ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1203 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24041 - 24060 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24041 | การขอยืมเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะของสำนักงาน กสทช. | นร07 | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการยืมเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท และพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อนำไปใช้แทนเงินกู้บางส่วนสำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณารายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาหรือแนวทางการคืนเงินให้แก่กองทุนดังกล่าว และการจัดสรรงบกระแสเงินสด (Cash Flow Management) ร่วมกับ กสทช. ให้มีความเหมาะสมและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24042 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา | ศธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเขาสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ มีบุคคล ผู้แทนกระทรวง กรม สำนักงาน สำนัก และสถาบันที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสิ่งของที่นำมาใช้เพื่อการศึกษาและการวิจัยของหน่วยงาน ส่วนราชการ สมาคมและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าว่าเป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง ที่กล่าวในข้อ ๓ (๑๙) หรือไม่ แล้วจึงมีหนังสือรับรองให้หน่วยงานผู้เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าได้ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าวัสดุการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมตามความตกลงฟลอเรนซ์ด้วย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24043 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 (จำนวน 5 คน 1. นางอุบล หลิมสกุล ฯลฯ) | พม | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามมาตรา ๔ (๖) แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางอุบล หลิมสกุล ๒. รองศาสตราจารย์วิพรรณ ประจวบเหมาะ ๓. นางสุวณี รักธรรม ๔. นางสาวลัดดา ดำริการเลิศ ๕. รองศาสตราจารย์วรเวศม์ สุวรรณระดา
|
|||||||||||||||||||||||||||
24044 | การแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 10 คน 1. นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย ฯลฯ) | นร01 | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๑๐ คน ตามมติคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. สาขาการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๑ นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย ๑.๒ ศาสตราจารย์กิตติคุณประมวล วีรุตมเสน ๒. สาขาต่างประเทศและความมั่นคงของประเทศ ๒.๑ นายถวิล เปลี่ยนศรี ๒.๒ นายรัฐกิจ มานะทัต ๓. สาขาเศรษกิจ และการคลังของประเทศ นายชานน กิตติ์จิรกุล ๔. สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ๔.๑ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ๔.๒ พลโท สุขสันต์ สิงหเดช ๔.๓ นายกิตติ อิทธิวิทย์ ๔.๔ นายธนะ ดวงรัตน์ ๔.๕ นายสุขจิตต์ ประยูรหงษ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
24045 | การเสนอขอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) (จำนวน 5 คน 1. ร้อยโท สุวิทย์ ยอดมณี ฯลฯ) | มท | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ร้อยโท สุวิทย์ ยอดมณี ๒. นายไพโรจน์ พรหมสาส์น ๓. นายอนุชา โมกขะเวส ๔. รองศาสตราจารย์เสรี ศุภราทิตย์ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร จองคำ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24046 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 3 คน 1. นายสุพล ศรีพันธุ์ ฯลฯ) | มท | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุพล ศรีพันธุ์ ๒. นายสมบัติ ทวีผลจรูญ ๓. นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
24047 | แต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว) | มท | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งนายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24048 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร) | กต | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อดทแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24049 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายอนันต์ ลิลา และนายสมชาย ชาญณรงค์กุล) | กษ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายอนันต์ ลิลา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
24050 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายเกษมสันต์ จิณณวาโส) | ทส | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24051 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค) | นร04 | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24052 | การให้ความช่วยเหลือเนปาลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว | กต | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินการเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่เนปาล โดยปัจจุบันภารกิจด้านการกู้ภัยได้สิ้นสุดลงแล้ว และรัฐบาลกำลังมุ่งที่จะดำเนินการบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และได้ขอให้คณะช่วยเหลือและกู้ภัยจากต่างชาติ (รวมทั้งไทย) เดินทางกลับประเทศ โดยรัฐบาลเนปาลจะประเมินความต้องการความช่วยเหลือด้านแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขให้ต่างประเทศทราบก่อนที่จะขอความช่วยเหลือต่อไป สำหรับสิ่งของที่เนปาลยังคงประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือเป็นลำดับต้น ๆ ได้แก่ ที่พักพิงที่มีหลังคา อาหาร สุขอนามัย เสื้อผ้า ยา วัคซีนป้องกันโรคติดต่อ วัสดุก่อสร้าง ยาฆ่าเชื้อ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ในส่วนของเงินบริจาค รัฐบาลเนปาลจะนำเงินบริจาคทั้งหมดเข้าบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติของนายกรัฐมนตรีเนปาล (Prime Minister’s Disaster Relief Fund : PMDRF) ๑.