ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1209 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24161 - 24180 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24161 | วีดีทัศน์ผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน 2558 | วธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมกันจัดการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และฉลองความสัมพันธ์ ๔๐ ปี ไทย-จีน ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๓-๕ เมษายน ๒๕๕๘ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมทั้งสองประเทศได้หารือทวิภาคีความร่วมมือทางวัฒนธรรมและลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม ๒. การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมให้การต้อนรับรัฐมนตรีกำกับการบริหารกิจการศาสนาแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Minister of the State Administration for Religious Affairs) เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ที่มีมาช้านาน โดยมีพัฒนาการความสัมพันธ์มากขึ้นในทุกระดับ ๔. การเชิญทูตานุทูตและคู่สมรสเข้าร่วมงานสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย ในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร โดยมีทูตานุทูตและคู่สมรส จำนวน ๒๑ คน จาก ๑๔ ประเทศเข้าร่วมงานเพื่อเรียนรู้และร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ของไทย ๕. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาล Bangla New Year 1422 ประจำปี ๒๕๕๘ ณ เมืองธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๘ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในโอกาสนี้ ได้หารือระดับทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว ๖. การเชิญทูตานุทูตร่วมในพิธีเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีทูตานุทูตและคู่สมรส จำนวน ๑๕ คน จาก ๑๐ ประเทศเข้าร่วมงาน ๗. การจัดการประชุมวรรณกรรมและวัฒนธรรมอาเซียนและเอเชีย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีศิลปินและนักเขียน จำนวน ๒๐๐ คน จาก ๑๓ ประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเข้าร่วมประชุมฯ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวรรณกรรมของแต่ละประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
24162 | วีดีทัศน์สรุปความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู้ประชาคมอาเซียน รายงานผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย และรายงานผลการจัดกิจกรรม ASEAN Festival ที่สยามพารากอน | กต | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย และรายงานผลการจัดกิจกรรม ASEAN Festival ที่สยามพารากอน สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ณ ตึกสันติไมตรีหลังในทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมและรับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการทั้ง ๓ เสาหลัก ได้แก่ เสาการเมืองและความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และด้านกฎหมาย โดยมีความก้าวหน้าทั้งการดำเนินงานและการจัดทำแผนงานรองรับ ๕ ปี ยุทธศาสตร์ ๑๐ ปี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางและเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการวางแผนอย่างมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน รวมทั้งประสงค์ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการดำเนินงานที่สอดคล้อง เท่าเทียมกัน โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนในการรับทราบประโยชน์ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย โดยเข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีและหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย พร้อมกันนี้ได้หารือกับ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และตอบรับเข้าร่วมประชุมระดับภูมิภาคสมัยพิเศษว่าด้วยเรื่องการแก้ปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทยปลายเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิรูปการเมือง นอกจากนั้นยังได้ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการโคลัมโบฉบับใหม่ โดยมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนออสเตรเลีย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชีย ๓. การจัดกิจกรรม ASEAN Festival พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดงาน ASEAN Festival ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ สยามพารากอน ร่วมกับคณะทูตอาเซียนประจำประเทศไทย เพื่อช่วยกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความสนใจ ตื่นตัวและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาเซียน และประชาคมอาเซียน โดยในงานประกอบด้วยนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับอาเซียน การเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ กิจกรรมบันเทิง และการแสดงศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
