝายเท่ากับระดับเก็บกัก เพื่อช่วยให้การระบายน้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำแก่งละว้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยโครงการปรับปรุงทางระบายน้ำอ่างเก็บน้ำแก่งละว้าดังกล่าวเป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานจังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมขออนุมัติงบประมาณดำเนินการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในวงเงิน ๒๓,๙๕๐,๐๐๐ บาท ๒. จากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัยในบริเวณดังกล่าว เห็นสมควรดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ได้แก่ ๒.๑ ให้จังหวัดสำรวจพื้นที่ที่เกิดปัญหาอุทกภัยแต่ละจุด ว่ามีจุดใดที่มีสิ่งก่อสร้าง ถนน หรือจุดระบายน้ำที่ควรปรับปรุง/แก้ไข และให้จัดทำโครงการเพื่อเสนอขอรับงบประมาณต่อไป สามารถแบ่งช่วงเวลาการแก้ไขปัญหาออกเป็น ๒ ระยะ คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้จังหวัดเร่งบริหารจัดการให้สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้มีการขุดลอกแก้มลิงในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้อย่างถาวร ๒.๒ ประตูระบายน้ำในพื้นที่บ้านชีกกค้อ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ เกิดความเสียหาย จำเป็นต้องได้รับซ่อมแซมและปรับปรุงโดยเร่งด่วน จึงเห็นควรพิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงทางระบายน้ำอ่างเก็บน้ำแก่งละว้า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และประสานแจ้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือกรมชลประทาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ ให้เขตตรวจราชการที่ ๑๒ ที่มีโครงการขุดลอกแหล่งน้ำในพื้นที่นำแนวทางการขุดลอกของกระทรวงมหาดไทยมาใช้ โดยให้เอกชนผู้ขุดลอกสามารถที่จะนำดินหรือทรายที่ได้จากการขุดลอกไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนก่อสร้างต่ำหรือเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ประชาชนได้รับประโยชน์จากการมีแหล่งน้ำไว้ใช้และทำให้ทางน้ำไหลสะดวก ลดปัญหาอุทกภัยหรือภัยแล้ง มาทดลองปฏิบัติสำหรับโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) ที่จังหวัดรอของบประมาณ รวมทั้งโครงการ Y2 ที่รอการจัดสรรงบประมาณอยู่ โดยในบริเวณที่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. ๒๕๔๗ และในบริเวณที่เป็นที่ราชพัสดุ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และการใช้ที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖
|
.....