ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1198 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23941 - 23960 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23941 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อสั่งการ ดังนี้ ๑.๑ มอบหมายรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ในการสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในระยะที่สองเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม (โดยเฉพาะการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็ง และสร้างความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ) โดยยึดหลักการสร้างความเข้าใจร่วมกัน ลดความขัดแย้ง และการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย รวมทั้งการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องการบังคับใช้มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๑.๒ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) แก้ไขปัญหาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเร่งขึ้นทะเบียน SMEs ให้ครอบคลุมและครบถ้วนโดยเร็ว และส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งพิจารณาขยายเพดานวงเงินกู้ให้เหมาะสม โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น ๔ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจใหม่ กลุ่มส่งออก กลุ่มที่ต้องการขยายการผลิตในประเทศ และกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูศักยภาพ ๑.๓ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ร่วมกันเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการเบิกจ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนการดำเนินการเพื่อการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๔ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสนับสนุนและผลักดันการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๖ แห่ง (๕+๑) ให้สำเร็จในปีนี้ รวมทั้งดำเนินการให้สิทธิการเช่าพื้นที่การลงทุนสำหรับเอกชนเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ (กำหนดเวลาเช่าไม่เกิน ๓๐ ปี แต่ไม่เกิน ๕๐ ปี และสามารถต่อระยะเวลาการเช่าออกไปอีกได้ไม่เกิน ๔๙ ปี) ๑.๕ มอบหมายคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบการรับซื้อยางพาราในโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพยางพาราให้มีความเป็นธรรมและทั่วถึง ๑.๖ มอบหมายกระทรวงการคลังตรวจสอบปัญหาความล่าช้าของโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๒. ในส่วนที่มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบการรับซื้อยางพาราในโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพยางพาราให้มีความเป็นธรรมและทั่วถึง นั้น ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐประสานการดำเนินการกับคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23942 | ร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. 2558 - 2569) | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศต่อไป ซึ่งประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค (๒) ยุทธศาสตร์การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) (๓) ยุทธศาสตร์การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย (๔) ยุทธศาสตร์การจัดการคุณภาพน้ำ (๕) ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน และ (๖) ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน/สั้น (ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙) ระยะกลาง (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และระยะยาว (ปี ๒๕๖๕ ขึ้นไป) ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) นำแผนยุทธศาสตร์ฯ ไปปฏิบัติ ตลอดจนเร่งรัดดำเนินการตามข้อเสนอแผนการปรับปรุงองค์กร เพื่อให้มีบทบาทเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศ (National Water Board) ที่สามารถบริหารจัดการและสั่งการหน่วยงานด้านทรัพยากรน้ำของประเทศได้อย่างมีเอกภาพ และปรับปรุงให้คณะกรรมการลุ่มน้ำเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนความต้องการของภาคีการพัฒนาในพื้นที่ และสามารถเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและเอกภาพในการบริหารจัดการน้ำภายในลุ่มน้ำของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action plan) ที่มีรายละเอียดของแผนงาน/โครงการและวงเงินลงทุนที่ชัดเจน และเห็นควรปรับปรุงอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะกรรมการลุ่มน้ำสาขา ให้เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนความต้องการของภาคีการพัฒนาในพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสามารถเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและเอกภาพในการบริหารจัดการน้ำภายในลุ่มน้ำของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพิจารณาจัดตั้งกองทุนเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสำหรับใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการของคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะกรรมการลุ่มน้ำสาขา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าของโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยระบุผลสัมฤทธิ์เทียบกับเป้าหมายตามด้านต่าง ๆ ในแผนยุทธศาสตร์ฯ เช่น การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การสร้างความมั่นคงน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย การจัดการคุณภาพน้ำ รวมทั้งรายงานกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการในระยะต่อไปในแต่ละไตรมาส เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น การจัดหาแหล่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตร เป็นต้น รวมทั้งแผนการดำเนินงานในอนาคตด้วย ๔. เมื่อมีการปรับปรุงโครงสร้าง กนช. เพื่อทำหน้าที่ผลักดันและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งมีพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นประธานกรรมการ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตามการขับเคลื่อนโครงการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของ กนช. ตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นระยะต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23943 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ในกรอบวงเงิน ๒๖,๐๐๗.