ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1323 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26441 - 26460 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26441 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำเมืองพัทยา | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัลเบอร์ต อาร์เทอร์ แอลสัน เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำเมืองพัทยาคนใหม่ สืบแทนนายแบรี เคนยอน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26442 | การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร | นร05 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงกรณีการเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
๑. การเสนอแต่งตั้งผู้แทนส่วนราชการเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายจัดตั้ง และการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และนิติบุคคลที่กระทรวงการคลังถือหุ้น ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๘ และตามสิทธิของกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นกรณีที่สามารถกระทำได้ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังได้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ๒. สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ที่ได้กำหนดไว้ว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายซึ่งอาจมีตำแหน่งว่างลงในระหว่างการยุบสภาจะกระทำมิได้ นั้น หมายถึงคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และที่ได้มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการนั้น ๆ ไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26443 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๙,๖๓๓,๘๐๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26444 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ให้แก่ข้าราชการผู้มาช่วยปฏิบัติราชการในงานของประธานผู้แทนการค้าไทยและผู้แทนการค้าไทย จำนวน ๘ คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นางสาวพัชรินทร์ ฤทธิเกิด นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ สำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ประธานผู้แทนการค้าไทย (นายโอฬาร ไชยประวัติ) ๑.๒ นายธีระพงษ์ วัฒนวงษ์ภิญโญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักประสานงานการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพิเชษฐ สถิรชวาล) ๑.๓ นางฐิติพร สุขเจริญ เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน สำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพิเชษฐ สถิรชวาล) ๑.๔ นางกมลพรรณ เทพอาวุธ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ๑.๕ นายศักดิ์นรินทร์ อินภิรมย์ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สงขลา ๒ กรมสรรพากร ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ๑.๖ นางสาวสุภาวดี เชิดมณี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นางนลินี ทวีสิน) ๑.๗ นางสาวพุทธชาติ วงษ์มงคล นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นางนลินี ทวีสิน) ๑.๘ นายศิริเทพ ทั่งศิริ นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ กรมการค้าต่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์) ๒. สำหรับเงินเลื่อนเงินเดือนให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของส่วนราชการต้นสังกัดไปดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26445 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 9 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พณ | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference : MC) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ (MC9) ๑.๑ ที่ประชุมฯ สามารถสรุปผลลัพธ์การเจรจาเรียกว่า “Bali Package” ซึ่งครอบคลุม ๓ ประเด็นภายใต้การเจรจารอบโดฮาที่สมาชิกได้หยิบยกมาเจรจาเพื่อหาข้อสรุปก่อน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) เกษตร (Agriculture) และการพัฒนา รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด สำหรับประเด็นต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ ๘ ที่ประชุมฯ มีมติขยายเวลาการยกเว้นการเก็บอากรศุลกากรชั่วคราวสำหรับการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ภายใต้แผนงานด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และขยายเวลาการยกเว้นการฟ้องกรณีพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ออกไปอีก ๒ ปี (๒๕๕๗-๒๕๕๘) รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการดำเนินการต่อเนื่องตามแผนงานเกี่ยวกับกลุ่มประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดเล็ก (small economies) โครงการความช่วยเหลือเพื่อการค้า (Aid for Trade) และการค้ากับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Session) ว่า ไทยให้ความสำคัญกับระบบการค้าพหุภาคี และเห็นว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูบทบาทการเป็นเวทีการเจรจาการค้าขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การสรุปผลของการเจรจารอบโดฮาในที่สุด อีกทั้งเรียกร้องให้สมาชิกผลักดันการเจรจาเกษตรที่มีผลลัพธ์ที่สมดุลระหว่างการเปิดเสรีสินค้าเกษตรกับผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา ในการนี้ไทยได้ประกาศการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least-Developed Countries : LDCs) โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา (Duty Free Quota Free : DFQF) แก่สินค้านำเข้าจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด จำนวน ๔๙ ประเทศ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ ๗๓ ของรายการสินค้าทั้งหมด ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในพิธีสารการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทย-อัฟกานิสถานภายใต้กระบวนการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิก WTO ๒. การดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุม MC9 ในเรื่องความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Agreement on Trade Facilitation : TFA) กระทรวงพาณิชย์จะจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวินัยที่สามารถปฏิบัติได้ทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ และแจ้งต่อ WTO โดยเร็วเพื่อนำไปประกอบในความตกลง TFA สำหรับในส่วนการยอมรับพิธีสารแก้ไขความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้ง WTO เพื่อผนวก TFA เป็นส่วนหนึ่งของความตกลงภายใน WTO จะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๔ ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาแจ้งการยอมรับพิธีสาร (ระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ๓. หลังจากที่ไทยประกาศดำเนินโครงการการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา (DFQF) อย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ แล้ว กรมศุลกากรต้องพิจารณาหลักเกณฑ์กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าและคณะกรรมการป้องกันผลกระทบอันเนื่องจาก “การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา” และกระทรวงพาณิชย์ต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการระงับสิทธิพิเศษ ก่อนที่จะแจ้งรายละเอียดโครงการฯ ต่อ WTO ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
26446 | พิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน | พน | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่องการพิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เพื่อไปพิจารณาทบทวนและหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
26447 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายโอยันตา อุมาลา ตัสโซ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ ๔-๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องสำหรับการลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับสถาบันพลังงานนิวเคลียร์แห่งสาธารณรัฐเปรู อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับฝ่ายเปรู ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเปรู อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับฝ่ายเปรูเรื่องโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันให้มีการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเอกชนแห่งสาธารณรัฐเปรูเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนในระดับทวิภาคี อย่างเป็นรูปธรรม และศึกษาแผนการลงทุนของฝ่ายเปรูโดยเฉพาะในสาขาการก่อสร้างและพลังงาน ๕. ให้กระทรวงศึกษาธิการติดตามให้มีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตจำนงที่จะมีความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทยกับผู้บริหารระดับสูงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างเป็นรูปธรรม และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือกับฝ่ายเปรูเรื่องทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทย และการส่งอาจารย์ชาวเปรูมาสอนภาษาสเปนที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างไทยกับเปรู ๗. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับฝ่ายเปรูโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงสุขภาพ ๘. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการความร่วมมือด้านสวัสดิการสังคมกับฝ่ายเปรูโดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ๙. ให้กระทรวงการต่างประเทศผลักดันให้มีการดำเนินการตามสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา อย่างเป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||
26448 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... | ลต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
26449 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | พณ | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ โดย กขช. มีมติอนุมัติให้เพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ของเกษตรกร จำนวน ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพชรบูรณ์ ปราจีนบุรี อุทัยธานี และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเกิดปัญหาใบประทวนสินค้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ตกค้าง และยังไม่ได้รับเงิน รวมเกษตรกรจำนวน ๓,๙๗๑ ราย ปริมาณจำนวน ๔๗,๔๔๒.๐๖ ตัน โดยไม่ให้เพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ อีก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และที่รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการดำเนินการระบายข้าว และยังไม่สามารถใช้เงินหมุนเวียนจากการระบายข้าวเพื่อการนี้ได้ ๒. อนุมัติในกรอบวงเงิน ๗๑๒.๐๘๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้วตามแนวทางที่กำหนดโดยสำนักงบประมาณ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของเกษตรกร จำนวน ๓,๙๗๑ รายดังกล่าว และให้มีผลการดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนและระบบการรายงานผลการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของเกษตรกร และพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อมิให้เกษตรกรได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนดังเช่นกรณีดังกล่าวขึ้นอีก |
|||||||||||||||||||||||||||
