ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1176 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23501 - 23520 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23501 | รายงานผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน | กค | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียน จำนวน ๔ ทุน ได้แก่ กองทุนยุติธรรม กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และเงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาตามร่างพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ โดยให้จัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นในสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมทั้งการกำหนดระยะเวลาในการส่งงบการเงินให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรอง ๑.๒ การจัดสรรเงินงบประมาณเป็นทุนประเดิม จำนวน ๓๐ ล้านบาท ให้แก่เงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา งบประมาณที่จะใช้ในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนให้เป็นการพิจารณาร่วมกันระหว่างหน่วยงาน กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ๑.๓ แหล่งที่มาของเงินกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... ให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติฯ ให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อนนำเสนอคณะกรรมการฯ อีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยให้เสนอวิธีการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต่อคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการนำเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินให้ครบถ้วนโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบทุนหมุนเวียนทั้ง ๔ ทุน (เงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนยุติธรรม และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา) รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ควรพิจารณาดำเนินการโดยคำนึงการใช้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว และควรพิจารณาขยายขอบเขตการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไปยังคนกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรพิจารณาการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นนอกเหนือจากเชิงวิชาการ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการเรียนรู้แก่ผู้เรียน อีกทั้งการพัฒนานวัตกรรม/สื่อดิจิทัลที่เอื้อต่อการเรียนรู้และสนับสนุนการเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านระบบเทคโนโลยีทางการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนหมุนเวียนในอนาคต ว่าควรเป็นอย่างไร เพื่อรองรับการปฏิรูปที่จะมีขึ้นในระยะต่อไป เช่น จะยุบ ยกเลิก หรือให้คงอยู่ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23502 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโรงไฟฟ้าจะนะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบลคลองเปียะลดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๕๘ ให้โรงไฟฟ้าจะนะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยคิดเป็นค่ารายปีเป็นจำนวน ๔๑,๗๒๔,๗๔๔.๙๓ บาท และค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นจำนวน ๕,๒๑๕,๕๙๓.๑๒ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้เป็นระบบ มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรม และมีผลบังคับใช้ทั่วไปกับทุกรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภา ประจำปี ๒๕๕๖) และวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโรงไฟฟ้าจะนะ ประจำปี ๒๕๕๖ และประจำปี ๒๕๕๗) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23503 | ขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้น | พน | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ในวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ/หรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามที่ธนาคารแต่ละแห่งเสนอในรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว เพื่อให้ กฟผ. สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ กฟผ. เสนอขอบรรจุวงเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณต่อไป รวมทั้งพิจารณาตลาดเงินในประเทศที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อเป็นกรอบวงเงินกู้ระยะสั้นสำรองไว้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและกรณีจำเป็นเร่งด่วน และทบทวนเงื่อนไขและต้นทุนที่เหมาะสมตามสภาพตลาดก่อนดำเนินการในแต่ละปี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23504 | การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในห้วงประกาศใช้กฎอัยการศึกในปี 2549 ถึง 2558 | ตช | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรในห้วงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๑ เมษายน ๒๕๕๘ มีสิทธิได้รับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญต่อไป ๒. ในส่วนการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในห้วงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙-๒๖ มกราคม ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว หากให้สิทธิการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการนับเวลาการปฏิบัติราชการ การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือการคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังนั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาทบทวนผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในเรื่องดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23505 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 18 - 22 พฤษภาคม 2558) | สผ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23506 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2558) | สผ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23507 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 1 ปี 2558 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2558 | อก | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ ๑๗๑.