ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1328 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 26541 - 26560 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26541 | การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 17/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า
๑. เพื่อให้การพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์และแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงยุติธรรมมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตลอดจนสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการกำหนดนโยบายระดับชาติ รวมทั้งเป็นการปรับย้ายหมุนเวียนบุคลากรภายในของกระทรวงยุติธรรม จึงมีมติ ๑.๑ ให้ พันโท เอนก ยมจินดา ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน ๑.๒ ให้ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมมาปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ อนุมัติโอนนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป และอนุมัติแต่งตั้งนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ พ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงแล้วนั้น โดยที่การสับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย หรือโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ (นักบริหารระดับสูง) ที่ปฏิบัติหน้าที่เดียวกันครบ ๔ ปีแล้ว ให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันครบกำหนด ซึ่งกรณีของนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ จะครบกำหนดในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกระทรวงยุติธรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงมีมติ ๒.๑ ให้นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปช่วยราชการในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
26542 | พลังงานของไทย | พน | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์พลังงานของโลกและของไทย การพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ กองทุนน้ำมัน ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ระบบไฟฟ้า พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน แนวทางการปรับโครงสร้างพลังงานของไทย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจเกี่ยวกับการพลังงานของไทยในทุกภาคส่วนได้ทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงต่าง ๆ อย่างถูกต้องและทั่วถึง จึงมอบให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการจัดทำข้อมูลที่ง่ายต่อความเข้าใจเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป โดยให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศส่งออกน้ำมันแต่เป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันสุทธิ ส่วนกรณีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ขุดเจาะได้ภายในประเทศเป็นการดำเนินการภายใต้สัมปทานของรัฐ โดยรัฐได้รับรายได้จากการให้สัมปทานดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้สามารถใช้พลังงานของประเทศที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า จึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของวิธีการบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติให้มีความยั่งยืนและมีราคาที่เป็นธรรมทั้งแก่ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค ๒.๒ ปริมาณก๊าซและน้ำมันของประเทศไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันยังคงเหลืออยู่จำนวนเท่าใด และจะสามารถใช้ได้ไปอีกเป็นระยะเวลาเท่าใด ๒.๓ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ผลดี ผลเสีย และผลกระทบต่าง ๆ หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๒.๔ ผลกระทบต่อประชาชนทั้งในภาคครัวเรือนและภาคขนส่งหากมีการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เช่น ราคาขายปลีกสินค้าในตลาดเพิ่มขึ้น ค่าบัตรโดยสารรถสาธารณะเพิ่มขึ้น เป็นต้น ๒.๕ สัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้า ถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมันเชื้อเพลิง มีสัดส่วนการใช้ในประเทศเท่าใด และนำเข้าจากต่างประเทศเท่าใด ในแต่ละภาคส่วนมีการใช้ในจำนวนเท่าใด และหากพลังงานเหล่านี้หมดสิ้นไป จะมีแผนสำรองพลังงานหรือแผนการใช้พลังงานทดแทนหรือไม่ อย่างไร ๒.๖ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นรัฐวิสาหกิจ ในรูปแบบบริษัทมหาชน ซึ่งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้น มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเท่าใด บริษัท ปตท.ฯ มีการจ่ายภาษีให้แก่รัฐเป็นจำนวนเท่าใด ผูกขาดระบบน้ำมันไทยหรือไม่ ระบบการบริหารจัดการเป็นอย่างไร และรายได้ของบริษัท ปตท.ฯ มาจากกิจการภายในประเทศหรือจากการลงทุนในต่างประเทศเท่าใด ๒.๗ กรณีที่มีข้อเรียกร้องให้ยืดบริษัท ปตท.ฯ กลับมาเป็นของรัฐนั้น กระทำได้หรือไม่ หากกระทำจะทำให้เกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างประเทศอย่างไร ๒.๘ เหตุผลที่ประเทศไทยอ้างอิงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ ๒.๙ แหล่งที่มาของน้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัทต่าง ๆ นอกจากบริษัท ปตท.ฯ ได้มาจากที่ใด ๒.๑๐ ประเทศไทยมีแหล่งพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนมากกว่าประเทศในตะวันออกกลาง เช่น สาธารณรัฐซาอุดีอาระเบีย รัฐกาตาร์ จริงหรือไม่ ๓. มอบให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๓.๑ ประเทศไทยขาดความมั่นคงทางด้านพลังงาน ต้องพิจารณาหาแนวทางและมาตรการด้านพลังงานในระยะเวลา ๓-๕ ปีข้างหน้าซึ่งจะต้องเปิดให้มีการแข่งขันเอกชนเข้าร่วมลงทุน หรือการหาวิธีการใช้พืชพลังงานและพลังงานทางเลือกอย่างไร ๓.