ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1328 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26541 - 26560 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26541 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่ายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดรูปแบบ มาตรการ รวมถึงระบบการดูแลเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือโรคเนื่องจากการทำงานที่ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมและจำเป็น และควรเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ หลักเกณฑ์ขั้นตอนการเข้าถึงสิทธิประโยชน์กรณีต่าง ๆ แก่ลูกจ้างและนายจ้างภายใต้กองทุนเงินทดแทนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26542 | รัฐบาลสาธารณรัฐไอซ์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสเตฟาน สเกียล์ดาร์ซอน (Mr. Stefan Skjaldarson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ มีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนางสาวคริสทีน เอ. อาร์นาโดเทียร์ (Ms. Kristin A. Arnadottir) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26543 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 2 ราย คือ นายชัยเลิศ หลิมสมบูรณ์ฯ) | กต | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) จำนวน ๒ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยเลิศ หลิมสมบูรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ (นักบริหาร ระดับต้น) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายสมชาย เภาเจริญ ซึ่งเกษียณอายุราชการ ๒. นายพิชยพันธุ์ ชาญภูมิดล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก (นักบริหาร ระดับต้น) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายธฤต จรุงวัฒน์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
26544 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26545 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ได้แก่ ๑.๑ โครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างดำเนินการและมีการผูกพันสัญญาแล้ว จำนวน ๙ รายการ วงเงิน ๒๙๒.๗๒๙๕ ล้านบาท สำหรับรายการที่ต้องขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ โครงการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับรายการที่มีการผูกพันสัญญาของกรมทรัพยากรน้ำ วงเงิน ๘๖,๔๒๓,๕๕๗.๙๗๐๐ บาท ๑.๓ โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๖๒๙,๖๒๙,๒๘๐.๐๐๐๐ บาท ๑.๔ โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์วิทยบริการ จำนวน ๕๐ แห่ง ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำหรับรายการที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและหรือขอรับจัดสรรเงินเพิ่ม ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเร่งรัดขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติการยกเลิกโครงการเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจนั้นต่อไป ได้แก่ ๒.๑ การยกเลิกโครงการที่ยังไม่มีข้อผูกพันสัญญาและยังไม่ได้เริ่มการดำเนินงาน ในส่วนของโครงการอาคารพักพยาบาล ๒๐ ห้อง โรงพยาบาลนายายอาม (จังหวัดจันทบุรี) วงเงิน ๕.๕๒๓๐ ล้านบาท และโครงการระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลยุพราชฉวาง (จังหวัดนครศรีธรรมราช) วงเงิน ๗.๗๑๓๐ ล้านบาท ของกระทรวงสาธารณสุข ๒.๒ การยกเลิกการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งห้วยน้ำภูนก ช่วง ๒ ห้วยภูนก หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าปลา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงิน ๑,๙๐๓,๔๐๐.๐๐ บาท เนื่องจากไม่สามารถเข้าพื้นที่ดำเนินการได้และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองน้ำบางดี หมู่ที่ ๔ ตำบลพ่วงพรหมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงิน ๔,๒๘๐,๔๙๐.๐๐๐๐ บาท ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ได้แก่ ๓.๑ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒ รายการ วงเงิน ๒,๑๑๙,๖๑๐.๐๔๐๐ บาท ๓.๒ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม จำนวน ๑๘ รายการ วงเงิน ๓๑,๑๘๕,๙๘๖.๐๐๐๐ บาท ๓.๓ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๑,๓๒๕,๓๑๑.๗๐๐๐ บาท ๔. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเป็นภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๕. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๓๓.๐๐๐๐ บาท และอนุมัติดำเนินโครงการพัฒนางานห้องผ่าตัด ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน และห้องปฏิบัติการกลาง จำนวน ๓๐ รายการ และอนุมัติจัดสรรเงินเหลือจ่ายตามวงเงินที่คงเหลือให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วงเงิน ๔๒,๘๘๔,๓๐๐.๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||
26546 | ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาราคายางพาราและสินค้าการเกษตรด้านอื่น ๆ | สผ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาราคายางพาราและสินค้าการเกษตรด้านอื่น ๆ พร้อมผลการดำเนินการตามญัตติดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้ายางพารา สินค้าปาล์มน้ำมัน สินค้ามันสำปะหลัง การแบ่งเขตโซนนิ่งเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน มาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในเรื่องยางพาราจากกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26547 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน 3,910 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน ๓,๙๑๐ ล้านบาท จากปีงบประมาณ ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินที่เหมาะสม ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนการใช้ที่ดินในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนการกู้เงินที่กำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
