ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1175 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23481 - 23500 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23481 | เอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา และเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 8 | กต | 28/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา และเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๘ จำนวน ๖ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะส่งเสริม สนับสนุนและสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ และใช้วิธีรับรองโดยไม่มีการลงนาม ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างถ้อยแถลงว่าด้วยเรื่องการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อลุ่มน้ำโขง ๑.๑.๒ ร่างแผนปฏิบัติการข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ ๑.๑.๓ ร่างถ้อยแถลงประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๘ ๑.๑.๔ ร่างแผนปฏิบัติการลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อการบรรลุยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๕ ฉบับใหม่ ๑.๑.๕ ร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๕ ๑.๑.๖ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๘ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร ๖ ฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงต่าง ๆ ไม่ว่ากับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่างกับสหรัฐฯ พิจารณาความเชื่อมโยงบูรณาการในเชิงยุทธศาสตร์ของแต่ละกรอบที่เกี่ยวข้อง โดยให้เกิดความซ้ำซ้อนน้อยที่สุดในการผลักดันแผนงานโครงการที่บางส่วนในหลายสาขาความร่วมมือของกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงมีอยู่เดิมแล้วภายใต้สาขาความร่วมมือของแผน GMS ซึ่งได้มีการวางแผนและขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งในภาพรวมและรายสาขาความร่วมมือมาโดยลำดับอย่างเป็นขั้นเป็นตอนนับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมา โดยมีจีนเป็นหนึ่งใน ๖ ประเทศสมาชิก และมีการทำงานร่วมกับหุ้นยุทธศาสตร์และประเทศผู้ให้มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนควรระมัดระวังเป็นพิเศษต่อประเด็นที่จะเป็นผลประโยชน์ขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในการเจรจาเพื่อวางแผนการจัดสรรและใช้ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างประเทศร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||
23482 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 - 31 ตุลาคม 2558 | กค | 28/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๘-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดไปเนื่องจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) จัดทำแผนและรายละเอียดของค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นที่จะเกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว โดยผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับวงเงินที่จะชดเชยเป็นค่าใช้จ่ายให้กับรัฐวิสาหกิจทั้ง ๒ แห่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในระยะต่อไปต่อคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||
23483 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการให้ความช่วยเหลือประชาชนจากเงินเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน | มท | 28/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การให้ความช่วยเหลือประชาชนจากเงินเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖) ในประเด็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ ทบทวนมติที่ใช้ข้อความว่า “ปัญหาภัยแล้ง” ให้เป็น “ปัญหาภัยพิบัติ” เพื่อการให้ความช่วยเหลือประชาชนครบถ้วนทุกมิติ ทุกสถานการณ์ภัย และสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในขณะนี้ได้ ๑.๒ กำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนจากเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติโดยด่วน และรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันการณ์ โดยให้ครอบคลุมทุกมิติและภัยพิบัติทุกประเภท เช่น ภัยแล้ง ภัยหนาว ภัยอื่น ๆ ทั้งการป้องกัน การแก้ไข และการฟื้นฟูตามห้วงระยะเวลา ทั้งนี้ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ)
|
||||||||||||||||||
23484 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย | นร07 | 28/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๓๗๕,๗๐๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๓๗,๑๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๓.๑ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๒๔,๘๓๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖.๖ ๒. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเหลือจ่าย (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๗ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๓๕๑,๕๔๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๘๘,๘๒๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๗ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒,๖๕๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓.๖
|
||||||||||||||||||
23485 | ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง ปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร04 | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๘๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เรื่อง ปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๐/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
