ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1174 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23461 - 23480 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23461 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 1 ปี (ประจำปี พ.ศ. 2558) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - มีนาคม 2558) | นร11 | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการระยะ ๑ ปี (ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย ๑๑ ข้อของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐๑ โครงการ โดยมีโครงการที่สามารถดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย จำนวน ๑๕๗ โครงการ (คิดเป็นร้อยละ ๗๘.๑๒) และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย จำนวน ๔๔ โครงการ (คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๘๙) ๑.๒ ปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินแผนงาน/โครงการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น โครงการยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม โครงการยังอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการดำเนินโครงการ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบขาดองค์ความรู้ในการดำเนินโครงการ โครงการไม่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทำให้มีการเข้าร่วมโครงการต่ำ มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือพื้นที่ในการดำเนินการทำให้เกิดความล่าช้า รวมทั้งโครงการขาดความพร้อมในการดำเนินโครงการเนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง หรือยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือกับผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ เป็นต้น ๑.๓ ข้อเสนอแนะ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการคัดกรองแผนงาน/โครงการควรให้ความสำคัญกับการพิจารณา วิเคราะห์ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแผนงาน/โครงการให้มีความรอบคอบ รัดกุม คำนึงถึงศักยภาพของผู้ดำเนินโครงการในระดับปฏิบัติทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง นอกจากนี้ ควรเร่งรัดการดำเนินงานของโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในไตรมาสที่สองโดยเร็ว โดยเฉพาะการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย การเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง และการปรับปรุงรายละเอียดโครงการ และการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ในการดำเนินโครงการ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการแจ้งให้ส่วนราชการเตรียมการล่วงหน้าในการเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เช่น การหาพื้นที่ในการดำเนินการ การสร้างการรับรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วจะได้สามารถดำเนินการได้โดยทันทีจะได้ไม่ล่าช้า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
23462 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ รวม 2 ฉบับ | นร09 | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๒ ฉบับดังกล่าวเพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ |
|||||||||||||||||||||||||||
23463 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสะแบก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสะแบก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสะแบก เป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
23464 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | คค | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อขยายทางต่างระดับ บริเวณทางหลวงชนบท ชบ. ๓๐๐๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
23465 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | สว | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับกรณีการรักษาการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ตามมาตรา ๕๘ ได้บัญญัติให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้หมายความรวมถึงผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ด้วย และให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23466 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงสาธารณสุข จากนายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็น นายอำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23467 | ร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 รวม 7 ฉบับ | กษ | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๗ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าอากรและค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในเขตประมงน้ำจืดและเขตประมงทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องมือทำการประมงที่ต้องได้รับใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในเขตประมงน้ำจืดและเขตประมงทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในเขตประมงทะเลนอกชายฝั่ง พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด ขนาดของสัตว์น้ำที่ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกต้องได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้นำเข้าหรือส่งออกสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||
23468 | ขออนุมัติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันสำหรับงบประมาณปี พ.ศ. 2558 ภายหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 | กต | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันสำหรับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23469 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2558 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 | สลธ.คสช. | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23470 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2558 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง และคำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุม สถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | สลธ.คสช. | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๕๘ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