๒ เหตุผล ความจำเป็น และความเหมาะสมในการต่ออายุสัมปทานให้แก่บริษัทขุดเจาะและสำรวจต่างชาติอย่างไร ๓.๓ การให้สัมปทานสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของขนาด จำนวนแปลงของพื้นที่ที่จะเปิดให้สัมปทาน การเปิดพื้นที่ในบริเวณที่เกินต่อความจำเป็นมากน้อยเพียงใด และให้โอกาสแก่เอกชนไทยที่มีขีดความสามารถในการดำเนินการสำรวจขุดเจาะเพียงใด รวมทั้งให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มค่าสัมปทานด้วย ๓.๔ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติต้องมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เกิดการผูกขาด และประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมด้านพลังงาน ๓.๕ ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและของเอกชน และความเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางภาคใต้ที่ระบบสายส่งไฟฟ้ายังไม่เพียงพอ ๓.๖ กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำมันเถื่อนและการบริหารจัดการให้ราคาน้ำมันทั่วประเทศมีราคาเท่าเทียมกัน รวมทั้งหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการนำเชื้อเพลิงที่ได้รับการควบคุมราคาในประเทศไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน ๓.๗ ควรส่งเสริมมาตรการในการใช้พลังงานทดแทนเพื่อทดแทนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้ยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||
26543 | บริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน ขอดำเนินโครงการจัดหาเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท และการค้ำประกันสำหรับการจัดหาเงินกู้เพื่อชำระค่าเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินโครงการจัดหาเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งขอเบิกใช้วงเงิน Committed Credit Line หรือ Uncommitted Credit Line เพื่อเป็นสำรองเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท และจัดหาเงินทุนจากธนาคาร LH Bank วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดหาเงินกู้เป็นการดำเนินการบริหารการเงินภายใน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมออกหนังสือรับรอง (Letter of Assurance) ให้แก่ US EX-Im Bank เพื่อประกอบการจัดหาเงินกู้เพื่อชำระค่าเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER และอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาเงินกู้ในกรณีดังกล่าว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วไม่มีข้อขัดข้อง ๓. ให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ไปพิจารณาทบทวนสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่ได้รับนอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นเบี้ยประชุมและเงินปันผลที่กำหนดโดยผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่ดำเนินการปรับลดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการโดยการยกเลิกการให้บัตรโดยสารเครื่องบินฟรี |
||||||||||||||||||||||||
26544 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบแนวทางการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26545 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | 10/06/2557 | ||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของทุกหน่วยงานจะต้องดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพอย่างถูกต้องโปร่งใส จึงมอบให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ดำเนินการติดตามและตรวจสอบแผนงานหรือโครงการที่มีปัญหา โดยเน้นแผนงานหรือโครงการสำคัญที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการพัฒนาประเทศเป็นหลักทั้งในส่วนที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการไว้ก่อนและหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หากตรวจสอบพบข้อทุจริตหรือมีข้อร้องเรียน ให้รายงานต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็วก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการต่อไป ทั้งนี้ อาจส่งเรื่องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ตามแต่กรณี
|
||||||||||||||||||||||||
26546 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเร่งรัดวางรากฐานที่ดีของประเทศ ข้อ ๑.๑ การเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน เรื่องเร่งด่วนดังกล่าวให้หมายถึงเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลน ประสบภัยพิบัติ ตลอดจนอาคารสถานที่เก่าแก่หรือชำรุดเสียหายใช้งานไม่ได้ เช่น อาคารเรียนพังทลายจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น ข้อ ๑.๒ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ให้ทุกฝ่ายรับไปพิจารณาดำเนินการตามมาตรการเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องต่อไป ข้อ ๑.๓ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องปรองดอง การสร้างระเบียบวินัยของคนในสังคม โดยต้องมีมาตรการการป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูเพื่อสร้างความมั่นคงของประเทศ ข้อ ๑.๕ การดำเนินการตามกรอบข้อตกลงประชาคมอาเซียน ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับ ๓ เสาหลักของประชาคมอาเซียน ซึ่งได้แก่ ประชาคมการเมือง ความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และมอบให้ฝ่ายความมั่นคงรับไปพิจารณาดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป ข้อ ๑.๖ การขับเคลื่อนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับการพัฒนาสู่อนาคต ต้องจัดระบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีความเหมาะสมและเชื่อมโยงกันทั้งในส่วนของภายในประเทศและกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งให้ครอบคลุมถึงการสร้างทางหลวงและทางหลวงชนบทด้วย ๒. ยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการดำเนินการตามกรอบข้อตกลงประชาคมอาเซียน การขับเคลื่อนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับการพัฒนาสู่อนาคต และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบโลจิสติกส์ ต้องพิจารณาดำเนินการทั้ง ๓ ส่วน ให้มีความเหมาะสม สอดคล้อง และเชื่อมโยงกัน
