ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1176 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23501 - 23520 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23501 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร) | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ ๕ ชั้น พร้อมค่าถมดิน ให้แก่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ หลัง วงเงิน ๘๒,๖๓๙,๖๖๔ บาท (จากเดิมวงเงิน ๘๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท) ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๙ (จากเดิม พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๕,๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๔๗,๓๘๙,๖๖๔ บาท ให้เสนอขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้มีการกำกับ ติดตามการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาคารเรียนให้เอื้อต่อการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียน และในโอกาสต่อไปควรดำเนินการตรวจสอบสถานที่ที่จะก่อสร้างอาคารเรียนให้ละเอียดรอบคอบและกำหนดแบบรูปรายการที่มีความสมบูรณ์เพื่อให้การก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จและสามารถใช้ประโยชน์ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23502 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับขึ้นเงินเดือนร้อยละ 4 ให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างโดยเงินงบประมาณแผ่นดิน | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้สถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างโดยใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในแนวทางเดียวกับการปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการ ด้วยการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการค่าใช้จ่ายการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้างและค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ เพิ่มในอัตราร้อยละ ๔ (ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ รวมเป็นจำนวน ๑๐ เดือน) เป็นจำนวนเงิน ๘๐๙,๖๒๔,๔๓๕ บาท ให้กับพนักงานมหาวิทยาลัย จำนวน ๖๘,๗๐๗ คน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
23503 | ขออนุมัติผ่อนผันการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง รายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการคณะวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการผ่อนผันการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สำหรับรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการ คณะวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนวงเงินค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้เดิม จำนวน ๔๘๙,๙๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินค่าก่อสร้างใหม่ จำนวน ๔๙๕,๖๖๑,๖๐๐ บาท โดยให้ใช้จากเงินงบประมาณ จำนวน ๒๔๗,๘๓๐,๘๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๔,๙๙๑,๖๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๓๔,๙๙๑,๘๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑๗๗,๘๔๗,๔๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๔๗,๘๓๐,๘๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ให้เสนอขอความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาต่อสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และให้มีการกำกับ ติดตามการก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในการซักซ้อมความเข้าใจกับส่วนราชการต่าง ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23504 | ขอความเห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และขออนุมัติผ่อนผันให้กรมชลประทานเข้าทำประโยชน์เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เนื้อที่ ๑,๗๖๕ ไร่ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ สำหรับการขอผ่อนผันให้กรมชลประทานเข้าใช้พื้นที่หรือให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เข้าทำไม้ได้นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านก่อนเข้าใช้พื้นที่ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อประโยชน์ของรัฐ และให้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และให้กรมชลประทานประสานงานดำเนินการตามระเบียบ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้กำกับดูแลการใช้พื้นที่ตั้งแต่แรกจนกระทั่งได้รับพื้นที่คืนจากกรมชลประทานตามข้อเสนอของคณะกรมการอุทยานแห่งชาติเพื่อไม่ให้เกิดการทำกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23505 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายนิพนธ์ เซ๊ะวิเศษ ที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางแจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายนิพนธ์ เซ๊ะวิเศษ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๙ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
23506 | ขออนุมัติดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 และวันที่ 31 มีนาคม 2556 | สธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ และวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข และหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย โดยครอบคลุมตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระต่อสภาวะการคลังระดับประเทศจนเกินไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขวางแผนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อไม่ให้มีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนย้อนหลังอีก ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการศึกษา วิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของการจ่ายค่าตอบแทน และจัดทำระบบและอัตราค่าตอบแทนที่เหมาะสม เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของบุคลากรสาธารณสุขทุกวิชาชีพ การกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในพื้นที่และหลักการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) โดยการปรับอัตราการจ่ายค่าตอบแทนบางวิชาชีพให้เพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม และหาข้อสรุปที่ชัดเจน ข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบของการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) โดยนำหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนมาใช้ การศึกษารูปแบบที่เหมาะสมในการจ่ายค่าตอบแทนเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขให้สามารถทำงานในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างแท้จริง การเร่งรัดดำเนินการหาข้อสรุปผลการศึกษาหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในพื้นที่และค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานที่เหมาะสม เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาระงาน และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการพิจารณาภาระรายจ่ายในภาพรวมเปรียบเทียบกับภาระรายจ่ายเดิมเพื่อนำไปสู่การกำหนดแหล่งเงินที่เหมาะสมและคำนึงถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ พื้นที่ อายุงาน ตลอดจนการประเมินในประเด็นที่สำคัญ เช่น ผลลัพธ์ด้านคุณภาพการให้บริการ การกำหนดประเภทกิจกรรมและแนวทางบริหารค่าตอบแทนที่สะท้อนประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน หลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนที่สัมพันธ์กับการแก้ปัญหาความขาดแคลนบุคลากร เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23507 | รายงานผลการดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2556/2557 (ประจำเดือนมิถุนายน 2558) | อก | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ของคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้โอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตันอ้อย ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้ว รวมทั้งสิ้น ๒๓ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๓,๖๕๗,๗๐๙.