๘ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (๑๖๖.๕) ร้อยละ ๓.๒ แต่ทรงตัวโดยเพิ่มเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๗ (๑๗๑.๗) ร้อยละ ๐.๑ สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีทรงตัวโดยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๗ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เบียร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ยานยนต์ เป็นต้น ๒. ภาวะอุตสาหกรรมเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๕.๓ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกเป็นหลัก อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โทรทัศน์ และเครื่องประดับ อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ผลิตเพื่อตอบสนองในประเทศ (สัดส่วนส่งออกน้อยกว่าร้อยละ ๓๐) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๒.๘๑ อาทิ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เบียร์ การเปิดปิดโรงงาน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๓๔๙ ราย ลดลงจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๒.๒ และโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการ จำนวน ๘๘ ราย น้อยกว่าเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๓๔.๘๑ การขอรับการส่งเสริมการลงทุน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ทั้งสิ้น ๒๓๗ โครงการ เงินลงทุน ๓๗,๖๒๐ ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๓๔.๑๗ และ ๘๕.๕๒ ตามลำดับ โดยประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นร้อยละ ๗๑.๑๖
|
||||||||||||||||||||||||
23508 | รายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ | กษ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำต้นทุนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเมื่อต้นฤดูแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ มีปริมาณน้ำน้อย กรมชลประทานได้ประกาศงดส่งน้ำเพื่อการปลูกข้าวนาปรัง โดยวางแผนการใช้น้ำให้เหลือเพียงพอสำหรับสนับสนุนการปลูกข้าวนาปีตั้งแต่ต้นฤดู ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ยังมีเกษตรกรบางส่วนทำการปลูกข้าวนาปรังไปประมาณ ๖.๒๖ ล้านไร่ ทำให้ต้องใช้น้ำเกินแผน ส่วนปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน (๑ พฤษภาคม-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) ๒๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๗๖ (ค่าเฉลี่ย ๙๐๔.๕๖ ล้านลูกบาศก์เมตร) กรมชลประทานจึงเห็นควรให้ชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกประมาณ ๔.๖๑ ล้านไร่ ออกไปก่อนจนกว่าจะถึงช่วงฝนตกชุกตามฤดูกาล โดยปริมาณน้ำที่มีอยู่จะจัดสรรให้กับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศน์โดยไม่ขาดแคลน รวมถึงการเพาะปลูกข้าวนาปีที่ปลูกไปแล้ว ๒.๘๔ ไร่ ให้สามารถเก็บเกี่ยวโดยไม่เสียหายและจะลดการระบายน้ำจากเดิมวันละประมาณ ๖๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือ ๓๐-๓๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๒ คาดการณ์ผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในเบื้องต้น กรณีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในเขตพื้นที่ชลประทานโดยเฉพาะพื้นที่ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปี จำนวน ๔.๖๑ ล้านไร่ หากพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถปลูกข้าวนาปีได้อย่างสิ้นเชิงจะทำให้ผลผลิตข้าวหายไปประมาณ ๒.๑ ล้านตัน โดยคิดเฉลี่ยจากผลผลิตต่อไร่ข้าวนาปีลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๕๐๐ กิโลกรัมต่อไร่ และคิดเป็นมูลค่าข้าวที่หายไปประมาณ ๑๕,๗๕๐ ล้านบาท โดยคำนวณจากราคาข้าวขาวในตลาด ตันละ ๗,๕๐๐ บาท ๑.๓ แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี แบ่งเป็น ๒ พื้นที่ คือ (๑) พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ได้เพาะปลูกแล้ว ประมาณ ๒.๘๔ ล้านไร่ ได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวระบบจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งในนาข้าวเพื่อลดการใช้น้ำ และ (๒) พื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูกข้าวประมาณ ๔.