ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1210 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24181 - 24200 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24181 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พน | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยเพิ่มทางเลือกอีกทางหนึ่งให้รัฐสามารถบริหารจัดการปิโตรเลียมได้ทั้งระบบสัมปทานหรือระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต และการปรับปรุงเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเพื่อใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิต ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ กระทรวงพลังงานควรหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจากผู้ที่ได้รับสัมปทานอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งการนำบทบัญญัติซึ่งใช้บังคับแก่บริษัทที่ได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียมาใช้บังคับแก่บริษัทที่ได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับกระทรวงพลังงานโดยอนุโลม และการกำหนดอัตราภาษีเงินได้ปิโตรเลียมสำหรับบริษัทที่ได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับกระทรวงพลังงาน มีรายละเอียดที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากการกำหนดอัตราการจัดเก็บผลประโยชน์ของรัฐจากการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนการลงทุนที่เอกชนจะได้รับ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการดึงดูดให้เอกชนเข้ามาลงทุนในกิจการปิโตรเลียม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับภาคประชาสังคมทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กระบวนการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับแปลงสำรวจบนบก และในทะเลอ่าวไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24182 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ และสถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 23 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ และสถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ ๔ (4th Asian Conference of Correctional Facilities Architects and Planners, 2015 : 4th ACCFA) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สาระสำคัญของการประชุมได้มีการนำเสนอข้อมูลในการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุม ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ ได้แก่ (๑) สถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นในด้านสถานควบคุม (๒) บทบาทของนักวางแผนสถานควบคุม (๓) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการออกแบบสถานควบคุม (๔) ความประสงค์ของการวิเคราะห์แผนงานก่อนการบริหารจัดการโครงการของสถานควบคุม และ (๕) สุขอนามัยเรือนจำ (ความมั่นคง การเยียวยาและการฟื้นฟูส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่สุขอนามัยในเรือนจำอย่างไร?) รวมทั้งศึกษาดูงาน ณ เรือนจำกลาง INSEIN (อินเซน) นครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเรือนจำกลางที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ๒. การประชุมในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้รับประโยชน์เป็นอย่างดียิ่งในด้านทักษะ องค์ความรู้ การออกแบบในด้านต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการออกแบบก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุมในประเทศไทยให้มีความทันสมัยกับยุคปัจจุบัน รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านการออกแบบและก่อสร้างในระดับนานาชาติของหน่วยงานรัฐ อีกทั้งยังทำให้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์และแสวงหาแนวทางการร่วมมือในการแก้ปัญหาในระดับนานาชาติของกระทรวงยุติธรรมในด้านการบริหารจัดการ การออกแบบและก่อสร้างอาคารสถานที่ สถานควบคุม ตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้องตามหลักสากล สำหรับการประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ ๕ (Asian Conference of Correctional Facilities Architects and Planners, 2016 : 5th ACCFA) กำหนดจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐเกาหลีในห้วงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
24183 | ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 เรื่อง หลักเกณฑ์การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ | นร04 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรื่อง หลักเกณฑ์การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ โดยให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในข้อ ๕ ดังนี้
จากเดิม “๕. ให้ส่งรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการวิจัย (เว้นแต่กรณีที่เป็นเอกสาร หรือรายงานที่ระบุชั้นความลับไว้) ไปให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑ เดือน หลังจากการเดินทางกลับ โดยให้จัดทำข้อมูลในรูปเอกสาร และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนอย่างละ ๑ ชุด ตามรูปแบบและวิธีการที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติกำหนด” ปรับปรุงเป็น “๕. ให้หน่วยงานที่ส่งบุคลากรไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ จัดทำข้อมูลและเก็บรวบรวมรายงานการไปราชการฯ ไว้ในเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ (เว้นแต่กรณีที่เป็นเอกสาร หรือรายงานที่ระบุชั้นความลับไว้) ภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑ เดือน หลังจากการเดินทางกลับ” |
