ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1323 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 26441 - 26460 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26441 | การเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 | นร01 | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เสนอ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการจัดงานดังกล่าวระหว่างวันที่ ๙-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒. ในการจัดงานครั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพิ่มเติมด้วย โดยให้แสดงถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มแรกที่ทรงได้รับการสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี และเริ่มทรงงานจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน และให้แบ่งเนื้อหาของนิทรรศการออกเป็นหมวดหมู่ ต่าง ๆ เช่น การให้ความช่วยเหลือดูแลพสกนิกร งานด้านการเกษตรและชลประทาน โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ทราบและตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ๓. ในส่วนของการจัดฉายภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ ให้ดำเนินการจัดฉายภาพยนตร์ฯ เพิ่มเติม บริเวณลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสรับชมและชื่นชมพระบารมีได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ให้ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ทุกจังหวัดจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ควรจัดฉายก่อนพิธีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๓.๓ ให้ประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำภาพยนตร์ดังกล่าวไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ๔. ในส่วนของการจัดงานพิธีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพดำเนินการดังกล่าว โดยให้เชิญมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช รวมทั้งเชิญชวนภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการให้สมพระเกียรติ และถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบ หลักเกณฑ์ และพระราชประเพณีที่เกี่ยวข้องด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) รับไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเผยแพร่โครงการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดำเนินการเพื่อถวายพระเกียรติ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า โดยให้นำไม้มีค่าชนิดต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26442 | องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขอสิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ อผศ. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเงื่อนไขที่คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจกำหนด ตลอดจนขีดความสามารถและความพร้อมของ อผศ. เองด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26443 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) (กระทรวงแรงงาน) (นายสุรเดช วลีอิทธิกุล) | รง | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรเดช วลีอิทธิกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26444 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายมานิต นิธิประทีป ฯลฯ) | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายมานิต นิธิประทีป ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๓. นางสาวบัณฑรโฉม แก้วสอาด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
26445 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายอัครเดช เจิมศิริ) | มท | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัครเดช เจิมศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26446 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 (กระทรวงมหาดไทย) (นายวิทยา ผิวผ่อง) | มท | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา ผิวผ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ กรณีการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาข้างต้นเป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งข้าราชการดังกล่าวเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริหารราชการของจังหวัดมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
26447 | รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอะซีซ โพนารี อึมลีมา (Mr.Aziz Ponary Mlima)] | กต | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนียเสนอขอแต่งตั้งนายอะซีซ โพนารี อึมลีมา (Mr. Aziz Ponary Mlima) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นายอับดุล ซิสโก อึมทีโร (Mr. Abdul Cisco Mtiro) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26448 | รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายรูเบน แอนโทนี โจแอนนีส เลฟเวอร์มอร์ (Mr. Reuben Anthony Joannes Levermore)] | กต | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งนายรูเบน แอนโทนี โจแอนนีส เลฟเวอร์มอร์ (Mr. Reuben Anthony Joannes Levermore) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งประเทศนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายแอนโทนี จอห์น ลินช์ (Mr. Anthony John Lynch) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26449 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. .... | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นสมควรปรับคำบรรยายลวดลายของเหรียญตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ จากเดิม “ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้าย ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยจุลจอมเกล้า ทรงสายสะพายและสายสร้อยแห่งเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ...” เป็น “ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
26450 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานลดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๕๗ ให้เขื่อนรัชชประภา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยให้คิดเป็นค่ารายปีเป็นจำนวน ๕๓,๙๙๓,๘๔๒.๒๔ บาท และค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นจำนวน ๖,๗๔๙,๒๓๐.๒๘ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน รวมทั้งการคำนวณค่ารายปีของเครื่องจักรให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26451 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงสภาพการจ้างของพนักงานโรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต เบิกค่าธรรมเนียมแพทย์หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้แก่พนักงานและบุคคลในครอบครัว กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลคลินิกนอกเวลาในสถานพยาบาลของทางราชการ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัวต่อปี ๑.๒ ให้โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต เบิกค่าตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Specific Antigen : PSA) สำหรับพนักงานที่มีอายุ ๕๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓๐๐ บาทต่อคนต่อปี ๒. ให้กระทรวงการคลัง (โรงงานไพ่) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26452 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร | สธ | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกเป็นอาคาร คสล.๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ๑ หลัง โดยใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลกำแพงเพชร จำนวน ๕,๐๗๗,๐๐๐ บาท สมทบกับวงเงินที่สำนักงบประมาณอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๖๒,๔๑๓,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๖๗,๔๙๐,๐๐๐ บาท ๒. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๘ |
|||||||||||||||||||||||||||