๒ อนุมัติให้มีการดำเนินการรับบริจาคเงินจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และรับบริจาคสิ่งของจนถึงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาตามความเหมาะสมในการดำเนินการจัดจำหน่ายสิ่งของบริจาคในรายการที่เห็นสมควร เพื่อจัดส่งรายได้ไปช่วยเหลือแทน สำหรับสิ่งของบริจาครายการที่ไม่สามารถจัดจำหน่ายได้ หรือมีข้อจำกัดในการจำหน่าย ให้จัดเก็บไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศต่อไป โดยให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริจาคทราบก่อน ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีที่จะให้มีการจัดจำหน่ายสิ่งของบริจาคในรายการที่เห็นสมควร เพื่อจัดส่งเงินรายได้ไปช่วยเหลือแทน รวมทั้งสิ่งของบริจาครายการที่ไม่สามารถจัดจำหน่ายได้ หรือมีข้อจำกัดในการจำหน่าย ให้จัดเก็บไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศนั้น ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ ให้กระทรวงสาธารณสุขส่งทีมปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะภัยพิบัติ ชุดที่ ๔ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาและด้านสาธารณสุขปฏิบัติภารกิจที่ประเทศเนปาลเป็นเวลา ๒ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากวงเงินที่เหลือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับจัดสรรไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศเนปาลในกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว) ทั้งนี้ หากไม่เพียงพอให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
24053 | การเข้าร่วมการประชุมใหญ่ประจำปี สมัยที่ 104 ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ณ สมาพันธรัฐสวิส | รง | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ประจำปี สมัยที่ ๑๐๔ ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ณ สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ ๑-๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์) และผู้ติดตาม จำนวน ๔ คน ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๑๖ คน ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง จำนวน ๖ คน และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง จำนวน ๙ คน และรับทราบกรอบคำกล่าวปราศรัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๒. เห็นชอบให้ลงคะแนนเสียงรับรองร่างข้อแนะว่าด้วยเรื่องการปรับเปลี่ยนสถานะจากแรงงานในเศรษฐกิจนอกระบบสู่แรงงานในเศรษฐกิจในระบบ เนื่องจากเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานนอกระบบให้ได้รับการคุ้มครองแรงงานในเศรษฐกิจในระบบ ซึ่งจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||||||||
24054 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย | นร07 | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑ รายการ งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน ๓๗๕,๗๐๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๑๘๖,๖๖๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๙.๗ และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเหลือจ่าย (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๗ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๓๕๑,๓๒๒ ล้านบาทเบิกจ่ายแล้ว ๑๕๙,๕๘๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๕.๔ ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ๒. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และหากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ได้ทันภายในสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ยกเว้นกรณี ดังนี้ ๒.๑ เงินงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ๒.๒ กรณีหน่วยงานใดที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อหรืออยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างแต่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ๓. ในการพิจารณาขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณขอให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นและความเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24055 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ | กห | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งการเดินทางเยือนฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์ที่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหารที่มีการพัฒนาขึ้นตามลำดับแล้ว ยังได้มีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจาและการทำประมงผิดกฎหมายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียร่วมกัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ และได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเข้าเยี่ยมคำนับนาย เอิง เอ็ง เฮ็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารระหว่างกันทั้งด้านการฝึกศึกษา และด้านอื่น ๆ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความมั่นคงของภูมิภาค อาทิ การลาดตระเวนร่วมในช่องแคบมะละกา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อลดความรุนแรงในภูมิภาค ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสิงคโปร์ได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม Shangri-la Dialogue ครั้งที่ ๑๔ ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งสาธารณรัฐสิงคโปร์จะใช้เวทีดังกล่าวสร้างความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่ากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จำเป็นต้องใช้ความพยายามและความอดทนของประชาชนภายในประเทศ และทุกประเทศควรให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว เพื่อความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อความมั่นคงของภูมิภาคด้วย ๒. ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ พลเอก รามิซาร์ด ราชูดู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะยกระดับความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศให้มีความแนบแน่นและเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งจะร่วมสนับสนุนผลักดันการแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ๒ เรื่อง คือ การโยกย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจา และปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งได้มีการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Indonesia on Cooperation in the Field of Defence) โดยมีขอบเขตครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การจัดการหารือร่วมกันในระดับยุทธศาสตร์ การแลกเปลี่ยนข่าวสารความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
