ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1177 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23521 - 23540 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23521 | รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) | นร05 | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) ด้านการบินว่า
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ได้เดินทางไปหารือกับประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เพื่อชี้แจงความก้าวหน้าในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ โครงสร้าง กติกาและคู่มือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมการบินพลเรือนเพื่อให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัย โดยการดำเนินการแก้ไขต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งในเรื่องการจัดทำคู่มือการบิน การฝึกอบรม และการทบทวนในอนุญาตการบิน ซึ่งต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสามารถตรวจและรับรองสายการบินได้ คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ส่วนการปรับโครงสร้างกรมการบินพลเรือนอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี ๒๕๕๘ ๒. สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ FAA (Federal Aviation Administration) จะเดินทางมาตรวจสอบสายการบินของไทยช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ ๑๕ วัน และกำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหา ๖๕ วัน และอยู่ระหว่างรอผลการประกาศท่าทีของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือ EASA (European Aviation Safety Agency) ๓. ปัจจุบันการดำเนินการของการบินไทยในส่วนของเที่ยวบินประจำยังสามารถทำการบินได้ตามปกติ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะได้สรุปผลการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23522 | มาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง | นร05 | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้พิจารณาให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนตามลำดับความเร่งด่วน โดยการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวแล้วก่อน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปลูกข้าวให้ชะลอการปลูกข้าวไว้ และให้จัดทำแผนการดำเนินการจัดหาและแบ่งสรรน้ำ เช่น การผันน้ำลงแก้มลิง การใช้น้ำจากบ่อบาดาลหรือบ่อน้ำตื้น การควบคุมไม่ให้มีการลักลอบสูบน้ำ และการจัดสรรสัดส่วนการสูบน้ำให้เท่าเทียมทั้งบริเวณต้นน้ำและปลายน้ำ และนำเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจต่อไป
|
||||||||||||||||||
23523 | การจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน | นร04 | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการด้านการคมนาคม และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะแผนการกู้เงินและการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ซึ่งต้องระบุรายละเอียดแผนการกู้เงินให้ชัดเจนและสอดคล้องกับ Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งแบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจนว่าส่วนใดรัฐบาลนี้เป็นผู้ดำเนินการและจัดหาเงินกู้ และส่วนใดส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อเป็นข้อมูลในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน แล้วนำเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจต่อไป
|
||||||||||||||||||
23524 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ
๑. ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (องค์ประกอบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รอการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไว้ก่อน โดยให้เสนอพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนในคราวเดียวกัน
|
||||||||||||||||||
23525 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้รอการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไว้ก่อน โดยให้เสนอพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนในคราวเดียวกัน
|
||||||||||||||||||
23526 | รายงานผลการจัดงาน "เทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ" ระหว่างวันที่ 6 - 31 พฤษภาคม 2558 | กษ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงาน “เทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ” ระหว่างวันที่ ๖-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ริมคลองผดุงกรุงเกษม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่นำสินค้ามาจำหน่าย รวม ๘๘ บูท แยกเป็น สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ๗๐ บูท องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ๕ บูท กรุงเทพมหานคร ๗ บูท และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ๖ บูท ๒. สินค้าที่นำมาจำหน่าย จำแนกตามลักษณะเด่นของพืชผักผลไม้ ๒.๑ หวานซ่อนเปรี้ยว มะม่วงหลากหลายพันธุ์ อร่อยหลากรส ประกอบด้วย มะม่วงน้ำดอกไม้ น้ำดอกไม้สีทอง เขียวเสวย อกร่อง จีนหวง อาร์ทูอีทู ฯลฯ ๒.