26548 | ขออนุมัติกู้เงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลังเมื่อมีความพร้อมในการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) บางซื่อ-รังสิต วงเงิน ๗๑๐.๕๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน ๓,๓๒๑.๔๓ ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัย ๘ สายทาง วงเงิน ๒,๘๙๒.๐๖ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เฉพาะในส่วนที่รัฐบาลรับภาระเพื่อชำระหนี้คืนแหล่งเงินกู้โดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป รวมทั้งให้ รฟท. จัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และแผนการกู้เงินที่สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะดำเนินการจริง โดยให้ รฟท. ทยอยเบิกเงินกู้โดยตรงจากแหล่งเงินกู้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อนการกู้เงิน ๒. ให้ รฟท. กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ (รถจักรดีเซลไฟฟ้า) จำนวน ๕๐ คัน วงเงิน ๘๘๕ ล้านบาท โครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน ๕๖ คัน วงเงิน ๓๔๒.๗๓ ล้านบาท และโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๖๗๒.๔๔ ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑,๙๐๐.๑๗ ล้านบาท โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายจากการกู้เงิน และสำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน ๓๐๘ คัน (น้ำหนักกดเพลา ๒๐ ตัน) วงเงิน ๑๐๖ ล้านบาท เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาสากล โดยให้ผู้ประกวดราคาเสนอแหล่งเงินกู้ในลักษณะของ Supplier Credit/Export Credit และกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของแหล่งเงินกู้ที่ผู้ประกวดราคาเสนอมา หากพบว่าต้นทุนเงินกู้ที่เสนอสูงกว่าต้นทุนที่กระทรวงการคลังจะจัดหาให้ รฟท. ได้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้ต่อไป แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคซึ่งโครงการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนของแหล่งเงินทุน ดังนั้น เมื่อ รฟท. ทราบแหล่งเงินที่ชัดเจนแล้ว ให้ รฟท. นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติแหล่งเงินสำหรับโครงการดังกล่าวต่อไป ๓. ให้ รฟท. กู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระ (Roll-over) ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๑๔,๙๘๙.๒๘ ล้านบาท รวมทั้งให้ รฟท. ต่ออายุสัญญาเงินกู้เบิกเกินบัญชี วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี เพื่อไว้รองรับปัญหาเงินสดขาดมือในการดำเนินงาน ๔. กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกัน และเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น |
|||||||||||||||||||||
26549 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีมิ่งแก้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ ๙๖ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๐๓๘๕ ให้แก่กรมทางหลวง ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26550 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนตุลาคม 2556 | พณ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนกันยายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๗ (เดือนกันยายน ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๑๖) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๑ จากการสูงขึ้นของราคาหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง หมวดผักและผลไม้ หมวดเครื่องประกอบอาหาร หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และหมวดอาหารสำเร็จรูป สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๐๕ จากการลดลงของหมวดน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าของใช้ส่วนบุคคล ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนกันยายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๒ สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หมวดอาหารสำเร็จรูป หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล หมวดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโอกาสพิเศษและท่องเที่ยว และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
|||||||||||||||||||||
26551 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกันยายน พ.ศ. 2556 | ทก | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๙.๓๒ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๙.๐๐ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๐.๒๖ ล้านคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๑.๑๖ ล้านคน โดยผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑.๒ แสนคน (จาก ๒๙.๔๔ ล้านคน เป็ฯ ๓๙.๓๒ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ มีจำนวน ๓๙.๐๐ ล้านคน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑.๕ แสนคน (จาก ๓๙.๑๕ ล้านคน เป็น ๓๙.๐๐ ล้านคน) หรือลดลงร้อยละ ๐.๔ โดยผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานสาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศ และการประกันสังคมภาคบังคับ ๒.๐ แสนคน สาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ๑.๖ แสนคน สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า ๘.๐ หมื่นคน สาขาการก่อสร้าง ๖.๐ หมื่นคน และสาขาภาคเกษตรกรรม ๑.๐ หมื่นคน ส่วนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ๑.๐ แสนคน สาขาการผลิต ๙.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัย ๖.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีด และซักแห้ง เป็นต้น ๓.๐ หมื่นคน และสาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ ๓.๐ หมื่นคน เป็นต้น ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศ มีจำนวน ๒.๖๔ แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ ๐.๗ ของกำลังแรงงานรวม (เพิ่มขึ้น ๑.๗ หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕) ประกอบด้วย ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๓๗ แสนคน อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๒๗ แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคบริการและการค้า ๕.๕ หมื่นคน ภาคการผลิต ๕.๔ หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม ๑.๘ หมื่นคน ผู้ว่างงานเป็นผู้มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา ๑.๐๔ แสนคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๕.๙ หมื่นคน มัธยมศึกษาตอนต้น ๕.๑ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๓.๑ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๑.๙ หมื่นคน และผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๘.๔ หมื่นคน ภาคกลาง ๗.๗ หมื่นคน ภาคใต้ ๔.๗ หมื่นคน กรุงเทพมหานคร ๓.๒ หมื่นคน และภาคเหนือ ๒.๔ หมื่นคน
