ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1202 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24021 - 24040 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24021 | ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชียโครงการ Community - Based Flood Risk Management and Disaster Response in the Chao Phraya Basin | กค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ชะลอเรื่อง ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชียโครงการ Community-Based Flood Risk Management and Disaster Response in the Chao Phraya Basin ไว้ก่อน และให้ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ถัดไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24022 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region ระยะที่ 2 | ทส | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region (CASC) ระยะที่ ๒ และร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการ (Implementation Agreement) โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตจำนงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและอาเซียนที่จะร่วมดำเนินโครงการ CASC ระยะที่ ๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพเมืองขนาดเล็กและกลางในภูมิภาคอาเซียนในการพัฒนาและดำเนินการตามแผนอากาศสะอาดเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสอดคล้องกับแผนงานอาเซียนเพื่อให้เมืองมีสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สำหรับร่างความตกลงสำหรับการดำเนินโครงการฯ ประกอบด้วยกิจกรรมโครงการสนับสนุนการปรับปรุงนโยบาย กฎ ระเบียบ และมาตรฐานเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น โดยมีการจัดทำแผนอากาศสะอาดซึ่งมีการนำตัวอย่างมาตรการอากาศสะอาดไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม รวมถึงการนำหลักสูตรการฝึกอบรมที่พัฒนาโดยโครงการในหัวข้อ “การจัดการคุณภาพอากาศสำหรับเมืองขนาดเล็ก (Train-for-Clean-Air)” มาจัดฝึกอบรมและเผยแพร่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารทั้งสองฉบับที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งความเห็นของรัฐบาลไทยต่อร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการอาเซียนทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินการหรือเสนอขยายเวลาให้เหมาะสมเพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการและตัวชี้วัด และควรมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการดำเนินงานของเมืองที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งขยายผลไปยังเมืองที่มิได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปสู่การประเมินตัวชี้วัดสำหรับวัดระดับความสำเร็จของโครงการภายหลังเสร็จสิ้นการดำเนินงาน นอกจากนี้ ควรขยายระยะเวลาของโครงการออกไปเพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายไทยและประเทศอาเซียนอื่น ๆ ได้มากขึ้น และหากเห็นว่าควรยุติการดำเนินโครงการตามกำหนดเวลาภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ ก็ย่อมกระทำได้ตามกรอบเวลาตามความตกลงดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24023 | ร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2558 - 2562 | กค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่ประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ประกอบด้วย กิจการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ จำนวน ๒๐ กิจการ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ กิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) จำนวน ๖ กิจการ และกลุ่มที่ ๒ กิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) จำนวน ๑๔ กิจการ โดยมีประมาณมูลค่าการลงทุนในกิจการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ มีมูลค่ารวมประมาณ ๑.๔๑ ล้านล้านบาท เพื่อคณะกรรมการนโยบายฯ จะได้ดำเนินการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๑.๒ รับทราบการจัดทำรายการโครงการ (Project Pipeline) ในกิจการภายใต้ร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ จำนวน ๖๕ โครงการ เพื่อคณะกรรมการนโยบายฯ กำกับดูแลและติดตามให้เป็นไปตามแผนงานโครงการต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายฯ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการเร่งศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน การพัฒนาระบบโครงข่ายในภาพรวมและการให้เอกชนร่วมลงทุนในแต่ละช่วงของการพัฒนา (Phase) ในคราวเดียวกันเพื่อให้การพัฒนาโครงการเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง การดำเนินโครงการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การสร้างความเข้มแข็งให้กับกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของกิจการนั้น ๆ และการเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาประเทศในระดับต่าง ๆ การจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและแยกประเภทโครงการที่ดำเนินการตามขอบเขตและระยะเวลา การสร้างความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาวของประเทศโดยมุ่งเน้นให้การพัฒนาและการดำเนินโครงการสามารถสร้างองค์ความรู้ และ/หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศสู่ผู้เกี่ยวข้องในประเทศอย่างเพียงพอ การเปิดโอกาสให้ส่วนราชการต่าง ๆ สามารถเสนอโครงการที่เห็นสมควรให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม การประชาสัมพันธ์ให้แผนยุทธศาสตร์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ เป็นที่แพร่หลายในสังคมเพื่อดึงดูดให้เอกชนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐมากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางการติดตาม กำกับ ดูแลโครงการต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายฯ ปรับกรอบระยะเวลาของแผนดังกล่าวให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐในโครงการเชิงสังคมเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อยด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24024 | การเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของ คณะรัฐมนตรี | นร | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๔ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๖ วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ และวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติของข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหาร ข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐอื่น ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรีหรือช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี โดยปรับปรุงเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี ให้มีความสมบูรณ์ ชัดเจน อยู่ในฉบับเดียวกัน ๒. อนุมัติเป็นหลักการให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนเงินเดือนที่ปรับปรุงตามข้อ ๑ และไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่การเลื่อนเงินเดือนในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ (รอบการประเมิน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24025 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สาย อ. โพนพิสัย - บึงกาฬ ตอน 1 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๒๑๒ สาย อ.