23486 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... | นร09 | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้ปรับปรุงแก้ไขร่างมาตรา ๒๒ วรรคสอง และร่างมาตรา ๒๕ ตลอดจนได้เพิ่มกลไกการตรวจการบริหารกองทุนให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลแล้ว ดังนี้ ๑.๑ การส่งเงินกองทุนเป็นรายได้แผ่นดินตามร่างมาตรา ๒๒ วรรคสอง ได้กำหนดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยกำหนดให้กองทุนมีเงินและทรัพย์สินในแต่ละปีงบประมาณไม่เกินห้าพันล้านบาท เงินและทรัพย์สินของกองทุนที่เกินจากวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ ให้กองทุนนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจในการปรับเพิ่มวงเงินสูงสุดของกองทุนได้ ๑.๒ องค์ประกอบคณะกรรมการบริหารกองทุนตามร่างมาตรา ๒๕ ได้กำหนดองค์ประกอบให้เป็นไปตามร่างเดิมที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) แล้ว ๑.๓ กำหนดกลไกการตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารกองทุน ได้เพิ่มบทบัญญัติให้มีการเปิดเผยรายงานสถานะการเงินและการบริหารกองทุนให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขผู้มีอำนาจในการปรับเพิ่มเงินและทรัพย์สินสูงสุดของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามร่างมาตรา ๒๒ จาก “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” เป็น “คณะรัฐมนตรี” ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23487 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลท้ายหาด อำเภอ เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ของวัดธรรมนิมิตร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลท้ายหาด อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ของวัดธรรมนิมิตร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลท้ายหาด อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เนื้อที่ ๓ งาน ๔๕ ตารางวา ของวัดธรรมนิมิตร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างพนังสายวัดพวงมาลัย-ปากน้ำอ้อม ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23488 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุม Saint Petersburg International Legal Forum ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 27 - 30 พฤษภาคม 2558 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย | ยธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุม Saint Petersburg International Legal Forum ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมแบบเต็มคณะ เป็นการประชุมที่มุ่งเน้นให้มีการพัฒนาโครงสร้างกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อที่จะสนับสนุนให้มีระบบกฎหมายที่ดีในการปฏิบัติงาน รวมทั้งปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยคงไว้ซึ่งข้อบังคับและเงื่อนไขทั่วไป โดยรัสเซียให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดจากอินเทอร์เน็ต และเห็นว่าการแก้ปัญหาไม่สามารถลุล่วงได้ หากขาดซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลทุกประเทศให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ต และจัดให้มีกฎระเบียบในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ รัสเซียยังวางแผนที่จะพัฒนาความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจีน โดยการผสมผสานรวมกลุ่มเศรษฐกิจยูเรเซียกับแนวเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมซึ่งจะนำไปสู่การทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ต่อไป ๒. การประชุมแบบกลุ่มย่อย ผู้แทนกระทรวงยุติธรรมได้นำเสนอความก้าวหน้าในการปฏิรูปกฎหมายไทย โดยมุ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของยาเสพติดต่อระบบยุติธรรมทางอาญาของไทย และมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการปรับแก้กฎหมาย จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เพื่อมุ่งแก้ปัญหาปริมาณนักโทษที่เพิ่มขึ้นในเรือนจำ ซึ่งร้อยละ ๖๙ เป็นผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓. การหารือทวิภาคี ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรัสเซีย เพื่อสอบถามความประสงค์ในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ติดค้างระหว่างกัน อาทิ ความตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมไทยและรัสเซีย ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและสารตั้งต้น เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
23489 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีผลการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย ความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร ความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม รายงานโลจิสติกส์ของประเทศไทยประจำปี ๒๕๕๗ รายงานผลการพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ ของกรมทางหลวง แนวทางการขับเคลื่อนระบบ National Single Window เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Trade Facilitation) และแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งชายฝั่งและลำน้ำภายในประเทศ ของกรมเจ้าท่า ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ การพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ ของกรมทางหลวง ประกอบด้วยศูนย์บริการพักรถบรรทุก ๑๓ แห่ง และจุดจอดพักรถบรรทุก ๒๖ แห่ง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้จัดสรรงบประมาณให้โครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุกบริเวณสถานีตรวจสอบน้ำหนัก โนนสูง (ขาออก) ในวงเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ สำหรับโครงการนำร่องศูนย์บริการพักรถบรรทุก ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เห็นควรให้ใช้แนวทางการให้เอกชนรับดำเนินการบริหารจัดการในลักษณะเช่าเหมาประกอบธุรกิจแทนการจัดสรรงบประมาณ และแผนการดำเนินงานพัฒนาศูนย์บริการฯ และจุดจอดพักรถในส่วนที่เหลือจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จตามแผนพัฒนาจุดพักรถบรรทุก ๘ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๗) ตามแผนพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ตามความเหมาะสมต่อไป ๒.