|
|||||||||||||||||||||
26552 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | ทส | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้พื้นที่ภายในบริเวณที่วัดจากจุดกึ่งกลางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในระยะ ๔๐ เมตร ออกไปทั้งสองฟาก ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ๒. กำหนดให้ในเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ห้ามการกระทำหรือการประกอบกิจกรรม ได้แก่ การตัด ฟัน โค่นต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก การกระทำอันตรายต่อระบบรากหรือลำต้นของต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก เป็นต้น รวมทั้งการห้ามก่อสร้าง หรือดัดแปลงอาคารให้มีลักษณะบางประการหรือให้เป็นอาคารบางประเภท ตลอดจนการกำกับควบคุมการใช้ยานพาหนะและการจราจร ๓. กำหนดให้เพื่อประโยชน์ในการสงวนรักษา การอนุรักษ์ การปกป้อง และการฟื้นฟูบูรณะและการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. กำหนดให้ร่างประกาศนี้ให้ใช้บังคับมีกำหนดระยะเวลาห้าปี |
|||||||||||||||||||||
26553 | ร่างข้อบังคับของอัยการสูงสุดว่าด้วยการเคลื่อนย้ายภายใต้การควบคุม ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 มาตรา 20 พ.ศ. .... | อส | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับของอัยการสูงสุดว่าด้วยการเคลื่อนย้ายภายใต้การควบคุม ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๒๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต และการเคลื่อนย้ายภายใต้การควบคุม เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนการกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดบทนิยามคำว่า “ของผิดกฎหมายหรือต้องสงสัย” เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ปฏิบัติงานตามร่างข้อบังคับฉบับนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26554 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับถนนตรีเพชร พ.ศ. .... | มท | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับถนนตรีเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับถนนตรีเพชร ในท้องที่แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26555 | สรุปสถานการณ์นักท่องเที่ยวระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม 2556 | กก | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์นักท่องเที่ยว ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๖ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทย จำนวน ๒๑,๗๓๘,๓๒๘ คน เพิ่มขึ้น ๓,๙๖๓,๔๔๑ คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๓๐ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ภูมิภาคที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ เอเชียตะวันออก ยุโรป และอเมริกา ตามลำดับ สำหรับประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุด ๑๐ อันดับ ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ลาว อินเดีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ตามลำดับ ๒. ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการเดินทางท่องเที่ยวโลก ความนิยมต่อแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติ ความหลากหลายของสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย ความคุ้มค่าทางการท่องเที่ยว ความเป็นมิตรของชาวไทย และความปลอดภัยในการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวเป็นผลจากการดำเนินงานตามแผนงานส่งเสริมและสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงาน/องค์กรด้านการท่องเที่ยว ๓. แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยว ปี ๒๕๕๖ องค์การการท่องเที่ยวโลก (United Nations World Tourism Organization : UNWTO) คาดว่าแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวโลกในปี ๒๕๕๖ จะขยายตัวต่อเนื่องประมาณร้อยละ ๓-๔ จากปีที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวของไทยในปี ๒๕๕๖ จะขยายตัวไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ๔. ผู้เดินทางชาวไทยเดินทางออกไปต่างประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๖ มีจำนวน ๕,๘๔๒,๓๑๑ คน เพิ่มขึ้น ๑๖๖,๙๔๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๒.๙๔ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยผู้เดินทางชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นหลักและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