26450 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26451 | รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี พ.ศ. 2554 | ปช | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พร้อมข้อสังเกต ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ด้านการปราบปรามการทุจริต ด้านป้องกันการทุจริต และด้านตรวจสอบทรัพย์สิน ๒. ข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ๒.๑ แนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตไปสู่การปฏิบัติเพื่อเอาชนะการทุจริตคอร์รัปชัน ๒.๑.๑ ขาดระบบบริหารจัดการในการขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติอย่างมีบูรณาการ มุ่งผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพ การแปลงแผนยุทธศาสตร์ชาติฯ สู่การปฏิบัติยังขาดการเตรียมการรับรองในเรื่องการผลักดันยุทธศาสตร์และแนวทางของแผนสู่การปฏิบัติและมุ่งผลสำเร็จตามเป้าหมายของแผน การพัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับพหุภาคีที่ไม่ใช่ภาคราชการ การสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมทั้งการวางระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้งในระดับภาพรวมของยุทธศาสตร์ฯ และระดับยุทธศาสตร์การพัฒนา ๒.๑.๒ ประสิทธิภาพในการแปลงยุทธศาสตร์ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีหน่วยงานที่จัดส่งแผนปฏิบัติการแล้ว จำนวน ๓,๘๗๖ หน่วยงาน หรือร้อยละ ๔๗.๓ จากหน่วยงานทั้งสิ้น ๘,๑๘๐ หน่วยงาน ๒.๑.๓ การสนับสนุนของภาคการเมือง และภาคราชการต่อการแก้ไขปัญหาการทุจริต ยังไม่ส่งผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ยังไม่ได้ให้การสนับสนุนจัดงบประมาณให้แก่หน่วยงาน/โครงการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของหน่วยงานภาครัฐอย่างเพียงพอและทั่วถึง การออกกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องมีความล่าช้า รวมถึงความล่าช้าในการปรับปรุงแก้ไขระบบกฎหมายและการบังคับใช้ให้มีความสอดคล้องกับระดับสากล หน่วยงานภาครัฐมีปัญหาการขาดความเอาใจใส่และตั้งใจจริงในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ๒.๑.๔ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนยังอยู่ในวงจำกัดและประชาชนบางกลุ่มในสังคมไทยให้การยอมรับต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ๒.๒ การจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐ การบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา ๑๐๓/๗ ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนั้น จะต้องดำเนินการเปิดเผยราคากลางหรือราคาอ้างอิงตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ และเป็นการป้องกันปัญหาการทุจริตของประเทศที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในขณะนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
26452 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ | ศธ | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเจรจาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาของไทยจากประสบการณ์ของสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือกับ H.E.Ms. Indranee Rajah, Senior Minister of State, Ministry of Law and Ministry of Education ณ กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวถึงความร่วมมือในการร่วมมือแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการฝึกอบรมระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ซึ่งมีการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงศึกษาธิการของไทยจะเร่งดำเนินการตามนโยบายเป็นพิเศษสองเรื่อง ได้แก่ การจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา และการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน ซึ่งจากการหารือเห็นว่ายังจะมีสิ่งที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม ได้แก่ ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดทำคุณลักษณะที่เอกชนต้องการทั้งเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอน การฝึกอบรม และการวัดผลตลอดกระบวนการ ๒. การหารือกับ Mr. Gerald Yeo ประธานมูลนิธิเทมาเสก (TEMASEK FOUNDATION) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวขอบคุณมูลนิธิเทมาเสกที่ให้การสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาของไทย โดยเฉพาะด้านอาชีวศึกษาซึ่งได้มีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรไปแล้ว ๔ รุ่น และการจัดประชุมสัมมนาเพื่อขยายผล พร้อมทั้งมีความสนใจที่จะมีความร่วมมือกับเทมาเสกและสถาบันเทคนิคศึกษาของสิงคโปร์ (Institute of Technical Education Singapore : ITE) ในการพัฒนาสถาบันอาชีวศึกษาในรูปแบบของ ITE Model ซึ่งจะมีการจัดการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานร่วมกัน นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายในการสนับสนุนของเทมาเสกว่า ควรจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเป็นระบบ มิใช่เพียงการฝึกอบรมระยะสั้นเป็นรุ่น ๆ หรืออย่างกรณีภาษาอังกฤษซึ่งถือเป็นภาษาของอาเซียน ควรมีการออกแบบแผนการดำเนินงานอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งเรื่องการผลิตครูทดแทน การใช้สื่อและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การทดสอบและการประเมินผล โดยประธานมูลนิธิเทมาเสกยินดีที่จะเข้าไปร่วมในการสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นการสนับสนุนบางส่วนของกิจกรรมเท่านั้น มิได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนงานทั้งระบบเพราะไม่ได้มีความชำนาญ และเห็นว่าการจัดทำแผนงานควรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านการศึกษา อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ความใส่ใจต่อหลักสูตรของการฝึกอบรมแล้ว ย่อมจะได้รับความสำเร็จตามเป้าหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26453 | รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย ผลการดำเนินการสอดส่องแผนงาน/โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด การสอดส่องแผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด และการสอดส่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐในเรื่องร้องเรียน รวมทั้งการดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของ ก.ธ.จ. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
