ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1178 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23541 - 23560 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23541 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนความเห็นตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๔/๓๒๓๔ ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะอนุกรรมการพัฒนาการส่งออกซึ่งแต่งตั้งโดยคำสั่งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศตามอำนาจหน้าที่ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๖ ขึ้นเป็นคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้คณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศที่จัดตั้งตามระเบียบนี้ด้วย |
||||||||||||||||||
23542 | ขออนุมัติการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 2 พ.ศ. 2559 - 2563 และอนุมัติกรอบแผนงานและงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2559 - 2563 ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริม และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. อนุมัติกรอบงบประมาณเฉพาะงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป ตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนงานด้านการพัฒนาพื้นที่ต้นฉบับ การจัดตั้งสถาบันอบรม การส่งเสริมการรับรู้ และเข้าใจแนวพระราชดำริ การสื่อสารสาธารณะและภาคีสัมพันธ์ และการบริหารจัดการ ๓. ในส่วนของกรอบงบประมาณในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการกำหนดผลสัมฤทธิ์ล่วงหน้าและประเมินผลรายปีตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||
23543 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของนางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตรวจสอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของนางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ที่จังหวัดสระบุรี ว่าหากสภาพแวดล้อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และการเข้าดำเนินการในพื้นที่คำขอประทานบัตรและตรวจสอบการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนตรวจสอบเหมืองร่วมสำหรับการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมติดตามการตรวจสอบการทำเหมืองแร่ การกำหนดแนวทางเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบกำจัดมลพิษอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับปรุงระบบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ ทั้งหมด และการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้การตัดสินใจมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23544 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตรวจสอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ว่าหากสภาพแวดล้อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และการเข้าดำเนินการในพื้นที่คำขอประทานบัตรและตรวจสอบการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนตรวจสอบเหมืองร่วมสำหรับการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมติดตามการตรวจสอบการทำเหมืองแร่ การกำหนดแนวทางเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบกำจัดมลพิษอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับปรุงระบบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ ทั้งหมด และการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การตัดสินใจมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23545 | ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | นร51 | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการรถราชการว่า หากตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ บัญญัติรองรับให้เป็นตำแหน่งระดับบังคับบัญชาที่สามารถเทียบเท่ากับตำแหน่งระดับผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการและมีระเบียบรถราชการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรองรับ ก็ให้มีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
23546 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายวันชัย คงเกษม) | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวันชัย คงเกษม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||
23547 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ 3 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในส่วนเพิ่มเติมหรือต้องการปรับปรุง และ (๒) การพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถนน ๑.๒ การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ (๑) การบังคับใช้บทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๒) การบังคับใช้การตรวจปล่อยจุดเดียวที่จุดผ่านแดนสะหวันนะเขต-มุกดาหาร (๓) การผนวกเส้นทางตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในเมียนมาเข้าไปในบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๔) การจัดตั้งเส้นทางรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเมียนมา (๕) การเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานสามฝ่าย ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม เพื่อหารือและผลักดันความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดน (๖) การส่งเสริมให้ธนาคารพัฒนาเอเชียสนับสนุนการพัฒนาเมืองในบริเวณชายแดนและตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก และเส้นทางต่อขยาย (๗) การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของธนาคารพัฒนาเอเชีย หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๘) การสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตร การฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และ (๙) การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เพื่อส่งเสริมให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมืองและการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยเพิ่มกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (เมียนมา-ไทย-ลาว-เวียดนาม) โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการเร่งรัดการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้า