๖๑ ล้านไร่ ให้ชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีที่จะเริ่มปลูกได้ประมาณปลายเดือนกรกฎาคมหรือเมื่อมีประมาณฝนตกชุกแล้วเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นในระหว่างชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปี เช่น พืชอายุสั้น เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งในพื้นที่ที่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีแล้วและพื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูกข้าวนาปีเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ แนวทางการรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง รวมทั้งการให้องค์ความรู้และการจัดหาตลาดรองรับพืชชนิดอื่นในกรณีที่เกษตรกรตัดสินใจปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นซึ่งเป็นพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย ทนแล้ง และมีศักยภาพทางการตลาด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และงา เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม ลดภาระงบประมาณในกรณีที่ต้องจ่ายเงินชดเชยเพื่อช่วยเหลือรายได้ให้แก่เกษตรกร ตลอดจนติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23509 | รายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก 3 เดือน (กรกฎาคม - กันยายน 2558) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี | กก | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘ (๓ เดือน) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ งานมหกรรมเฉลิมฉลองดนตรี วิถีไทย วิถีแห่งความสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร งานสืบสานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา โครงการอบรมเจ้าบ้านน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการอบรมเจ้าบ้านที่ดี จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการประกวดวงโยธวาทิตนักเรียนแห่งประเทศไทย โครงการจัดแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๘ โครงการพัฒนาและให้บริการด้านสมรรถภาพทางกาย (ทดสอบสมรรถภาพทางกายของประชาชน) ณ สวนสันติภาพและสวนสราญรมย์ โครงการสุดยอดมหกรรมนันทนาการ “การแสดง แสง สี เสียง การละเล่นพื้นที่บ้านกีฬาพื้นเมือง” คืนความสุขให้ประชาชนส่วนภูมิภาค ที่จังหวัดปัตตานี โครงการศึกมวยไทยเทิดไท้องค์ราชัน “Fighting of Muay Thai” ณ เวทีมวยชั่วคราวลานอเนกประสงค์ หน้าศาลากลาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตกระบี่ วิทยาเขตอุดรธานี วิทยาเขตสมุทรสาคร และวิทยาเขตมหาสารคาม ๒. เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ โครงการจัดแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๘ ณ สนามกีฬาคลอง ๖ และโครงการสุดยอดมหกรรมนันทนาการ “การแสดง แสง สี เสียง การละเล่นพื้นบ้านกีฬาพื้นเมือง” คืนความสุขให้ประชาชน ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา น่าน สกลนคร และจังหวัดยะลา ๓. เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ โครงการท่องเที่ยวสุขใจ ปลอดภัยจากไกด์เถื่อน และโครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ ๔. เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ มหกรรมแห่งไหม ร่วมเทิดไท้ราชินี ที่กรุงเทพมหานคร โครงการสิงหาพาแม่เที่ยว โครงการพัฒนาและให้บริการด้านสมรรถภาพทางกาย (ทดสอบสมรรถภาพทางกายของประชาชน) ณ อุทยานเบญจสิริ โครงการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของประชาชน ณ ลานหน้าอาคารกีฬานิมิบุตร โครงการกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๙ ประจำปี ๒๕๕๘ “พระยาพิชัยเกมส์” ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการแข่งขันเทควันโดดาวรุ่งมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ประจำปี ๒๕๕๘ ณ โรงเรียนพัทลุง จังหวัดพัทลุง โครงการมหกรรมกีฬาจังหวัดตราด ณ ศูนย์กีฬาในร่ม จังหวัดตราด องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด และโรงเรียนในจังหวัดตราด โครงการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาจังหวัดน่าน ณ เทศบาลตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน โครงการจัดกิจกรรมออกกำลังกายสานสายสัมพันธ์ปั่นจักรยานท่องเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณ สนามแข่งขันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ๕. เดือนกันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ มหกรรมอาหารนานาชาติ ที่จังหวัดภูเก็ต การปรับปรุงซ่อมแซมภายในสนามกีฬาหัวหมาก สนามกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี การก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดกระบี่ สุโขทัย และอุดรธานี และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตลำปาง
|
||||||||||||||||||||||||
23510 | การช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศเนปาล | กต | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินงานช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศเนปาลของหน่วยงานต่าง ๆ หลังจากที่ได้ปรับภารกิจในการให้ความช่วยเหลือประเทศเนปาล จำนวน ๔๘,๒๙๓,๑๔๗ บาท ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ [รวมบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)] จำนวน ๕,๙๑๖,๒๗๔ บาท กองทัพไทย (กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ) จำนวน ๓๓,๔๒๗,๗๘๓ บาท และกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๙,๙๔๙,๐๙๐ บาท และโดยที่ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศเนปาลพ้นขั้นวิกฤตฉุกเฉินและเข้าสู่ภาวะฟื้นฟู ซึ่งทำให้ภารกิจด้านการช่วยเหลือและกู้ภัยสิ้นสุดลง ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศโดยการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ จึงเห็นควรยุติการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในภาวะฉุกเฉิน ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานที่ยังคงมีภารกิจดำเนินการต่อเนื่อง เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายของภารกิจดังกล่าวจากวงเงินคงเหลือของงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศเนปาลในกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว) กับสำนักงบประมาณ และหากหน่วยงานใดยังมีภารกิจเพิ่มเติม ให้เสนอขออนุมัติโดยตรงต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางในการบริหารจัดการสิ่งของบริจาคที่ยังคงค้างอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค รวมทั้งไม่เป็นภาระในการเก็บรักษาของภาครัฐ เช่น การจัดจำหน่ายสิ่งของบริจาคเพื่อนำเงินส่งมอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรวบรวมยอดเงินบริจาคและพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการบริจาคช่วยเหลือประเทศเนปาลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23511 | ขออนุมัติโครงการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 | อื่นๆ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำถอนเรื่อง ขออนุมัติโครงการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23512 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลโท อภิชัย หงษ์ทอง) | ยธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลโท อภิชัย หงษ์ทอง เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23513 | รายงานประจำปี 2557 คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๗ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ โดยมีสาระสำคัญแบ่งเป็น ๓ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ และคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงานกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย (๑) การกระจายอำนาจด้านการถ่ายโอนภารกิจและอำนาจหน้าที่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ (๓) การดำเนินการแก้ไขกฎหมาย (๔) การติดตามและประเมินผล และ (๕) การดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ๓. ส่วนที่ ๓ ภาคผนวก แบ่งเป็น ภาคผนวก ๑ ผลการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี พ.ศ. ๒๕๕๖ และภาคผนวก ๒ ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||
23514 | ขออนุมัติร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี ไทย - อินเดีย ครั้งที่ 7 | กต | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี ไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๗ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกัน ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้าเพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยมีประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นภาษีซ้อน ประกันสังคม ความมั่นคงและการทหาร ความเชื่อมโยง (Connectivity) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาและความร่วมมือทางวิชาการ วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการบินพลเมือง กฎหมายและกิจการกงสุล รวมทั้งประเด็นในกรอบภูมิภาคและพหุภาคี โดยทั้งสองฝ่ายจะมีการลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี ไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๗ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ ๒๖ และ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อมโยง (Connectivity) ที่เห็นควรให้พิจารณาปรับปรุงข้อความในข้อ ๒๒. เป็น “…The meeting agreed to explore possibilities of linking the GMS East-West Economic Corridor and Southern Economic Corridor with the East Coast of India…”เนื่องจากทั้งแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก/ตะวันตก (EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (SEC) ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ซึ่งมีไทยเป็นประเทศสมาชิก ต่างเป็นเส้นทางความเชื่อมโยงสำคัญที่สามารถเชื่อมติดต่อกับพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศอินเดียได้อนาคตอันใกล้ทั้งทางบกผ่านเส้นทางถนนสามฝ่ายไทย-พม่า-อินเดีย และทางทะเลผ่านทางท่าเรือทวายและเขตเศรษฐกิจทวายในประเทศเมียนมา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23515 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2557 | อก | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๗ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของปี ๒๕๕๗ โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นสุดงวดปีบัญชี ๒๕๕๗ มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๒๓,๑๙๓ ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน ๑๑,๐๐๖ ล้านบาท และส่วนของทุน จำนวน ๑๒,๑๘๗ ล้านบาท ผลประกอบการในปี ๒๕๕๗ มีกำไรสุทธิ จำนวน ๑,๙๕๙ ล้านบาท ๒. ในการรายงานครั้งต่อไป ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดทำงบการเงินโดยเร็วเพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการสอบบัญชีต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
23516 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 39 (39th Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 8 กรกฎาคม 2558 ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐ เยอรมนี | ทส | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกต่อการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ ใน ๓ ประเด็น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นด้วยกับร่างข้อมติคณะกรรมการมรดกโลก ทั้ง ๓ วาระ ๑.๑.๑ วาระที่ 39COM 7B.71 รายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (State of conservation of Historic City of Ayutthaya) ๑.๑.๒ วาระที่ 39COM 7B.17 รายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (State of conservation of Dong Phayayen-Khaoyai Forest Complex) ๑.๑.