๒ หวานฉ่ำ อร่อยล้ำ สับปะรด แตงโม ส้มโอ ลิ้นจี่ ประกอบด้วย สับปะรดฉีกตา ห้วยมุ่น ไร่ม่วง นางแล ภูแล แตงโมรสชาติอร่อยหลากหลายสายพันธุ์ ส้มโอท่าข่อย ขาวแตงกวา ลิ้นจี่ฮงฮวย องุ่น องุ่นไร้เมล็ด ฯลฯ ๒.๓ หอมหวาน สุดยอดราชาราชินีผลไม้ ทุเรียน มังคุด ประกอบด้วย ทุเรียน หลิน หลง พวงมณี ก้านยาว นกกระจิบ หมอนทอง ชะนีไข่ มังคุดหวานอร่อย ๒.๔ ใหม่สดปลอดภัย ผักอินทรีย์ กล้วยหอมทองส่งออก ผลไม้แปรรูป ประกอบด้วย กล้วยหอมทองคุณภาพส่งออก สละอินโด ลำไยอบแห้งสีทอง และสินค้าเกษตรแปรรูปทุกชนิดพร้อมพืชผักปลอดภัยไร้สารพิษจากโครงการหลวงฯ พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร และผักพื้นบ้านจากภาคใต้ ๓. ยอดจำหน่าย ผู้เข้าร่วมชมงาน และกิจกรรม ๓.๑ ยอดจำหน่ายสินค้ารวม ๒๕,๓๙๔,๖๙๗ บาท ยอดผู้เข้าร่วมชมงานรวมทั้งสิ้น ๑๒๗,๐๕๒ คน ๓.๒ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในการวางแผนต่อยอดธุรกิจและเข้าถึงแหล่งทุน จำนวน ๗๐ ราย วงเงิน ๑๑๑.๗๐ ล้านบาท ๓.๓ การเจรจาธุรกิจ มีผู้แทนจากห้างร้านต่าง ๆ เช่น โลตัส ท๊อป แม็คโคร และบิ๊กซี มาเจรจาธุรกิจกับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่มาออกบูท
|
||||||||||||||||||
23527 | ผลการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีด้านการคมนาคมไทย - เวียดนาม | คค | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีด้านการคมนาคมไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมการประชุมฯ เพื่อหารือและติดตามความคืบหน้าในประเด็นด้านการคมนาคมตามผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การอำนวยความสะดวกการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ภายใต้กรอบ GMS ฝ่ายไทยแจ้งว่าได้ให้สัตยาบันภาคผนวกและพิธีสารแนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครบทั้ง ๒๐ ฉบับแล้ว และขอให้ฝ่ายเวียดนามอำนวยความสะดวกให้แก่รถขนส่งสินค้าของไทยที่ผ่านลาวไปเวียดนามด้วย ส่วนฝ่ายเวียดนามขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาประเด็นการรวมเส้นทาง R8 และ R12 ให้อยู่ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) ๒. การเปิดให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยที่จะให้มีการเปิดให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม และให้มีการจัดทำความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางไทย-เวียดนาม โดยฝ่ายไทยได้ยกร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว-ไทย-เวียดนาม เรียบร้อยแล้ว และจะส่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้เวียดนามพิจารณาและเชิญลาวเข้าร่วมประชุมคณะทำงานสามฝ่ายเพื่อพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ครั้งที่ ๑ ซึ่งฝ่ายเวียดนามรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว สำหรับประเด็นเกี่ยวกับเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางจะพิจารณาเริ่มดำเนินการเดินรถในเส้นทางที่มีความเป็นไปได้สูง คือ เส้นทางนครพนม-คำม่วน-ฮาติงห์ โดยฝ่ายไทยเสนอให้เพิ่มเส้นทางอื่นจากไทยไปยังภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนามด้วย ๓. การเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเลจากภาคตะวันออกของไทยไปภาคใต้ของเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของการเดินเรือชายฝั่ง และจะเป็นภาพจัดการประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย ครั้งที่ ๑ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ เพื่อพิจารณาร่างขอบเขตการดำเนินงานของคณะทำงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเดินเรือชายฝั่ง รวมถึงพิจารณาขนาดของเรือขนส่งสินค้าและปริมาณสินค้าด้วย ๔. การลงนามในข้อตกลงเพื่อรับรองประกาศนียบัตรของคนประจำเรือระหว่างกันตามข้อกำหนดของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการฝึกการออกประกาศนียบัตรและการเข้ายามของคนประจำเรือ (The Recongnition of Certificate of Professional Competence for crew members under the Standard of Training, Certificate and Watchkeeping for Seafarers : STCW) ฝ่ายเวียดนามแจ้งว่าได้ส่งร่างข้อตกลงฯ ให้ฝ่ายไทยพิจารณาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการภายในเพื่อลงนามในข้อตกลงฯ และคาดว่าจะสามารถลงนามได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๕. ความร่วมมือด้านการบิน ฝ่ายเวียดนามขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาประเด็นเรื่องการจัดสรรเวลาเข้าออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต และการเรียกเก็บค่าบริการ ณ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ในประเทศไทย รวมถึงการผ่อนผันในการสลับใช้อากาศยาน นักบินและลูกเรือ ให้แก่สายการบิน ไทยเวียดเจ็ท แอร์ และสายการบิน เวียดเจ็ท แอร์ ซึ่งฝ่ายไทยรับที่จะนำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณา เนื่องจากประเด็นดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อกฎระเบียบทางการบินและหลักการถือปฏิบัติโดยเท่าเทียมกัน หากไม่ขัดต่อกฎระเบียบใด ๆ กระทรวงคมนาคมยินดีให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ จะแจ้งผลให้สายการบิน ไทยเวียดเจ็ท แอร์ ทราบในโอกาสแรกต่อไป |
||||||||||||||||||