๒ การพัฒนาระบบขนส่งชายฝั่งและลำน้ำภายในประเทศ ของกรมเจ้าท่า ได้จัดสรรงบประมาณให้เพื่อดำเนินการขุดลอกร่องน้ำเศรษฐกิจ จำนวน ๕ ร่องน้ำ เป็นประจำทุกปีงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการขุดลอกร่องน้ำ จำนวน ๑๖ ร่องน้ำทุกปีงบประมาณแล้ว ก็เห็นควรให้กรมเจ้าท่าจัดทำแผนการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป สำหรับการปรับเพิ่มท่าเรือเพื่อสนับสนุนนโยบายในการส่งเสริมการขนส่งทางน้ำเพิ่มเติมอีก ๑ ประเภท นั้น เห็นควรให้กรมเจ้าท่าและกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์หารือเพื่อให้ได้ข้อยุติก่อนที่จะดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23490 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคดีความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมจากบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยกำหนดเพิ่มเติมอีก ๕ คดี ได้แก่ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ และคดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23491 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือน | กห | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้กับข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนระดับ ป.๑, ป.๒, น.๔ ถึง น.๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เมื่อข้าราชการทหารซึ่งได้รับเงินเดือนเต็มขั้นสูงสุดของระดับตามบัญชีอัตราเงินเดือนแนบท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ได้รับค่าตอบแทนตามผลการพิจารณาบำเหน็จประจำปีตามร่างบัญชีอัตราเงินเดือนที่เสนอ ๒.๒ เมื่อข้าราชการทหารตามข้อ ๒.๑ ได้รับค่าตอบแทนเต็มขั้นสูงสุดตามร่างบัญชีอัตราเงินเดือนที่เสนอแล้ว ก็ให้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ผู้ได้รับเงินเดือน หรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒.๓ เมื่อร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ให้ปรับค่าตอบแทนที่ข้าราชการทหารได้รับเป็นขั้นเงินเดือนในระดับและขั้นเดียวกันตามร่างบัญชีอัตราเงินเดือนที่แนบท้ายนั้น โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
23492 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการรวบรวมพระราชบัญญัติศุลกากรที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันทุกฉบับเข้าไว้ด้วยกันเป็นฉบับเดียว ปรับปรุงแก้ไขให้มีมาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ลดอัตราการจ่ายเงินรางวัล กำหนดเพดานเงินสินบน เพิ่มเติมอำนาจทางศุลกากรในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เขตไหล่ทวีป และเขตทะเลหลวง เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจทางศุลกากรเหนือเขตทางทะเลต่าง ๆ ประเด็นด้านนิยามของพื้นที่พัฒนาร่วมและอำนาจทางศุลกากรในพื้นที่พัฒนาร่วม และประเด็นเรื่อง Pre-arrival Processing เกี่ยวกับบทบัญญัติบางมาตรายังไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งเสนอความเห็นบางประการให้มีความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายยิ่งขึ้น ได้แก่ เห็นควรกำหนดให้มีมาตรการอื่นเพื่อเปิดช่องให้ดำเนินการกับของที่นำเข้าฝ่าฝืนมาตรา ๑๔๙ ได้บ้าง นอกจากมาตรการริบตามวรรคสาม การกำหนดข้อยกเว้นในการปฏิบัติตามมาตรา ๑๗๕ วรรคหนึ่ง เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาอุปสรรคในการนำเข้าสินค้าต้องห้าม ตลอดจนควรมีการแก้ไขความในมาตรา ๑๗๕ วรรคสอง โดยให้มีข้อกำหนดรองรับกับปัญหาอุปสรรคกรณีที่มีการนำเข้าของต้องจำกัดที่เป็นภัยต่อสังคม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เนื่องจากระบบการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศไทยได้บัญญัติไว้ในกฎหมายหลายฉบับและเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บรายได้ของรัฐและให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรมีความเต็มใจ ความสะดวกในการเสียภาษีอากร สมควรให้มีการปฏิรูปการจัดเก็บภาษีอากรทั้งระบบเพื่อให้มีความเป็นธรรม รวมทั้งมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการเสียภาษีอากร โดยมอบให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ในการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีอากรดังกล่าวควรเทียบเคียงกับระบบการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศอื่น ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||
23493 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ เพื่อให้มีการกำกับดูแลเรือที่เดินเข้าออกจากราชอาณาจักร และเรือที่เดินภายในราชอาณาจักรบางประเภทเป็นพิเศษ รวมทั้งให้มีการกำกับดูแลบุคคลที่ทำการในเรือหรือผู้รับจ้างทำงานในเรือ ตลอดจนให้มีการอำนวยความสะดวกแก่เจ้าของเรือในการนำเรือเข้ารับการตรวจสภาพเรือ และออกใบสำคัญรับรองตามข้อกำหนดของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ (International Convention for the Safety of Life at Sea) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจและป้องกันความขัดแย้ง แล้วแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||