26453 | มูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร | นร05 | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในมูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อเสนอความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว) ๒. เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และถวายเงินดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26454 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... | รง | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายที่คุ้มครองเจ้าของเรือและคนประจำเรือโดยเฉพาะ ตลอดจนให้มีกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับดังกล่าวในอนาคต ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงแรงงานที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการทางทะเล เนื่องจากเป็นเรื่องจำเป็นในการบริหารกฎหมายฉบับดังกล่าว และเห็นควรเพิ่มบทบัญญัติในบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับใบอนุญาตจัดหางานที่ออกตามกฎหมายจัดหางานและคุ้มครองคนหางานให้มีผลต่อเนื่องตามกฎหมายนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
26455 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 5 ฉบับ | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๕ ฉบับ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วให้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาในวาระแรกต่อไป ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๕ ให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... (กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ต้องจดทะเบียนประกอบธุรกิจทวงถามหนี้) ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติในส่วนค้ำประกันและจำนองเพื่อคุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกันและจำนองซึ่งมิใช่ลูกหนี้ชั้นต้น โดยกำหนดให้ข้อตกลงที่ให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดอย่างเดียวกับลูกหนี้ร่วมหรือในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมเป็นโมฆะ) ๓. ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... (กำหนดให้มีกฎหมายกลางเพื่อกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต และให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมเพื่อรับคำร้องและคำขออนุญาต ณ จุดเดียว) ๔. ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องออกคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด) ๕. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ประกอบอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ) |
|||||||||||||||||||||||||||
26456 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิ จำนวน ๒,๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียดระบุวงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และจำแนกตามกระทรวง การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้รัฐสภา ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง วงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน เช่น โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคมสู่ภาคใต้ รวมทั้งใช้สำหรับโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการในระยะแรก ทั้งนี้ หากมีงบประมาณ (งบกลาง) เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก็ให้นำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นด้วย ๓. รับทราบการปรับปรุงวงเงินงบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิม ๕๒๗,๑๓๒.๕ ล้านบาท เป็น ๔๙๒,๑๖๔.๘ ล้านบาท และให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเกี่ยวกับการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเพิ่มอีก ๑ เรื่อง ทั้งนี้ ให้หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินการเกี่ยวกับการกำจัดขยะและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ ๔. อนุมัติให้คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน ๕. ให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณโดยตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||
26457 | ขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย | กต | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26458 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เรื่องเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาการปรับปรุงบทบาทหน่วยงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานด้านนโยบายคือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานหลักในการปฏิบัติคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นั้น โดยปรับปรุงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ กสทช. มีบทบาทในการกำกับดูแลการสื่อสารเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการดูแลสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยต่อเยาวชน สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งปรับปรุงให้บริษัท ทีโอทีฯ และบริษัท กสทฯ มีการจัดองค์กรที่เหมาะสม มีศักยภาพในการหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง มีกระบวนการทำงานที่ประสานกับหน่วยงานด้านนโยบายโดยเฉพาะกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ทั้งสองบริษัทและเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย ๑.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน กำหนดมาตรการเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนจัดตั้งโรงงานขนาดเล็กหรือขนาดย่อมตามแนวชายแดน เพื่อสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยอาจพิจารณาใช้พื้นที่ทหารหรือพื้นที่ราชพัสดุเพื่อจัดทำเป็นโครงการนำร่อง ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. เรื่องพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาพรวมทั้งระบบ โดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน ๘๐๐ เมกะวัตต์ ที่ยังมิได้ดำเนินการเนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้โครงการสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใสต่อไปด้วย ๒.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมร่วมกันพิจารณากระบวนการในการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง และนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาโดยเร็ว โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจัดทำเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ให้เร่งดำเนินการ แล้วเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๒.๓ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) แล้วรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบต่อไป ๓. เรื่องอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้มีการจัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบริการช่วยเหลือเกษตรกร และเฝ้าระวังภัยพิบัติเพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรขยายขอบเขตหน้าที่ของศูนย์เพื่อให้บริการด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ด้านการพาณิชย์ ด้านแรงงาน ด้านอุตสาหกรรม และด้านกฎหมาย จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) ในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรตามที่กำหนดไว้ในมติข้างต้น รวมถึงการให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชนและให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่าง ๆ ข้างต้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์นี้ รวมทั้งให้ขยายการดำเนินการของศูนย์ไปสู่ระดับอำเภอและตำบล ทั้งนี้ ให้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมาใช้บริการศูนย์ดังกล่าวต่อไปด้วย นอกจากนั้น ในส่วนของการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนโดยสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมและรณรงค์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๓.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุขเร่งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบว่า ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับการบริการสาธารณสุขของรัฐภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ตามปกติเช่นเดิม โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังมิได้มีการปรับลดเงินงบประมาณหรือปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเข้ารับบริการใด ๆ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์