ณ บริเวณด่านศุลกากรจังหวัดมุดาหาร-สะหวันนะเขต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเร่งผลักดันการผนวกเส้นทาง R12 เข้าไว้ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยเร็วเพื่อขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23548 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - ลาว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Foreign Ministers’ Retreat) ไทย-ลาว ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการหารือดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายลาวจะระบุสัญชาติในหนังสือยืนยันสถานภาพบุคคล (Corporate Identity : CI) ที่จะออกให้แก่แรงงานสัญชาติลาวที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในไทยแล้ว และจะส่งเจ้าหน้าที่กลับมาตรวจสัญชาติแรงงานลาว ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะแก้ไข CI ของแรงงานลาวที่มิได้ระบุสัญชาติ รวมทั้งยินดีจะรับคณะฝ่ายไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-ลาว ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาค ฝ่ายลาวไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเส้นทาง R12 เข้าไปอยู่ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยขอให้ฝ่ายไทยช่วยปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และยินดีเข้าร่วมประชุม ๓ ฝ่ายเกี่ยวกับการเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝ่ายลาวเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเป็นกลไกหารือการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของสองประเทศ ๔. บุคคลที่มีพฤติการณ์หมิ่น/จาบจ้วงสถาบันฯ ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีอยู่ในลาว ฝ่ายลาวพร้อมสอดส่องและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติไทยที่มีพฤติการณ์หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีไปอาศัยอนู่ในลาว ๕. การประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ฝ่ายลาวจัดการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งฝ่ายลาวรับที่จะเร่งรัดการพิจารณาจัดประชุม ๖. ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือด้านการซื้อ-ขายไฟฟ้าในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid to Grid) ระหว่างไทยกับลาว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป ๗ ประเด็นเขตแดน ทั้งสองฝ่ายพร้อมแก้ไขปัญหาเขตแดนภายใต้กลไกที่มีอยู่ และการพบหารืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกันบริเวณภูชี้ฟ้า โดยมีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน ๘. การสนับสนุนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ฝ่ายลาวขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ จากไทยในช่วงที่ลาวจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทน์ ๙. กรณีไม้พะยูง จำนวน ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ฝ่ายไทยขอรับเอกสารและหลักฐานจากฝ่ายลาวที่เป็นประโยชน์ต่อการแสดงความเป็นเจ้าของไม้พะยูงของกลางของรัฐบาลลาว และการสืบสวนสอบสวนคดีปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม |
||||||||||||||||||
23549 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๓๖๙-๒๕๕๗ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๖๗๘ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้ยานพาหนะ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23550 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23551 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลต้นธงชัย ตำบลพิชัย ตำบลเวียงเหนือ ตำบลสบตุ๋ย ตำบลหัวเวียง ตำบลสวนดอก ตำบลปงแสนทอง ตำบลพระบาท ตำบลชมพู และตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23552 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23553 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23554 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลหนองปลิง บางส่วนของตำบลทรงธรรม บางส่วนของตำบลสระแก้ว บางส่วนของตำบลนครชุม ตำบลในเมือง บางส่วนของตำบลเทพนคร และบางส่วนของตำบลท่าขุนราม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23555 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย - เวียดนาม | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-เวียดนาม (Foreign Ministers’ Retreat) ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเข้าร่วม และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการหารือเพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การเชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการและจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ครั้งที่ ๓ ในช่วงวันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงเทพฯ การลงนามในความตกลง ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (๒) ความตกลงว่าด้วยการจ้างงาน (๓) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม และ (๔) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาม รวมทั้งการเตรียมการเยือนและการจัดการประชุมทั้งด้านสารัตถะและด้านพิธีการ ๑.๒ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเพิ่มเป้าหมายมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๓ และฝ่ายเวียดนามรับที่จะพิจารณาข้อเสนอนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนผันการนำเข้าผลไม้ไทย ๔ ชนิด (มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ) และการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม ๑.๓ การฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ในปี ๒๕๕๙ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันจัดกิจกรรมตลอดปี ๒๕๕๙ ทั้งในไทยและในเวียดนาม โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลัก ๑.๔ ความร่วมมือด้านการคมนาคมและการพัฒนาความเชื่อมโยง ได้แก่ การประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-ลาว-เวียดนาม) ครั้งที่ ๑ เพื่อจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางไทย-ลาว-เวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ และการจัดประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) ว่าด้วยการพัฒนาการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเล ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ๑.