ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1203 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24041 - 24060 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24041 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการทางหลวงหมายเลข 41 สายท่าโรงช้าง - ท่าชี - ถ้ำพรรณรา - ทุ่งสง (เป็นตอน ๆ) ตอน 1 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2] | คค | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายอำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งสง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒,๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
24042 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการสายประจวบคีรีขันธ์ - แยกปฐมพร ตอน 2 (บางสะพาน - แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ 1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์] | คค | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๓ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งส่ง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
24043 | ผลการปฏิบัติงานของคณะทำงานช่วยเหลือ เยียวยา และส่งกลับแรงงานประมงไทยที่ทำงานบนเกาะอัมบน และเบจิน่า สาธารณรัฐอินโดนีเชีย ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 9 เมษายน 2558 | พม | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า ๑.๑ ปัญหาแรงงานไทยบนเกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความช่วยเหลือและส่งกลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘ มีการช่วยเหลือส่งกลับ จำนวน ๑๔๘ คน ในการนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้การเยียวยาผู้ที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แล้ว จำนวน ๒๑ คน ๑.๒ กระทรวงการต่างประเทศได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานประมงไทยที่ตกค้างบนเกาะอัมบน มีจำนวน ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรงงานประมงที่ไปกับเรือประมงและได้ทำการประมงผิดกฎหมายจนถูกสาธารณรัฐอินโดนีเซียจมเรือ กลุ่มแรงงานประมงที่ถูกหลอกลวงไปหรือถูกบังคับให้ทำงานหนักและไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านค่าจ้างแรงงาน และกลุ่มแรงงานประมงที่อยู่บนเรือประมง ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถทำการประมงได้เนื่องจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียห้ามจับปลาแต่นายจ้างยังคงดูแลเรื่องค่าจ้างให้ตามปกติ ๑.๓ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดตั้งคณะทำงานช่วยเหลือ เยียวยา และส่งกลับแรงงานไทยที่ทำงานบนเกาะอัมบนและเกาะเบนจิน่า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๒๓ มีนาคม-๙ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนำภารกิจ ๕ ประการที่รัฐบาลมอบหมายไปดำเนินการ ได้แก่ การตรวจสอบข้อมูล การสงเคราะห์และช่วยเหลือ การรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี การเยียวยา และการส่งกลับ ซึ่งผลการปฏิบัติงานของคณะทำงานฯ ดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้ ๑.๓.๑ การตรวจสอบแรงงานประมงที่อยู่บนเกาะ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาและส่งกลับแรงงานไทยบริเวณท่าเรือตันตุย เกาะอัมบน เพื่อให้แรงงานไทยที่กระจายอยู่บนเกาะอัมบนมาลงทะเบียนรับความช่วยเหลือ ๑.๓.๒ การตรวจเยี่ยมแรงงานประมงบนเรือเกาะอัมบนและเกาะเบนจิน่า พบว่าแรงงานประมงบนเรือที่เป็นคนไทยแต่ไม่พบสภาพการถูกบังคับบนเรือ ทั้งนี้ ผู้ที่ขอความช่วยเหลือให้ส่งกลับประเทศไทย นายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งกลับและประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศในการออกเอกสารชั่วคราวสำหรับเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป ๑.๓.๓ การพิสูจน์ทราบแรงงานประมงไทยที่เสียชีวิตบนเกาะอัมบนและเกาะเบนจิน่า ได้ตรวจพบหลุมศพทั้งหมด ๑๑๒ หลุม ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ชัดเจนว่าผู้ตายเป็นบุคคลใด ๑.๔ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ตั้งกองอำนวยการในการรับตัวแรงงานประมงจากเกาะอัมบน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง มีทีมสหวิชาชีพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือเยียวยา ชี้แจงสิทธิ และจัดให้มีการคัดแยกทุกราย ซึ่งจากการคัดแยกเบื้องต้นพบผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวนไม่มาก ซึ่งจะได้นำเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองผู้เสียหายและขยายผลทางคดีต่อไป ๑.๕ นโยบายการทำประมงของสาธารณรัฐอินโดนีเซียในปัจจุบันไม่อนุญาตให้เรือประมงของต่างชาติเข้าทำการประมงต่อไป ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนอาจต้องหยุดประกอบการในที่สุด จึงเป็นประเด็นที่ประเทศไทยต้องพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือแรงงานประมงไทยจำนวนหนึ่งกลับจากเกาะอัมบนและเกาะเบนจิน่าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีแรงงานประมงจากประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางไปกับเรือประมงสัญชาติไทยจากประเทศไทยและใช้เอกสารคนประจำเรือของประเทศไทย ยังคงตกค้างอยู่ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งในกรณีที่ประเทศไทยทราบจะแจ้งสถานทูตที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ๒. การดำเนินการช่วยเหลือแรงงานประมงไทยกลับประเทศไทย มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบภารกิจการประสานงานด้านการส่งแรงงานประมงไทยกลับประเทศไทย และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบภารกิจการประสานงานด้านการเยียวยาผู้ที่ประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้ แรงงานประมงที่ดำเนินการให้มีการส่งกลับประเทศไทยต้องเป็นแรงงานที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น