โพนพิสัย-บึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๖๑๑,๕๗๐,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ วงเงิน ๕๗๗,๒๓๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๑๘๘,๘๐๒,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24026 | การดำเนินงานโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณาแนวทางการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในการบริหารจัดการโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมให้มีความเหมาะสมเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่ใช้บริการในระยะยาว และให้กรมการขนส่งทางบกไปหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการตรวจสอบการเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทยและมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อ ๑๐) ซึ่งได้กำหนดมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อ ๑๐ ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามประกาศที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24027 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 331 สายแยกทางหลวงหมายเลข 7 (บ. เนินผาสุข) - บรรจบทางหลวง หมายเลข 331 (มาบเอียง) ตอน 1 | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข ๓๓๑ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๗ (บ.เนินผาสุข)-บรรจบทางหลวง หมายเลข ๓๓๑ (มาบเอียง) ตอน ๑ จังหวัดชลบุรี ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๗๗,๕๙๐,๙๘๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24028 | ขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) | สลธ.คสช. | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เปลี่ยนแปลงรายการจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ส่วนที่ใช้งบกลาง ซึ่งได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิม จำนวน ๒๒๔ รายการ โดยสรุปจำนวนโครงการยังคงเดิม จำนวน ๑,๘๓๘ รายการและกรอบงบประมาณทั้งหมดไม่เปลี่ยนแปลง ๑.๒ เปลี่ยนแปลงรายการจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ แผนงาน/โครงการ ตามโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ซึ่งได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิม มีจำนวน ๑,๒๐๐ รายการ เปลี่ยนเป็นมีจำนวนโครงการทั้งหมด ๑,๒๙๗ รายการ โดยกรอบงบประมาณทั้งหมดไม่เปลี่ยนแปลง ๒. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินการขอรับจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณเพื่อจะได้ดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดและปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งขั้นตอนตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ ควรมีการศึกษาผลกระทบและความเหมาะสมของพื้นที่โครงการใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนงาน/โครงการ และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24029 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 12 สายตาก - อำเภอแม่สอด ตอน 3 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 (รวมบริเวณดอยลวก) | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการเร่งรัดการขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายตาก-อำเภอแม่สอด ตอน ๓ จังหวัดตาก ส่วนที่ ๑ (รวมบริเวณดอยลวก) ในวงเงิน ๗๐๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ ๒ (รวมบริเวณดอยลวก) ในวงเงิน ๖๙๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๓๙๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24030 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ) | มท | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนงานฟื้นฟู ป้องกัน และจัดการภัยพิบัติ จากเดิม โครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติเพื่อความมั่นคง งบลงทุน รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านบุ่งฮี หมู่ ๓ (ต่อเนื่องเขื่อนเดิมท้ายน้ำ) ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ความยาว ๖๐๐ เมตร เปลี่ยนเป็น โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่าน บ้านวัดจันทร์ตะวันตก หมู่ ๗ หมู่ ๑๐ (ระยะที่ ๓) ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ความยาว ๓๙๐ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ให้ดำเนินโครงการดังกล่าวในวงเงิน ๗๗,๖๒๙,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ จำนวน ๖๑,๖๒๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๓. ในการเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานเจ้าของโครงการตรวจสอบความพร้อมและความซ้ำซ้อนของโครงการให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนที่จะเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการ เพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนของโครงการอีก และให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณด้านการบริหารจัดการน้ำในระยะต่อไปควรพิจารณาให้มีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการดำเนินการแบบบูรณาการและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในกรณีที่จะมีการก่อสร้างโครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ เพื่อความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ที่ยังมิได้มีการปักปันเขตแดน ๕. ให้กระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการให้มีความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับโครงการที่จะดำเนินการ ซึ่งรวมถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินโครงการด้วย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24031 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมโครงการ และให้คำปรึกษาในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก โครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการ และให้คำปรึกษาในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน ๓๕ ล้านบาท (เงินกันเหลื่อมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓.๑๕ ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๓.๓๖๗ ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๘.๔๘๓ ล้านบาท) เป็น งานศึกษาวิเคราะห์ความเหมาะสมในการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม-ชะอำ วงเงิน ๒๐ ล้านบาท และการศึกษาจัดทำแผนยุทธศาสตร์กรมทางหลวง พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนการบริหารความเสี่ยงในการบริหารจัดการทางหลวง วงเงิน ๑๕ ล้านบาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรเร่งศึกษาวิเคราะห์ความเหมาะสมในการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม-ชะอำ เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามกำหนดการดำเนินโครงการและเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24032 | มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย (จ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท) | กค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย (จ่ายเงินชาวนาไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท) โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับบัญชีเงินฝาก การจัดทำเอกสารและค่าธรรมเนียมการโอนเงินให้แก่เกษตรกร จำนวน ๓,๖๐๒,๖๔๖ ราย โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้น เห็นควรพิจารณาอนุมัติรายละ ๑๒ บาท เป็นเงิน ๔๓,๒๓๑,๗๕๒ บาท เนื่องจาก ธ.