ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1171 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23401 - 23420 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23401 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 | พณ | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าข้าวด้วย เนื่องจากสาระสำคัญที่ขอปรับปรุงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าข้าว ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ จึงจำเป็นต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเมื่อกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23402 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าเบี้ยเลี้ยงทหารกองประจำการ) | นร51 | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๒๗,๕๓๕,๘๙๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงทหารกองประจำการ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23403 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างนายณเรศ สืบเชื้อ ที่ 1 กับพวกรวม 17 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรและการกระทำละเมิด หรือความรับผิดอย่างอื่น อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ | อส | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างนายณเรศ สืบเชื้อ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๗ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรและการกระทำละเมิด หรือความรับผิดอย่างอื่น อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23404 | ผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียน (ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความเป็นธรรมและขอให้ฟ้องคดีแทนผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547) | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียน (ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความเป็นธรรมและขอให้ฟ้องคดีแทนผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๗) โดยกระทรวงกลาโหมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23405 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้พิจารณาข้อเสนอของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ๖ สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รวม ๖ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑.๑ การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า (Technological Institute for Sustainability and Trade : TIST) ๑.๑.๒ การขอใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ (ที่เสื่อมโทรม) เพื่อพัฒนาด่านชายแดนให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน การบริการโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสากล ๑.๑.๓ การยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศชนิดที่ใช้กับรถยนต์ ๑.๑.๔ การพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญในประเทศไทย ๑.๑.๕ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานลงสู่แหล่งน้ำ ๑.๑.๖ ข้อเสนอแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) ๑.๒ เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้ทุกส่วนราชการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้แก่ประชาชนตั้งแต่เริ่มแรก รวมทั้งต้องมีการแก้ไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความไว้วางใจต่อรัฐบาลและข้าราชการให้ได้ โดยไม่ควรมุ่งที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบังคับแต่เพียงอย่างเดียว ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23406 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี (23 มิถุนายน 2558) เรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ในข้อ ๒
จาก “ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าว ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป” เป็น “ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป”
|
|||||||||||||||||||||
23407 | รายงานประจำปี 2556 ศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๖ ศาลรัฐธรรมนูญ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับคดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในปี ๒๕๕๖ ผลการปฏิบัติราชการตามแผนยุทธศาสตร์ และงบการเงินของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23408 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | มท | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชน ในท้องที่ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23409 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับ สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี 2553 อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี ๒๕๕๓ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล โดยจัดให้มีกฎหมายรองรับกระบวนการชดเชยและเยียวยาผู้เสียหายจากการชุมนุมทางการเมือง มีหลักเกณฑ์ที่เป็นกลาง และครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย และเสนอให้ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปควรรับกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๓) ที่คงค้างอยู่ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่า สมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23410 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวิสุทธิ์ จันมณี และ นางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ) | กค | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวิสุทธิ์ จันมณี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒. นางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23411 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายเกรียงศักดิ์ สืบสายหาญ) | นร06 | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเกรียงศักดิ์ สืบสายหาญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23412 | รายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สว | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว พบว่าการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาในการเบิกจ่ายล่าช้า มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดประสิทธิผล จึงได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อ่ให้การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้หรือไม่ ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23413 | ขอความเห็นชอบการเพิ่มพื้นที่การดำเนินงานโครงการ "รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน" และ (ร่าง) แผนแม่บทโครงการ "รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน" ลุ่มน้ำหมัน จังหวัดเลย | กษ | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินงานโครงการ “รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน” ลุ่มน้ำหมัน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพิ่มเติม จำนวน ๑ พื้นที่ จากเดิมที่คณะรัฐนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ให้ดำเนินการในพื้นที่ ๖ จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอุตรดิตถ์ ๑.