|
||||||||||||||||||
24044 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 1 สายตาก - พะเยา ตอน 1 (ตาก - บ้านตาก) เป็นตอน ๆ)] | คค | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๓ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งส่ง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
24045 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขเปลี่ยนชื่อ "คณะกรรมการรักษาความปลอดภัย" เป็น "คณะกรรมการกำกับธุรกิจรักษาความปลอดภัย" ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||
24046 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 4 สายประจวบคีรีขันธ์ - แยกปฐมพร ตอน 2 (บางสะพาน - แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ 2 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์] | คค | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๓ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งส่ง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
24047 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 1 นครสวรรค์ - ตาก ตอน 1 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 (นครสวรรค์ - กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ)] | คค | 28/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๓ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งส่ง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
24048 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 | กต | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Kuala Lumpur Declaration on a People-Centred ASEAN) มีสาระสำคัญที่จะสร้างประชาคมอาเซียนที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นสำคัญและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านการดำเนินงานภายใต้เสาหลักของอาเซียนทั้ง ๓ เสา ได้แก่ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เช่น การส่งเสริมธรรมาภิบาล นิติธรรม และการเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การสร้างเศรษฐกิจที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างประชาชนอาเซียนและการขจัดความยากจน ๑.๑.๒ ร่างปฏิญญาลังกาวีว่าด้วยแนวคิดทางสายกลาง (Langkawi Declaration on Global Movement of Moderates) มีสาระสำคัญที่จะส่งเสริมแนวคิดทางสายกลางให้เป็นค่านิยมของอาเซียนเพื่อเสริมสร้างสันติภาพความมั่นคงและการพัฒนา รวมทั้งยึดมั่นในหลักนิติธรรมในการดำเนินความสัมพันธ์ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมแนวคิดดังกล่าว เช่น การจัดประชุมสัมมนาทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศ ตลอดจนการอภิปรายแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือปลูกฝังค่านิยมดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ขยายของแนวคิดสุดโต่งรุนแรงและแก้ไขปัญหานี้ที่ต้นเหตุ ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับข้อความในเอกสารที่เห็นควรตรวจทานและปรับแก้ไขให้มีความถูกต้อง สอดคล้อง และเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมทั้งในฉบับภาษาอังกฤษและภาษาไทย นอกจากนี้ ควรระมัดระวังในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินความร่วมมือภายใต้ปฏิญญาลังกาวีว่าด้วยขบวนการผู้ยึดทางสายกลางระดับโลกในระยะต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการหยิบยกปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นในเวทีระหว่างประเทศระดับต่าง ๆ รวมทั้งเวที Global Movement of Moderates ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
24049 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. .... | สธ | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยที่ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อกำหนดของท้องถิ่นได้ไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24050 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2557 และ ครั้งที่ 1/2558 | ทส | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ได้รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ โครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค โรงพยาบาลศิริราช ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ๑.๒ โครงการศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศและศูนย์อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ๑.๔ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๕ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ๑.๖ โครงการศึกษาทบทวนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเก็บน้ำโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ จังหวัดพะเยา ของกรมชลประทาน ๒. การประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ จำนวน ๗ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๒.๒ ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ๒.๓ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ ๔ (ระยอง-แก่งคอย) ครั้งที่ ๓ (โครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติกลางทางบนระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๔) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒.๔ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒.๕ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-ลำสาลี-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๖ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๗ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ บริเวณทางลอดบางพลัด ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||