|||||||||||||||||||||||||||
24184 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังในแม่น้ำป่าสัก ระยะที่ 1 (ตอนที่ 1) บริวเวณช่วง กม. 4+000 ถึง กม. 6+000 และ กม. 23+000 ถึง กม. 29+500 ระยะทาง 4,500 เมตร | คค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังในแม่น้ำป่าสัก ระยะที่ ๑ (ตอนที่ ๑) บริเวณช่วง กม. ๔+๐๐๐ ถึง กม. ๖+๐๐๐ และ กม. ๒๓+๐๐๐ ถึง กม. ๒๙+๕๐๐ ระยะทาง ๔,๕๐๐ เมตร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ หากต่อรองราคาให้ต่ำลงไปให้มากกว่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24185 | ผลการประชุมสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา การฉลองครบ 60 ปีการประชุมบันดุง และครบ 10 ปี การก่อตั้งหุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย - แอฟริกา | กต | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา การฉลองครบ ๖๐ ปีการประชุมบันดุง และครบ ๑๐ ปี การก่อตั้งหุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกา ในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยสรุปประเด็นสำคัญสำหรับการติดตามผลการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา การประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชีย-แอฟริกา และการหารือทวิภาคี เพื่อนำไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา และการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชีย-แอฟริกา ๑.๑ ความเป็นเอกภาพทางการเมือง ได้แก่ การต่อต้านการก่อการร้ายและภัยคุกคามที่มีลักษณะข้ามพรมแดน การสนับสนุนการเป็นรัฐเอกราชของปาเลสไตน์ การปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC Reform) รวมทั้งสนับสนุนให้มีผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกาเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น ๑.๒ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ให้มีการค้าการลงทุนที่เปิดกว้างและโปร่งใส พัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล (Blue Economy) ร่วมมือในภาคการเกษตร ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และปฏิรูปสถาบันการเงิน รวมทั้งให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารและการเข้าถึงบริการด้านพลังงานที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และราคาที่หาซื้อได้ การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองภูมิภาค ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ๑.๓ ความร่วมมือทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best practice) การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าและความรุ่งเรืองของเอเชียและแอฟริกา การสนับสนุนความเชื่อมโยงของภาคประชาชน การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและบทบาทของสตรี การจัดการภัยพิบัติและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้ความสำคัญต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม ๒. การหารือทวิภาคี ๒.๑ การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ ๒ แห่งจอร์แดน ได้แก่ การขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและจอร์แดน การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีฯ การดำเนินการเกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านฝนหลวง และการประสานงานกับฝ่ายจอร์แดนในการดูแลนักเรียนไทยในจอร์แดน ๒.๒ การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้แก่ การติดตามสถานการณ์ประมง การเตรียมการจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-อินโดนีเซีย (JC) โดยมุ่งเน้นประเด็นด้านเศรษฐกิจ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย และการติดตามกระบวนการดำเนินคดีลูกเรือประมงไทยสังหารทหารเรืออินโดนีเซีย ๒.๓ การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ ได้แก่ การเปิดสถานเอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ในประเทศไทย และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการเกษตร ๒.๔ การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตูนิเซีย ได้แก่ การขยายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและตูนิเซียในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว การจัดการประชุมหารือทวิภาคีไทย-ตูนิเซีย การติดตามสถานการณ์ขอพระราชทานอภัยโทษแก่นาย Mehdi Ali Issa ชาวตูนิเซีย และการขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๒.๕ การหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนปาล ได้แก่ การขยายความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กับเนปาล การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนปาลเยือนไทย การพิจารณาข้อเสนอของเนปาลเรื่องความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา (Buddhist Circuit) และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการประชุมกับเนปาล ๒.