ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1324 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 26461 - 26480 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26461 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนต้นเงินกู้จากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน-๒ จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท และปรับโครงสร้างหนี้วงเงินที่เหลือ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศ และงานทั่วไป เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๗๗ ง เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26462 | รายงานผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 8 ของแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (The Eighth IMT-GT Summit) | นร11 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๘ ของแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (The Eighth Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Summit : IMT-GT) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยประเด็นสำคัญในการประชุม ได้แก่ การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน IMT-GT ระหว่างปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตามที่ผู้แทนรัฐมนตรี IMT-GT เสนอ ความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้แทนพิเศษของผู้นำสามประเทศ ได้แก่ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายกรัฐมนตรีไทย รวมทั้งแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๘ ของแผนงาน IMT-GT (The Eighth IMT-GT Summit Joint Statement) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ การเจรจาหารือและการเข้าร่วมการประชุมกับต่างประเทศในเรื่องต่าง ๆ ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องกำหนดยุทธศาสตร์ในการเจรจาหารือให้ชัดเจนว่าจะเจรจาเรื่องใด อย่างไร โดยให้ถือผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ๒.๒ การขยายและยกระดับโครงการเมืองยางพารา (Rubber City) เป็นโครงการระเบียงยางพารา (Rubber Corridor) สมควรเร่งดำเนินการ ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายตลาดยางพาราไปยังภูมิภาคอาเซียนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ๒.๓ การจัดทำเมืองสีเขียว (Green City) ประเทศมาเลเซียได้เสนอให้รัฐมะละกาเป็น Green City ส่วนประเทศไทยจะเสนอจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดนำร่อง อย่างไรก็ตาม เมืองสีเขียวควรจะดำเนินการในทุกจังหวัด จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อจัดทำแผนแม่บท (Roadmap) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้แต่ละจังหวัดดำเนินการตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนต่อไป ๒.๔ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เห็นควรดำเนินการ ดังนี้ ๒.๔.๑ เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor : NSEC) แนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งนี้ สายทางใดที่เป็นจุดคอขวดและมีปริมาณการจราจรจำนวนมาก ให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ๒.๔.๒ ด่านศุลกากรที่สำคัญ ๕ ด่าน ได้แก่ ด่านปาดังเบซาร์ ด่านสะเดา ด่านอรัญประเทศ ด่านแม่สอด และด่านคลองใหญ่ มอบหมายให้รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปประสานงาน โดยให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขยายและปรับปรุงด่านศุลกากรที่สำคัญทั้ง ๕ ด่าน อย่างน้อย ๑ ด่าน ให้ทันในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ และที่เหลือภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดระเบียบการจราจรบริเวณด่านศุลกากรแต่ละแห่งให้มีความคล่องตัวด้วย ๒.๕ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องที่สมควรเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยยึดผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นหลัก และต้องพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งข้อจำกัดของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นรายไตรมาสด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26463 | การจัดหาเงินทุนเพื่อเยียวยาเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินทุนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้สำรองจ่ายไปจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. กู้เงินในรูปแบบ Term Loan วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๓ ปี โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน รัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย และได้มีการเปิดซองพิจารณาเงื่อนไขรายละเอียดที่สถาบันการเงินต่าง ๆ เสนอแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีสถาบันการเงินจำนวน ๓ แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เป็นผู้เสนออัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินที่ดีที่สุด รวมจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท โดย ๑) ธนาคารออมสิน เสนออัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ลบร้อยละ ๐.๑๐ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และอัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เสนออัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๓) ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เสนออัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกร้อยละ ๐.๐๕ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เมื่อรวมวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้มีการจัดหาแล้วเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท จะทำให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26464 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (จำนวน 5 ราย 1. นายจิระพันธ์ กัลลประวิทย์ ฯลฯ) | นร11 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์เป็นต้นไป จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายจิระพันธ์ กัลลประวิทย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๒. นายมนตรี บุญพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. นายประพันธ์ มุสิกพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๔. นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๕. นายดนุชา พิชยนันท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26465 | การเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (จำนวน 5 ราย 1. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ฯลฯ) | นร07 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๒. นายโกวิทย์ มีกรุณา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. นางสาวจรรยา อยู่โปร่ง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๔. นายสิรนนท์ สกลวิทยานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๕. นางสาววิสากร สระทองคำ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26466 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (จำนวน 8 ราย 1.หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ฯลฯ) | พน | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน ๘ ราย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. ให้กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เดิม ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ๔ คน ได้แก่ ๑.๑ นายคุรุจิต นาครทรรพ กรรมการ ๑.๒ นายปรเมธี วิมลศิริ กรรมการ ๑.๓ นายกุลิศ สมบัติศิริ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๑.๔ นายประจวบ อุชชิน กรรมการ ๒. ให้กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เดิม พ้นจากตำแหน่ง ๑ คน คือ นางอัมพร นิติสิริ ๓. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ ๓.๑ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการ (แทนนางอัญชลี ชวนิชย์) ๓.๒ พลโทกัมปนาท รุดดิษฐ์ กรรมการ (แทนนายประวิช สารกิจปรีชา) ๓.๓ นายชวน ศิรินันท์พร กรรมการ (แทนนางอัมพร นิติสิริ) ๓.๔ นายสมบัติ ศานติจารี กรรมการ (แทนนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26467 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 1 ตำแหน่ง (นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ) | วท | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายพิศาล สร้อยธุหร่ำ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26468 | องค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2557 | กต | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๕๗ โดยคงไว้เป็นชุดเดียวกับองค์ประกอบในปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการ กรรมการ พัฒนาระหว่างประเทศ หรือผู้แทน ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26469 | ทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้คงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ธ.ก.ส. มีหุ้นที่ออกและชำระแล้วจะครบจำนวน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดส่งรายละเอียดแผนงาน/โครงการและกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการไปประกอบการพิจารณาการเพิ่มทุนของ ธ.ก.ส. ในครั้งต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งอื่น ๆ ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) รับไปพิจารณาทบทวนระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการของคณะกรรมการและพนักงานของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการประเมินผลให้สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการที่แท้จริงของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานที่เหมาะสม เป็นธรรม และเป็นเครื่องมือในการจูงใจให้มีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรในระยะยาว และให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26470 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อนำไปชำระคืนเงินต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓,๙๐๙.๔๙๘ ล้านบาท (ไถ่ถอนพันธบัตรและชำระคืนเงินต้นเงินกู้ที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐,๖๑๒.๕๐๐ ล้านบาท และชำระค่าดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๓,๒๙๖.๙๙๘ ล้านบาท) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ มาตรา ๗ (๗) โดย ขสมก. รับภาระเงินต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงิน จำนวน ๑๓,๙๐๙.๔๙๘ ล้านบาท ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย และให้เร่งรัดพิจารณาแนวทางปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ รวมทั้งมาตรการในการบริหารจัดการหนี้ของ ขสมก. เพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ๒. ให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ศึกษาเปรียบเทียบข้อดี/ข้อเสียระหว่างการซื้อและการเช่ารถโดยสารสาธารณะ และรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนทราบด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. จะต้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๒ ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการจัดหาและเดินรถโดยสารสาธารณะในส่วนที่ยังต้องจัดหาเพิ่มเติมอีกประมาณ ๔,๐๐๐ คัน เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของ ขสมก. ในระยะยาว โดยให้อยู่บนพื้นฐานในการแบ่งปันรายได้ และการรับภาระหนี้เดิมของ ขสมก. อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26471 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2558 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๕๘ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน ๔,๓๖๐,๙๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operation Expenditure) จำนวน ๔,๒๒๓,๒๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน (Capital Expenditure) จำนวน ๑๓๗,๗๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๖๘ หรือ ๑๙๕,๐๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติในปี ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ปีงบประมาณขององค์กรร่วมฯ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปี ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26472 | มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ปีบัญชี 2554 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปีบัญชี ๒๕๕๔ ทั้งในกรณีลูกค้าของ ธ.ก.ส. ที่เป็นเกษตรกร วงเงิน ๖,๒๓๙,๘๒๐,๐๐๐ บาท และกรณีลูกค้าของ ธ.ก.ส. ที่เป็นสถาบัน วงเงิน ๑๕๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นวงเงินรวม ๖,๓๙๘,๓๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ ธ.ก.ส. ไว้แล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๙๕,๓๗๙,๐๐๐ บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๐๗๐,๓๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๓,๖๓๒,๕๖๑,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ธ.ก.ส. ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปีบัญชี ๒๕๕๔ ตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงก่อนเบิกจ่ายอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการฯ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับมาตรการให้ความช่วยเหลือจากเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มอื่น ๆ ของภาครัฐ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ทราบต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26473 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงรายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ 2 เครื่อง ที่ดอนเมือง และศูนย์อุตุนิยมวิทยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น | ทก | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้กรมอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณจาก เดิม รายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ ๒ เครื่อง ที่ดอนเมือง และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น เป็น รายการเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ Doppler พร้อมอุปกรณ์และหอเรดาร์ ๒ เครื่อง ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาสมุทรสงคราม และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ภายในวงเงินตามสัญญาจำนวน ๓๐๙,๓๓๗,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๖๒,๕๓๗,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26474 | กรขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตรัฐลิเบียประจำประเทศไทย | กต | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26475 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 9) พ.