23528 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2558) | ทส | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในไตรมาสที่ ๑-๒ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) คิดเป็นร้อยละ ๔๒ จำนวน ๑๓,๓๐๖.๕๒ ล้านบาท ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้มีการประชุมในระดับทวิภาคีและระดับรัฐมนตรีกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งมีการสัมมนาระดับสูง ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๕ อย่างเคร่งครัด และดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขการทุจริตและประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม รวมทั้งมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามหลักการ ๓ ประการ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗) โดยเคร่งครัด ๒. ประเด็นเรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม การพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค น้ำดื่มสะอาดให้แก่โรงเรียน และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งดำเนินโครงการคืนคลองให้น้ำไหล คืนความใสให้แม่น้ำทั่วประเทศ และการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ปี ๒๕๕๘ มีเป้าหมายส่งมอบที่ดิน จำนวน ๑๖๐,๓๒๗ ไร่ และเตรียมพื้นที่สำหรับดำเนินการจัดที่ดินทำกินชุมชน ระยะที่ ๒ ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ๕๑,๙๒๙ ไร่ รวมทั้งดำเนินโครงการสนับสนุนป่าพื้นบ้านธนาคารอาหารชุมชน (FOOD BANK) ในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด ๒๖๐,๐๐๐ ไร่ ๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้ดำเนินการจัดทำโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ในระยะยาว ๑๕ ปี จำนวน ๑๙ พื้นที่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒ โครงการ ๘ พื้นที่ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และดำเนินโครงการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งการจัดการที่ยั่งยืน ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้มีการประสานการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๖๑๗ เรื่อง และมีการประสานแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ นำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการแล้ว ๒.๓ ด้านกฎหมาย การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้านสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วน และจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย รวมจำนวน ๑๘ ฉบับ และมีกฎหมายที่ประกาศใช้แล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||
23529 | สรุปผลการประชุม 2015 OSCE - Asian Conference ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม 2015 OSCE-Asian Conference ระหว่างวันที่ ๑-๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุม 2015 OSCE-Asian Conference จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “The Changing Global Security Environment and Visions of Multilateral Security Co-operation in Asia” ประกอบด้วยระเบียบวาระการประชุม ๓ วาระ ได้แก่ (๑) การต่อต้านลัทธิสุดโต่งและการส่งเสริมแนวทางสายกลางและความอดกลั้น (๒) ความร่วมมือด้านการลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและความมั่นคงทางไซเบอร์ และ (๓) การหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงในเอเชียกับองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization of the Security and Cooperation in Europe : OSCE) ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ OSCE มีบทบาทมากขึ้นในการรับมือกับประเด็นท้าทายด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคและระดับโลก การผลักดันความร่วมมือระหว่าง OSCE กับไทยและอาเซียนในประเด็นที่ไทยและ OSCE ให้ความสำคัญ ได้แก่ การต่อต้านลัทธิสุดโต่ง การลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การต่อต้านการค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ รวมทั้งได้เน้นย้ำเจตนารมณ์ของไทยที่จะมีความร่วมมืออย่างแข็งขันกับ OSCE ต่อไป ๓. นายสุริยา จินดาวงษ์ รองอธิบดีกรมอาเซียน ได้ร่วมอภิปรายในวาระที่ ๓ เพื่อย้ำบทบาทของไทยในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศเดียวใน OSCE รวมทั้งผลักดันให้ไทยมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวเชื่อมระหว่าง OSCE กับอาเซียน และ ASEAN Regional Forum (ARF) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเพื่อยกระดับบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีพหุภาคี
|
||||||||||||||||||