26556 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ปรับอัตราขั้นสูง-ขั้นต่ำของการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ให้มีผลใช้บังคับเป็น ๒ ระยะเวลา ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๘,๖๑๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๙,๐๐๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๒ กำหนดให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนได้รับเงินค่าตอบแทนตามบัญชีท้ายระเบียบฯ โดยได้รับเงินค่าตอบแทน ๑๓ ขั้น อัตราตั้งแต่ ๔,๘๗๐-๘,๔๕๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระเบียบดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ จำนวน ๒๑๐,๕๐๔,๒๙๖ บาท ที่กรมการปกครองได้ขออนุมัติกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังแล้ว และหากไม่เพียงพอก็ให้กรมการปกครองปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาสมทบ โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26557 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Minister on Aqriculture and Forestry-AMAF) ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-อินเดีย ด้านการเกษตร (ASEAN-India Ministerial Meeting on Agriculture) ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๕๖ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในส่วนของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และเห็นชอบให้ใช้ทรัพยากรเพื่อเน้นการดำเนินงานให้บรรลุผลตามสิ่งที่ต้องปฏิบัติ (Key Deliverables) และมาตรการที่ได้จัดลำดับความสำคัญไว้ รวมทั้งเห็นชอบให้เริ่มเตรียมงานที่จะดำเนินการหลังจากปี ๒๕๕๘ ๒. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (ASEAN Integrated Food Security Framework : AIFS Framework) และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (Strategic Plan of Action on Food Security : SPA-FS) ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๖ และเห็นชอบให้จัดทำ SPA-FS ระยะที่ ๒ ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๒ ๓. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม ASEAN Multi-Sectoral Framework on Climate Change : Agriculture and Forestry Towards Food Security (AFCC) ซึ่งมีการประชุมและการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ ๔. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของความร่วมมือด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ รวมทั้งเห็นชอบมาตรฐานอาเซียนและเอกสารต่าง ๆ เพื่อการมีท่าทีร่วมกันของอาเซียน และอำนวยความสะดวกด้านการค้าสินค้าเกษตรทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค ๕. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนทางด้านโรคระบาดสัตว์และโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (ASEAN Coordination Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) และเห็นชอบให้มีการหมุนเวียนสถานที่ตั้งของศูนย์ฯ ในประเทศสมาชิกอาเซียน ทุก ๆ ๔ ปี โดยเริ่มจากมาเลเซียเป็นประเทศแรก ตามด้วยไทย ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักเลขาธิการอาเซียน โดยการสนับสนุนของ ASEAN Regional Support Unit (ASEAN-RSU) พิจารณารายละเอียดรูปแบบการดำเนินการและการเตรียมการที่จำเป็น ๖. ที่ประชุมสนับสนุนบทบาท ASEAN SPS Contact Points (ASCP) ในการประสานงานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitay : SPS) และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินงาน โดยคณะทำงานด้านต่าง ๆ ภายใต้ AMAF และองค์กรอื่น ๆ ของอาเซียน ๗. ที่ประชุมได้เริ่มดำเนินโครงการภายใต้ ASEAN-FAO MOU on Strengthening Cooperation in Agriculture and Forestry จำนวน ๓ โครงการ คือ (๑) TCP/RAS/3406(E) on Emergency Assistance for Surveillance of Influenza A (H7N9) Virus in Poultry and Animal Populations in Southeast Asia (๒) TCP/INT/3402(E) Emergency Support to Global and Coordinated Response to Influenza A (H7N9) Virus in Poultry and Other Animal Population และ (๓) Strengthening the capacity of ASEAN in coordination and monitoring of the implementation of ASEAN Integrated Food Security Framework (AIFS) and the Strategic Plan of Action on Food Security (SPA-FS) ๘. การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (MOU between ASEAN and China on Food and Agriculture Cooperation) ซึ่งอาเซียนและจีนเห็นชอบให้ส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหาร เครื่องจักรและเครื่องกลทางการเกษตร การฝึกอบรมและการส่งเสริมการเกษตรเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||
26558 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางพจมาน พงษ์ไพบูลย์) | ศธ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพจมาน พงษ์ไพบูลย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการศึกษาพิเศษและผู้ด้อยโอกาส (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26559 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ยธ | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วย รายงานผลการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ และปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะบังคับบัญชาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเทียบเคียงการกำหนดเงินเพิ่มพิเศษอื่น ๆ ที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรมในภาพรวมของระบบราชการ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินควรมีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะด้านการกำกับ ตรวจสอบ และวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงิน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26560 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | นร09 | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยกำหนดให้กรมธนารักษ์แบ่งส่วนราชการออกเป็น ๑ สำนักงาน ๑๐ สำนัก ๕ กอง และ ๑ ศูนย์ ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยกำหนดให้กรมบัญชีกลางแบ่งส่วนราชการออกเป็น (๑) ราชการบริหารส่วนกลางแบ่งส่วนราชการออกเป็น ๑ สำนักงาน ๙ สำนัก ๓ กอง ๑ ศูนย์ ๑ สถาบัน และสำนักงานคลังเขต ๑-๙ และ (๒) ราชการบริหารส่วนภูมิภาคแบ่งส่วนราชการออกเป็นสำนักงานคลังจังหวัด รวมทั้งกำหนดให้มีกลุ่มงานด้านวิชาการ กลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง โดยกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแบ่งส่วนราชการออกเป็น ๑ สำนักงาน ๔ สำนัก ๔ กอง และ ๑ ศูนย์
|
.....