๒๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๕๘-๒๕๖๑) โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และหรือกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศให้ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ รฟท. ดำเนินโครงการโดยใช้เงินกู้ เห็นสมควรให้ความเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๙ มาตรา ๓๙ (๔) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งเสนอโครงการก่อสร้างทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทันทีเมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้สามารถเพิ่มความจุทางของรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินลงทุนของโครงการในรายละเอียดตามขั้นตอนต่อไป โดยคำนึงถึงความพร้อมของกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี การบริหารหนี้สาธารณะ และการรักษาวินัยทางการคลังของประเทศในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้ รฟท. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของ รฟท. ด้วย นอกจากนี้ ในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องเรียบร้อยก่อนผูกพันสัญญา และไม่มีปัญหา เช่น การไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้บริษัทคู่สัญญาทันตามระยะเวลาที่กำหนด การออกแบบแบบรูปรายการไม่สมบูรณ์ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงหรือเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้โดยสาร จึงทำให้ต้องออกแบบแบบรูปรายการเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ขออนุมัติวงเงินเพิ่มเติมและขยายระยะเวลาออกไปอีก ไปประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23944 | ขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและสิ่งปลูกสร้างประกอบสำนักงาน ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี) | กค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศุลกากรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือใช้งบประมาณเหลือจ่ายที่หมดความจำเป็นแล้ว มาดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและสิ่งปลูกสร้างประกอบ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งผู้รับจ้างมีแผนที่จะส่งมอบงานงวดที่ ๑๕-๒๒ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖๑,๔๕๙,๐๖๒.๗๒ บาท ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็เห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กรมศุลกากรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
23945 | การกำหนดค่าตอบแทนสำหรับคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และบุคคลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2558 | ทก | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และบุคคลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายค่าตอบแทน เห็นควรกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานดังกล่าวในแนวทางเช่นเดียวกันกับคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับเปลี่ยนให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนแทนรายครั้ง ส่วนอัตราค่าตอบแทนรายเดือนให้ได้รับตามอัตราค่าตอบแทนรายครั้งที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สำหรับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญที่มาช่วยปฏิบัติงานนั้น เนื่องจากไม่ได้กำหนดภารกิจ อำนาจหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน กรมบัญชีกลางจะพิจารณาเทียบเคียงร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อกำหนดอัตราที่เหมาะสมให้ต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
23946 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 30 มีนาคม - 3 เมษายน 2558) | สผ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๓๐ มีนาคม-๓ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23947 | ขอรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนโควตาการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี (๒ ขั้น) กรณีพิเศษ เพิ่มเติมอีกร้อยละ ๓ ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑,๐๓๓ นาย โดยให้มีผลในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
23948 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2556 | ผผ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ พร้อมข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะที่เสนอต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ผลการปฏิบัติของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการตามข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน ความร่วมมือของหน่วยงานในการชี้แจงข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน ผลการดำเนินงานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผลการดำเนินงานด้านการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และแนวทางการพัฒนาดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23949 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทก | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับทราบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงแนวทางการพัฒนากิจการอวกาศของประเทศไทย ผลการประชุมกลุ่มเตรียมการครั้งที่ ๔ สำหรับการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. ๒๐๑๕ (APG 15-4) ขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียแปซิฟิก (APT) และความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์การอนุญาตการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการดำเนินการประสานสำนักกฎหมายในการนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และมอบหมายให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานดำเนินการและกำกับดูแลภายใต้หลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป ๒.๒ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการรับข้อสังเกตจากที่ประชุมเกี่ยวกับการกำหนดสิทธิ์ในการใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศและหลักเกณฑ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการให้สิทธิ์การใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศ และวิเคราะห์หาข้อมูลการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อเปรียบเทียบและนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ เห็นชอบให้ รศ.ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอวกาศ และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