24051 | ผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อผลักดันประเด็นต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมความสัมพันธ์ ได้แก่ การเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เยือนไทยอย่างเป็นทางการและเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-ฟิลิปปินส์ (JCBC) ครั้งที่ ๖ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๘ รวมทั้งประสานกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า ครั้งแรก (JTC) ในช่วงไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๕๘ และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางทหารครั้งแรก (JCMC) ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่ฟิลิปปินส์ ๒. การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฟิลิปปินส์จากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น Hagupit ได้แก่ การส่งข้าว ๕๐๐ ตันให้แก่ฟิลิปปินส์ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๓. ความร่วมมือด้านการศึกษา ได้แก่ การลงนามร่างบันทึกความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสอนตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ๔. ความร่วมมือด้านวิชาการ ได้แก่ การเตรียมการจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการครั้งแรกระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในปี ๒๕๕๘ ๕. การท่องเที่ยว ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในลักษณะ package ๖. การผลักดันความตกลง/บันทึกความเข้าใจที่คั่งค้าง ได้แก่ การเร่งรัดการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจด้านการปราบปรามยาเสพติดและการควบคุมสารตั้งต้นสำหรับการผลิตสารเสพติด การให้สัตยาบันต่อร่างบันทึกความเข้าใจด้านบริการเดินอากาศ และการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาอาหารสัตว์ ๗. กรณีพิพาทกับบริษัทฟิลิปมอริส ได้แก่ การหารือกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขกรณีพิพาทกับบริษัทฟิลิปมอริส (ประเทศไทย) อย่างฉันมิตร ๘. ความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือพลเมืองอพยพออกจากเยเมน ได้แก่ การประสานกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อร่วมมือกันอพยพชาวไทยและชาวฟิลิปปินส์ออกจากเยเมน ๙. ความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ ได้แก่ การขอรับการสนับสนุนจากฟิลิปปินส์ต่อไปในการสมัครรับเลือกตั้งของไทยในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และสนับสนุนการสมัครของฟิลิปปินส์ในสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๐ การสมัครในคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) และตำแหน่งเลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) และคณะมนตรีของ IMO กลุ่ม C วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๖ |
||||||||||||||||||
24052 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 5 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 28 กุมภาพันธ์ 2558) | กค | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงานพบว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางการเมืองและโครงสร้างระดับนโยบายที่ประชาชนมีความเชื่อต่างกัน ซึ่งจะเกิดในระดับแกนนำแนวคิด แต่ในระดับชุมชน หมู่บ้าน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไปยังคงเน้นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ และประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นขัดแย้งที่สำคัญและการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศในภาพรวม รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สภาปฏิรูปแห่งชาติในการจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ ๑.๒ ด้านการปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง อาทิ การศึกษาวิจัย เรื่อง “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise) และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... รวมทั้งมีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติในเรื่องต่าง ๆ ๑.๓ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ปัญหา การแก้ไขปัญหา การปฏิรูปประเทศ เพียงใด ๒.๒ การเลือกตั้งที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร ความสำเร็จหรือความล้มเหลว การปรองดองต้องเกิดจากความร่วมมือทุกคน รวมทั้งต้องกระทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามแนวทางหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้
|
||||||||||||||||||
24053 | การแต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศ | นร | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะทำงานฯ ประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) เป็นประธานคณะทำงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เป็นคณะทำงาน โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เป็นคณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ของคณะทำงานฯ ได้แก่ จัดทำยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทย ทั้งในระดับพหุภาคี ภูมิภาค และทวิภาคี ข้อเสนอแนะท่าทีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มาตรการรองรับและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการจัดทำความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนมาตรการปรับตัว มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้ผลิตในประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้าตามกรอบความตกลงต่าง ๆ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย |
||||||||||||||||||
24054 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ๑.๑.๑ เห็นชอบกิจการเป้าหมายตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนดและตั้งในเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน ๑๓ กลุ่มกิจการ ประกอบด้วย (๑) อุตสาหกรรมการเกษตร ประมง และกิจการที่เกี่ยวข้อง (๒) เซรามิกส์ (๓) อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนัง (๔) อุตสาหกรรมผลิตเครื่องเรือน (๕) อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ (๖) การผลิตเครื่องมือแพทย์ (๗) อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร และชิ้นส่วน (๘) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (๙) การผลิตพลาสติก (๑๐) การผลิตยา (๑๑) กิจการโลจิสติกส์ (๑๒) นิคมหรือเขตอุตสาหกรรม และ (๑๓) กิจการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมทั้งเห็นชอบกิจการเป้าหมายรายพื้นที่ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และสงขลา ๑.๑.๒ เห็นชอบการกำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่สองใน ๕ จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นราธิวาส เชียงราย นครพนม และกาญจนบุรี ๑.๑.๓ เห็นชอบในข้อเสนอแปลงที่ดินที่จะนำมาจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือให้เช่าใน ๖ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร สงขลา และหนองคาย รวม ๒๔,๔๒๒-๐-๖๔ ไร่ ๑.๑.๔ เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอด พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ วงเงินรวม ๓,๙๐๐ ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อยุติเรื่องเขตแดนและการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อดำเนินงานโครงการก่อสร้างอาคารด่านศุลกากร บ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด และการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวร ตำบลบ้านป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ ๑.๑.๕ เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก ๑ คณะ ประกอบด้วย ผู้แทนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อเสนอแนะด้านการตลาดและเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑.๑.๖ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีประเด็นความก้าวหน้าสำคัญ ได้แก่ ด้านแรงงาน และด้านการบริหารจัดการผลิตผลทางการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑.๑.๗ มอบหมายให้ (๑) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (๒) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๓) กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๔) กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม (๕) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๖) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และ (๗) กระทรวงคมนาคม ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนของงบประมาณในการดำเนินงาน เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงแผนการบูรณาการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเผยแพร่ข้อมูลความก้าวหน้าเกี่ยวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ประกอบการภาคเอกชน หรือประชาชนผู้ที่สนใจ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในกิจการเป้าหมาย จำนวน ๑๓ กลุ่มกิจการ ที่ตั้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนด |
||||||||||||||||||
24055 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2558 เรื่อง แก้ไขคำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2558 เรื่อง การดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การจัดทำรัฐธรรมนูญและการปฏิรูป | สลธ.คสช. | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๕๘ เรื่อง แก้ไขคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ สั่ง ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ๑.๒ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๘ เรื่อง การดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การจัดทำรัฐธรรมนูญและการปฏิรูป สั่ง ณ วันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประสานงานคณะทำงานตามคำสั่งในข้อ ๑.๒ เพื่อดำเนินการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศมาให้ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการจัดทำรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้นตามข้อ ๒ ของคำสั่งดังกล่าวภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||