|
||||||||||||||||||||||||
26547 | แนวทางการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบขั้นตอนและการเตรียมการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเรื่องสำคัญ จำเป็น เร่งด่วน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะให้จัดประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควร โดยกำหนดให้มีการประชุมครั้งแรกในวันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีขั้นตอนและการเตรียมการประชุมฯ ดังนี้ ๑.๑ ขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ๑.๒ ประเภทเรื่องที่นำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๓ ระเบียบวาระการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติในวันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑.๔ องค์ประกอบการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ๒. ให้เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการแจ้งเวียนมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26548 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้
๑. เรื่องด้านงบประมาณ ๑.๑ เพื่อให้การอนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอเรื่องต่อปลัดกระทรวงเพื่อเสนอหัวหน้าฝ่ายที่รับผิดชอบการปฏิบัติราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วจึงเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาอนุมัติหลักการหรือให้ความเห็นชอบแล้วแต่กรณีต่อไป โดยกรณีที่มีวงเงินไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท ให้นำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาอนุมัติ หากวงเงินเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาอนุมัติ ๑.๒ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐในกรณีต่าง ๆ เช่น งบประมาณปกติ งบกลาง และงบประมาณผูกพันข้ามปี เป็นต้น เป็นไปในแนวทางเดียวกันและถูกต้อง มอบให้สำนักงบประมาณรับไปดำเนินการจัดทำสรุปขั้นตอนการใช้จ่ายงบประมาณในกรณีต่าง ๆ ให้ชัดเจน ครบถ้วน แล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอีกครั้งหนึ่งต่อไป ๑.๓ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของแต่ละกระทรวงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้แต่ละกระทรวงพิจารณาทบทวนโครงการ/งานที่เป็นเรื่องเดียวกันและอาจซ้ำซ้อนกับของกระทรวงอื่น เพื่อนำมาบูรณาการร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน สำหรับแผนงานหรือโครงการของส่วนราชการใดที่ยังไม่ดำเนินการ ให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนหรือปรับแผนงานหรือโครงการดังกล่าวให้เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรม ทั่วถึง และเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ภาครัฐให้เป็นมาตรฐาน โดยพิจารณาในแง่ของประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก โดยกำหนดมาตรฐานให้เกิดความเป็นธรรมและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปกำหนดกลไกการดำเนินการ โดยเริ่มจากการเก็บภาษีก่อน เช่น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก รายได้ของรัฐที่ได้จากสัมปทาน เป็นต้น ๑.๕ การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ กรณีที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญใช้บังคับ ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการ ให้สำนักงบประมาณรับไปเตรียมการในเรื่องดังกล่าวไว้ล่วงหน้า โดยให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการให้มีผู้แทนจากทุกภาคส่วนทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคประชาชน หรือผู้มีส่วนได้เสียได้เข้าร่วมพิจารณาให้ข้อคิดเห็นด้วย ๑.๖ ให้ปรับโครงสร้างการจัดส่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ครอบคลุมกรุงเทพมหานคร โดยให้เป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณของกรุงเทพมหานครให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ๑.๗ มอบหมายรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ) ร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวบรวมรายชื่อคณะกรรมการตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดกลไก แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดทำงบประมาณ และมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงาน ๑.๘ มอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อหาแนวทางในการบูรณาการการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดทำงบประมาณและนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. เรื่องที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ ๒.๑ กฎหมายที่เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นข้อจำกัดต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคมจิตวิทยา ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไปรวบรวมและจัดทำแผนงานว่าเรื่องใดควรดำเนินการในระยะที่ ๑ ระยะที่ ๒ หรือระยะที่ ๓ โดยให้เร่งดำเนินการเรื่องที่อยู่ในระยะที่ ๑ ก่อน ๒.๒ โครงการโรงงานยาสูบ ระยะที่ ๒ ให้ดำเนินการตามแผนงานเดิม โดยให้ปรับพื้นที่โรงงานเดิมเป็นสวนสาธารณะ แต่หากจำเป็นจะต้องก่อสร้างที่จอดรถในพื้นที่ดังกล่าวให้ดำเนินการเป็นที่จอดรถใต้ดิน ๒.๓ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้มีการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นต้น ๒.