23950 | การกำหนดให้วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปีเป็น "วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย" | สธ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดให้วันที่ ๔ กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย” เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และเพื่อสร้างความตระหนักของสังคมและหน่วยงานทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นหน่วยงานประสานความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานอนามัยสิ่งแวดล้อม โดย ๑.๑ กำหนดนโยบายส่งเสริมและรณรงค์ให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ตระหนักถึงความสำคัญของวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย และมีส่วนร่วมดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ๑.๒ ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคท้องถิ่น ในการจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมงานอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน และร่วมแก้ไขหรือลดปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมของชุมชนและประเทศ โดยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาแต่ละปี ๑.๓ ส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของภาคีเครือข่าย ตลอดจนชุมชนในการพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อม การจัดการมลพิษ และการจัดสภาพแวดล้อม ดูแลชุมชนและที่อยู่อาศัยให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ๑.๔ ส่งเสริมความรู้ และปลูกจิตสำนึกและความตระหนักให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนในการร่วมดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม และร่วมกันเฝ้าระวัง แก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ๒. มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนามัยสิ่งแวดล้อม เนื่องใน “วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย” ของทุกปีโดยพร้อมเพรียงกัน |
|||||||||||||||||||||
23951 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2558 เรื่อง การให้ข้าราชการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๘ เรื่อง การให้ข้าราชการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ ลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ให้นายพิชิต นิลทองคำ จัดหางานจังหวัดชลบุรี สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาด้านแรงงานต่างด้าว การป้องกัน ปราบปราม ดำเนินคดี ช่วยเหลือ คุ้มครอง และแก้ไขปัญหาจากการค้ามนุษย์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการกำลังคนของกระทรวงแรงงานเป็นไปตามกรอบอำนาจ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23952 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้สามารถเร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้การทำประมงสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ และยกระดับมาตรฐานการประมงของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมง อุตสาหกรรมต่อเนื่อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หากมิได้มีการป้องกันและแก้ไขโดยเร่งด่วน จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23953 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2556 | ทส | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้ว ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และแร่ธาตุ สิ่งแวดล้อมชุมชน สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม มลพิษ ๒. ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ประกอบด้วย ภัยแล้งและภาวการณ์ขาดแคลนน้ำ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศแม่น้ำโขง การสูญพันธุ์และสูญเสียระบบนิเวศกับการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ๓. ข้อเสนอแนะเชิงบูรณาการ ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอแนะด้านมาตรการ
|
|||||||||||||||||||||
23954 | การประชุมสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับภาคพื้น เอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 2 (The 2nd Meeting of ASIA - PACIFIC Council for Juvenile Justice) | ยธ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประชุมสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ (The 2nd Meeting of ASIA-PACIFIC Council for Juvenile Justice) ซึ่งกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนร่วมกับสถาบันกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ (International Juvenile Justice Observatory : IJJO) สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nation Office on Drugs and Crime : UNODC) จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ ๕-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมกะตะบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ พัฒนายกระดับมาตรฐานการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมของไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน และเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการดูแลเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศในระดับนานาชาติและประเทศในภูมิภาคอาเซียน สำหรับรูปแบบของการประชุมมี ๒ รูปแบบ คือ วันที่ ๕-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อการประชุมประกอบด้วย การป้องกันและตอบสนองต่อความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน การหันเหคดีและมาตรการทางเลือก ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์จากทฤษฎีสู่แนวทางปฏิบัติ และในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการประชุมวิชาการ เพื่อร่วมกันกำหนดภารกิจและแผนงานของสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนในภาคพื้นอาเซียน ร่วมกันหาวิธีการประเมินผลการดำเนินงานด้านมาตรฐานสิทธิเด็กและเยาวชนในภูมิภาค และร่วมกันจัดทำมาตรการในการดูแลเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นการกระทำความผิดข้ามพรมแดน เพื่อปกป้องสิทธิเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23955 | รายงานสรุปผลการปฏิบัติของคณะทำงานช่วยเหลือ เยียวยา และส่งกลับแรงงานไทยที่ทำงานที่เกาะอัมบนและเบนจินา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | พม | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการปฏิบัติของคณะทำงานช่วยเหลือ เยียวยา และส่งกลับแรงงานไทยที่ทำงานที่เกาะอัมบนและเบนจิน่า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๒๗ มีนาคม-๙ เมษายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพิสูจน์ทราบค้นหาคนไทย พิสูจน์ทราบแรงงานได้จำนวนทั้งสิ้น ๑๖๕ คน เป็นคนไทย จำนวน ๗๔ คน เมียนมา จำนวน ๖๖ คน กัมพูชา จำนวน ๑๗ คน และลาว จำนวน ๘ คน ในจำนวนคนไทย ๗๔ คน เป็นแรงงานตกเรือ จำนวน ๔๕ คน และบนเรือไม่มีสังกัด จำนวน ๒๙ คน โดยมีระยะเวลาที่ตกเรือเฉลี่ยประมาณ ๓-๑๐ ปี ยังคงเหลือแรงงานที่ตกเรือที่เกาะอัมบน จำนวน ๑๖ คน เกาะตวล จำนวน ๗๖ คน ๒. การตรวจแรงงานในเรือประมง ตรวจแรงงานบนเรือ จำนวน ๘๐ ลำ ที่เกาะอัมบน จำนวน ๗๓ ลำ เกาะเบนจิน่า จำนวน ๗ ลำ แรงงานทั้งหมด จำนวน ๑,๔๖๖ คน เป็นคนไทย จำนวน ๘๙๕ คน เมียนมา จำนวน ๓๐๐ คน กัมพูชา จำนวน ๒๔๗ คน ลาว จำนวน ๒๑ คน และอินโดนีเซีย จำนวน ๓ คน มีแรงงานไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับโดยสมาคมและบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ จำนวน ๓๕๙ คน จากการตรวจสอบไม่พบสภาพการถูกบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวงแรงงานแต่อย่างใด ๓. การพิสูจน์ทราบผู้เสียชีวิต ตรวจหลุมฝังศพ จำนวน ๑๑๒ หลุม ที่เกาะอัมบน จำนวน ๒๒ หลุม เกาะเบนจิน่า จำนวน ๙๐ หลุม ส่วนใหญ่ไม่มีระบบการจัดเก็บข้อมูลและไม่มีหลักฐานทางราชการ บางหลุมไม่มีป้ายชื่อหลุมศพ จึงยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องมีการพิสูจน์ทราบต่อไป ๔. การส่งกลับ ดำเนินการส่งกลับแรงงานไทยตกเรือและแรงงานบนเรือไม่มีสังกัด จำนวน ๖๘ คน ในจำนวนนี้พบว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๖ คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน
|
|||||||||||||||||||||
23956 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อชำระเงินอุดหนุนค่าบำรุงตามที่สหประชาชาติเรียกเก็บ สำหรับปีงบประมาณ 2558 | กต | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชำระค่าบำรุงตามพันธกรณีที่สหประชาชาติเรียกเก็บและค่าบำรุงปฏิบัติการรักษาสันติภาพต่าง ๆ ตามที่สหประชาชาติเรียกเก็บ จำนวน ๑๐๓,๕๘๐,๔๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอหรือไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๐๓,๕๘๐,๔๐๐ บาท เพื่อนำมาชำระค่าบำรุงตามพันธกรณี และค่าบำรุงปฏิบัติการรักษาสันติภาพต่าง ๆ ตามที่สหประชาชาติเรียกเก็บ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
23957 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2558 | นร11 | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑.๑ เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๑ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๑ แต่ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ร้อยละ ๐.๑ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในภาวะทรงตัว และดัชนีปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ ๒.๓ ๑.๒ เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ขยายตัวดีขึ้น ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๓.๖ จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวสูงร้อยละ ๒๙.๖ แต่ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงร้อยละ ๓.๘ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๐.๕ และการลงทุนภาครัฐปรับตัวดีขึ้น การบริโภคภาคเอกชนยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้สุทธิเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีและงบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปีในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง สัดส่วนหนี้สาธารณะ GDP ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ (รวมตั๋วแลกเงิน) ขยายตัวร้อยละ ๕.๐ ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๒.๕๗ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่าขึ้นร้อยละ ๐.๕ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปิดที่ ๑,๕๘๗.๐ จุด ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี (ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นร้อยละ ๑.๗๕ ต่อปีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเอเชีย ในขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ ๆ ท่ามกลางการลดลงของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
23958 | ผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2558 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ระยะเวลา ๑๑ วัน ประกอบด้วย การให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การดำเนินงานด้านความปลอดภัย และสถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๘ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ โดยไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ทั้งนี้ จากสถิติอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๘ ระยะเวลา ๗ วัน ระหว่างวันที่ ๙-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ พบว่า มีผู้เสียชีวิต ๒๖๒ คน รถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุ ๒๐ ครั้ง เสียชีวิต ๑๐ คน และรถไฟเกิดอุบัติเหตุ ๓ ครั้ง ไม่มีผู้เสียชีวิต จึงเห็นสมควรดำเนินการในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มเติม ดังนี้
๑. การบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒. การรณรงค์ประชาสัมพันธ์การสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะและรถตู้โดยสาร ๓. การบังคับใช้กฎหมายและการกวดขันวินัยจราจรอย่างเคร่งครัดทั้งช่วงเทศกาลและช่วงวันปกติ รวมทั้งการปลูกฝังค่านิยมการขับขี่ที่ปฏิบัติตามกฎจราจรตั้งแต่ในระดับเยาวชน ๔. การตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไข ซ่อมบำรุง หรือพัฒนาทางกายภาพของโครงข่ายคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ๕. การกวดขันพฤติกรรมกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นกรณีพิเศษ และควบคุมให้ปฏิบัติตามกฎจราจร พร้อมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย
|
|||||||||||||||||||||
23959 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ | กห | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Indonesia on Cooperation in the Field of Defence) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการทหาร และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศโดยเฉพาะการพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลอย่างเป็นรูปธรรม อันมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการจัดระเบียบเรือประมง และทำให้เกิดการป้องกันและป้องปรามการค้ามนุษย์ร่วมกันตามนโยบายรัฐบาล ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของร่างความตกลงฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงกลาโหมจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการทำประมงรุกล้ำน่านน้ำและการกำหนดเขตเศรษฐกิจจำเพาะระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ไปร่วมหารือกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียในครั้งนี้ด้วย |
|||||||||||||||||||||
23960 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสำนักงานกินแบ่งรัฐบาลและเงื่อนไขสัญญาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นไปโดยเคร่งครัด อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศในด้านเศรษฐกิจและสังคม ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
.....