24056 | รายงานผลการจัดการประชุม Thailand Rice Convention 2015 และงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX - World Food Asia (เอกสารประกอบการฉายวีดีทัศน์ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 21/2558) | พณ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รายงาน ดังนี้ ๑.๑ การประชุม Thailand Rice Convention 2015 (TRC 2015) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “คิดถึงข้าว คิดถึงข้าวไทย ข้าวคุณภาพเยี่ยมของโลก” “Think Rice Think Thailand…Serving the Best Quality Rice to the World” เพื่อแสดงศักยภาพประเทศผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพดีของโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านคุณภาพ มาตรฐาน สุขอนามัย โภชนาการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” ๑.๒ งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX-World Food Asia เป็นงานแสดงสินค้าอาหารระดับนานาชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมและเครื่องดื่ม เทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร (๒) ให้เกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้าอาหารและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหาร (๓) เผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบถึงศักยภาพในการผลิตสินค้าอาหาร เทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารของไทย และเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีในการใช้สินค้าไทย และ (๔) ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอาหาร เทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในเอเชีย โดยมีผู้นำในวงการอุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจบริการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับอาหารมาจัดแสดงสินค้ารวม ๑,๖๗๕ ราย จาก ๓๓ ประเทศ และมีนักธุรกิจ ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าตอบรับที่จะเดินทางมาเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ ราย จากกว่า ๑๐๐ ประเทศ ในช่วงวันเจรจาธุรกิจ ๓ วัน (๒๐-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘) สามารถจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งสิ้น ๑๗๔ คู่ มียอดขายทั้ง ๓ วัน รวมเป็นเงิน ๘,๑๑๕.๒๐ ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมงานใน ๒ วันสุดท้าย (๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘) จำนวนผู้เข้าชมงานประมาณ ๘๐,๐๐๐ ราย มีมูลค่าการซื้อ-ขายปลีกหมุนเวียนภายในงานไม่ต่ำกว่า ๘๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยประสานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดงานจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีชื่อเสียงในแต่ละกลุ่มจังหวัด เพื่อเป็นการนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพกระจายสู่ผู้บริโภคโดยตรงและเป็นการสนับสนุน SMEs อีกทางหนึ่งด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24057 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนภาคธุรกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในการผลิตสินค้าไทยที่มีคุณภาพสำหรับนำไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน และผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาประหยัดสำหรับคนไทย รวมทั้งสนับสนุน SMEs ให้มีความเข้มแข็งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันกำหนดแนวทางและกลไกเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดใหญ่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลธุรกิจขนาดเล็ก เช่น กลุ่มธุรกิจช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิตและลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรรายย่อย และการรับซื้อผลผลิตเกษตรกรรายย่อยผ่านการดำเนินธุรกิจการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดน ๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนการดำเนินงานการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลสถิติการส่งออกสมุนไพรไทย และการนำเข้าสมุนไพรแปรรูปจากต่างประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาและแปรรูปสมุนไพรไทยให้เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงขึ้น รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเพาะปลูกพืชสมุนไพรตามความต้องการของตลาดในอนาคต ๑.๕ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับบัญชีครัวเรือนและสนับสนุนให้ประชาชนจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการใช้จ่ายของแต่ละครอบครัวตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการกำหนดหลักสูตรการสอนทุกระดับให้มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรับบริการสาธารณสุข โดยให้ประชาชนที่สมัครใจมีทางเลือกในการจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อรับการบริการที่ดีขึ้น เพื่อนำเงินดังกล่าวมาสนับสนุนการให้บริการประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยให้เร่งพิจารณาแนวทางดังกล่าวและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินแห่งชาติ ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาออกกฎหมายหรือกฎระเบียบในการกำหนดพื้นที่ก่อสร้างอาคารเพื่อการวางผังเมืองที่เหมาะสม ไม่ให้มีสิ่งก่อสร้างที่ขวางทางน้ำไหลหรือพื้นที่ระบายน้ำตามธรรมชาติ โดยควรออกแบบอาคารที่มีคุณลักษณะเหมาะสมและอิงรูปลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย มีรูปทรงที่แสดงประวัติหรือเอกลักษณ์ไทย ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันพิจารณาออกกฎหมายหรือระเบียบในการกำหนดสัดส่วนและวัสดุประเภทไม้จริงที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอีกทางหนึ่ง ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งรัดกำหนดแนวทางรองรับน้ำฝนที่ตกลงมานอกพื้นที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และวางแผนการส่งน้ำให้แก่ประชาชนรอบ ๆ แหล่งน้ำให้ได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยประสานการดำเนินการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการขุดแหล่งน้ำของตนเอง และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบปริมาณน้ำฝนที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าในปีนี้จะมีปริมาณน้อย อาจทำให้การทำเกษตรกรรมนอกเขตชลประทานประสบภาวะขาดแคลนน้ำได้ ๔.