๖ การหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก ได้แก่ การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกเยือนไทย และการเข้าร่วมการประชุม Political Consultations ไทย-โมร็อกโก ครั้งที่ ๒ ซึ่งโมร็อกโกจะเป็นเจ้าภาพ การลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการระหว่างไทยและโมร็อกโก และพิจารณาร่างความตกลงระหว่างสถาบันการทูต ไทย-โมร็อกโก ๒.๗ การหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแกมเบีย ได้แก่ การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแกมเบียและคณะเยือนไทย และการเยือนแกมเบียของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ความร่วมมือด้านการเกษตร ด้านการท่องเที่ยว และด้านสินค้าหัตถกรรมกับแกมเบีย การเยือนไทยของผู้เชี่ยวชาญแกมเบียเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility study) เกี่ยวกับความร่วมมือไทย-แกมเบีย และการส่งผู้เชี่ยวชาญของไทยไปเพื่อก่อตั้งสถาบันการเรียนรู้ที่แกมเบีย |
|||||||||||||||||||||||||||
24186 | ผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงาน สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การช่วยเหลือกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล มีภารกิจที่สำคัญคือ การช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่ที่ประเทศเนปาลกลับถึงประเทศไทย จำนวน ๗๓ คน การช่วยเหลือประชาชนและรัฐบาลเนปาลโดยการบริจาคเงินกว่า ๔๘ ล้านบาท การบริการทางการแพทย์ และการจัดอากาศยานสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสิ่งของบรรเทาทุกข์รวม ๗ เที่ยวบิน ๑.๒ การรักษาความสงบเรียบร้อย มีภารกิจที่สำคัญคือ การเชิญผู้นำและตัวแทนกลุ่มบุคคลร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ และการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนและยาเสพติดที่จังหวัดเชียงราย และผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ๑.๓ การแก้ปัญหาด้านการประมง ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และให้ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บัญชาการศูนย์ ๑.๔ โครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลที่กองทัพบกร่วมดำเนินการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) ในพื้นที่ ๘ จังหวัด และโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วนปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ที่กองทัพบกรับผิดชอบดำเนินการในพื้นที่ ๓๔ จังหวัด ๑๖๙ รายการ งบประมาณ ๑,๒๓๕ ล้านบาท ๑.๕ การเตรียมการสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในช่วงต่อไป ได้แก่ การกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกการส่งออกน้ำมันจากไทยไปเมียนมาและแนวชายแดนกลุ่มประเทศ CLMV การดำเนินการต่อการผลิตเหล้าเถื่อน การบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพารา ๒. มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาลว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศเนปาลเริ่มเข้าสู่ช่วงบูรณะฟื้นฟูประเทศแล้ว หากต้องการส่งความช่วยเหลือควรบริจาคเป็นเงินหรือสิ่งของจำเป็นสำหรับให้ผู้ประสบภัยใช้ดำรงชีพในช่วงการฟื้นฟูและบูรณะที่อยู่อาศัย เช่น ข้าวสาร เต็นท์ ผ้าพลาสติก ไม้ สังกะสี วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการขนส่งสิ่งของบริจาคไปยังประเทศเนปาล เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถส่งสิ่งของบริจาคไปยังประเทศเนปาลได้อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ โดยในชั้นนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานองค์กรหรือมูลนิธิระหว่างประเทศ เช่น UNICEF เพื่อจัดส่งสิ่งของบริจาคที่มีอยู่ในขณะนี้ตามความเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24187 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 17 (การประชุม ครั้งที่ 71/2558 ถึง ครั้งที่ 74/2558) | นร04 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๗ (สำหรับการประชุมครั้งที่ ๗๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๗๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘) ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาทบทวนร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24188 | รายงานผลการดำเนินการในรอบ 6 เดือน ของกระทรวงคมนาคม | คค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการในรอบ ๖ เดือน ของกระทรวงคมนาคม ดังนี้
๑. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกระทรวงคมนาคมได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านการจัดกิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ ๒. การนำยุทธศาสตร์จากกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ สู่แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ ๘ ปี เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ๓. กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานแรกที่นำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ในการประกวดราคาใช้ระบบ Construction Sector Transparency Initiative (CoST) ในโครงการส่วนต่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ เพื่อการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ๔. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๑๔๔,๔๐๖ ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ ๓๖,๐๙๖.๕๑ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน ๑๐๘,๕๐๙.