ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1194 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23861 - 23880 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23861 | การดำเนินงานด้านผังเมืองกับการพัฒนาอุตสาหกรรม | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการชี้แจงกรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและกฎหมายผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงาน สรุปได้ว่า เนื่องจากมีการนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหากล่าวถึงการลดพื้นที่อุตสาหกรรมของผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชน จังหวัดระยอง (ผังมาบตาพุด) ทำให้ไม่สามารถขยายการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม และการกำหนดเป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) ทำให้ไม่สามารถสร้างเตาเผาขยะผลิตไฟฟ้าขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองกับกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ รวมทั้งมีข้อเสนอให้เตาเผาขยะสามารถสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้โดยไม่ติดกฎหมายผังเมือง จึงมีความจำเป็นที่ต้องสร้างความเข้าใจต่อประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้ส่งผลด้านการลงทุนอันจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยมีประเด็นการดำเนินงานที่ควรชี้แจงให้ทราบ ๓ ประเด็น ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าและการกำจัดขยะได้ในกรณีของผังเมืองรวมจังหวัดที่ได้มีการประกาศใช้บังคับไปแล้ว จำนวน ๑๙ จังหวัด ๑.๒ ประเด็นการลดพื้นที่อุตสาหกรรมของผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชน จังหวัดระยอง (ผังมาบตาพุด) ๑.๓ ประเด็นไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างเตาเผาขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความจำเป็นและประโยชน์ในการก่อสร้างเตาเผาขยะและโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะให้กับประชาชนได้รับทราบเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านและคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23862 | ผลการประชุมความร่วมมือระบบรางระดับรัฐมนตรี ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น | คค | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมความร่วมมือระบบรางระดับรัฐมนตรีระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินฯ ของญี่ปุ่น ๑.๑ การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีชินคันเซ็นของญี่ปุ่น ๑.๒ การพัฒนาเส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ อยู่ในแผนงานที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันต่อไป ซึ่งนอกจากจะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนแล้ว ยังเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างทวาย-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ และต่อไปยังเวียดนาม ๑.๓ การพัฒนาเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร (Upper East-West Corridor) ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรถไฟในเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ตามแนวเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตก ๑.๔ โครงการรถไฟฟ้าในเขตเมือง ฝ่ายญี่ปุ่นจะเร่งดำเนินการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ๓ ขบวนแรก ในปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๘ และจะส่งมอบครบทั้ง ๒๑ ขบวนภายในปีนี้ โดยจะเริ่มทดสอบระบบและทดลองการเดินรถก่อนเปิดให้บริการประชาชนได้ในกลางปี ๒๕๕๙ ๑.๕ ความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศ ทั้งสองฝ่ายรับทราบว่า กรมการบินพลเรือน และสำนักการบินพลเรือนญี่ปุ่น (Japan Civil Aviation Bureau : JCAB) ได้ตกลงกันเพื่อประกันความปลอดภัยในการเดินอากาศระหว่างประเทศ โดย JCAB จะอนุญาตให้สายการบินของไทยที่ทำการบินแบบประจำและสายการบินที่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำ สามารถทำการบินไปยังญี่ปุ่นได้ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการบินพลเรือนและ JCAB ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. การลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น รัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง โดยทั้งสองกระทรวงจะร่วมกันพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และการพัฒนาและ/หรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในเส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ) รวมทั้งจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรถไฟในเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตก ตลอดจนการศึกษาการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางรางของไทย และศึกษาความเหมาะสมเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมระดับรัฐมนตรีเพื่อกำกับการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินฯ ของญี่ปุ่น จะเป็นประธานร่วม และจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินงานร่วมกัน ประกอบด้วย (๑) คณะทำงานโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (๒) คณะทำงาน เส้นทาง กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และ (๓) คณะทำงานด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