23494 | ร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้การควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในทุกพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้อย่างเต็มที่ และมีความเหมาะสมเป็นธรรมทั้งต่อฝ่ายผู้เช่าและฝ่ายผู้ให้เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนเนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า และกำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัญญาเช่านาให้มีความชัดเจนระหว่างพื้นที่ในหรือนอกเขตชลประทานด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เช่านาและเจ้าของนาผู้ให้เช่าอย่างทั่วถึง เนื่องจากได้มีผลกระทบจากบทลงโทษในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ระดับอำเภอ รวมทั้งในการปฏิบัติงานต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมการเช่านาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และควรติดตามกำกับดูแลให้ คชก. ระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้มีการดำเนินการประกาศกำหนดอัตราค่าเช่านาขั้นสูงในทุกพื้นที่เพื่อให้นโยบายการลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรของรัฐบาลในด้านการเช่าที่นาเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ตลอดจนดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ เห็นควรแก้ไของค์ประกอบของกรรมการใน คชก. จังหวัด จาก “ธนารักษ์จังหวัด” เป็น “ธนารักษ์พื้นที่” เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๗ และเพิ่มเติมผู้แทนกรมธนารักษ์เป็นกรรมการใน คชก. จังหวัด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สอดคล้องกับการให้มีผู้แทนกรมธนารักษ์ร่วมเป็นกรรมการใน คชก. ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23495 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. .... | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ไปเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่ให้วิทยาเขตมีฐานะเป็นนิติบุคคล และให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างมาตรา ๕ ที่กำหนดให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และวิทยาเขตเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกรณีการกู้ยืมเงิน ตามร่างมาตรา ๑๕ (๔) รวมทั้งกรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ตามร่างมาตรา ๑๖ วรรคสอง ตลอดจนการปรับปรุงร่างในหมวด ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ มาตรา ๕๑ และมาตรา ๕๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อมิให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการให้การอุดหนุนด้านงบประมาณเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีสั่งจ่ายเงินรายได้ และระบบการตรวจสอบ ติดตามผล เพื่อให้การจัดเก็บรักษาและการใช้จ่ายเงินรายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกแห่ง และให้ความสำคัญในการพัฒนาและวางระบบการบริหารการเงินการคลังที่เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อการวางแผนการพัฒนาการศึกษาในระดับอุดมศึกษา รวมทั้งการศึกษาและติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อหาจุดที่คุ้มทุนของการจัดการศึกษาในแต่ละสาขาวิชา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23496 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพจากมหาวิทยาลัยของรัฐที่เป็นส่วนราชการ ไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีการกู้ยืมเงิน ตามร่างมาตรา ๑๔ (๕) และกรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ตามร่างมาตรา ๑๕ วรรคสอง รวมทั้งการปรับปรุงร่างในหมวด ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่ให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อมิให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการให้การอุดหนุนด้านงบประมาณเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีสั่งจ่ายเงินรายได้ และระบบการตรวจสอบ ติดตามผล เพื่อให้การจัดเก็บรักษาและการใช้จ่ายเงินรายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกแห่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23497 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) | นร09 | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดให้มีตำรวจกองประจำการเช่นเดียวกับทหารกองประจำการ โดยการเรียก การตรวจเลือก การฝึกอบรม และการปลด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดภารกิจการปฏิบัติหน้าที่และขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายของข้าราชการตำรวจและตำรวจกองประจำการให้ชัดเจน ส่วนคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) มีข้อสังเกตในประเด็นการเรียกและการตรวจเลือกบุคคลเข้าเป็นตำรวจกองประจำการ ตลอดจนการยกเว้นและการปลดตำรวจกองประจำการ การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการมีอาวุธประจำกายที่เหมาะสมกับสถานะและอำนาจหน้าที่ของตำรวจกองประจำการ รวมทั้งระยะเวลาภายหลังการฝึกที่จะสามารถใช้อาวุธได้ การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกคำสั่งให้ตำรวจกองประจำการปฏิบัติหน้าที่ และการพิจารณาปฏิรูปองค์กรตำรวจในภาพรวม และความเห็นของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นควรกำหนดภารกิจการปฏิบัติหน้าที่และขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายของข้าราชการตำรวจและตำรวจกองประจำการให้ชัดเจน พัฒนาระบบการบริหารกำลังพลตำรวจกองประจำการทั้งเรื่องการกำหนดความต้องการจำนวนตำแหน่งให้สอดคล้องกับภารกิจสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร รวมทั้งการใช้กำลังพลตามความจำเป็นและความแตกต่างของพื้นที่ไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐประเภทอื่น ตลอดจนมีแนวทางการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารกำลังพลตำรวจกองประจำการเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐเกิดความคุ้มค่า ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