๒ เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทโครงการ “รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน” ลุ่มน้ำหมัน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ระยะ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙) โดยยึดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เป็นแนวทางการกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินงาน สรุปว่า “การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทำนองสร้างสรรค์ไม่ใช่การทำลาย โดยสำหรับแหล่งน้ำต้องพัฒนาตามลุ่มน้ำ” โดยมีพื้นที่เป้าหมาย ๑๐ หมู่บ้าน ๑ กลุ่มบ้าน ๒,๓๗๖ ครัวเรือน ประชากร ๗,๗๓๕ คน ในตำบลกกสะท้อน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการ “รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน” ลุ่มน้ำหมัน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้กรอบแผนแม่บทโครงการฯ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียด แผนงาน/โครงการ และวงเงินงบประมาณที่จะดำเนินการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารและกำกับดูแลโครงการ “รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน” ก่อน แล้วจึงเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับแผนแม่บทฯ ดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะมีการประชาสัมพันธ์ประโยชน์โครงการที่ประชาชนจะได้รับอย่างทั่วถึง โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริงและยั่งยืนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
23414 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558 - 2560 และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2558 - 2559 | กก | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมุ่งหวังให้เป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับการผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในระยะ ๒-๓ ปีถัดจากนี้ไป โดยเน้นกิจกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนสู่แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพตั้งแต่ระดับนโยบาย ซึ่งมีคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกับระดับกลุ่มจังหวัด (คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว) และระดับจังหวัด (คณะกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศ มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของไทยให้อยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยาวนาน ๑.๒ ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติดูแลกำกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๑.๓ สนับสนุน “ท่องเที่ยววิถีไทย” เป็นวาระแห่งชาติไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๔ สนับสนุนนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยว “๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด” (ประกอบด้วย จังหวัดน่าน ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ ราชบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช และสมุทรสงคราม ไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙) เพื่อสนับสนุนนโยบายการกระจายรายได้ของรัฐบาล ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ของประเทศจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ควรเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาก แต่ควรเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง และควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมวัฒนธรรมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Argo Tourism) การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาในเขตประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และการพัฒนาเชิงพื้นที่ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและบริการมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเส้นทางคมนาคมเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่และโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศ รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวรายสาขาโดยส่งเสริมตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน ตลอดจนกำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน มุ่งเน้นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับชุมชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนที่อาศัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ โดยมีรายได้และอาชีพจากการท่องเที่ยวด้วย |
|||||||||||||||||||||
23415 | โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านยั่งยืน" | พม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย “โครงการบ้านยั่งยืน” โดยการเคหะแห่งชาติได้เสนอโครงการบ้านยั่งยืน จำนวน ๒๓๙โครงการ รวม ๑๓,๓๙๖ หน่วย ในระดับราคา ๒๓๐,๐๐๐ ถึง ๖๗๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่อาศัยพร้อมสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยกระจายอยู่ทั่วประเทศในเขตกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และจังหวัดภูมิภาค โดยมีรูปแบบโครงการทั้งอาคารชุดพักอาศัย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า ๓๐๐,๐๐๐ บาทต่อหน่วย ประเภทอาคารชุดพักอาศัย จำนวน ๑๗ โครงการ ๗๓๖ หน่วย ๑.๒ โครงการที่มีราคาขายตั้งแต่ ๓๐๐,๐๐๑-๔๐๐,๐๐๐ บาทต่อหน่วย ประเภทอาคารชุดพักอาศัยและประเภทบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน ๑๐ โครงการ ๑,๑๑๓ หน่วย ๑.๓ โครงการที่มีราคาขายตั้งแต่ ๔๐๐,๐๐๑-๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อหน่วย ประเภทอาคารชุดพักอาศัย และประเภทบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน ๖๕ โครงการ ๘,๙๔๔ หน่วย ๑.๔ โครงการที่มีราคาขายมากกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อหน่วยขึ้นไป ประเภทอาคารชุดพักอาศัย และประเภทบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน ๑๔๗ โครงการ ๒,๖๐๓ หน่วย ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะเวลา ๑๐ ปี เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในชุมชนที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมกับฐานะทางเศรษฐกิจของครัวเรือนในระยะยาว โดยแบ่งเป็นแผนดำเนินการในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน โดยให้ครอบคลุมในทุกจังหวัดว่าในแต่ละปีจะให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจำนวนกี่ราย ทั้งนี้ ในการเลือกพื้นที่โครงการให้คำนึงถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมด้วย และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ นี้
|
|||||||||||||||||||||
23416 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอว่า นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้สถาบันพระปกเกล้าเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๑๕๘,๕๙๘ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามภารกิจประจำที่ต้องดำเนินการตามแผนของสถาบันพระปกเกล้า