ศ. 2557 - 2561 | มท | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ วงเงิน ๓๖,๕๙๐,๐๐๐ บาท และสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาที่กำลังศึกษาต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๐ คน ในวงเงิน ๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รองรับแล้ว ภายใต้แผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมการปกครอง และสำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการบูรณาการโครงการฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เร่งดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นจำนวนผู้จบการศึกษา การประกอบอาชีพหลังจบการศึกษา และประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินโครงการต่อไป และให้รายงานผลการประเมินให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบด้วย ๓. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการและประสานงานกับประเทศ/องค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลนักศึกษา/นักเรียนไทยที่ได้รับทุนการศึกษาจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนที่ได้รับทุนของรัฐบาลที่ให้ต่อรัฐบาล และส่วนที่ได้รับทุนโดยตรงจากภาคเอกชนและองค์กรต่างประเทศเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26476 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 และ 31 มีนาคม 2556 (เรื่อง ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข) | สธ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ และ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข) ให้ครอบคลุมตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เพื่อศึกษาผลกระทบและประเมินผลการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้ได้ข้อยุติก่อนพัฒนาข้อเสนอในการทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการศึกษาผลกระทบและการประเมินผลการดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อพัฒนาข้อเสนอการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้มีความเหมาะสมและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยอัตราค่าตอบแทนปัจจุบันและอัตราใหม่ที่จะมีการปรับเปลี่ยนไม่ควรมีความแตกต่างที่มากเกินไป รวมทั้งควรมีการพิจารณาถึงภาระรายจ่ายในภาพรวมเทียบกับที่ต้องจ่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดแหล่งเงินที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนเหมาจ่ายควรคำนึงถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ พื้นที่ อายุงาน และภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และในโอกาสต่อไป หากมีการทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราการจ่าย โดยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมพิจารณาก่อนประกาศบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26477 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี | ศธ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี) ดำเนินการก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ๑ รายการ ในวงเงิน ๑,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๑,๔๔๐ วัน โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๕๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้ว จำนวน ๒๓๖,๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑,๓๓๘,๗๕๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับและใช้เงินนอกงบประมาณสมทบให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพในการจัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ของโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่าในระยะต่อไปสมควรจะมีการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์กี่แห่ง เพื่อความเป็นเลิศทางการแพทย์ในด้านใด และจัดตั้งในพื้นที่ใด ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26478 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ | นร07 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ จากเดิม ภายในวงเงิน ๑,๑๐๐ ล้านบาท เป็น ภายในวงเงิน ๑,๙๕๐ ล้านบาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารสำนักงบประมาณแห่งใหม่ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและโปร่งใสด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26479 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : ASEAN TELMIN) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านไอซีทีในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015) รวมทั้งสนับสนุนบทบาทนำของประเทศไทยในการทำหน้าที่ประธานสาขาความร่วมมือไอซีทีของอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเสนอประเด็นและหัวข้อต่อที่ประชุมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยอาจจะเสนอกลไกในการกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารทางระบบสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะในการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งในสังคมและสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสังคม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26480 | การปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก 3 และข้อ 10 วรรค 1 ของภาคผนวก 8 ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อการปรับปรุงแก้ไขบัญชีกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าของอาเซียน เป็นฉบับระบบฮาร์โมไนซ์ HS 2012 ซึ่งเป็นภาคผนวก ๓ ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) โดยมี ๑๖ รายการ มีเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ ได้แก่ รายการในพิกัดศุลกากร ตอนที่ ๐๒ (ปลา สัตว์น้ำจำพวกครัสตาเชีย) ตอนที่ ๑๒ (เมล็ดถั่วลิสง) ตอนที่ ๒๘ (สารประกอบอนินทรีย์) และตอนที่ ๙๖ (ผลิตภัณฑ์เบ็ดเตล็ด ประเภทผ้าอนามัย) ๑.๒ เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขข้อ ๑๐ วรรค ๑ เรื่องการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นภาคผนวก ๘ ของความตกลง ATIGA จากเดิม อนุญาตให้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ ๒ กรณี คือ (๑) ณ วันที่ส่งออก หรือ (๒) หลังจากวันที่ส่งออกสินค้า เป็น การเพิ่มเติมให้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ล่วงหน้าก่อนวันที่ส่งออกสินค้าได้อีกกรณีหนึ่ง โดยผู้ส่งออกจะต้องยื่นเอกสารต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามหนังสือแจ้งให้ความเห็นชอบไปยังเลขาธิการอาเซียนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูล และการชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการ รวมทั้งการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
.....