๑. การจัดทำโครงการสัมมนาเพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของ ก.ธ.จ. มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง ก.ธ.จ. และเครือข่ายภาคประชาชน การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ และแนวทางการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. ในการสอดส่อง เสนอแนะแนวทางปฏิบัติและการส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลเพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของหน่วยงานภาครัฐ ๒. การประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ ก.ธ.จ. เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับภารกิจ บทบาทหน้าที่ และผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหรือเข้าถึงประชาชนในแต่ละจังหวัด โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ๓. การส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดย ก.ธ.จ. บางจังหวัดได้ประเมินผลการปฏิบัติงานของเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ใน ๒ ด้าน คือ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงานในการให้บริการประชาชนและการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และพิจารณาคัดเลือกเทศบาล และ อบต. ที่สมควรได้รับรางวัลดีเด่นในการปฏิบัติงานตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
|
|||||||||||||||||||||||||||
26454 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 (Annual Inspection : Fiscal Year 2013) | นร01 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2013) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการตรวจราชการแบบบูรณาการในมิติของการบูรณาการภายใต้ประเด็นนโยบายสำคัญ (การบูรณาการการตรวจราชการเพื่อร่วมขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสำคัญ) ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวง ๑.๑ นโยบายการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต ด้านปัญหายาเสพติด ผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๖ และการบูรณาการหรือเชื่อมโยงโครงการ/แผนงานตามปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ด้านการป้องกัน การบำบัด ฟื้นฟู และการปราบปราม พบว่าแต่ละจังหวัดได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว จากงบประมาณสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส่วนราชการ แผนพัฒนาจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบอื่น ๆ โดยภาพรวม ส่วนใหญ่การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายรายไตรมาสที่กำหนดไว้ และมีบางกิจกรรมที่สามารถดำเนินการได้เกินเป้าหมาย สำหรับแผนงานที่ยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น เป็นผลมาจากปัญหาในการทำงานร่วมกันของบางจังหวัด เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีความสามารถในการบริหารจัดการกลไกที่กำหนดแตกต่างกัน อีกทั้งยังคงมีสถิติการจับกุมผู้ค้า ผู้จำหน่าย และจำนวนผู้บำบัดรักษาเพิ่มขึ้น มาโดยตลอด นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของยาเสพติดยังได้ขยายไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมีแนวโน้มเด็กที่ติดสารเสพติดจะมีอายุลดน้อยลงทุกปี ๑.๒ นโยบายการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่าหน่วยงานในส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม มีความคืบหน้า สามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นระดับหนึ่ง ๒. ผลการตรวจราชการแบบบูรณาการในมิติของการบูรณาการการตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ (Specific Area) ร่วมกันของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวง ๒.๑ เศรษฐกิจการค้าชายแดน ในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำสินค้าด้านพลังงาน (LPG) ข้ามแดนบริเวณพื้นที่ชายแดนราชอาณาจักรไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ณ จุดผ่อนปรน บ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศมาเลเซีย ณ จุดผ่านแดนถาวร ด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และพบการซื้อก๊าซบรรจุในถังก๊าซหุงต้มของประชาชนหน้าด่านช่องจอม บริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างราชอาณาจักรไทย-ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ สำหรับเรื่องการอำนวยความสะดวกนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านแดน มีการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านแดน และการขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าชายแดน รวมทั้งเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒.๒ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ พบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการเตรียมความพร้อมในแต่ละด้านเพื่อรับสถานการณ์ภัยพิบัติทั้ง ๔ ประเภท ได้แก่ ภัยแล้ง (พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ไฟป่าและหมอกควัน (พื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือ) อุทกภัยและดินโคลนถล่ม (พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ) และคลื่นสึนามิ (พื้นที่ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