23530 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 5 | กค | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๕ (PGS 5) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ ปี ๒๕๕๖ บรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน ๑๘,๒๓๙ ราย วงเงิน ๖๑,๕๐๓ ล้านบาท และปี ๒๕๕๗ มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน ๒๑,๐๓๐ ราย วงเงิน ๕๔,๐๔๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา ๒ ปี บสย. มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อรวมจำนวน ๓๙,๒๖๙ ราย วงเงิน ๑๑๕,๕๕๐ บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน จำนวน ๑๙๕,๒๕๕ ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน จำนวน ๘๒๖,๓๔๐ คน ๑.๒ ปัจจุบันโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 5 มีภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPGs) อยู่ที่ร้อยละ ๘.๕ ของภาระค้ำประกันทั้งหมด โดย บสย. ได้ขอรับการชดเชยความเสียหายจากรัฐบาลตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๑,๒๒๕.๔ ล้านบาท แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ บสย. เร่งดำเนินการร่วมกับสถาบันการเงินในการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ PGS ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม รวมทั้งบริหารจัดการภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPGs) ไม่ให้เร่งตัวขึ้นจนกลายเป็นภาระของรัฐบาลในการสนับสนุนการดำเนินโครงการ PGS ในระยะต่อไป ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23531 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 1,075 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการ ขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการ เพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนด มาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | อส | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๑,๐๗๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการ เพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
23532 | การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยกระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติให้ พลตำรวจเอก ชัชวาล สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมการศึกษาดูงานศูนย์การสื่อสารของตำรวจนครลอสแองเจลิส และศึกษาดูงานวิธีการจัดหลักสูตรฝึกอบรม รวมทั้งเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการค้ามนุษย์ ณ กรมตำรวจนครลอสแอนเจลิส (LOS ANGELES POLICE DEPARTMENT : LAPD ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (รวมวันเดินทางไป-กลับ) ซึ่งการศึกษาดูงานและอบรมดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภารกิจของกระทรวงยุติธรรมในด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมถึงเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการต่อต้านการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศึกษาดูงานและอบรมจะเบิกค่าใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง ของกองคลัง กรณีรายการตามนโยบายที่สำคัญ เร่งด่วน/ฉุกเฉิน จำเป็น เร่งด่วน จำนวน ๖๕๕,๙๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||
23533 | ร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน | พม | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน และให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติ ๑.๑ หน่วยงานต้องมีการจัดทำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในการทำงานที่ครอบคลุมบุคลากรทุกคนที่ทำงานในหน่วยงาน รวมทั้งผู้ที่มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน เช่น นักศึกษาฝึกงาน ผู้รับจ้าง ฯลฯ โดยให้บุคลากรในหน่วยงานได้มีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และยอมรับ รวมทั้งต้องประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักแก่บุคลากรทุกคนในหน่วยงานได้รับทราบและถือปฏิบัติ ๑.๒ หน่วยงานต้องแสดงเจตนารมณ์อย่างจริงจังในการส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างบุคคล เพื่อให้บุคลากรปฏิบัติต่อกันอย่างให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเน้นการป้องกันปัญหาเป็นพื้นฐานควบคู่กับการปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ ๑.๓ หน่วยงานต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ และแนวทางในการแก้ไขในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น รวมทั้งกำหนดให้เป็นประเด็นหนึ่งในหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ การจัดสถานที่ทำงานเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ เช่น จัดห้องทำงานที่เปิดเผย โล่ง มองเห็นกันได้ชัดเจน เป็นต้น ๑.๔ การแก้ไขและจัดการปัญหาอาจใช้กระบวนการอย่างไม่เป็นทางการ เช่น การพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร การประนอมข้อพิพาท ฯลฯ เพื่อยุติปัญหา หากกระบวนการไม่เป็นทางการไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงจะเข้าสู่กระบวนการทางวินัยตามกฎหมายที่หน่วยงานนั้นถือปฏิบัติอยู่ ๑.๕ การแก้ไขและจัดการปัญหาต้องดำเนินการอย่างจริงจังโดยทันที และเป็นไปตามเวลาที่กำหนดในแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในการทำงาน และต้องเป็นความลับ เว้นแต่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายยินดีให้เปิดเผย รวมทั้งให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน กรณีที่ขยายเวลาออกไปต้องมีเหตุผลที่ดีพอ ๑.๖ กรณีที่มีการร้องเรียนหรือการรายงานเรื่องนี้ ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย ประธานคณะทำงานที่มีตำแหน่งสูงกว่าคู่กรณี บุคคลจากหน่วยงานต้นสังกัดของคู่กรณี โดยมีตำแหน่งไม่ต่ำกว่าคู่กรณี บุคคลที่มีผลงานด้านการแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศจนเป็นที่ประจักษ์ โดยอาจมีบุคคลที่มีเพศเดียวกับผู้เสียหายไม่น้อยกว่าหนึ่งคน และให้มีบุคคลที่ผู้เสียหายไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังในการสอบข้อเท็จจริงได้ หากต้องมีการดำเนินการทางวินัย ขอให้คณะทำงานนำข้อมูลเสนอผู้บริหารประกอบการดำเนินการทางวินัย ๑.๗ หน่วยงานต้องติดตามผลการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในการทำงานอย่างต่อเนื่อง และรายงานต่อคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ๒. มอบหมายให้กระทรวงแรงงานขอความร่วมมือหน่วยงานภาคเอกชนรับร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานไปดำเนินการตามความเหมาะสม |
||||||||||||||||||
23534 | ผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2558 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๒๘ เมษายน-๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ เมื่อวันที่๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยได้มีการหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑.๑ การทูตเชิงเศรษฐกิจ ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลเพื่อให้การดำเนินการด้านการต่างประเทศสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มพูนขีดความสามารถของภาคธุรกิจไทยภายใต้บริบทใหม่ ๆ ของเศรษฐกิจโลก เช่น การเกิดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศใหม่ ๆ การส่งเสริมความเชื่อมโยงในด้านต่าง ๆ รวมถึงแนวทางการแปลงนโยบายของรัฐบาลสู่การปฏิบัติ และการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ๑.๒ เศรษฐกิจดิจิทัลและการทูตวิทยาศาสตร์ ได้มีการนำเสนอและอภิปรายเรื่องการนำนวัตกรรมโลกสู่เศรษฐกิจดิจิทัลไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย โดยมุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการนำองค์ความรู้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษามาสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยให้เข้มแข็งและก้าวหน้า ๑.๓ การพัฒนาพื้นที่ชายแดน เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการแก้ไขปัญหาข้ามแดน ที่ประชุมฯ เห็นพ้องว่าต้องเร่งพัฒนาพื้นที่ชายแดนและส่งเสริมให้เป็นชายแดนแห่งความร่วมมือ โดยเฉพาะการผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนต้องบูรณาการการทำงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข้ามแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์ ๑.๔ การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย ได้มีการบรรยายพิเศษเรื่องการท่องเที่ยววิถีไทย อาทิ การส่งเสริมเอกลักษณ์และจุดเด่นของไทย การส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่คุ้มค่าเงิน (Value for Money) และการเพิ่มระดับการรับรู้ว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Quality Destination) ซึ่งจะยกระดับการท่องเที่ยววิถีไทยอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะยาว ๑.๕ การส่งเสริมการจัดงานกิจกรรมและการจัดแสดงนิทรรศการ ได้มีการบรรยายพิเศษเรื่องยุทธศาสตร์การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานกิจกรรมทางธุรกิจและการจัดแสดงนิทรรศการของภูมิภาคเอเชีย เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก และส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของนานาประเทศต่อประเทศไทย ๒. กิจกรรมอื่น ๆ ในระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ การกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation : OIC) การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและบริการของไทย และการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
|
||||||||||||||||||
23535 | แถลงการณ์ร่วมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแถลงการณ์ร่วมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางการริเริ่มการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามที่ปรากฏอยู่ใน Japan-Thailand Joint Press Statement ซึ่งเป็นผลจากการประชุม Thailand-Japan Summit Meeting ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นการพัฒนาความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระหว่างภาคธุรกิจ การวิจัยและพัฒนา สถาบันการศึกษา นโยบายรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแล และองค์การอื่น ๆ ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศและบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองฝ่าย และเพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การขยายกิจกรรมความร่วมมือด้านความปลอดภัยด้านไซเบอร์ระหว่างสองประเทศเพื่อยกระดับความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||
