ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1172 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23421 - 23440 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23421 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23422 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติ การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557) | กค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ พ.ศ. ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาเกี่ยวกับการซ้ำซ้อนในสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งหากเห็นว่า ไม่มีความซ้ำซ้อนในเรื่องดังกล่าวก็ให้ดำเนินการต่อไป โดยกระทรวงการคลังอาจพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติให้ผู้ที่ขอกลับไปใช้สิทธิบำเหน็จบำนาญข้าราชการคืนสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินสะสมส่วนเพิ่มที่ได้ได้รับกลับมาให้แก่รัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับข้าราชการที่ไม่เคยเข้าเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและข้าราชการที่ยังคงเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งรัดพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนกรณีการงดจ่ายเงินบำนาญและเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญและเรียกเงินเบี้ยหวัดและเงินค่าครองชีพคืน โดยให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
23423 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ | คค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยกระทรวงคมนาคมได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า มาตรการต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับและเป็นภารกิจของหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการจำนวนมาก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอไว้ชั้นหนึ่งก่อน และให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ ให้ครบถ้วน แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งภายใน ๒๐ วัน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เพื่อที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23424 | ขอความเห็นชอบในการดำเนินการจัดทำความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ | คค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในการดำเนินการจัดทำความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ รวม ๔ ฉบับ และใช้เป็นท่าทีของไทยในการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ความตกลงทวิภาคีด้านการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-กัมพูชา มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับสำหรับการขนส่งระหว่างไทย-กัมพูชา ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เส้นทางจุดผ่านแดนสิทธิการจราจร/ประเภทของการขนส่ง การขนส่งสินค้า/การขนส่งผู้โดยสาร ประเภทของรถ เอกสารสำหรับการขนส่ง ผู้ประกอบการขนส่ง ข้อกำหนดทางเทคนิคของรถ การขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย การขนส่งสินค้าอันตราย พิธีการตรวจปล่อยบริเวณชายแดน การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กร/คณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อน/แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามความตกลง เป็นต้น ๑.๒ การปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-ลาว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงรายละเอียดเกี่ยวกับจุดผ่านแดน พาหนะในการขนส่ง ข้อกำหนดทางเทคนิคของพาหนะในการขนส่ง เอกสารประจำยานพาหนะขนส่ง การกำหนดเส้นทางขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ และการประกอบการขนส่ง ๑.๓ การจัดทำความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดสำหรับการดำเนินการเดินรถโดยสารประจำทาง ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ขอบเขตของความตกลง สิทธิการจราจร คำนิยาม การขนส่งผู้โดยสารประจำทาง ผู้ประกอบการ การยอมรับร่วมกัน ข้อกำหนดทางเทคนิค การยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ การประกันภัยภาคบังคับ การยอมรับใบอนุญาตขับขี่ การอนุญาตนำรถเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว เอกสารจำเป็นสำหรับการขนส่ง ภาษาที่ใช้ในเอกสาร กฎระเบียบเกี่ยวกับการจราจรและความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกในพิธีการข้ามแดน การจัดการองค์กร การระงับข้อพิพาท การมีผลบังคับใช้การแก้ไขความตกลง ความสัมพันธ์กับความตกลงระหว่างประเทศอื่น และระยะเวลาและการยกเลิกความตกลง เป็นต้น ๑.๔ การจัดทำความตกลงยานยนต์ระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย สำหรับการกำกับดูแลการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าบรรทุกระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการดำเนินการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศภาคีความตกลง ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ คำนิยามศัพท์ พาหนะ หนังสืออนุญาต เอกสารที่จำเป็น หนังสือเดินทางและวีซ่า ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ประกันภัย การใช้กฎหมายภายใน และการระงับข้อพิพาทและถอนการเป็นสมาชิก เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงคมนาคมสรุปรวบรวมรายละเอียดของการจัดทำความตกลงดังกล่าวโดยกำหนดแผนงาน วิธีการ และกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการต่อไป และรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรระบุเส้นทางเดินรถในความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม ควรเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับภาคกลางของเวียดนาม โดยคำนึงถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความพร้อมด้านสภาพภูมิประเทศของเส้นทางดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวังและการตรวจตราการเข้าออกของคน พาหนะและสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการพิจารณาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของประเทศ ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23425 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู และความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้นโจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | วธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอเปลี่ยนชื่อความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู เป็นความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู (Agreement on Interinstitutional Cooperation in Museology and Museography between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture of the Republic of Peru) ๑.๒ เห็นชอบการยกระดับและการปรับแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (Agreement between the Kingdom of Thailand and the Republic of Peru on Cooperation in the fields of Protection, Conservation, Recovery and Return of Cultural, Archaeological, Artistic and Historical Property that has been Robbed, Stolen, Exported or Illegally Transferred) จากระดับกระทรวงเป็นระดับรัฐบาล ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในความตกลงทั้งสองฉบับตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ๒. กรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถ้อยคำของความตกลงฯ หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ก็ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว แต่หากการปรับเปลี่ยนขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการโดยห้ามมิให้แก้ไขหรือลงนามก่อนคณะรัฐมนตรีอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ |
|||||||||||||||||||||
23426 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่าง เด็กหญิงพรทิพย์ เซ๊ะวิเศษ โดยนางสาวสุมีหลา เชยเอี่ยม ที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่าง เด็กหญิงพรทิพย์ เซ๊ะวิเศษ โดยนางสาวสุมีหลา เชยเอี่ยม ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๙ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23427 | การลงนามในข้อตกลงการดำเนินงานกับกองทุนโลก (The Global Fund) สำหรับโครงการยุติปัญหาเอดส์และหยุดยั้งวัณโรค พ.ศ. 2558 - 2559 | สธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามในข้อตกลงด้านการดำเนินงานร่วมกับกองทุนโลก (The Global Fund) สำหรับโครงการยุติปัญหาเอดส์และหยุดยั้งวัณโรค พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยสาระสำคัญของข้อตกลงฯ มีประเด็นสำคัญเพิ่มเติมจากข้อตกลงเดิมเกี่ยวกับการขอรับทุน โดยให้ประเทศผู้รับทุนพิจารณาให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน (Privileges and Immunities) และการขอให้ยกเว้นทั้งในส่วนภาษีการนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการใช้จ่ายเงินทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก ๑.๒ มอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค เป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงนามในข้อตกลงฯ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับกฎหมายปัจจุบัน และตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต้องสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ ที่เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมายเรื่องใดที่ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ไม่ให้มีบทบัญญัติกำหนดยกเว้นภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร ดังนั้น หากกระทรวงสาธารณสุขจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเกินกว่าขอบเขตของกฎหมายตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ ก็เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้ได้ข้อยุติร่วมกัน และกระทรวงการคลังจะเป็นหน่วยงานนำเสนอมาตรการภาษีพร้อมร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23428 | ผลการพิจารณาต่อรองราคาค่าก่อสร้างจากงานแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่าง ๆ งานสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาราคาค่าก่อสร้างจากงานแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ งานสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรอบวงเงินตามที่บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (ที่ปรึกษางานทบทวนและออกแบบรายละเอียดของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ได้ประมาณราคาค่าก่อสร้างจากงานแก้ไขแบบรายละเอียดของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ โดยศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ตรวจสอบความเหมาะสมแล้ว เป็นจำนวน ๗,๖๕๑,๙๐๘,๙๗๑.๒๕ บาท (สัญญาที่ ๑ จำนวน ๔,๓๐๕,๔๑๘,๖๘๑.๒๐ บาท และสัญญาที่ ๒ จำนวน ๓,๓๔๖,๔๙๐,๒๙๐.๐๕ บาท) ๑.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เจรจากับผู้รับจ้างของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ แล้ว โดย (๑) กิจการร่วมค้า เอส ยู ผู้รับจ้างงานสัญญาที่ ๑ ยืนยันราคา จำนวน ๔,๒๙๑,๔๐๖,๐๐๐.๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีและกรอบวงเงินที่ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ได้ตรวจสอบความเหมาะสมแล้ว และ (๒) บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างสัญญาที่ ๒ ยืนยันราคา จำนวน ๓,๓๔๐,๕๑๒,๕๐๕.๓๖ บาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีและกรอบวงเงินที่ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ได้ตรวจสอบแล้ว ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งเจรจาต่อรองราคาสัญญาที่ ๓ งานจัดหาระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้ากับผู้ยื่นข้อเสนอราคาตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการเจรจาต่อรองราคางานจัดหาระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการฯ กับผู้ยื่นข้อเสนอราคา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับแหล่งเงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับระยะเวลาของแผนงานโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23429 | การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารจัดเก็บและอนุรักษ์วัตถุและเอกสารสำคัญที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการ (อาคาร จปร. เดิม) | กค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารจัดเก็บและอนุรักษ์วัตถุและเอกสารสำคัญที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการ (อาคาร จปร. เดิม) โดยเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินเดิม ๓๙,๐๐๓,๐๐๐ บาท เป็น ๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จำนวน ๗,๖๙๘,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๒,๓๐๑,๔๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างฯ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมฯ เป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ จึงเป็นรายการที่อยู่นอกแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปกติ จึงเห็นควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเร่งรัดดำเนินการและลงนามก่อหนี้ผูกพันโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||
23430 | ขออนุมัติลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงสามฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย | นร11 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกแสดงเจตจำนงสามฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทวาย มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นร่วมกันทั้งสามฝ่าย คือ ไทย ญี่ปุ่น และเมียนมา ในการร่วมมือพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน และจะเป็นการเข้าร่วมพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของโครงการตามที่ฝ่ายไทยและเมียนมามีหนังสือเชิญตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างบันทึกฯ มีการระบุเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและสัดส่วนผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) ดังนั้น ภายหลังการลงนามในครั้งนี้ หากมีการกำหนดรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวร่วมกับเมียนมาและญี่ปุ่นแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาพร้อมกับบันทึกความเข้าใจที่จะต้องลงนามในขั้นตอนถัดไป และรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างบันทึกฯ ระบุอย่างชัดเจนในวรรคสุดท้ายก่อนช่องลงนามว่า ร่างบันทึกฯ ฉบับนี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น ร่างบันทึกฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ การลงนามร่างบันทึกฯ จึงไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ไปดำเนินการต่อไป ๓. ให้ทุกหน่วยงานที่จะมีการจัดทำหนังสือสัญญาที่ก่อให้เกิดพันธกรณีระหว่างประเทศดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยการดำเนินการจัดทำหนังสือสัญญาดังกล่าว เช่น การลงทุนร่วมกับต่างประเทศ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการลงนามทุกครั้ง รวมทั้งในกรณีที่มีการปรับปรุงสาระสำคัญของหนังสือสัญญา ห้ามมิให้แก้ไขหรือลงนามไปก่อนที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการปรับเปลี่ยน |
|||||||||||||||||||||
23431 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน | มท | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ชั้นหนึ่งก่อน ดังนี้ ๑.๑ กรมที่ดินได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวม ๒ คณะ ได้แก่ (๑) คณะทำงานกำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติในการทบทวนกระบวนการจัดที่ดินผืนใหญ่ การดำเนินการโฉนดชุมชน และนโยบายเรื่องอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน และ (๒) คณะทำงานกำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลที่ดินกลางและปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ (Reshape) ๑.๒ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินได้จัดทำกรอบแนวทางการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยจะประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำสรุปผลการดำเนินการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๒๐ วัน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เพื่อที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23432 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยจัดทำเป็นร่างกฎกระทรวงฉบับแก้ไขเพิ่มเติมแทนฉบับปรับปรุง เนื่องจากเป็นการแก้ไขชื่อส่วนราชการเพียงส่วนราชการเดียว รวมทั้งได้แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงให้สอดคล้องกับรูปแบบของร่างกฎกระทรวงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และได้แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะถ้อยคำ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23433 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติ สรุปได้ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กรมป่าไม้ยกร่างกฎกระทรวงและระเบียบกรมป่าไม้ที่จะออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่ก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็น และควรให้บริการประชาชนในลักษณะแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services) ๒. กรมป่าไม้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงสร้างของกรมป่าไม้ใหม่ โดยได้ดำเนินการจัดทำคำขอจัดตั้งหน่วยราชการในภูมิภาค (ป่าไม้จังหวัด) แล้ว โดยได้รับคำแนะนำจากสำนักงาน ก.