26455 | ขออนุมัติงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | นร | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในกรอบวงเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานบำเพ็ญพระกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายจากสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ๒. ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26456 | รัฐบาลจาเมกาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายแรลฟ์ เอส. ทอมัส Mr.Ralph S. Thomas) | กต | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายแรลฟ์ เอส. ทอมัส (Mr.Ralph S. Thomas) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งจาเมกาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนายเอิร์ล คอร์ตนีย์ แรตทรีย์ (Mr. Earle Courtenay Rattray) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26457 | รายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2555 | พม | 28/01/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอรายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี ๒๕๕๕ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญ ๔ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ ประชากรเด็กและเยาวชน เป็นการนำเสนอโครงสร้างและแนวโน้มประชากรเด็กและเยาวชน ตลอดจนความต้องการและสภาวการณ์ของเด็กและเยาวชนในอนาคต ๒. ส่วนที่ ๒ สภาพการณ์และแนวโน้ม ผลการดำเนินการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย เด็กและเยาวชนกับครอบครัว เด็กและเยาวชนกับสุขภาพและความปลอดภัย เด็กและเยาวชนกับการศึกษา เด็กและเยาวชนกับวัฒนธรรมคุณธรรม จริยธรรม เด็กและเยาวชนกับการนันทนาการ เด็กและเยาวชนกับสื่อ เด็กและเยาวชนกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วม รวมถึงสภานักเรียน และการรวมกลุ่ม เด็กและเยาวชนกับการปกป้องคุ้มครองเป็นพิเศษ เด็กและเยาวชนกับการประกอบอาชีพและการมีงานทำ เด็กและเยาวชนกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ เด็กและเยาวชนกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ๓. ส่วนที่ ๓ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย เป็นการรายงานผลงานความก้าวหน้าของสภาเด็กและเยาวชน รวมทั้งวิเคราะห์ความสำเร็จ/ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน ๔. ส่วนที่ ๔ งบประมาณการพัฒนาเด็กและเยาวชนเป็นการวิเคราะห์การใช้งบประมาณเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ได้มีข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนงานพัฒนาเด็กและเยาวชน แบ่งเป็น ๔.๑ มาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย ด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย ด้านการส่งเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก ด้านสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับเด็ก ด้านมาตรการเร่งด่วนเพื่อลดปัญหาและผลกระทบจากการตั้งครรภ์ของกลุ่มเด็กและเยาวชน ด้านการปกป้องคุ้มครองเด็ก ด้านผลกระทบจากสื่อ ด้านการเข้าสู่ตลาดแรงงานของเยาวชน และด้านการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน ๔.๒ มาตรการระยะยาว ประกอบด้วย เสริมสร้างการพัฒนาศักยภาพของครอบครัวแบบองค์รวม พัฒนาระบบบริหารจัดการในการคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีการต่อเชื่อมกันมากขึ้น และสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26458 | การประเมินความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง | นร05 | 28/01/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การประเมินความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง) ที่มีมติให้หัวหน้าส่วนราชการประเมินความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม แล้วเสนอให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยพิจารณาโดยด่วน อย่างช้าภายในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งประเมินความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น รายได้ รายจ่าย และการบริการประชาชนที่มิอาจคำนวณได้เป็นตัวเงิน เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26459 | สรุปรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2556 | นร11 | 28/01/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ้างงานและรายได้ ๑.๑ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๑.๒ เป็นการลดทั้งภาคเกษตรและภาคนอกเกษตร อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๐.๗๗ มีสาเหตุจาก (๑) เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลให้เกิดการว่างงานทั้งผู้ที่เคยทำงานมาก่อนและผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน รวมทั้งเป็นช่วงการว่างงานตามฤดูกาลช่วงเพาะปลูก และ (๒) กำลังแรงงานลดลงแม้ว่าอัตราการว่างงานสูงขึ้นในระดับร้อยละ ๐.๗๗ แต่ยังเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำ ๑.๒ ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนที่ไม่รวมค่าล่วงเวลา และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๑ จากช่วงเดียวกับปีก่อน ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๗ ทำให้ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนแท้จริงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๙.๓ ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๙ ๒. ด้านการศึกษา เด็กที่มาจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อยยังคงมีโอกาสทางการศึกษาน้อย โดยเฉพาะโอกาสการศึกษาในระดับสูงกว่าภาคบังคับ จากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนในปี ๒๕๕๓-๒๕๕๕ ชี้ว่าเด็กไทยยังไม่ได้รับการศึกษาภาคบังคับครบทุกคน และเด็กที่มาจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อยยังมีโอกาสศึกษาในระดับสูงขึ้นไปต่ำ โดยได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพียงร้อยละ ๘.