23536 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยไตรมาส 1 ปี 2558 | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทย ภาพรวมการส่งออกของไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ ยังคงหดตัว ขณะที่สถานการณ์ส่งออกเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ สถานการณ์ในภาพรวมดีขึ้น รวมไปถึงไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในตลาดสำคัญไว้ได้ โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท การส่งออกไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑,๗๓๒,๔๙๓ ล้านบาท ลดลงร้อยละ -๔.๔๔ การนำเข้ามีมูลค่า ๑,๗๐๖,๒๐๕ ล้านบาท ลดลงร้อยละ -๖.๑๓ ส่วนมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๕๓,๓๖๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๔.๖๙ การนำเข้ามีมูลค่า ๕๑,๙๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๖.๔๓ สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ -๙.๒ ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ -๒.๒ จากปัจจัยหลักคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงทรุดตัวลง ๒. ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกของไทย การส่งออกของไทยที่ยังคงหดตัว เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าของไทยในปัจจุบันที่ชะลอตัว เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดโลกยังคงลดลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอาเซียนที่มีมูลค่าการนำเข้ารวมจากทั่วโลกลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออก ได้แก่ ปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวทำให้ความต้องการสินค้าลดลง ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศคู่ค้า/คู่แข่ง และการตัดสิทธิ GSP ในสภาพยุโรป เป็นต้น และปัจจัยภายใน เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ อาทิ กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ปลา การขาดแคลนแรงงาน และผลิตภาพไม่สูงเท่าที่ควร และการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงต่ำและได้สิทธิพิเศษทางภาษี เป็นต้น ๓. แนวทางในการดำเนินการด้านการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนการผลักดันการส่งออกเพิ่มเติม ได้แก่ จัดทำแผนงานรองรับในตลาดสำคัญ ผลักดันการส่งออกเป็นรายกลุ่มสินค้า อำนวยความสะดวกทางการค้าให้มากขึ้น ให้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาการค้าในระยะสั้นผ่านคณะกรรมการของทั้งสองฝ่ายจากแต่ละประเทศ รวมทั้งเพิ่มการทำ FTA กับประเทศใหม่ ๆ เพิ่มช่องทางการค้าผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีต้นทุนดำเนินธุรกิจต่ำสุด และร่วมกับภาคเอกชนรายใหญ่ผลักดันให้ SMEs ที่มีพัฒนาการแล้วสามารถขยายการค้าออกไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้นผ่านโครงการพี่จูงน้อง ๔. แนวโน้มการส่งออกของไทยในไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ แบ่งสถานการณ์เป็น ๓ กลุ่ม คือ (๑) สินค้าที่ขยายตัวในช่วงไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๗ และคาดว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และรถจักรยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น (๒) สินค้าที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น และ (๓) สินค้าที่มีแนวโน้มชะลอตัว ได้แก่ ยางพารา เคมีภัณฑ์เม็ด และผลิตภัณฑ์พลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เป็นผลมาจากการที่แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังชะลอตัว ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหดตัวสูงส่งผลให้ความต้องการสินค้าพืชพลังงานทดแทนลดลง
|
||||||||||||||||||
23537 | การจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับการดำเนินการให้หน่วยงานที่รัฐมนตรีกำกับดูแลจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และส่งข้อมูลให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในวันจันทร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีภายในปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23538 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาโครงสร้างองค์กร อำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยพิจารณาความเหมาะสมในการบูรณาการรวมหน่วยงานทั้งสองเข้าด้วยกัน และให้ กอ.รมน. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด หากพบว่ากองทุนหมุนเวียนใดใช้จ่ายเงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพให้พิจารณาระงับการใช้จ่ายเงินชั่วคราว รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้กองทุนที่มีรายได้หลักจากเงินที่เรียกเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีสุราและยาสูบเข้ามามีส่วนร่วมในการเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับแนวทางการสร้างท่าเทียบเรือยอร์ชและท่าเทียบเรือสำราญระหว่างประเทศขนาดใหญ่ ต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ ๒.๓ ให้กระทรวงพลังงานสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในกรณีที่ต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์โดยมิได้แสวงหาผลกำไร ๒.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบ โดยพิจารณาดำเนินการในรูปแบบกองทุนเพื่อทำหน้าที่ในการจัดการหรือช่วยเหลือเกษตรกรเกี่ยวกับสัญญาขายฝาก โดยกองทุนอาจเป็นผู้รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อให้เกษตรกรยังสามารถมีที่ดินทำกินต่อไปได้ ๒.