|
|||||||||||||||||||||
23417 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พน | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำอธิบายและคำชี้แจงของกระทรวงพลังงานใน ๓ ประเด็นต่อข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และได้ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว มีบทบัญญัติสำคัญ ๆ ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ทั้งในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การกำหนดระยะเวลาของสัญญา/ต่อระยะเวลา การแบ่งปันผลประโยชน์รัฐที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมถึงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยได้นำกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมบางมาตราในปัจจุบันมาใช้บังคับโดยอนุโลม ๑.๒ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่ได้เห็นชอบในกรอบแนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซที่สัมปทานจะหมดอายุในปี ๒๕๖๕/๖๖ โดยมอบให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้พิจารณาแนวทางในการบริหารจัดการแปลงดังกล่าวให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องของการรักษาระดับการผลิตและผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ แล้วจึงนำมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งภายในกรอบเวลา ๓ ปี ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวที่เป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ ๑.๓ กระทรวงพลังงานมีความเห็นว่า ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ เพราะมีหน่วยงานรัฐ คือ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติทำหน้าที่แทนรัฐในการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม กำกับดูแลผู้รับสัมปทาน การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติจะเป็นการทำหน้าที่ซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีทางเลือกอีกทางหนึ่งให้รัฐสามารถพิจารณานำระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตมาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียมนอกเหนือไปจากการพิจารณาให้สัมปทานปิโตรเลียมภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราและหลักเกณฑ์ในการคำนวณภาษีเงินได้ปิโตรเลียม รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนำร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว รวมทั้งคำอธิบายและคำชี้แจงของกระทรวงพลังงานไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ สภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ได้ข้อสรุป ก่อนเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23418 | การจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคม | นร | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน “วิสาหกิจเพื่อสังคม” โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ร่วมเป็นคณะทำงาน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชนที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน “วิสาหกิจเพื่อสังคม” ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ นี้
|
|||||||||||||||||||||
23419 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมในการวางโครงข่ายคมนาคมเพื่อเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค โดยคำนึงถึงการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทุกด้านทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ให้เป็นโครงข่ายที่ชัดเจนและเป็นระบบเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามพื้นที่ชายแดนและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด นอกจากนี้ ให้พิจารณาใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างถนนด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่ขณะนี้ได้เกิดภาวะน้ำท่วมฉบับพลันในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา เวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนในประเทศดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนในชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบกับสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้มีปริมาณฝนตกมากขึ้นและหลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาอุทกภัยแล้ว ดังนั้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑.๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานและพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบอุทกภัยตามความเหมาะสม และให้กระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมข้าวสารเพื่อให้ความช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย ๒.๑.๒ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยประสานผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงกลาโหมจัดส่งทหารลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้ทันท่วงที โดยให้เร่งแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ (จังหวัดภูเก็ต) และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ๒.๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการกักเก็บน้ำฝนที่ตกในช่วงนี้เพื่อสำรองไว้ใช้ในระยะต่อไป ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้แก่ประชาชนตั้งแต่เริ่มแรก รวมทั้งต้องมีการแก้ไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความไว้วางใจต่อรัฐบาลและข้าราชการให้ได้ โดยไม่ควรมุ่งที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบังคับแต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการและโครงการสำคัญต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ นี้ โดยให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ดังนี้ ๒.๒.๑ กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินและค่าครองชีพของประชาชนทั้งระบบ ได้แก่ เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ครูและบุคลากรทางการศึกษา ๒.๒.๒ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการจัดที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ๒.๒.๓ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการสร้างความเชื่อมโยงธุรกิจชุมชน ธุรกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจเพื่อสังคมกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๒.๔ กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ๒.๒.๕ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละประเภท ๒.๒.๖ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการจัดตั้ง Single Gateway เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต
|
|||||||||||||||||||||
23420 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) ออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปประกอบการพิจารณา และให้เชิญผู้แทนคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมพิจารณาด้วย และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
.....