๖๕๕ ตัน จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๘๕,๒๓๓,๕๔๔.๘๐๐ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๙ ของวงเงินที่จะต้องจ่ายทั้งหมด ส่วนชาวไร่อ้อยส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ แบ่งเป็น (๑) ชาวไร่อ้อยไม่ขอรับสิทธิการช่วยเหลือ จำนวน ๒๐๙ ราย จากเดิมที่เคยรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๖๑ ราย จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๗๐ ราย และ (๒) คณะทำงานควบคุมการผลิตประจำโรงงานไม่ได้แจ้งข้อมูลหรือเหตุผลเพื่อขอรับ/ไม่รับเงินช่วยเหลือ จำนวน ๑๐๓ ราย หากชาวไร่อ้อยแจ้งขอรับการช่วยเหลือภายหลังเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีข้อมูลและเอกสารหลักฐานครบถ้วน สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจะดำเนินการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตันอ้อย ให้ชาวไร่อ้อยดังกล่าว โดยขออนุมัติต่อคณะกรรมการบริหารกองทุน ใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายในการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยดังกล่าว ๒. กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้ดำเนินการปิดบัญชีการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตันอ้อย ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ของชาวไร่อ้อยที่แจ้งความประสงค์ไม่ขอรับสิทธิการช่วยเหลือ จำนวน ๒๗๐ ราย และชาวไร่อ้อยที่ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลการขอรับ/ไม่รับเงินช่วยเหลือ จำนวน ๑๐๓ ราย เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||
23508 | โครงการจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้มของกรมการปกครอง | มท | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานการดำเนินโครงการจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้มของกรมการปกครอง สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้มีการดำเนินโครงการจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม เพื่อนำงานบริการของที่ทำการปกครองอำเภอ เช่น งานบัตรประจำตัวประชาชน งานทะเบียนราษฎร งานทะเบียนทั่วไป และงานศูนย์ดำรงธรรม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่น เช่น การไฟฟ้า การประปา ฯลฯ ไปบริการประชาชนในพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชนหนาแน่นหรือในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในลักษณะศูนย์บริการร่วมในศูนย์การค้า (Government Service Point) จำนวน ๒๘ แห่ง ใน ๒๗ จังหวัด ๒. กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางการขยายจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม เพื่อให้บริการประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ สามารถจัดตั้งได้ ๒ กรณี ประกอบด้วย การริเริ่มจัดตั้งของทางราชการโดยงบประมาณของจังหวัด หรืองบประมาณของกรมการปกครอง และการร้องขอโดยภาคเอกชนโดยใช้งบประมาณของเอกชน ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีจังหวัดขอจัดตั้งจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม เพิ่มเติมจำนวน ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยโสธร นครพนม สุรินทร์ และพัทลุง ซึ่งขณะนี้ จังหวัดยโสธรจัดตั้งเสร็จเรียบร้อย สำหรับอีก ๓ จังหวัดอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอนการจัดตั้งจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม |
||||||||||||||||||
23509 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 20/2558 เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | สลธ.คสช. | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ เรื่อง ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ๒. ให้กรรมการปฏิรูปกฎหมายที่อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระไปแล้ว แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ๓. ในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||
23510 | รายงานผลการดำเนินงานบริหารการลงทุน กองทุนประกันสังคม ประจำปี 2557 | รง | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานบริหารการลงทุน กองทุนประกันสังคม ประจำปี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ มีสถานประกอบการขึ้นทะเบียนกับกองทุนประกันสังคม จำนวน ๔๒๒,๗๔๘ แห่ง และมีผู้ประกันตนที่อยู่ในความคุ้มครองกองทุนประกันสังคมทั้งสิ้น ๑๓,๖๒๕,๖๕๘ คน กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุน จำนวน ๑,๒๕๑,๘๕๙ ล้านบาท แบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และหุ้นกู้เอกชน จำนวน ๙๘๔,๑๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๙ ของเงินลงทุน และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้อื่น ๆ หน่วยลงทุน และหุ้นสามัญ จำนวน ๒๖๗,๐๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๑ ของเงินลงทุน ๒. แผนการลงทุนในอนาคต คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนกองทุนประกันสังคม ซึ่งมีทั้งแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว (๕ ปี) และแผนการลงทุนประจำปี ได้แก่ (๑) แผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) โดยให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่กองทุนเป็นร้อยละ ๕.๕ โดยเพิ่มการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์ทางเลือก และกระจายการลงทุนสู่ต่างประเทศ และ (๒) แผนการลงทุนกองทุนประกันสังคมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้จัดสรรเงินลงทุนในประเทศไทย จำนวนประมาณ ๑๕๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยเน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว (ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ฯลฯ) และตราสารทุน การลงทุนทางเลือก (ได้แก่ กองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ) และเงินฝากโครงการทางสังคม
|
||||||||||||||||||