๕ ความร่วมมือด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคาของข้าวและยางพาราในตลาดโลก ๑.๖ การสมัครตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC CEO) ฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนผู้แทนจากเวียดนาม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรปรับแก้ตารางผลการหารือฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยแยกเรื่องการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนามออกมาเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพื่อให้มีความชัดเจนสำหรับหน่วยงานในทางปฏิบัติ ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23556 | แนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอให้มีการจัดกลุ่มพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการจัดการขยะมูลฝอย แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นที่ขนาดใหญ่ (L) กลุ่มพื้นที่ขนาดกลาง (M) และกลุ่มพื้นที่ขนาดเล็ก (S) และพื้นที่พิเศษ คือ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวทาง/วิธีการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้ประชาชนได้รับทราบ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการปัญหาขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ และการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทที่สำคัญในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับ ควบคุม ดูแล และติดตามตรวจสอบการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นเอกภาพ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดแย้งกันเอง รวมทั้งมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนภาระงานของราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
23557 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... | วท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้มีหน่วยงานเพื่อทำหน้าที่บูรณาการข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำของประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยต้องมีการเชื่อมโยงกับองค์กรและหน่วยงานอื่น ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... จึงเห็นควรดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้รวมสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติไว้ในร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงบประมาณที่ควรกำหนดบทบัญญัติให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของข้อมูลทรัพยากรน้ำ ทั้งข้อมูลพื้นที่ ข้อมูลสถิติ ข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลคาดการณ์ มีหน้าที่ต้องเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ส่วนการกำหนดให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติมีวัตถุประสงค์ในการบริการข้อมูลด้านน้ำและภูมิอากาศ อาจมีความซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยาในบางส่วน นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมให้มีอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
23558 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างของคณะกรรมการฯ ในส่วนของการได้มา องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่ง และเห็นชอบในหลักการให้นำคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบไปบัญญัติเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23559 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) | ศป | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองเพื่อกำหนดรายละเอียดในการดำเนินการบังคับคดีปกครองให้ครอบคลุมคดีปกครองทุกประเภท และไม่ให้ประชาชนต้องรอการปฏิบัติตามคำพิพากษาในระหว่างการพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างมาตรา ๔๔ และมาตรา ๗๐ วรรคสองและวรรคสาม หากจะมีการทุเลาการบังคับคดี ศาลปกครองควรคำนึงถึงว่าจะต้องไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของภาครัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ และร่างมาตรา ๗๒/๑ การชำระเงินค่าปรับของหน่วยงานทางปกครองเป็นเพียงการโยกย้ายเงินงบประมาณแผ่นดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเท่านั้น หาได้เป็นการลงโทษปรับที่ทำให้ผู้ถูกปรับต้องสูญเสียในเชิงทรัพย์สินที่แท้จริง และในส่วนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องรับผิดชำระค่าปรับนั้น การหาผู้ที่จะต้องรับผิดอาจทำได้ยากในทางปฏิบัติและเกิดเป็นภาระในการไต่สวนที่เป็นกระบวนพิจารณาเพิ่มเติมขึ้น รวมถึงความรับผิดอันเป็นส่วนตัวที่เพิ่มเติมมากไปกว่าที่ต้องรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องรับผิดเฉพาะกรณีที่กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และเห็นควรรับฟังความคิดเห็นและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากฝ่ายปกครอง องค์กร และหน่วยงานของรัฐด้วย เพื่อให้การบังคับคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดกระบวนการบังคับคดีและมาตรการไว้ในบทบัญญัติของกฎหมายโดยตรง มิใช่ออกเป็นระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นอกจากนี้ การทุเลาการบังคับคดีโดยอัตโนมัติควรใช้เฉพาะคดีปกครองบางประเภทไม่ควรนำมาใช้กับคดีปกครองทั้งหมด โดยอาจบัญญัติไว้ในกฎหมายแยกประเภทคดีให้ชัดเจนว่าคดีปกครองประเภทใดที่สามารถให้ทุเลาการบังคับคดีโดยอัตโนมัติหรือคดีประเภทใดที่ให้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นมีผลบังคับ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลให้มีการทุเลาการบังคับคดีในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23560 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี จากเดิมในอัตราเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นอัตราเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท และแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของผู้รักษาการตามกฎหมาย จากคำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....