ก.ส. มีระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินโครงการอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความชำนาญ รวมทั้งการใช้ข้อมูลทะเบียนเกษตรกรจากกรมส่งเสริมการเกษตรนั้น ธ.ก.ส. ได้ตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินโครงการรัฐในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จึงเห็นสมควรให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. พิจารณาดำเนินการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในขั้นของการแปรญัตติตามปฏิทินงบประมาณก่อน หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายหลังพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับแล้ว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว ๒. ให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ตามมาตรการดังกล่าวในส่วนที่เหลือให้ถูกต้อง ครบถ้วนต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24033 | รายงานการก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ 1 แห่ง | ยธ | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง (ซึ่งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป) โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างฯ จำนวน ๔๒ รายการ ประกอบด้วย รายการก่อสร้าง ๓๙ รายการ งานครุภัณฑ์ (จัดสร้าง) งานอาคาร ๑ รายการ ระบบเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยในการควบคุมผู้ต้องขัง ๑ รายการและงานครุภัณฑ์ (จัดซื้อ) งานอาคาร๑ รายการ กำหนดราคากลางจ้างก่อสร้างฯ เป็นเงิน ๑,๐๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยได้ผู้ชนะการประกวดราคาในวงเงิน ๘๗๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24034 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ ของนายกฤษณ์ เชาว์บวร ที่จังหวัดพัทลุง | อก | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ยื่นขอต่ออายุประทานบัตรได้รับอนุญาตประทานบัตรมีอายุ ๑๐ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ประทานบัตรหมดอายุเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ และได้ยื่นคำขอต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่ประทานบัตรเดิมต่อไปอีก ๑๐ ปี ซึ่งได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และกระทรวงอุตสาหกรรมได้เคยเสนอเรื่องดังกล่าวมาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีหลายครั้ง รวมทั้งมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้เรื่องดังกล่าวมีความล่าช้า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลาที่ประทานบัตรหมดอายุตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ จนถึงปัจจุบัน พบว่าไม่มีการทำเหมืองแร่แต่อย่างใด ๒. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของนายกฤษณ์ เชาว์บวร ที่จังหวัดพัทลุง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท เคมีแมน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี) ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเข้าดำเนินการในพื้นที่โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างของนายกฤษณ์ เชาว์บวร ที่จังหวัดพัทลุง จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำ และกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้โดยเคร่งครัด) รวมทั้งเห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ทั้งหมด และมีการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การตัดสินใจมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศมากยิ่งขึ้น และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งผลักดันนโยบายเหมืองแร่สีเขียวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงเทคโนโลยีการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมของสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24035 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ และเพื่อการจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ตามคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๕๓ และคำขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ที่ ๒/๒๕๕๓ ที่จังหวัดยะลา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่องการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท เคมีแมน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ทั้งหมด และมีการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งผลักดันนโยบายเหมืองแร่สีเขียวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงเทคโนโลยีการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมของสถานประกอบอย่างต่อเนื่องด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24036 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ในส่วนของอัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรเพิ่ม จำนวน 20 อัตรา ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรนำอัตรากำลังที่ได้รับการจัดสรรเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ภาพรวมความต้องการอัตรากำลังภาครัฐ) จำนวน ๒๐ อัตรา ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือนสามัญ จำนวน ๑๖ อัตรา และพนักงานราชการ จำนวน ๔ อัตรา ไปปฏิบัติภารกิจในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ไม่ให้ส่วนราชการนำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับระดับตำแหน่งสูงขึ้น หรือเกลี่ยไปปฏิบัติงานอื่นนอกเหนือจากภารกิจตามยุทธศาสตร์ของประเทศ และให้เร่งนำเสนอแผนการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง และประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงสร้างองค์กรและฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางรางของประเทศตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24037 | ขออนุมัติรับการจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์แบบสั้น 4 หลัก | คค | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการยกเลิกข้อความในหนังสือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ ทก ๐๒๐๑.