๕ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับปรุงและควบคุมคุณภาพข้าวสารบรรจุถุงที่นำมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาให้ได้มาตรฐาน และไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาด รวมทั้งพิจารณาจัดหาสินค้าชนิดอื่นมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ในกรณีที่ส่วนราชการมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการมาตรการหรือโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก เช่น การหยุดส่งน้ำในพื้นที่ชลประทาน ให้ส่วนราชการเสนอมาตรการหรือแนวทางดำเนินการและวิธีการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนที่จะดำเนินการหรือประกาศใช้ต่อไป ๓.๒ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๒.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจและขุดแหล่งน้ำบาดาลเพิ่มเติม โดยเร่งดำเนินการในพื้นที่แล้งซ้ำซากก่อน รวมทั้งจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในทุกหมู่บ้าน ๓.๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรให้ชะลอการเพาะปลูก เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ในระดับวิกฤติและคาดว่ามีภาวะเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ๓.๒.๓ ให้กระทรวงกลาโหมสำรวจพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เช่น แหล่งกักเก็บน้ำ ความเสียหายที่ได้รับ ความต้องการของเกษตรกร แล้วจัดลำดับความเร่งด่วนของแต่ละพื้นที่เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยได้อย่างเหมาะสมต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดแนวเขตป่าไม้ใหม่ โดยจัดทำเป็นแผนที่ดิจิทัล มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งพัฒนาเป็นแอพพลิเคชันเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๓.๔ ให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมการใช้ถุงผ้าหรือวัสดุที่ย่อยสลายง่ายแทน โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมการผลิตสินค้าจากวัสดุที่ย่อยสลายง่ายหรือการนำวัสดุเหลือใช้มาผลิตใช้ใหม่ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ใช้วัสดุย่อยสลายง่ายหรือนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ เช่น การสนับสนุนด้านภาษี ๓.๕ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติซึ่งเคยมีการดำเนินงานมาก่อนหน้านี้แล้วว่า มีความครอบคลุมการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ตามนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ หากมีความจำเป็น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือกำหนดกลไกในการดำเนินงานเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป ๓.๖ ให้ทุกหน่วยงานติดตามตรวจสอบการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากพบว่า มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชนโดยทันที
|
||||||||||||||||||
23539 | วีดิทัศน์การปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดทำเป็นห้องประชุม ห้องรับรองผู้นำต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย รวมทั้งใช้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาล ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยประมาณการงบประมาณไว้ที่ ๑๕๐ ล้านบาท ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำรายละเอียดการปรับปรุงต่อเติมและงบประมาณเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
23540 | ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน (Memorandum of Understanding between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Energy of the Republic of the Union of Myanmar on Energy Cooperation) และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า (Memorandum of Understanding between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Electric Power of the Republic of the Union of Myanmar on Electric Power Cooperation) นั้น กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ กับฝ่ายเมียนมาแล้วเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยบันทึกความเข้าใจฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าได้มีการปรับแก้ถ้อยคำตามการร้องขอของฝ่ายเมียนมาก่อนการลงนามด้วย ๒. เห็นชอบแนวทางการทำความตกลงระหว่างประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับเป็นหลัก ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ในกรณีความร่วมมือโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำ ประโยชน์โดยตรงที่จะได้รับ คือ ความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า และประโยชน์ทางอ้อม คือ การต่อยอดนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในประเทศ ตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปประกอบการดำเนินการจัดทำความตกลงกับต่างประเทศในเรื่องต่าง ๆ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ (๙) โดยให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปโดยไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจที่แก้ไขก่อนลงนาม รวมทั้งต้องชี้แจงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผลประโยชน์ของประเทศว่าได้รับหรือเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงบันทึกความเข้าใจฯ
|
.....