24163 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | คค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงิน ๘,๗๑๑.๒๖๕ ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้แก่ รฟท. ให้ รฟท. จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งรัดกระบวนการรับรองงบการเงินให้เป็นปีปัจจุบันโดยเร็ว และควรนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ทั้งด้านการบริหารการเดินรถ การบริหารจัดเก็บรายได้ และการเงินการบัญชี อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ รฟท. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24164 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการ) | กค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ โดยแก้ไขเพิ่มเติมให้คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่มีกรรมการในคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ รวมทั้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ยึดหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ในการตรวจพิจารณาด้วย เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแก้ไขให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน ตามจำนวนที่ระบุไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จะทำให้องค์ประกอบของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีจำนวนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการที่เหลืออยู่หรือมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนคณะกรรมการโดยตำแหน่งซึ่งเป็นผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีผลให้ขาดการถ่วงดุลอำนาจของผู้แทนในคณะกรรมการที่มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย และในกรณีที่กรรมการคณะใดคณะหนึ่งไม่ครบองค์ประชุม คณะกรรมการที่เหลืออยู่ควรมีองค์ประกอบของผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก จึงจะสามารถประชุมต่อไปได้ รวมทั้งควรมีการบัญญัติให้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย๋สินของคณะกรรมการดังกล่าวก่อนเข้ารับการดำรงตำแหน่งและหลังการออกจากตำแหน่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24165 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ใช้ผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24166 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2558 | ทก | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๘ คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรับทราบคำสั่งมอบหมายรองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร (นายทรงพร โกมลสุรเดช) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการฯ รวมทั้งรับทราบสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลด้วยยุทธศาสตร์ ๕ ด้าน และ (ร่าง) แผนการดำเนินงานเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ๒. เห็นชอบแผนการดำเนินงานบรอดแบนด์แห่งชาติ ได้แก่ (๑) แต่งตั้งคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ (๒) ให้มีการบูรณาการโครงข่ายภาครัฐเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อนและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ (๓) ให้มีหน่วยงานทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงข่ายบรอดแบนด์และสายเคเบิลใยแก้วนำแสงจากหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐและภาคเอกชน ๓. เห็นชอบแนวทางและ (ร่าง) แผนการดำเนินงานศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย (Data Center) โดยเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้หน่วยงานภาครัฐระงับการสร้างศูนย์ข้อมูลทุกประเภท ยกเว้นโครงการ/กิจกรรมที่มีการผูกพันตามสัญญาแล้ว ก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ และให้หน่วยงานภาครัฐขอแปลงงบลงทุน (ครุภัณฑ์ ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง) เป็นงบดำเนินงานที่เพียงพอต่อการเช่าใช้บริการระบบสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อนที่การลงทุนของภาคเอกชนจะเกิดขึ้น ๔. รับทราบแผนการดำเนินโครงการลดสำเนากระดาษเพื่อบริการประชาชน (Smart Service) ระยะที่ ๑ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการทำการตรวจสอบความพร้อมของ e-Service ที่หน่วยงานเสนอเข้าร่วมโครงการ แล้วรายงานผลให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ (อ.ก.พ.ร.) ทราบภายใน ๑ เดือน และรับทราบแผนการดำเนินการตามโครงการบูรณาการข้อมูลงานบริการภาครัฐ (Information Gateway) ๕. เห็นชอบแผนการดำเนินงานการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้ SMEs ปรับเปลี่ยนวิธีทำธุรกรรมแบบออนไลน์เต็มรูปแบบ ๒๐,๐๐๐ ราย ภายในระยะเวลา ๑ ปี ๖. เห็นชอบแนวทางและ (ร่าง) แผนการดำเนินงานการส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneurs) โดยเป้าหมายของการส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล คือ ในระยะ ๓ ปี ไทยจะมี Digital Entrepreneurs เกิดใหม่ไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ราย ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ที่ตลาดต้องการรวมกันไม่ต่ำกว่า ๑,๕๐๐ คน ๗. มอบหมายให้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมการเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับคณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปรับ (ร่าง) แผนการดำเนินงาน รวมทั้งให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปพิจารณาดำเนินการ และนำ (ร่าง) แผนการดำเนินงานที่ปรับแล้วเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการประชุมครั้งต่อไป ๘. เห็นชอบให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พิจารณาการใช้งานคลื่นความถี่ที่เหมาะสมเพื่อให้การประมูลการให้บริการในระบบ 4G มีประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ มีมาตรฐาน โดยให้ดำเนินการเตรียมการและเปิดประมูลได้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กสทช. และผู้แทนคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล) หารือและร่วมกันเจรจาในเรื่องการนำโครงสร้างพื้นฐานที่มีข้อพิพาทอยู่มาใช้ประโยชน์ ๙. เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย คณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ (National Broadband) คณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ (Data Center) คณะทำงานการส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัล (Digital Commerce) การส่งเสริมธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และการส่งเสริมเนื้อหาดิจิทัล (Digital Content) คณะทำงานการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และคณะทำงานติดตามกฎหมายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ๑๐. เห็นชอบให้นำประเด็นที่ กสทช. เสนอเกี่ยวกับการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ไปพิจารณาในคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติเพื่อให้เกิดการบูรณาการบรอดแบนด์ของประเทศและเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑๑. เห็นชอบให้จัดการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประจำทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||