๔๙ ล้านบาท โดยผลการเบิกจ่ายภาพรวม ณ เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายไปแล้ว ๕๘,๓๐๘.๔๔ ล้านบาท และก่อหนี้ผูกพัน ๖๓,๑๘๗ ล้านบาท ๕. การให้บริการยกระดับจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ รถแท็กซี่มิเตอร์ และรถจักรยานสาธารณะเพื่อความสะดวกปลอดภัยของผู้ใช้บริการ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมในการควบคุมการให้บริการของรถแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Check in และปรับปรุงเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้มีการปรับปรุงห้องน้ำในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ และสถานีรถไฟหัวลำโพงให้ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ และการส่งเสริมความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ โดยจัดให้มีโครงการเสื้อชูชีพเก่าแลกใหม่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ๖. ในการขับเคลื่อนกฎหมาย ได้สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเรือประมงที่ทำผิดกฎหมายทำให้เกิดการค้ามนุษย์ Illegal Unreported and Unregulated Fishing (IUU Fishing) และเร่งรัดการดำเนินงานด้านกฎหมาย ซึ่งมีกฎหมายที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจำนวน ๑๐ ฉบับ ๗. เชื่อมโยงโครงข่ายสู่สากลพัฒนาโครงข่ายถนนและการคมนาคมขนส่งให้ได้มาตรฐานรองรับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๕ แห่ง ปรับปรุงเส้นทางรถไฟช่วงชุมทางแก่งคอย-คลองสิบเก้า-สุดสะพานคลองลึก ระยะทาง ๑๗๔ กิโลเมตร ๘. ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-จีน พัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ ๔ สายทาง ลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ลงนามความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ๙. ก่อตั้งท่าอากาศยานเพิ่มเติม ๑ แห่ง ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และพัฒนาท่าอากาศยานแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับปริมาณผู้โดยสารจากปีละ ๘๐,๐๐๐ คน เป็นปีละ ๓๖๐,๐๐๐ คน ๑๐. เปิดทางลอดดาราสมุทร จังหวัดภูเก็ต บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๔๐๒ กับทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๐ เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร รองรับปริมาณรถยนต์ในช่วงเทศกาล และเปิดถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง ตอนที่ ๒ อำเภอสันป่าตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทางจักรยาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การเดินทางในท้องถิ่น รวมทั้งเร่งดำเนินการแก้ปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพบริเวณจุดวิกฤติ เช่น ถนนวิภาวดีรังสิต และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางด้วยการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสารในบริเวณฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ๑๗ ท่า ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันทีในปีนี้ ๓ ท่า ๑๑. ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางอีก ๖ เดือน ๑๒. ลงนามร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายต่อการบินและอากาศยานจากการปล่อยโคมลอย โคมควัน และการจัดงานบั้งไฟ ๑๓. การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้มีการพัฒนาเส้นทางจักรยานที่ได้มาตรฐานทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค การใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบในการทำถนนของหน่วยงานในสังกัด ปรับปรุงการให้บริการ Visa on Arrival ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินหน้าพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะแรก ๒ เส้นทาง คือ กรุงเทพ-หัวหิน และกรุงเทพ-พัทยา-ระยอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลโดยพัฒนาศูนย์กลาง Marina ของอาเซียน และเร่งรัดการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยในทุก ๆ ด้าน ด้วยความโปร่งใส ว่องไว ใส่ใจพัฒนา และจะยังคงมุ่งมั่นทำต่อไปเพื่อนำความสุขมาสู่ประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
24189 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ 10 | ทก | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ (10th APEC Telecommunications and Information Ministerial Meeting : APEC TELMIN 10) ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะทำงานเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ รวมทั้งการนำเสนอวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีเอเปคที่เข้าร่วมการประชุม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้นำเสนอแนวนโยบายที่สำคัญของประเทศไทย คือ นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงระบบธรรมาภิบาล และลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งประเทศไทยสนับสนุนความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจเอเปคในการแลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบาย การกำกับดูแล และการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ฯ และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ๒. ที่ประชุมได้รับรอง “แผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓” (APEC Telecommunications and Information Working group Strategic Action Plan 2016-2020) โดยวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ฯ คือ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีอย่างครอบคลุมและการใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม มีความเข้มแข็ง มั่นคง ปลอดภัยและยั่งยืน และมีการกำหนดวิสัยทัศน์ของแผนไว้ว่า ภายในปี ๒๕๖๓ เอเปคจะสร้างระบบนิเวศทางไอซีทีที่มีโครงสร้างพื้นฐานและโปรแกรมประยุกต์ด้านนวัตกรรมไอซีทีที่มีความปลอดภัย เชื่อถือได้ การให้บริการนวัตกรรมไอซีทีไร้พรมแดน การใช้ไอซีทีอย่างแพร่หลายในทุกสาขา การพัฒนาทักษะไอซีทีและความรู้ทางดิจิทัล ซึ่งจะสนับสนุนการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Yasuo Sakamoto รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านไอซีทีระหว่างสองหน่วยงาน และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ เนื้อหาสาระทางดิจิทัล (Digital Content) การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านไอซีที การใช้ไอซีทีกับภาคการศึกษาและด้านสาธารณสุข เป็นต้น รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Choi Jae-You รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไอซีที และการวางแผนในอนาคตของสาธารณรัฐเกาหลี เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อหารือและสนับสนุนการจัดทำนโยบาย/แผนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย พร้อมทั้งได้เชิญชวนสาธารณรัฐเกาหลีเข้าร่วมงาน Bangkok ICT International EXPO 2015
|
|||||||||||||||||||||||||||
24190 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการ ของผู้ตรวจราชการ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2557 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2014) ประเด็นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 | นร01 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2014) ในประเด็นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ผลการติดตามแผนงาน/โครงการที่เสนอไว้ในแผนการตรวจราชการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของผู้ตรวจราชการกระทรวง จำนวน ๑๖ โครงการ พบว่า หน่วยงานระดับพื้นที่ส่วนใหญ่สามารถจัดการความเสี่ยงตามหลักธรรมาภิบาลของโครงการ ตามข้อเสนอแนะที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ กำหนดไว้ได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตรวจติดตามการบูรณาการเชื่อมโยงแผนงานโครงการสำคัญ ระหว่างกระทรวง (Function) จังหวัด (Area) และท้องถิ่น (Local) และได้ให้ข้อเสนอแนะหน่วยรับผิดชอบในพื้นที่ประสานการดำเนินงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ทำให้เกิดความคุ้มค่า และนำไปสู่การขยายผลโครงการ การประหยัดงบประมาณ และประชาชนได้รับประโยชน์ในวงกว้าง ๑.๒ นโยบายการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี ๒๕๕๘ คณะผู้ตรวจราชการได้กำหนดจุดเน้นการตรวจติดตาม รวม ๘ จุดเน้น โดยตรวจติดตาม ๕ จุดเน้น ในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ การท่องเที่ยวและบริการโลจิสติกส์ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ แรงงาน และสาธารณสุข ส่วนอีก ๓ จุดเน้น มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้องตรวจติดตามเนื่องจากเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ ภัยพิบัติหมอกควัน การศึกษา และพัฒนากฎหมาย โดยสรุปผลการตรวจติดตามและผลการดำเนินการ พบว่า ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ดำเนินการในระดับหนึ่งแล้ว ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดกรอบการติดตามประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ และควรให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากกลไกการดำเนินงานทั้งของภาครัฐและเอกชนที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ความสำคัญเพิ่มเติมในเรื่องการให้ความรู้และข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำเป็นในการใช้โอกาสจากอาเซียนของผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ควรสร้างความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังตั้งแต่ระดับชุมชน ทั้งในเรื่องสาธารณสุข การเกิดไฟป่าและภัยพิบัติหมอกควัน รวมถึงปัญหาความมั่นคงในระดับพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในชุมชนจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการดำเนินการติดตามการขับเคลื่อนนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกในระยะต่อไป ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง (ร่าง) ยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔] ที่ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ แล้ว ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
24191 | มาตรการในการกำกับดูแลการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร09 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการในการกำกับดูแลการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะรัฐมนตรีอาจมีมติให้ทุกกระทรวงดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและกำหนดแนวทางในการใช้อำนาจดุลยพินิจโดยประกาศให้ประชาชนทราบ และหากเจ้าหน้าที่มิได้ดำเนินการใช้ดุลยพินิจตามแนวทางที่กำหนดไว้โดยไม่มีเหตุผลให้ถือเป็นความผิดทางวินัย ๑.๒ เมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีอาจใช้อำนาจตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ที่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น ๑.๓ ในกรณีที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นจะต้องใช้อำนาจพิเศษเหนือกว่าอำนาจตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอาจใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กำหนดมาตรการในการกวดขันการบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขหรือยกเลิกการใช้อำนาจดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ แต่วิธีการนี้จำเป็นจะต้องกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจน และมีข้อจำกัดหรือมีความไม่เหมาะสมอยู่บ้าง กล่าวคือ เมื่อมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในกรณีนี้แล้ว คำสั่งดังกล่าวจะก่อให้เกิดภาระหน้าที่แก่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการบังคับการให้เป็นไปตามคำสั่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสอดส่องดูแลหรือการแก้ไขการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้มีการปฏิบัติการตามคำสั่งนั้นได้อย่างทั่วถึง ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว โดยเลือกใช้มาตรการให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||
24192 | การเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร05 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่อง การเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แล้ว ที่ประชุมเห็นว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมีเรื่องพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านแรงงานค่อนข้างมาก จึงเห็นชอบให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24193 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] | กค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ (Transfer Pricing)] ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน โดยให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการปรับปรุงรายได้และรายจ่าย รวมทั้งกำหนดอายุความในการขอคืน และกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันยื่นเอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อเจ้าพนักงานประเมิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมสรรพากรเร่งออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ รวมทั้งหลักการ วิธีการและเงื่อนไขในการคำนวณราคาตามวิธีการคำนวณราคาโอนขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่กำหนดไว้ใน Transfer Pricing Guidelines for Multinational Enterprises and Tax Administrations เพื่อให้การใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงานมีหลักเกณฑ์สากลรองรับอำนาจหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24194 | โครงการตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการดำเนินงาน (Road Map) ด้านข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | กษ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการดำเนินงาน (Road Map) ด้านข้าว ให้เน้นการดำเนินโครงการในระยะสั้น ๑-๒ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนพิจารณาดำเนินการในระยะต่อไป โดยให้พิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้ ๑.๑ ในการดำเนินมาตรการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เห็นควรให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรแต่ละชนิดพันธุ์พืช โดยให้มีการขึ้นทะเบียนกลุ่มดังกล่าวด้วย เพื่อให้รัฐบาลสามารถอุดหนุนปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพและราคาประหยัดได้โดยตรงและเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งดำเนินการโดยประสานขอความร่วมมือภาคเอกชนในการสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้แล้วเสร็จก่อนฤดูการผลิต ๑.๒ ในการสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ในการทำการเกษตร เช่น รถไถ รถเกี่ยว เพื่อการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตในชุมชน มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกระทรวงกลาโหมดำเนินการในพื้นที่ที่ไม่มีนิคมสหกรณ์ นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง สามารถเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศได้ ๑.๓ การให้สินเชื่อแก่สหกรณ์เพื่อรับซื้อข้าวในฤดูการผลิต มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ไปพิจารณากำหนดเป้าหมายในการรับซื้อให้ชัดเจน ๒. ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้จัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๖ เดือน ๑ ปี และ ๒ ปี ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ รวมทั้งแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือแหล่งเงินอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24195 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วท | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้คณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติและสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติสามารถทำหน้าที่พัฒนาระบบมาตรวิทยาของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติสามารถใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการบริหารงานบุคคลได้ทั้งการพัฒนากำลังคน การบริหารทรัพยากรบุคคล การจ่ายค่าตอบแทน เงินรางวัล เงินประจำตำแหน่ง สิทธิประโยชน์อื่น อาจจะกระทบต่อภาระงบประมาณในภาพรวม รวมทั้งมีความซ้ำซ้อน และไม่สอดคล้องกับการกำหนดให้จัดตั้งสถาบันเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงในฐานะหน่วยงานงบประมาณ ซึ่งหลักการจำแนกประเภทรายจ่ายตามวิธีการงบประมาณจะกำหนดจำนวนงบประมาณจำแนกตามประเภทที่ชัดเจน เช่น งบบุคลากร งบดำเนินงาน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ในการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ให้สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของระบบมาตรวิทยาให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้านการสอบเทียบ การสร้างความเชื่อมั่น และการยอมรับในผลการสอบเทียบเครื่องมือวัดในประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เครื่องมือวัดที่มีความถูกต้องแม่นยำในการผลิตและการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
24196 | การกำหนดกรอบงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้เกษตรกร (การเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในหลักการกำหนดกรอบงบประมาณให้ กฟก. จัดทำแผนเพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ กฟก. แล้วเสร็จเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้แก่เกษตรกร) (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้พิจารณาเรื่อง การกำหนดกรอบงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เร่งด่วนให้เกษตรกร แล้ว มีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เร่งรัดการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ โดยให้นำความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการนำงบประมาณคงเหลือจากโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรส่งคลัง และเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป มาประกอบการดำเนินการ และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24197 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ | กค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีดังกล่าว ให้หักลดหย่อนภาษีเท่าจำนวนที่บริจาค หากกระทรวงการคลังพิจารณาว่าไม่กระทบต่อรายได้การจัดเก็บภาษีมากนัก คณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาให้สามารถลดหย่อนภาษีได้สองเท่าของจำนวนที่บริจาคเช่นเดียวกับกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่ปัจจุบันสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สองเท่าของที่มีการจ่ายจริง ไปพิจารณา หากเห็นควรดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
24198 | การกำหนดให้วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จประปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี | นร | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดให้วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันอังคารที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
24199 | โครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ | กค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ และให้นำเงินงบประมาณในโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการที่กรมบัญชีกลางฝากอยู่ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมดอกเบี้ย (ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เป็นจำนวน ๘,๕๙๑.๕๖ ล้านบาท) ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการคืนเงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ควรจะต้องคำนึงถึงเรื่องเวลาที่เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางการคลัง และปฏิทินงบประมาณ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการงบประมาณและการคลังของประเทศที่จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาประเทศโดยผ่านกลไกของงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24200 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฝรั่งเศส | คค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฝรั่งเศส และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฝรั่งเศส มีสาระสำคัญในด้านความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศที่ได้ตกลงปรับปรุงข้อบทในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ได้แก่ การแต่งตั้งสายการบินที่กำหนด การออกใบอนุญาตประกอบการ และการเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งพิกัดอัตราค่าขนส่ง การบริการภาคพื้น การรักษาความปลอดภัยการบิน และความปลอดภัยการบิน ใบพิกัดเส้นทางบิน สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ และข้อบทการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ซึ่งผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-ฝรั่งเศสในครั้งนี้จะทำให้สายการบินของทั้งสองฝ่ายมีความยืดหยุ่นในการวางแผนการให้บริการ และเปิดโอกาสให้สามารถขยายบริการไปยังจุดต่าง ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการเดินทางระหว่างสองประเทศและเครือข่ายการบินให้ขยายตัวมากขึ้น ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
|
.....