23471 | มาตรการสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม | วท | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) โดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเทคโนโลยีให้แก่ SMEs อย่างครบวงจร โดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษา รวมถึงการวิจัย พัฒนานวัตกรรมที่เหมาะสม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของ SMEs เฉพาะราย และให้การสนับสนุนในส่วนที่จำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของ SMEs แต่ละราย วงเงินงบประมาณในการดำเนินการ จำนวน ๕,๘๓๖.๑ ล้านบาท ระยะเวลา ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยงบประมาณในการดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๑๖๕ ล้านบาท ส่วนที่เหลือให้ใช้จ่ายจากที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นโครงการนำร่องในปีแรกก่อน ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดกลุ่ม SMEs เป้าหมายของโครงการและวงเงินสนับสนุนที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและศักยภาพของ SMEs ในแต่ละกลุ่ม รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายบริการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกให้กับ SMEs โดยเฉพาะการสรรหาบุคลากรทั้งที่ปรึกษาเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้มีจำนวนเพียงพอสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงาน และจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแผนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ ควรประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดและเชื่อมโยงการทำงานในการให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่ชัดเจนและเป็นระบบ เพื่อลดความทับซ้อนกับภารกิจ/แผนงาน/โครงการที่หน่วยงานอื่นดำเนินการอยู่แล้ว ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับหน่วยงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการดังกล่าว และจัดทำแผนปฏิบัติการ ซึ่งบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะการดำเนินการของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙) และช่วงการส่งต่อไปสู่การปฏิรูปและให้รัฐบาลต่อไป (ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นไป) โดยกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน สามารถติดตาม และประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเมื่อดำเนินโครงการนำร่องครบ ๑ ปี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23472 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 3 | กต | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม (Joint Cabinet Retreat : JCR) ครั้งที่ ๓ ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปฏิบัติตามผลการเยือนฯ และการประชุมร่วมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ได้แก่ การร่วมมือจัดกิจกรรมร่วมเพื่อฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ตลอดทั้งปี ๒๕๕๙ ๒. ความร่วมมือในด้านความมั่นคง ได้แก่ การจัดตั้ง Hotline ระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย การเริ่มเจรจาสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน การเร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านความมั่นคงด้านนโยบายระหว่างกระทรวงกลาโหม การขยายความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรไทยกับสถาบันป้องกันประเทศของเวียดนาม การยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามและป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์ โดยเน้นการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การจัดตั้งกลไกหารือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนาม รวมทั้งการยืนยันไม่อนุญาตให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ดินแดนของฝ่ายหนึ่งเพื่อดำเนินการต่อต้านรัฐบาลอีกฝ่ายหนึ่ง ๓. ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ได้แก่ การประสานทาง Hotline เมื่อมีการจับกุมเรือประมงและลูกเรือประมงเวียดนาม การจัดตั้งกลไกหารือสำหรับการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และความร่วมมือในการให้สัมปทานการประมง ๔. ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ได้แก่ การเพิ่มมูลค่าเป้าหมายการค้าเป็น ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๓ การเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้าและส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกัน การสนับสนุนการนำเข้าสินค้าประมง สินค้าเกษตร และน้ำมันดิบจากเวียดนาม การสนับสนุนและดูแลการลงทุนของภาคเอกชนของกันและกัน รวมทั้งการจัดตั้งกลไกปรึกษาหารือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนในแต่ละประเทศ ๕. ความร่วมมือด้านการเงิน ได้แก่ การร่วมหาแนวทางการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการประกอบธุรกิจ การสนับสนุนการเปิดสาขาธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติมระหว่างกัน รวมถึงธนาคารกรุงไทย จำกัด และการสนับสนุนให้บริษัทในเวียดนามใช้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุน ๖. ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร ได้แก่ การนำเข้า-ส่งออกผลไม้ระหว่างกัน การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร รักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตผลทางการประมง พัฒนามาตรฐานและคุณภาพผลไม้ รวมทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล ๗. ความร่วมมือด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือด้านวิชาการในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการให้เวียดนามขึ้นทะเบียนแรงงานเวียดนามที่สนใจมาทำงานในสาขาประมงในไทย ๘. ความร่วมมือด้านการคมนาคมและการเชื่อมโยง ได้แก่ การเร่งผลักดันการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับเวียดนาม และการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเลระหว่างภาคตะวันออกของไทย กัมพูชา และเวียดนาม การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินระหว่างกันและเที่ยวบินตรงระหว่างจุดหมายปลายทางใหม่ของสองประเทศ รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก และระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ ๙. ความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ การเพิ่มความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนทางวิชาการในสาขาที่ไทยและเวียดนามมีความเชี่ยวชาญ และสนับสนุนการเปิดภาควิชาการเรียนการสอนภาษาและวัฒนธรรมของกันและกัน ๑๐. ความร่วมมือระดับจังหวัด ได้แก่ การส่งเสริมการสถาปนาเมืองคู่มิตรระหว่างกัน ๑๑. การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ได้แก่ การร่วมมืออย่างสร้างสรรค์เพื่อบริหารจัดการแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน ๑๒. พัฒนาการในทะเลจีนใต้ ได้แก่ การให้ทุกฝ่ายมีความยับยั้งชั่งใจและแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธี ๑๓. ความร่วมมืออื่น ๆ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและกีฬา และการสนับสนุนบทบาทของสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม และสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย |
|||||||||||||||||||||||||||
23473 | รายงานผลการจัดจ้างรายการค่าก่อสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 150 ปี ระยะที่ 2 | สกช | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สภากาชาดไทยรายงานผลการจัดจ้างรายการค่าก่อสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ๑๕๐ ปี ระยะที่ ๒ โดยได้ดำเนินการประกวดราคาเพื่อจัดจ้างค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าวแล้วโดยมีราคากลาง จำนวน ๕,๔๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และได้ผู้รับจ้างที่มีคุณสมบัติและรายละเอียดของงานถูกต้องตามเงื่อนไขในเอกสารการจัดจ้างแล้ว ในราคาจำนวน ๕,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาและเห็นชอบความเหมาะสมของราคาแล้ว โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๔,๓๖๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๑,๐๙๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๔๗๖,๕๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีกจำนวน ๓,๘๘๗,๔๘๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23474 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (จำนวน 5 คน 1. นายอำพน กิตติอำพน ฯลฯ) | สวพส. | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์อุณารุจ บุญประกอบ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร ๓. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษฏ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาสังคม ๔. นายสุทัศน์ ปลื้มปัญญา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมิใช่ข้าราชการ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานภาครัฐ ๕. นายอัชพร จารุจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการ หรือกฎหมาย ซึ่งมิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงาน ในหน่วยงานของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23475 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นายจำเริญ โพธิยอด) | คค | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งนายจำเริญ โพธิยอด ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23476 | การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ (เพิ่มเติมองค์ประกอบ) | กค | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ โดยเพิ่มอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการ และผู้แทนกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23477 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) (นายอัครเดช เจิมศิริ) | มท | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัครเดช เจิมศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23478 | การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 รายจ่ายลงทุน ที่ก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 | นร07 | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากผลผลิตพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน งบลงทุน รายการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายในผลผลิตการประสานงานกับส่วนราชการในพระองค์และการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23479 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าระหว่างไทยกับปากีสถาน ครั้งที่ 3 | พณ | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อท่าทีไทยสำหรับการหารือกับปากีสถาน ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกาศเปิดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-ปากีสถาน และการหารือเพื่อกำหนดแนวทางการเจรจา ความร่วมมือด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ความร่วมมือด้านอาหาร เกษตร และประมง ความร่วมมือด้านสาขายานยนต์และชิ้นส่วน ความร่วมมือด้านสาขาสุขภาพและบริการที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือด้านสิ่งทอ และความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงอิสลามาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเปิดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-ปากีสถาน ที่เห็นควรเสนอให้ทั้งสองฝ่ายมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนศึกษาด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านทางประตูส่งออกที่มีศักยภาพและการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงทางการค้าระหว่างกันควบคู่กันไปด้วย และความร่วมมือด้านอาหาร เกษตร และประมง เห็นควรส่งเสริมความร่วมมือด้านการรับรองมาตรฐานและการตรวจรับรองตราฮาลาลร่วมกันเพื่อเป็นฐานสนับสนุนการพัฒนาการค้าระหว่างไทยและปากีสถานซึ่งมีประชากรส่วนมากเป็นชาวมุสลิม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. หากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ ๑ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับปากีสถาน โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการตกลงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ ๓ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน |
|||||||||||||||||||||||||||
23480 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 48 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๔ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองในระหว่างวันที่ ๔-๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญ และการร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของประเทศไทยในการสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ ในกรอบอาเซียน รวมทั้งการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาในกรอบต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ตลอดจนร่วมกันแก้ไขปัญหาท้าทายที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคในภาพรวม และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพระหว่างกัน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิตที่ทันสมัย รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ กลุ่ม High-Tech Industry เช่น ชิ้นส่วนอากาศยาน และ Embedded System ในลักษณะของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์ (Internet of Things : IoT) กลุ่ม Green Industry และกลุ่ม Creative Industry เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ภายหลังการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เห็นควรให้เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างอาเซียนกับกลไกความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค ทั้งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration) ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
.....