๔ การทำความเข้าใจกับต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และการนิรโทษกรรมที่ยังมีข้อโต้แย้ง รวมทั้งติดตามสถานการณ์การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในสื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด โครงการลงทุนต่าง ๆ ๒.๕ ให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งดำเนินการผลักดันโครงการต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนที่ประเทศจะได้รับเป็นสำคัญ เช่น การจ้างงานในประเทศ การใช้วัตถุดิบภายในประเทศ สนับสนุนให้เกิดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของคนไทย ส่งเสริมการประหยัดพลังงานและไม่ก่อให้เกิดมลพิษและมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับคนไทย เป็นต้น ๒.๖ โครงการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานให้เร่งดำเนินการโครงการที่ได้รับอนุมัติและได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว รวมทั้งเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เช่น โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สำหรับแผนงานหรือโครงการใดที่มีข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริต ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) รับไปติดตาม ตรวจสอบ ก่อนดำเนินการต่อไป การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ๒.๗ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกำหนดมาตรการในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยให้พิจารณารายละเอียดกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาผลิตผลทางการเกษตร มอบหมายให้หน่วยงานราชการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกร โดยให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานนำร่องในการรับซื้อผลิตผลจากเกษตรกรโดยตรง ๒.๘ มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เพื่อลดความเดือดร้อนแก่ประชาชน กลุ่มผู้ค้ารายย่อย เช่น กลุ่มคนพิการ เป็นต้น ๒.๙ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาขยะ การกำจัดน้ำเสียจากโรงงาน รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ โดยเริ่มต้นจากการให้ทุกส่วนราชการดำเนินมาตรการแยกประเภทและบริหารจัดการขยะให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๒.๑๐ สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการป้องกันน้ำท่วมและแก้ปัญหาภัยแล้ง เช่น การขุดลอกคูคลองแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว เป็นต้น การศึกษา ๒.๑๑ มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยารับไปพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การขาดแคลนครูในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็ก เช่น การพัฒนาการเชื่อมโยงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยเชื่อมต่อกับโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นต้น ๓. เรื่องด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ ๓ หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และส่วนราชการปกติ บูรณาการการทำงานเพื่อให้เกิดเอกภาพ โดยให้ กอ.รมน. ภาค ๔ เป็นส่วนหน้าในการดำเนินการ ทั้งนี้ ให้มีการจัดทำแผนงานด้านความมั่นคง และให้มีคณะกรรมการฟื้นฟูเพื่อสันติภาพ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26549 | การพิจารณาให้ความเห็นชอบการสับเปลี่ยนหน้าที่ ย้ายหรือโอนของนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม (กระทรวงยุติธรรม) (แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม)) | สลธ.คสช. | 10/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติโอนนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้กำหนดชื่อตำแหน่งในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง และยังคงดำรงตำแหน่งในสายงานเดิม รวมทั้งให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นตามที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ เป็นไปตามความประสงค์ของนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์
|
||||||||||||||||||||||||
26550 | ตั้งกรรมการเพิ่มเติม (สถานการณ์แผ่นดินไหว) | นร05 | 08/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ และ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย) เห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบติดตามดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ทั้งนี้ เพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าวมีความครบถ้วนและสามารถดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
26551 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรี | นร04 | 08/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
26552 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ , พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง) | นร04 | 08/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ดังนี้
๑. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๒. พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
26553 | รายงานการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 | กค | 08/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๒ รุ่น ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ ๖ เดือน-ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ ๖ เดือน-ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินในวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ โดยได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงินบางส่วน จำนวน ๒,๕๐๕ ล้านบาท จึงเหลือเงินต้นที่ต้องคืนอีกจำนวน ๕,๔๙๕ ล้านบาท (๘,๐๐๐-๒,๕๐๕ ล้านบาท) ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด จำนวน ๒ รุ่น ดังกล่าว ได้แก่ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ได้ดำเนินการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ อายุ ๕ ปี ให้กับธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท และเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ ได้ดำเนินการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ อายุ ๔ ปี ให้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๕,๔๙๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