พ.ร. ว่าให้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของกรมป่าไม้ในภาพรวมทั้งหมดในคราวเดียว ๓. กรณีที่ราษฎรครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้อง แล้วได้ทำการปลูกป่า จะต้องพิจารณาในข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใด เช่น กรณีเป็นที่ดินที่ไม่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งอาจอยู่ในข่ายที่สามารถขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายที่ดินได้ ราษฎรต้องไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของกรมที่ดินในท้องที่นั้น หรือกรณีเป็นที่ดินที่เคยได้รับหนังสืออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้ว แต่ครบกำหนดเวลาการอนุญาตไปแล้ว ต้องติดต่อกรมป่าไม้เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งหากหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินที่ราษฎรครอบครองอยู่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ ควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ดินดังกล่าวแจ้งเรื่องมาที่กรมป่าไม้เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินำเสนอให้ที่ประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาต่อไป ๔. มอบหมายให้กรมป่าได้ดำเนินการบรรจุเรื่องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้ในคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๙ โดยได้เตรียมการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของกรมป่าไม้และจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่แก่ประชาชนด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
23434 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. การไปตรวจเยี่ยมกองกำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในต่างประเทศของฝ่ายอำนวยการเป็นครั้งคราวนั้น ไม่สามารถขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ๒. ผู้ที่สนับสนุนทางการเงินให้กับรัฐบาลหรือพรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่มีสิทธิได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน เนื่องจากไม่มีรายชื่อและไม่มีหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ ๓. สำหรับผู้ที่จะได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกระเบียบเพื่อให้เกิดความชัดเจนในคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับพระราชทาน กล่าวคือ จะต้องมีรายชื่อบรรจุปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ อย่างน้อยสี่เดือน
|
|||||||||||||||||||||
23435 | การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับกรอบการปฏิรูปทั้ง ๑๑ ด้าน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติและกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในระยะ ๒๐ ปี ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้เพิ่ม พลเอก ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ เป็นกรรมการ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ๔. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการศึกษากรอบและแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และดำเนินการจัดทำข้อมูลในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้ครบถ้วน เพื่อส่งให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการต่อไป ๔.๒ ให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน วาระแห่งชาติ ประเด็นการปฏิรูปตามนโยบาย ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะการดำเนินการของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ (ระยะที่ ๒ ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙) และการส่งต่อไปสู่การปฏิรูปและให้รัฐบาลต่อไป (ระยะที่ ๓ ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นไป)
|
|||||||||||||||||||||
23436 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น | สลธ.คสช. | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ๓. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ กลุ่มที่ ๓ และกลุ่มที่ ๔ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ๔. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้ ๕. นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งตามข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ ได้ตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||