24056 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 9 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๙ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Draft Joint Statement of the Ninth Summit of Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมฯ ได้ในกรณีที่มิใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบอีก ๒. ให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๙ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) ณ เกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย และให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๙ แผนงาน IMT-GT ณ เกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ๓. มอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๙ แผนงาน IMT-GT ณ เกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีของไทยในแผนงาน IMT-GT โดยต่อเนื่องต่อไป ๔. การกำหนดองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๙ แผนงาน IMT-GT ณ เกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ) รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายปรเมธี วิมลศิริ) รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล) อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และประธานสภาธุรกิจ IMT-GT ประเทศไทย+๓ (ฝ่ายเลขานุการระดับชาติ) |
||||||||||||||||||
24057 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย | กต | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ ๗-๘ เมษายน ๒๕๕๘ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการหารือระหว่างการเยือนดังกล่าวซึ่งมีประเด็นสำคัญต่าง ๆ ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง การจัดหายุทโธปกรณ์ของรัสเซีย และการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปรัสเซีย อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัย ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ความร่วมมือด้านการเงินและธนาคาร ด้านการลงทุน ด้านพลังงาน ด้านการท่องเที่ยว และด้านวัฒนธรรม เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรมก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทยและสหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ ๖ ต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
24058 | ผลการหารือข้อราชการระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา และการเข้าร่วมงาน มหกรรมการค้าชายแดน ณ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว | พณ | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติผลการหารือข้อราชการระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (H.E. Mr. Kem Sithan) เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันผลักดันและขยายการค้าการลงทุนชายแดนและร่วมมือกันพัฒนาความเจริญทางเศรษฐกิจของเมืองหน้าด่านชายแดนของไทยและกัมพูชา และการเข้าร่วมงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าขยายการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย ๑.๕ ล้านล้านบาท ในปี ๒๕๕๘ โดยไทยได้นำเสนอร่างยุทธศาสตร์การขยายการค้าชายแดนกับกัมพูชา พร้อมกำหนดเป้าหมายการขยายการค้าระหว่างกันเป็นร้อยละ ๓๐ ต่อปี ในช่วงระยะเวลา ๒๕๕๘-๒๕๖๓ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเมืองหน้าด่านไทย-กัมพูชา จึงมีความสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญเมืองหน้าด่านเพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ค้าปลีกค้าส่ง และการค้าสินค้าเกษตรชายแดน รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าชายแดนเมืองหน้าด่านของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๖ เขตตามที่รัฐบาลได้ประกาศนำร่องในปี ๒๕๕๘ “เมืองหน้าด่าน สระแก้ว-บันเตียเมียนเจย” จึงเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่ต้องขับเคลื่อนควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน ๒. ตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ กำหนดให้จังหวัดสระแก้ว (อำเภออรัญประเทศ อำเภอวัฒนานคร) เป็น ๑ ใน ๖ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในปี ๒๕๕๘ นั้น ฝ่ายไทยได้แจ้งนโยบายดังกล่าวให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาทราบ ซึ่งได้รับการขานรับและสนับสนุนจากฝ่ายกัมพูชา โดยเห็นว่านโยบายดังกล่าวของไทยเป็นนโยบายที่เกื้อกูลและเชื่อมโยงกับเขตการค้าและอุตสาหกรรมจังหวัดบันเตียเมียนเจย เสียมราฐ พนมเปญ โดยทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาความร่วมมือและขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เมืองชายแดนเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และธุรกิจ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและวางระบบการบริหารจัดการสินค้าเกษตรชายแดนครบวงจรเพื่อสามารถดำเนินการได้ทันภายในปี ๒๕๕๘ ๓. กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันและหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เมืองหน้าด่าน สระแก้ว-บันเตียเมียนเจย” ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-กัมพูชา (JTC) ครั้งที่ ๕ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี ๒๕๕๘ |
||||||||||||||||||
24059 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางรัตติกุล จันทร์สุริยา และนายสุรพล มณีพงษ์) | กต | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางรัตติกุล จันทร์สุริยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมยุโรป ๒. นายสุรพล มณีพงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
24060 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (จำนวน 5 คน 1. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ฯลฯ) | กค | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วราภรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการ ๒. นายกุศล แย้มสอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเพ็ญศักดิ์ ชลารักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายอรรคศิริ บุรณศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายธีรัชย์ อัตนวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวฒิ
|
.....