24167 | การดำเนินโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งความก้าวหน้าเบื้องต้นในการดำเนินการกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพที่ใช้เป็นศูนย์กลางจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศที่จะรองรับปริมาณขยะมูลฝอยของทุกจังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดจำนวน ๗๖ จังหวัด เพื่อคัดเลือกพื้นที่จังหวัดที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงกำจัดขยะมูลฝอย และได้กำหนดพื้นที่จังหวัดที่มีความเหมาะสมในการก่อสร้างโรงกำจัดขยะมูลฝอย โดยพิจารณาพื้นที่ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์ประกอบอื่นที่สำคัญ พบว่า พื้นที่ที่มีศักยภาพที่ใช้เป็นศูนย์กลางในการแปรรูปขยะเป็นพลังงาน จำนวน ๒๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี บุรีรัมย์ สงขลา ภูเก็ต กระบี่ นครราชสีมา ขอนแก่น สุรินทร์ มหาสารคาม เลย ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ยะลา เชียงใหม่ นครพนม และพัทลุง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการ และให้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดหาเตาเผาขยะให้แก่ชุมชนหรือท้องถิ่นต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24168 | ขออนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร | นร07 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานหลักที่ร่วมประสานการปฏิบัติภารกิจในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๕ โดยมีวงเงินในเบื้องต้น รวม ๑๗.๕ ล้านบาท ต่อปี (ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖) ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการสนับสนุนงบประมาณให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่ออุดหนุนแก่มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป ปีละ ๑๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากเดิม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ เป็น ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕ (ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ๓. เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานอื่นเพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดที่มีศักยภาพและดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) อยู่แล้ว ร่วมสมทบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อไปทุกปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ |
|||||||||||||||||||||
24169 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24170 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคม พ.ศ. 2558 | ทก | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการติดตาม ประเมินผล และวางแผนกำหนดมาตรการจัดระเบียบสังคม เพื่อทำให้สังคมน่าอยู่และคนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ มีประเด็นที่ประชาชนมีความเห็น เช่น สถานบันเทิง/สถานบริการที่มีอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านมีการส่งเสียงดังรบกวน การเปิด-ปิดเกินเวลา การปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิง/สถานบริการดังกล่าว การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่ให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่บริเวณใกล้เคียงหรือรอบ ๆ สถานศึกษา/ศาสนสถาน การลักลอบขายสินค้า/บริการที่ผิดกฎหมาย (ร้านค้าแอบแฝง) และการมั่วสุมเสพยาเสพติดและการซื้อขายยาเสพติดในร้านเกม-อินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ในชุมชน/หมู่บ้าน เป็นต้น รวมทั้งผลการสำรวจความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาลในการจัดระเบียบสังคม ซึ่งประชาชนร้อยละ ๙๙.๘ ระบุว่ามีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงาน ในจำนวนนี้มีความพึงพอใจมากถึงมากที่สุดร้อยละ ๗๘.๕ ปานกลางร้อยละ ๑๙.๕ น้อยถึงน้อยที่สุดร้อยละ ๑.๘ และมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ไม่พึงพอใจ คือ ร้อยละ ๐.๒ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24171 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย) | สผ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ โดยการปฏิรูปจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ ผลกระทบใน ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการปรับสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสาธารณะที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ด้านสุขภาพ และด้านสังคม ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยอย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24172 | การจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) | นร | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ที่ทำการในปัจจุบันของศูนย์บริการร่วมในศูนย์การค้า หรือ G-point ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล มีจำกัด พื้นที่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นและเหมาะสมเพียงพอในการติดต่อและภาพลักษณ์ด้านการลงทุน