|
|||||||||||||||||||||||||||
26459 | การชี้แจงของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการติดตามและตรวจสอบโครงการของภาครัฐ รวมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามที่ประธาน คตร. เสนอ โดย ๑.๑ การดำเนินการของงบลงทุนผูกพันรายการใหม่ของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๒๘ โครงการ ซึ่งให้ดำเนินการต่อไปได้ จำนวน ๒๔ โครงการ และให้พิจารณาทบทวน จำนวน ๔ โครงการ ๑.๑.๑ โครงการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาให้ดำเนินการต่อไปได้ ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งรัดดำเนินการเพื่อขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี เพื่อให้สามารถดำเนินงาน/ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ทุกหน่วยงานเตรียมการให้พร้อมเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ ๑.๑.๒ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนโครงการ เช่น การแก้ไขขอบเขตของงาน (TOR) การปรับราคากลาง และการปรับแบบการก่อสร้าง เป็นต้น ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ เพื่อนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๑.๑.๓ สำหรับรายการค่าก่อสร้างอาคารและชิ้นงานนิทรรศการศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมชั้นสูงเพื่อการท่องเที่ยว ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งไม่สามารถดำเนินการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มอบหมายให้ คตร. และส่วนราชการเจ้าของโครงการพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ โครงการที่ คตร. เข้าติดตามและได้สรุปผลการตรวจแล้ว จำนวน ๑๐ โครงการ มอบหมายให้ คตร. แจ้งข้อเสนอแนะของ คตร. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งดำเนินการทบทวน/ปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะฯ โดยหากมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๑.๓ โครงการที่ คตร. เข้าติดตามและอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๔ โครงการ ๑.๓.๑ มอบหมายให้ คตร. แจ้งข้อเสนอแนะของ คตร. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งดำเนินการทบทวน/ปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะฯ ๑.๓.๒ ให้ชะลอการดำเนินโครงการ (๑) กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ (๒) การเบิกค่าเบี้ยประชุมของรัฐสภา (๓) การก่อสร้างอาคารที่พักสวัสดิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยหากมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๑.๔ โครงการที่ คตร. จะเข้าติดตามและตรวจสอบในห้วงต่อไป จำนวน ๗ โครงการ มอบหมายหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ (พลเอก ประจิน จั่นตอง) คณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ไปดำเนินการพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคาร One Stop Service ณ จังหวัดนครราชสีมา ของกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์บริการร่วม (One Stop Service) ของส่วนราชการดังกล่าวเพื่อเป็นการลดขั้นตอน บรรเทาความเดือดร้อน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการติดต่อราชการ และให้พิจารณาถึงความจำเป็นในการจัดตั้งศูนย์บริการร่วม (One Stop Service) ตามภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย ๑.๕ รายการหรือโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ แต่ไม่มีรายละเอียดชัดเจน (งบแปรญัตติ) จำนวน ๓๓ โครงการ มอบหมายให้ คตร. ประสานกับฝ่ายต่าง ๆ ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดรายการหรือโครงการที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ให้มีความชัดเจน แล้วนำเสนอฝ่ายที่อยู่ในความรับผิดชอบและ คตร. ตามลำดับต่อไป ๒. หากโครงการใดที่ คตร. เข้าติดตามและตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นและ/หรือไม่มีความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการ ก็ให้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ สำหรับโครงการที่ได้ตรวจสอบแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการ หากพบข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริต ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับไปติดตามและตรวจสอบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26460 | ผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2557 | พณ | 08/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) เช่นเดียวกับในปี ๒๕๕๐-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาพรวมการที่ประเทศไทยได้ถูกจัดไว้ในบัญชี PWL อีกครั้งน่าจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และเจตนารมณ์ทางการเมืองของไทยที่จะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง รวมทั้งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้นักลงทุนบางรายขาดความเชื่อมั่นในการได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน การที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อการรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกอบการสหรัฐฯ ด้วยการนำประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาบรรจุไว้ในเวทีเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การเร่งพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เป็นรูปธรรม การเจรจากับสหรัฐฯ โดยพิจารณาใช้หลักการที่ว่าการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกภาคส่วนโดยอาศัยความรู้จากความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม และควรคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสาธารณชนอย่างสมดุล ตลอดจนการดำเนินการโดยสอดคล้องกับพันธกรณีสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ของไทยและสหรัฐฯ รวมทั้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาควรพิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบของการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น เพื่อให้กระบวนการปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว สามารถครอบคลุมประเด็นปัญหา ความท้าทายด้านต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น และนำไปสู่ผลการปราบปรามในภาพรวมของประเทศที่สอดคล้องตามเงื่อนไขของข้อตกลงและสนธิสัญญาในมาตรฐานสากล รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตรและจดทะเบียนสิทธิบัตรให้รวดเร็วขึ้น และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ตามร่างกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาที่อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น มีบทบัญญัติในส่วนใดบ้างที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ควรจะดำเนินการออกเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้มีผลใช้บังคับได้โดยเร็วในระยะแรก ก่อนมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การจัดอันดับประเทศไทยตามกฎหมายการค้าของสหรัฐฯ ในระยะต่อไปดีขึ้น เช่น การกำหนดฐานความผิดสำหรับผู้ที่บันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานความผิดสำหรับเจ้าหน้าที่ของพื้นที่ที่อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้พื้นที่เพื่อการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า เป็นต้น และเร่งดำเนินการเพื่อเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกวดขันการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาด้วย |
.....