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดเตรียมข้อมูลเพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เกี่ยวกับงานการพัฒนาดิน ในการประชุมนานาชาติเพื่อกิจกรรมปีดินสากล (International Soil Conference) ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งจัดให้มีการหารือในหัวข้ออื่น ๆ เช่น การอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำ ผืนป่า ดิน และปุ๋ย เพื่อให้ครอบคลุมทุกปัจจัยในการเพาะปลูก ๔.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ เช่น แม่น้ำสาละวิน โดยเตรียมกำหนดเส้นทางการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศดังกล่าวไปยังแหล่งกักเก็บน้ำภายในประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ เช่น พื้นที่ที่สามารถใช้น้ำ ระยะเวลาในการใช้น้ำ เป็นต้น และให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ทราบด้วย ๔.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยหาแนวทางในการพลิกฟื้นผืนป่าบริเวณภูเขาที่ถูกบุกรุกทำลาย (เขาหัวโล้น) โดยให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๘ ๔.๕ ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operations) มากขึ้น โดยเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ (press release) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานซึ่งประชาชนให้ความสนใจ หรือประเด็นที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และส่งข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวให้สื่อมวลชนเผยแพร่เป็นประจำทุกวัน ๔.๖ ให้รัฐมนตรีกำกับให้หน่วยงานในความรับผิดชอบมีการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล และ Road Map ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกระดับในสังกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับประชาชน และให้นำเรื่องความเข้าใจในนโยบายข้างต้นไปใช้เป็นตัวชี้วัดร่วมกับตัวชี้วัดการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดยนำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายได้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๔.๗ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีข้าราชการพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตราย ว่าสมควรจะให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ/ทหาร อย่างไร เช่น สิทธิการได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณ สิทธิเกี่ยวกับการได้รับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ (พ.ส.ร.) เป็นต้น ๔.๘ ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาให้การสนับสนุนภาคเอกชนที่เข้าร่วมจัดงานหรือกิจกรรมที่สนับสนุนภารกิจของภาครัฐหรือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยอาจจะสนับสนุนงบประมาณในการจัดงาน หรือการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการดำเนินงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
24058 | การเสนอความเห็นเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ | นร04 | 25/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการ ๑.๑ ข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยยึดหลัก ๓ ประการ คือ (๑) รัฐบาลชุดต่อไปสามารถสานต่อผลงานของรัฐบาลชุดนี้ที่ทำไปแล้ว (๒) ประเทศชาติในอนาคตจะต้องไม่กลับมาขัดแย้ง และ (๓) การเมืองในอนาคตได้พัฒนา ก้าวหน้า ให้ความเป็นธรรมและเป็นที่พอใจ ตลอดจนจะต้องไม่เปิดโอกาสให้ทุจริต ใช้อำนาจผิดครรลองครองธรรม หรือใช้ประชานิยมอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อให้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมีเนื้อหาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของสังคมไทย และสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างแท้จริง อันจะช่วยนำพาประเทศชาติไปสู่ความปรองดองและสมานฉันท์อย่างยั่งยืนต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ๑.๒ คำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ได้มีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นหรือข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ โดยให้เพิ่มเติมข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีข้างต้นก่อนส่งความคิดเห็นและคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.๑ เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและบรรลุผล ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปและสร้างความปรองดอง เพื่อให้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ มีเป้าหมายร่วมกัน รวมทั้งมีอำนาจเสนอแนะ สั่งการ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง รักษาความสงบ ความมั่นคงของประเทศ และขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒.๒ กรณีการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนระดับปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า เห็นสมควรนำแนวทางการแต่งตั้งข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมมาพิจารณาประกอบด้วย โดยให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งในลักษณะเดียวกับสภากลาโหม ทำหน้าที่กลั่นกรองบุคคลผู้ที่มีความรู้ ความสามารถที่เหมาะสมในตำแหน่ง ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24059 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาแก่ผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม และให้มีการวางหลักเกณฑ์อย่างชัดเจนในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่ทำตามหน้าที่แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจและการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญเป็นการเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น อายุความในการใช้สิทธิยื่นคำขอเพื่อการเยียวยา เงื่อนไขในการจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่จำเลยในคดีอาญา เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. ผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24060 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... | ศธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน โดยกำหนดให้อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาเอกชนขออนุญาตจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งต่อสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และให้คณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....