26554 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 08/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการ ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) กำกับการบริหารราชการในงานด้านเศรษฐกิจ ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) กำกับการบริหารราชการในงานด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) กำกับการบริหารราชการในงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
|
||||||||||||||||||||||||
26555 | การตราร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... | นร | 07/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อขอนัดหมายวันหารือเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. .... และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรีประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26556 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา ๑๘๒ วรรคหนึ่ง (๗) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๘๑ ซึ่งตามมาตรา ๑๐ วรรคสี่ ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ บัญญัติให้ในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
26557 | สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย | นร05 | 07/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รายงานความคืบหน้ากรณีการเกิดสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย) ๑.๑ สถานการณ์แผ่นดินไหวเกิดจากรอยเลื่อนทางซีกซ้ายของรอยเลื่อนพะเยา เลื่อนตัวในแนวนอน มีความรุนแรงขนาด ๖.๑-๖.๓ ริกเตอร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความรุนแรงสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ๑.๒ ผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าวทำให้บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชน อาคาร โรงเรียน วัด และเส้นทางคมนาคมหลายแห่งชำรุดเสียหาย ซึ่งภายหลังจากเกิดแผ่นดินไหวแล้วยังเกิดแผ่นดินไหวตามมา (Aftershock) อย่างต่อเนื่อง แต่ความรุนแรงไม่เกิน ๕ ริกเตอร์ ซึ่งยังมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหลายแห่ง เช่น หมู่บ้านและสิ่งก่อสร้างบริเวณที่สูงและเนินเขาต่าง ๆ อาจเกิดการพังถล่มจากการเลื่อนตัวของดิน และบริเวณคอสะพานต่าง ๆ เป็นต้น ๑.๓ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสรวงศ์ เทียนทอง) ได้ลงพื้นที่เพื่อกำกับติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว โดยในส่วนของเส้นทางคมนาคมที่ชำรุดได้มีการซ่อมแซมให้ใช้สัญจรได้แล้ว ๑.๔ การให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ในเบื้องต้นเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งมีอัตราการให้ความช่วยเหลือชดเชยความเสียหายของที่อยู่อาศัยสูงสุดครัวเรือนละ ๓๓,๐๐๐ บาท ๑.๕ ในขณะนี้ประชาชนผู้ประสบภัยยังมีความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่กล้าเข้าไปพักอาศัยในบ้านเรือนของตน เนื่องจากเกรงว่าบ้านเรือนอาจพังถล่มจากการเกิด Aftershock ทำให้ต้องไปพักค้างคืนในที่พักชั่วคราวภายนอกอาคาร ๑.๖ คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว ได้มีการประชุมแล้ว ๒ ครั้ง โดยได้จัดทำแผนเผชิญเหตุ (แล้วเสร็จใน ๓ วัน) และแผนปฏิบัติการเร่งด่วน (แล้วเสร็จใน ๑๕ วัน) เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม จัดเจ้าหน้าที่เป็นทีมพิเศษเพื่อลงพื้นที่ที่เกิดปัญหาและมีความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความชำรุดเสียหายของสิ่งก่อสร้างที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ประสบภัยมีความเชื่อมั่นในการพักอาศัย และไม่ตื่นตระหนกต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ๓. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งกระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) เร่งลงพื้นที่เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือดูแลและให้บริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว และคล่องตัว
|
||||||||||||||||||||||||
26558 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบรีหารจัดการในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง และเรื่อง แต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย | นร | 07/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง และแต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่ยังไม่ได้มีการยืนยันมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงขอถอนเรื่องดังกล่าว และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
26559 | การโอนข้าราชการ (นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์) | นร04 | 06/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับโอนนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง และยังคงตำแหน่งในสายงานเดิม และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
26560 | การโอนข้าราชการ (นายธงทอง จันทรางศุ) | ยธ | 06/05/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมรับโอนนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
.....