๓ วาระที่ 39COM 8B.5 การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน (Nominations of Kaeng Krachan Forest Complex to the World Heritage List) ๑.๒ เห็นชอบกับร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และหากคณะกรรมการมรดกโลกและ/หรือองค์กรที่ปรึกษา มีข้อสงสัยและขอให้ชี้แจงเพิ่มเติม ให้คณะผู้แทนไทยยึดแนวทางตามที่ระบุไว้ในแผนขับเคลื่อนเป็นกรอบในการชี้แจง ๑.๓ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดท่าทีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยใช้ดุลยพินิจได้เฉพาะกรณีประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น หากเป็นกรณีประเด็นเชิงนโยบายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอนุรักษ์พื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยเฉพาะพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติให้ดำเนินการตามแผนขับเคลื่อน (Road Map) ของทั้ง ๒ พื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23517 | ขอเสนอคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 18/2558 เรื่อง การให้กรรมการหรือคณะกรรมการตามกฎหมายบางฉบับปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ | สลธ.คสช. | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๕๘ เรื่อง การให้กรรมการหรือคณะกรรมการตามกฎหมายบางฉบับปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้งดการบังคับใช้บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ห้ามมิให้ผู้ทำการแทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้บริหารนั้น มีอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารในฐานะกรรมการ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ทำการแทน ผู้รักษาการแทน และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐนั้นทุกประการ ๒. ให้สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกอบด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยเท่าที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการประชุมของสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ต้องมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการสภามหาวิทยาลัยทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยเห็นสมควรจะต้องมีการแต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยแทนตำแหน่งที่ว่างลงหรือแต่งตั้งเพื่อให้ครบองค์ประกอบตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไปได้ และเมื่อมีองค์ประกอบครบถ้วนตามมาตรา ๑๗ แล้ว ให้ยกเลิกความในข้อนี้
|
||||||||||||||||||||||||
23518 | รายงานสถานการณ์และความคืบหน้ามาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome ; MERS) | สธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอและที่รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์และความคืบหน้ามาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคเมอร์ส โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคในประเทศไทย ดังนี้ ๑.๑ การประเมินความเสี่ยงและค้นหาผู้ป่วยโดยเร็ว ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ ๑ ราย และยังไม่มีการแพร่กระจายเชื้อ ทั้งนี้ อาจพบผู้ป่วยโรคเมอร์สเพิ่มได้อีกในกลุ่มผู้สัมผัสโรคที่อยู่ระหว่างสังเกตอาการ ประกอบกับยังมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางไป-มาระหว่างประเทศที่มีการระบาด ขณะนี้จึงมีมาตรการค้นหาผู้ป่วยอย่างเข้มงวดบริเวณสนามบิน สถานพยาบาลและชุมชน โดยทุกรายมีผลตรวจเป็นลบ ๑.๒ การเฝ้าระวังที่สนามบิน ประสานสายการบินให้ข้อมูลการเฝ้าระวังก่อนเครื่องลงและแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ อนุญาตให้สายการบินจากตะวันออกกลางและเกาหลีใต้จอดที่หลุมจอด E และ F เท่านั้น วัดอุณหภูมิผู้โดยสารโดย Thermoscan ๒ ครั้ง ตรวจความสมบูรณ์ของข้อมูลที่พำนักในไทยและเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ข้อมูลของแท็กซี่ที่ไปส่งผู้โดยสาร รวมทั้งให้มีการทำความสะอาดสนามบินอย่างเต็มที่ ๑.๓ การควบคุมโรคและการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ขณะนี้ได้ประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย ให้สถานพยาบาลจัดระบบดูแลผู้ป่วยโดยแยกรักษาและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยเร็วและป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้ติดเชื้อ ติดตามและแยกตัวผู้สัมผัสโรคเพื่อสังเกตอาการตลอดจนครบ ๑๔ วัน คัดกรองผู้ป่วยชาวต่างชาติว่าไม่มีการติดเชื้อเมอร์สก่อนที่จะเข้ามารับการรักษาในไทย รวมถึงการจัดทีมแพทย์และพยาบาลดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังสังเกตอาการให้ผู้แสวงบุญที่จะไปประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์ที่ซาอุดีอาระเบีย ๑.