๘๗ ของประชากรวัยเรียนในกลุ่มรายได้นี้ ๓. ด้านสุขภาพ ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเกือบ ๓ เท่า จากช่วงเดียวกับปีที่แล้ว โดยพบมากในกลุ่มนักเรียนอายุ ๑๐-๑๔ ปี ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขมากขึ้น มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพน้อยลง แต่ยังจำเป็นต้องเน้นความสำคัญของการเร่งยกระดับคุณภาพและพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขของสถานบริการสุขภาพในชุมชนให้ได้มาตรฐานเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่อาศัยนอกเขตเมืองมากขึ้น และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง ๔. ด้านพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทย ผู้สูบบุหรี่และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ที่อาศัยในเขตเทศบาลและผู้ที่จบปริญญามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในปี ๒๕๕๔ โดยผู้สูบบุหรี่ในเขตเทศบาลมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๖ จากปี ๒๕๕๒ ขณะที่ผู้สูบบุหรี่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยร้อยละ ๐.๒ จำนวนผู้สูบบุหรี่กลุ่มผู้มีการศึกษาระดับปริญญาตรีและสูงกว่าเพิ่มขึ้นจาก ๓.๕๒ แสนคนในปี ๒๕๕๐ เป็น ๔.๗๑ แสนคนในปี ๒๕๕๔ ขณะที่ผู้สูบบุหรี่ที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษาและต่ำกว่าลดลงจาก ๗.๒๑ ล้านคนในปี ๒๕๕๐ เป็น ๖.๙๐ ล้านคนในปี ๒๕๕๔ นอกจากนี้ ผู้มีรายได้น้อยในเขตเมืองมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่คิดเป็นสัดส่วนต่อค่าใช้จ่ายในการศึกษา ๑.๐ เท่า ๕. ด้านความมั่นคงทางสังคม การแพร่ระบาดยาเสพติดยังคงมีความรุนแรง การจับกุมผู้ค้าและผู้เสพยังคงมีสัดส่วนมากที่สุดของคดีอาชญากรรม โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ ๑๒๐,๕๖๗ คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๕ และจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ ๒๑.๖ และ ๔.๖ ตามลำดับ และต้องเฝ้าระวังการระบาดของยาไอซ์ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากมีการแบ่งจำหน่ายยาไอซ์ในระดับราคาตามกำลังซื้อ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางได้ง่าย รวมทั้งยังมีการขยายตัวของยาเสพติดรูปแบบใหม่ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และนักเที่ยวสถานบันเทิง
|
|||||||||||||||||||||||||||
26460 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2555 | ทส | 28/01/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ประเด็นปัญหาสำคัญ และแนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ๑.๑ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๕๔ เศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยสูงถึง ร้อยละ ๖ ต่อปี ในขณะที่จำนวนประชากรในประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จาก ๖๒ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็น ๖๔.๑ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ คิดเป็นอัตราการเติบโต เฉลี่ยร้อยละ ๐.๕ ต่อปี โดยเฉพาะประชากรในเขตเทศบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเกือบทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ยังพบว่า การลงทุน การส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยว เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากข้อมูลต่าง ๆ บ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมีความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่งผลให้เกิดของเสียและมลพิษเพิ่มมากขึ้นด้วย ๑.๒ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ มีประเด็นทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ที่น่าสนใจ ได้แก่ อุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย ๑.๓ แนวโน้มสถานการณ์ที่สำคัญในอนาคต ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำที่ต้องดำเนินการอย่างบูรณาการและให้ความสำคัญกับการจัดการทั้งด้านปริมาณและคุณภาพน้ำ และแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียวที่กำลังเข้ามาเป็นเครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอแนะด้านมาตรการหรือเครื่องมือ ๒.๑ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ประกอบด้วย ระยะสั้น ได้แก่ การตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะต่าง ๆ อย่างชัดเจน การพัฒนาระบบช่วยการตัดสินใจ และระยะยาว ได้แก่ การลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนและส่งเสริมการบูรณาการทางความคิด การวางแผนงาน และการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ ๒.๒ ข้อเสนอแนะด้านมาตรการ ประกอบด้วย ระยะสั้น ได้แก่ การสร้างระบบตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานเฝ้าระวัง ติดตามจับกุมผู้กระทำผิด การพัฒนาระบบประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้ผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ และการใช้กลไกงบประมาณเพื่อเป็นเครื่องมือในการยกระดับความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมและป้องกันการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างหน่วยงานทั้งในระดับรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และระยะยาว ได้แก่ การพัฒนาระบบบูรณาการทางข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และการสนับสนุนการใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
.....