23498 | การลงนามในร่างความตกลงในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างความตกลงในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความร่วมมือภายในภูมิภาคเอเชีย และให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการตามขั้นตอนตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนเงินลงทุนของประเทศไทย สิทธิและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ โดยให้เปรียบเทียบกับสัดส่วนเงินลงทุน สิทธิในการออกเสียง และประโยชน์ที่จะได้รับของประเทศสมาชิกอาเซียน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ความเห็นของสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๘/๕๓๗ ลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมติคณะรัฐมนตรี (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) และให้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในวงเงินงบประมาณที่จะมีภาระผูกพันตามพันธกรณีดังกล่าวก่อนที่จะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ |
||||||||||||||||||
23499 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งขออนุมัติในหลักการให้จ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพให้ราษฎรที่ถูกเขตชลประทาน | กษ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการเพิ่มกรอบวงเงินของโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี จากเดิมวงเงิน ๖,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๙,๓๔๑,๓๖๔,๗๐๐ บาท ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากเดิม ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๙) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๒) ๒. อนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น จากวงเงินเดิม ๘๕๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๙๖,๖๐๓,๖๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๙ ๓. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานสามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ถูกเขตชลประทาน และอนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดราคาจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้องและโปร่งใส โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานกรรมการ หัวหน้าฝ่ายจัดหาที่ดิน ๙ สำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน เป็นกรรมการและเลขานุการ ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับวงเงินค่าที่ดินซึ่งสูงกว่าวงเงินค่าก่อสร้าง กรมชลประทานจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่ได้รับ ส่วนการจัดการค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ ควรดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่เคยอนุมัติ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน รวมถึงการจ่ายค่าที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้าย ค่าอุทธรณ์ราคาค่าที่ดิน และค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ ให้ถือตามมติคณะกรรมการกำหนดราคาค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทาน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ และคณะกรรมการพิจารณากำหนดราคาค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ เป็นที่สิ้นสุด และความเห็นของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้เพิ่มผู้แทนกรมธนารักษ์เป็นกรรมการในคณะกรรมการพิจารณากำหนดราคาค่าจ่ายชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ และเมื่อมีการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวแล้ว ให้ติดประกาศในที่สาธารณะ ได้แก่ ที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น เพื่อให้มีการตรวจสอบความถูกต้องจากภาคประชาชน รวมทั้งการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23500 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงานศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมและให้คำปรึกษาในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต - บางปะอิน ของกรมทางหลวง | คค | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแปลงรายการจากงานศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมและให้คำปรึกษาในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน เป็นงานศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมแนวทางการให้เอกชนดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) จำนวน ๒ โครงการ คือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ภายในกรอบวงเงินจำนวน ๔๐ ล้านบาท โดยผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการ โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณพร้อมกับดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยด่วนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ (รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) จากการก่อหนี้ผูกพันภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เป็นการก่อหนี้ผูกพันรายการงานศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมแนวทางการให้เอกชนดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมแนวทางการให้เอกชนดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ควรพิจารณาศึกษาให้มีความครอบคลุมเรื่องแนวทางบริหารจัดการใช้ประโยชน์พื้นที่สถานที่พักของผู้ใช้ทาง เพื่อเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ให้กับโครงการดังกล่าว รวมทั้งพิจารณาแนวทางการบริหารเงินกองทุนค่าธรรมเนียมของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๗ (กรุงเทพ-ชลบุรี) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการนำไปพัฒนาลงทุนก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเส้นทางอื่น ๆ ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....