สกท. จึงเห็นควรใช้พื้นที่ ณ ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (One START One Stop Investment Center : OSOS) ที่มีอยู่เดิม ที่ชั้น ๑๘ อาคารจัตุรัสจามจุรี ถนนพญาไท เขตปทุมวัน ในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน ๒. ศูนย์ OSOS จะให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร โดยแบ่งเป็น ๓ ลักษณะ คือ (๑) การบริการให้คำปรึกษา คำแนะนำ ข้อมูลและข่าวสาร (๒) การบริการอนุมัติ/อนุญาต/รับรองเอกสาร ผ่านระบบออนไลน์ และ (๓) การบริการรับเรื่อง ส่งต่อ และติดตามผล ทั้งนี้ การให้บริการของศูนย์ OSOS เมื่อขยายขอบเขตการให้บริการแล้ว จะสามารถให้ข้อมูลด้านการลงทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๓๘ หน่วยงาน/องค์กร โดยเป็นภาครัฐ จาก ๑๔ กระทรวง ๒๙ หน่วยงาน และภาคเอกชน จาก ๙ องค์กร สามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ ศูนย์ OSOS อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงบริการของศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อเป้าหมาย SMART THAILAND : ที่เดียว ทันใด ทั่วไทย (ทั่วโลก) ทุกเวลา ๓. สกท. มีเป้าหมายในการเปิดตัวการบริการใหม่ของศูนย์ OSOS ประมาณเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ โดยจะต้องเตรียมการประชาสัมพันธ์ศูนย์ OSOS ที่ขยายขอบข่ายการให้บริการเพิ่มเติม และพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ ส่วนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดทำรายชื่อผู้รับผิดชอบในการรับ-ส่งเอกสาร และจัดเจ้าหน้าที่มาประจำการเพิ่มเติม เฉพาะสำนักงานประกันสังคม (อาจจะกำหนดเฉพาะบางวันทำการ) และจัดส่งวิทยากรมาทำการฝึกอบรม รวมทั้งให้ความร่วมมือในการพัฒนาระบบสารสนเทศ เช่น ระบบ Single Window เรื่อง การอนุญาตเกี่ยวกับวีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำหรับผู้ชำนาญการจากต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
24173 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 3) คดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 309 คน ผู้ฟ้องคดี กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร | นร05 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๓) คดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๐๙ คน ผู้ฟ้องคดี กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24174 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2555 - 2559 ระยะครึ่งแผน | สธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ระยะครึ่งแผน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาระบบบริหารจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม มีความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านพัฒนากฎหมาย กฎระเบียบ มาตรฐาน มาตรการและแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม รวม ๕ ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพอากาศ ด้านน้ำ การสุขาภิบาล และสุขอนามัย ด้านสารเคมีเป็นพิษและสารอันตราย ด้านการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ และด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพัฒนามาตรการทางกฎหมายด้านขยะมูลฝอยและแนวทางปฏิบัติในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัย รวมทั้งพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง ติดตามตรวจสอบ การรายงานผล และแจ้งเตือนสถานการณ์ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ๔ ด้าน คือ ด้านคุณภาพอากาศ ด้านน้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัย ด้านการดำเนินงานอนามัยสิ่งแวดล้อมในภาวะฉุกเฉิน และด้านขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒. ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การป้องกันและลดความเสี่ยงจากปัจจัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ด้านคุณภาพอากาศ ผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศในบรรยากาศของพื้นที่เสี่ยงในบางพื้นที่ ส่วนใหญ่มีฝุ่นละออง สารเบนซีน และสาร ๑,๓-บิวตาไดอีนในบรรยากาศเกินค่ามาตรฐาน การเข้าถึงน้ำบริโภคอุปโภคอย่างเพียงพอของครัวเรือนไทยและคุณภาพน้ำบริโภค ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ครัวเรือนมีน้ำบริโภคอุปโภคเพียงพอตลอดปีร้อยละ ๙๙.๕๕ การพัฒนาสถานประกอบการอาหารได้มาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร มีการดำเนินโครงการพัฒนาตลาดและโครงการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำอย่างต่อเนื่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ มีสถานประกอบการอาหารได้มาตรฐานมากกว่าร้อยละ ๘๐ ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ของเสียอันตราย และมูลฝอยติดเชื้อ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยะมูลฝอยได้รับการกำจัดถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละ ๒๓.๕๗ นำไปใช้ประโยชน์ร้อยละ ๒๑.๓๕ มูลฝอยติดเชื้อถูกกำจัดในเตาเผาร้อยละ ๗๘.๗๕ และ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ขยะมูลฝอยได้รับการจัดการอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๒๘ แต่การนำไปใช้ประโยชน์ลดลงเหลือร้อยละ ๑๙ และมูลฝอยติดเชื้อถูกกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสมลดลงเหลือร้อยละ ๗๕ ๓. ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่าย และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและประชาชนในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ มีแผนงานโครงการที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมทั้ง ๖ ด้านเพิ่มขึ้น ด้านส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยสิ่งแวดล้อม พบว่า มีการดำเนินการโครงการส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรคต่าง ๆ รณรงค์การคัดแยกขยะ ๔. ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ด้านการบริหารจัดการเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม หน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า มีการดำเนินงานทั้งด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การพัฒนาระบบงานอนามัยสิ่งแวดล้อม เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงการดำเนินงานร่วมกันระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ๕. ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ มีงานวิจัยและองค์ความรู้ใหม่หรือการประยุกต์ใช้องค์ความรู้เดิมและเทคโนโลยีด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นทุกด้าน ทั้งนี้ การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างน้อยภาคละ ๑ แห่ง พบว่า ภาคเหนือ มีศูนย์การเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านการสุขาภิบาล และด้านขยะมูลฝอย และของเสียอันตราย ภาคกลาง มีศูนย์การเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และด้านการสุขาภิบาล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีศูนย์การเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านการสุขาภิบาล และด้านขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และภาคใต้ มีศูนย์การเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และด้านการสุขาภิบาล |
|||||||||||||||||||||
24175 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 | รง | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ของกองทุนเงินทดแทน ประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียน ๘,๘๗๙,๕๒๘,๖๐๖.๕๔ บาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ๓๒,๒๖๖,๗๖๔,๘๔๑.๗๙ บาท รวมสินทรัพย์ ๔๑,๑๔๖,๒๙๓,๔๔๘.๓๓ บาท ๒. งบรายได้ค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ กองทุนเงินทดแทนมีรายได้ ๕,๓๓๖,๙๗๒,๕๔๑.๒๐ บาท และค่าใช้จ่าย ๑,๙๙๗,๑๐๓,๘๓๙.๘๔ บาท โดยรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ ๔,๕๕๙,๑๙๙,๔๔๙.๑๐ บาท ๓. ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ กองทุนเงินทดแทนมีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกองทุนเงินทดแทนทั้งสิ้น ๓๘๒,๐๔๗ แห่ง และมีลูกจ้างทั้งสิ้น ๘,๙๐๑,๖๒๔ คน
|
|||||||||||||||||||||
24176 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างฯ (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ผลงานที่ทำได้ร้อยละ ๑๐.๑๖ ผลงานที่ตั้งไว้ตามแผนที่ได้รับอนุมัติร้อยละ ๖๘.๖๙ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๕๘.๕๓ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม ส่วนการขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ขนย้ายออกจากพื้นที่ได้ ๗๒๘,๔๐๖ ลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ ๖๑.๗) เหลือดินในพื้นที่ต้องขนออก ๔๕๒,๐๓๗ ลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ ๓๘.๓)สำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ ปัญหาการส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้าง ปัญหาการขนย้ายดินออกจากพื้นที่ล่าช้า และปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างฯ ร้องเรียนเพื่อขอรับการชดเชยที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม ๑.๒ สรุปการดำเนินการขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ณ วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ดินที่ขนย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างแล้ว จำนวน ๗๖๐,๑๙๐ ลูกบาศก์เมตร ดินที่ผู้รับจ้าง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ขอเก็บไว้ใช้งานในพื้นที่ จำนวน ๓๕,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร เหลือดินในพื้นที่ที่ต้องทำการขนย้ายออก จำนวน ๒๔๘,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร ๒. ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการชะลอการดำเนินการก่อสร้างสะพานเกียกกายในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ค่าชดเชยที่ดินและสิ่งก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่)
|
|||||||||||||||||||||
24177 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุในท้องที่ตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | กค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ในท้องที่ตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุคืนให้แก่นายประสิทธิ์ อายุวัฒน์ ทายาทของนายเอื้อม อายุวัฒน์ (ผู้ยกให้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24178 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗
ปรับปรุงกระบวนการขยายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี การปรับปรุงข้อความในประกาศขายทอดตลาดให้ชัดเจน ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาด และหลักเกณฑ์การวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าเสนอราคาในการขายทอดตลาดมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ให้มีความเหมาะสมแก่การปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
24179 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. .... | พณ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นธุรกิจบริการที่คนไทยมีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว ไม่อยู่ในบัญชีสาม (๒๑) ที่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24180 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต รวม 2 ฉบับ | คค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา และเป็นการกำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
|
.....