๔ การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขตามมติคณะรัฐมนตรี (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) ได้ดำเนินการสื่อสารประชาสัมพันธ์ความรู้และคำแนะนำแก่ประชาชนเรื่องโรคเมอร์สผ่านช่องทางต่าง ๆ และได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเสนอให้มีการจัดประชุมทางไกลผ่าน VDO conference ระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) เรื่องการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคเมอร์ส ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับประธานรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+๓ (เวียดนาม) ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อป้องกันการระบาดของโรคต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23519 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตั้งคณะทำงาน โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการติดตามและตรวจสอบผู้กระทำผิดที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในสังคม และบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ บนเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีแหล่งที่มาจากต่างประเทศ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลการดำเนินการตามแผนการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ใช้ในภาคการขนส่ง โดยคำนึงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งให้มีมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับกรณีการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตของ LPG สำหรับภาคการขนส่งว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่รวมถึง LPG สำหรับภาคครัวเรือน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๑๕.๐๐-๑๙.๓๐ น. เริ่มต้นจากลานพระบรมรูปทรงม้าถึงกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนบุคคลในสังกัดเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย ซึ่งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถแจ้งความจำนงเข้าร่วมงานได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ และขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน โดยแจ้งการเข้าร่วมกิจกรรมไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.๒ ให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดดำเนินการจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วนต่อไป ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับองค์การมหาชนในอนาคต ว่าควรเป็นอย่างไรเพื่อรองรับการปฏิรูปที่จะมีขึ้นในระยะต่อไป เช่น การคงอยู่ ยกเลิก หรือปรับบทบาทของหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||
23520 | สรุปผลการปฏิบัติงานของกรมทางหลวง ประจำปี 2558 | คค | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการปฏิบัติงานของกรมทางหลวง ประจำปี ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ กรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันแล้วทั้งสิ้น ๕๒,๒๐๕.๔๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๕๓ คงเหลือที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ จำนวน ๘,๑๒๘.๗๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๔๗ ทั้งนี้ ในส่วนที่ได้มีการก่อหนี้ลงนามผูกพันสัญญาแล้วมีการเบิกจ่าย จำนวน ๓๒,๐๔๕.๐๓ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๓.๑๑ ของงบประมาณทั้งหมด ๒. กรมทางหลวงได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งมีผลการดำเนินงานดังต่อไปนี้ ๒.๑ โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๑ วงเงินรวม ๓,๕๒๕ ล้านบาท โดยกรมทางหลวงได้ลงนามสัญญาก่อหนี้ผูกพันครบถ้วนทุกรายการตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และได้เบิกจ่ายเงินงบประมาณไปแล้ว จำนวน ๒,๕๔๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๒ คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ทั้งหมดภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นเงินกู้สำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท จำนวนรวม ๘๕๑ รายการ อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๓. กรมทางหลวงได้ขับเคลื่อนและดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอีกหลายโครงการ ได้แก่ ๓.๑ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งกรมทางหลวงมีความพร้อมในการดำเนินงานก่อสร้างภายในปี ๒๕๕๘ ทั้งสิ้น ๓ เส้นทาง ได้แก่ (๑) สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง ๑๙๖ กิโลเมตร วงเงินลงทุน ๘๔,๖๐๐ ล้านบาท (๒) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง ๙๖ กิโลเมตร วงเงินลงทุน ๕๕,๖๒๐ ล้านบาท และ (๓) สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง ๓๒ กิโลเมตร วงเงินลงทุน ๒๐,๒๐๐ ล้านบาท ๓.๒ การพัฒนาทางหลวงรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษและด่านการค้าชายแดนตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นรูปธรรมและสามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีโครงการสำคัญ คือ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอดรวมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ ๒ จังหวัดตาก วงเงินรวม ๓,๙๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับการสัญจรข้ามพรมแดนตลอดจนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอำเภอแม่สอด ๓.๓ การก่อสร้างจุดพักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวง โดยมีโครงการนำร่องแห่งแรกที่อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา บนเนื้อที่ประมาณ ๑๓ ไร่ สามารถจอดรถบรรทุกและรถยนต์ส่วนบุคคลมีห้องน้ำและศาลาทางหลวงไว้บริการประชาชน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๓.๔ โครงการจักรยานเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัย กรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างทางจักรยานเป็นโครงการนำร่อง ๔ เส้นทาง ในภูมิภาคต่าง ๆ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๗๐ ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมด ๔ เส้นทาง ภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ยังมีแผนการก่อสร้างทางจักรยานเพิ่มเติมอีก ๑๓ เส้นทาง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
|
.....