23437 | สรุปมติ - สั่งการสำคัญ ในวาระการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 | สลธ.คสช. | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติและข้อสั่งการในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ/กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโครงสร้างส่วนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ รวม ๔๐ ชั่วโมงต่อปีการศึกษา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยเริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทุกโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของส่วนราชการซึ่งได้จัดสรรไว้แล้ว ทั้งนี้ กรณีขาดแคลนบุคลากรในการสอนหลักสูตรดังกล่าวให้พิจารณาจ้างบัณฑิตจบใหม่ที่ยังว่างงานเพื่อเป็นการสร้างงานอีกทางหนึ่ง และนำแบบการสอนเรื่อง “สมบัติผู้ดี” และ “หน้าที่ของเด็ก” กลับมาใช้ประกอบการเรียนการสอนในปัจจุบันด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการให้มีการสร้างการรับรู้ในภาพกว้างด้วยสารคดีสั้นชุดสำนึกไทยไม่โกง โดยเผยแพร่ในสื่อกระแสหลัก โดยให้ กสทช. ขอความร่วมมือเผยแพร่ในสื่อกระแสหลัก รวมทั้งให้ ททบ.๕ และสถานีวิทยุกองทัพบกดำเนินการเผยแพร่ผ่านสื่อในความรับผิดชอบ และให้ดำเนินการปลูกฝังความรักชาติควบคู่กับการสร้างสำนึกไทยไม่โกง ๓. เห็นชอบในหลักการให้เร่งรัดบังคับใช้พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการบังคับใช้พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ โดยเร่งรัดให้มีกระบวนการเปิดเผยขั้นตอนการขออนุญาตของทางราชการ และร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์) เร่งรัดการใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ โดยจัดให้มีการใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน (Data Center) การจัดมาตรฐานข้อมูล การเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนาแนวทางเชื่อมโยงในลักษณะ National Single Window : NSW รวมทั้งจัดหมวดหมู่ เป้าหมาย กิจกรรม ตามความต้องการผู้ใช้งาน เพื่อรองรับ Digital Economy และให้นำเสนอในวาระการประชุมครั้งต่อไป ๔. เห็นชอบในหลักการให้ส่งผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมประชุมกับองค์กรนานาชาติที่ส่งเสริมความโปร่งใสของรัฐ (Open Government Partnership : OGP) รวมทั้งให้พิจารณาเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกภาคีเครือข่าย โดยให้กระทรวงการคลังศึกษาในรายละเอียด หลักเกณฑ์และวิธีการ นำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป ๕. เห็นชอบในหลักการให้ใช้ระบบ E-Bidding และ E-Market เพื่อลดการสมยอมการประมูลในระบบ E-Auction โดยเฉพาะที่ใช้กับงานก่อสร้าง โดยให้กรมบัญชีกลางเร่งรัดดำเนินการให้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๖. รับทราบกำหนดการจัดงานประกาศเจตนารมณ์ “ต่อต้านการทุจริต สร้างจิตสำนึกไทยไม่โกง” ในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และให้มีการจัดงานในลักษณะดังกล่าว ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ๗. เห็นชอบในหลักการให้นำหลักการและมาตรการทางปกครอง และกลไกขับเคลื่อนของฝ่ายบริหารบรรจุไว้ในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนพิจารณาสร้างกลไกในการปกป้องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนระดับสูงให้พ้นจากอำนาจของฝ่ายการเมือง ในลักษณะเช่นเดียวกับข้าราชการทหาร และให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดการอบรมให้ความรู้ด้านการบริหารราชการ เช่น การงบประมาณ การพัสดุ ฯลฯ ให้กับข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้มีความรู้และสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๘. รับทราบผลการดำเนินงานระบบข้อตกลงคุณธรรมใน ๒ โครงการนำร่อง และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสนับสนุนข้อมูล และให้คณะผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในวาระการประชุมคณะกรรมการ ตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของระบบข้อตกลงคุณธรรม ๙. รับทราบกรอบความต้องการงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ วงเงิน ๗๓.๐๔ ล้านบาท โดยให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายละเอียดโดยความเห็นชอบของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ๑๐. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายองค์กรเพื่อความโปร่งใสในอุตสาหกรรมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (The Extractive Industries Transparency Initiative : EITI) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้แทนรัฐบาล “EITI Champion” ในการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการ และให้จัดตั้งคณะทำงานในกระทรวงพลังงานขึ้นชุดหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน (National Coordinator) ๑๑. รับทราบข้อเสนอให้นำหลักการตามร่างพระราชบัญญัติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. .... ในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติมาใช้กับการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวมทั้งการแก้ไขระเบียบดังกล่าวในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติรับไปศึกษาและเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23438 | ข้าราชการการเมืองลาออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่ง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลโท ทิวะพร ชะนะพะเนาว์) | นร04 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลโท ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23439 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) | กก | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23440 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (นายชวลิต พิชาลัย และนายทวารัฐ สูตะบุตร) | พน | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายชวลิต พิชาลัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายทวารัฐ สูตะบุตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
|
.....