23511 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ 12 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 7 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 7 | ทส | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๒ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๗ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๔-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๒ มีมติเห็นชอบกรอบแผนงานที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับของเสียอันตรายและของเสียอื่น รวมทั้งรับรอง Roadmap สำหรับแผนการดำเนินงานเพื่อการปฏิบัติตามปฏิญญาคาร์ตาเฮนาและรับรองแนวทางด้านเทคนิควิชาการสำหรับการจัดการของเสียอันตรายที่เกี่ยวข้อง ๒. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๗ มีมติแก้ไขภาคผนวก III ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ โดยการบรรจุรายชื่อสาร methamidophos เพิ่มเติม โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (Import response) ตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ ยินยอมให้นำเข้า ไม่ยินยอมให้นำเข้า หรือยินยอมให้นำเข้าภายใต้เงื่อนไข โดยพิจารณาตัดสินใจบนพื้นฐานของมาตรการด้านกฎหมายภายในประเทศ ๓. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ฉบับที่ ๗ มีมติให้แก้ไขภาคผนวก เอ ของอนุสัญญาฯ โดยบรรจุรายชื่อสารเคมี ๓ ชนิด คือ (๑) สาร hexachlorobutadiene โดยไม่มีข้อยกเว้นพิเศษ (๒) สาร chlorinated naphthalenes โดยมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับเป็นสารตัวกลางในการผลิต Polyfluorinated naphthalenes และ (๓) สาร pentachlorophenol and its salts and esters โดยมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับการผลิตและการใช้งานในเสาไฟฟ้าและแขนกางเขนของเสาไฟฟ้า ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินมาตรการในการห้ามผลิต ห้ามใช้ และกำจัดสารดังกล่าวให้หมดไป รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก ซี ของอนุสัญญาฯ โดยบรรจุรายชื่อสาร chlorinated naphthalenes ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินมาตรการเพื่อลดและเลิกการปลดปล่อยสารดังกล่าวโดยไม่จงใจ
|
||||||||||||||||||
23512 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. .... | ศธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ สีประจำคณะและสาขาวิชา รวมทั้งเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23513 | ร่างข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก ว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก ว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ปฏิบัติงานมีสิทธิในการขอกู้เงินจากกองทุนสงเคราะห์ประเภทการสวัสดิการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนรวมทั้งสิ้นจากเดิม “ไม่เกินเก้าเท่าของเงินเดือนหรือค่าจ้าง” เป็น “ไม่เกินสิบห้าเท่าของเงินเดือนหรือค่าจ้าง” เพื่อให้การช่วยเหลือด้านสวัสดิการแก่ผู้ปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23514 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2555) | มท | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทชุมชน ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ที่ดินประเภทปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23515 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) | สว | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) ดังนี้ ๑.๑ องค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาควรที่จะแสดงเหตุผลประกอบคำวินิจฉัยการพิจารณาคำร้องให้ชัดเจน ๑.๒ ควรจัดระบบการพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นไม่ควรทำหน้าที่ในการจดคำพยาน และกำหนดให้มีเจ้าพนักงานศาลทำหน้าที่บันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องสำหรับใช้ในการจัดหาเครื่องบันทึกภาพและเสียง ๑.๓ คดีพิเศษต่าง ๆ ที่มีกฎหมายกำหนดวิธีพิจารณาคดีไว้โดยเฉพาะและมีวิธีการอุทธรณ์ฎีกาที่แตกต่างจากร่างพระราชบัญญัตินี้ ควรแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบอุทธรณ์ฎีกาเป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับหลักการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ๑.๔ การออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับปัญหาสำคัญที่จะรับไว้วินิจฉัยควรคำนึงถึงปัญหาเกี่ยวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว ๑.๕ ให้มีการกำหนดหลักการและเหตุผลของการออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ดังนี้ “เพื่อให้สอดคล้องกับการผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมและการบริหารศาลยุติธรรมที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ในทุกชั้นศาล ในการพิจารณาขององค์คณะผู้พิพากษาที่ประธานศาลฎีกาแต่งตั้งนั้นต้องแสดงความเห็นโดยละเอียดประกอบการทำคำวินิจฉัยที่ไม่อนุญาตตามมาตรา ๒๔๗ และมาตรา ๒๔๘ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และให้เผยแพร่คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาลฎีกานี้เสมือนหนึ่งเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาที่เห็นชอบด้วยในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด เช่นเดียวกับการเผยแพร่คำพิพากษาของศาลฎีกาเช่นในปัจจุบัน” ๒. ให้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมทราบต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณสำหรับใช้ในการจัดหาเครื่องบันทึกภาพและเสียง ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23516 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 10 ฉบับ | กษ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๑๐ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย คลองน้ำแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำยม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแนะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองสิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน (ลำน้ำเดิม) เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดใหทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||
23517 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหาร ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23518 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | มท | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ บางส่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23519 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหนองบัวพร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดนครพนม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23520 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 21/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ว่า การจัดทำขั้นตอนวิธีดำเนินการตรวจสอบ รับรอง คณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพของหน่วยงาน ให้มีองค์ประกอบและการดำเนินงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัด และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....