๖/๒๙๔๖ ลงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การขอรับการจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษ ที่ระบุว่า “หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นที่จะต้องมี Call Center ของตนเอง เห็นควรนำเรื่องขอเปิดเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษ ๔ หลักเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี” เนื่องจากแนวทางดังกล่าวไม่เคยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและไม่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๗ ที่เห็นชอบเป็นหลักการว่า ให้จัดตั้ง Sub Call Center ได้เฉพาะในหน่วยงานที่มีความจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โดยให้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งเป็นกรณี ๆ ไป ๒. การขอรับจัดสรรเปิดเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษ ๔ หลัก ให้กับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด เพื่อใช้เป็น Call Center ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชน ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24038 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 6 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) | นร | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๖ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เป็นต้น และจากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงาน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรงถึงแม้ว่าได้มีการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกไปแล้ว แต่ยังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ควบคุมการชุมนุมอยู่ ๒. การปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้พิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง เช่น การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การปฏิรูประบบผังเมืองและการใช้พื้นที่เพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แนวทางการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเห็นควรให้กำหนดเป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอในการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นรูปธรรม การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยการปรับปรุงแนวทางบริหารองค์กรก่อนชั้นศาลให้เหมาะสม รวมถึงกรอบแนวคิดในการปฏิรูประบบสาธารณสุข และกรอบแนวคิดในการปฏิรูประบบภาษีอากร ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสุนนการดำเนินการที่ผ่านการพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นต้น ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24039 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2558 | อก | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๕ เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แต่หากพิจารณาเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวลงร้อยละ ๑.๘ จากกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกเป็นหลัก อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวช้า และปัจจัยด้านผู้ผลิตที่มีจากการหยุดซ่อมเครื่องจักรของผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และการย้ายฐานการผลิตโทรทัศน์ ๒. อุตสาหกรรมโทรทัศน์ เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ การผลิตลดลง เนื่องจากมีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน ๓. อุตสาหกรรมเลนส์ เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๑๘.๐๗ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในส่วนของเลนส์กล้องถ่ายรูปและกล้องวงจรปิด และจากการพัฒนาคุณภาพของเลนส์ให้มีความหลากหลาย ๔. อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ขยายตัวดีต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการใช้อุปกรณ์สื่อสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๕. การเปิดปิดโรงงาน เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๓๕๗ ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ร้อยละ ๑๘.๒ จำนวนเงินทุน ๕๐๐.๖๓ ล้านบาท และจำนวนคนงาน ๖๑๙ คน และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๗ สำหรับโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมีจำนวน ๑๓๕ ราย มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ร้อยละ ๕๐.๐ และมากกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๑๕๐ ๖. การขอรับการส่งเสริมการลงทุน เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘ มีโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทั้งสิ้น ๑๗๖ โครงการ เงินลงทุน ๒๘,๘๓๐ ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๓๓.๕๘ และ ๘๖.๘๑ ตามลำดับ ประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นร้อยละ ๗๑.๖๓ ๗. การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ มีการนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องมือกล คิดเป็นมูลค่า ๙๖๗.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑๖.๐ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๖,๑๐๗.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑.๐ จากการนำเข้าเคมีภัณฑ์ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ รวมถึงผ้าผืน ที่ลดลง ๘. การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ มีปริมาณทั้งหมดจำนวน ๑๐,๓๙๑ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๓ จากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และร้อยละ ๒.๘ จากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๗ หากแยกการใช้ไฟฟ้าตามขนาดของกิจการ พบว่า ทุกกิจการ (ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่) มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24040 | พิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดเมืองโพนโฮง ภายใต้โครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ | กต | 26/05/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเดินทางไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ และการดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว สรุปได้ว่า นอกจากโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์แล้ว รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ) ได้ให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่ สปป.ลาว อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะในสาขาการพัฒนาการเกษตร การศึกษาและสาธารณสุข ซึ่งมีมูลค่ากว่า ๑๒๐ ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจะให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่ สปป.ลาว ในการพัฒนาโรงพยาบาล จำนวน ๓ แห่ง คือ โรงพยาบาลเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ (มูลค่า ๕๐ ล้านบาท) โรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว (มูลค่า ๔๐ ล้านบาท) และโรงพยาบาลเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก (มูลค่า ๒๕ ล้านบาท) ๒. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการเดินทางฯ และผลการดำเนินโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขกับ สปป.ลาว เพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ชัดเจนทั้งต่อประเทศและอาเซียน รวมทั้งอาเซียนและภูมิภาคโดยรวมต่อไป โดย ๒.๑ เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว เยือนไทยเพื่อโอกาสในการหารือถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขในกรอบทวิภาคีกับ สปป.ลาว และการยกระดับ/บูรณาการความร่วมมือ/ผลักดันประโยชน์ของไทยด้านสาธารณสุขให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ๒.๒ ดำเนินโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ โครงการพัฒนาโรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว และโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ตามแผนงานต่อไปจนสิ้นสุดโครงการ และประเมินผล/ติดตามผล ๒.๓ การสนับสนุนการก่อสร้างห้องน้ำและบ่อน้ำสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแขวงเวียงจันทน์ |
.....