23863 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี "ปทุมธานีโมเดล" | พม | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี “ปทุมธานีโมเดล” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะทำงานตรวจสอบการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้ในการแก้ไขปัญหาคนยากจนบุกรุกที่สาธารณะได้นำเสนอรูปแผนที่คลองเชียงรากใหญ่ จำลองจากระวางแผนที่ (ไม่ได้รังวัดหน้างานจริง) เนื้อที่โดยประมาณ ๔๒-๑-๓๘.๖ ไร่ ไว้สำหรับจัดสรรให้กับประชาชนและมีการจัดทีมลงสำรวจข้อมูลผู้เดือดร้อนรายครัวเรือน จับพิกัด GPS จำนวน ๑๐ ชุมชน ๑,๐๖๐ ครัวเรือน และประสานคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อออกแบบแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยได้เปิดเวทีประชาพิจารณ์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาชุมชนริมคลองให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๓๖๔ ครัวเรือน รวมทั้งได้จัดกิจกรรมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี “ปทุมธานีโมเดล” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์โครงการ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันในการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกคลองตามมาตรการจัดระเบียบแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำลำคลองและการระบายน้ำ ๑.๒ ในระยะต่อไป จะดำเนินการเรื่องที่ดินเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดสรรที่อยู่อาศัย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจรายชุมชน/จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยระยะแรก จำนวน ๓๖๔ ครัวเรือน ในพื้นที่เทศบาลท่าโขลง จำนวน ๕ ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดบางขัน ชุมชนบัวหลวง ชุมชนวันครู ชุมชนคุณหญิงส้มจีน และชุมชนท่าโขลง และในส่วนพื้นที่เทศบาลคลองหลวง จะมีการเปิดเวทีประชุมประชาพิจารณ์ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดทำข้อมูลผู้เดือดร้อนเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การพิจารณาสิทธิในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ปทุมธานีโมเดลต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะในภาพรวมทั้งประเทศ โดยยึดหลักการจัดหาที่อยู่อาศัยตามความต้องการของชุมชนเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นและเหมาะสม ซึ่งอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ชุมชนจะสามารถอยู่อาศัยในพื้นที่เดิม โดยในเขตกรุงเทพมหานคร เช่น ชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ริมคลองอาจสร้างอาคารสูงในพื้นที่เดิมเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และนำพื้นที่ที่เหลือไปใช้เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ เช่น สวนสาธารณะ ลานกีฬา ร้านอาหาร สถานที่พักผ่อนในชุมชม เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัดควรดำเนินการในพื้นที่ใกล้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นลำดับแรก และบริเวณพื้นที่เลียบทางรถไฟที่จะก่อสร้าง ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาจดำเนินการโดยให้ภาคเอกชนร่วมดำเนินการ และพิจารณาปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ยังจำหน่ายไม่หมดของบริษัทเอกชน เพื่อนำมาดำเนินการกับที่อยู่อาศัยในโครงการของรัฐ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังจำหน่ายไม่หมด (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘) ทั้งนี้ ให้เสนอแผนดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ และเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑-๒ ปี
|
|||||||||||||||||||||
23864 | สรุปผลการดำเนินการลดค่าเช่านา ปีการผลิต 2557/58 และแนวทางการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ปีการผลิต 2558/59 | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินการลดค่าเช่านา ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ๑.๑ ผู้เช่านา จำนวน ๓๘๐,๙๖๕ ราย ๑.๒ ผู้ให้เช่านา จำนวน ๔๑๑,๕๑๙ ราย ๑.๓ อัตราค่าเช่านาต่อไร่ที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก. ตำบล) ประกาศลด สรุปผลรายภาค ได้แก่ ภาคกลาง จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๕๐๐ บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐-๑,๒๐๐ บาท ภาคเหนือ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๘๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐-๑,๒๐๐ บาท และภาคใต้ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐ บาท ๑.๔ สามารถเจรจาเพื่อลดค่าเช่านาลงได้ทุกราย จำนวน ๓๘๐,๙๖๕ ราย ๑.๕ สามารถลดค่าเช่านาลงได้ เฉลี่ยไร่ละ ๒๐๐-๘๑๖ บาท ๑.๖ เกษตรกรได้รับการลดค่าเช่านาลงเฉลี่ยรายละ ๖๓๑-๒๒,๒๓๘ บาท ๑.๗ จำนวนเงินที่สามารถเจรจาลดค่าเช่านาลงได้ ๓๔๒,๑๓๙,๓๐๘ บาท ๒. แนวทางการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ๒.๑ แจ้งจังหวัดให้จัดประชุมนายอำเภอและเกษตรอำเภอเพื่อทบทวนผลการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ในฤดูการผลิตที่ผ่านมา หากพบว่าในพื้นที่ยังมีการเรียกเก็บค่าเช่านาไม่เป็นไปตามอัตรา คชก. ตำบลที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลกำหนด ให้จังหวัดกำหนดมาตรการควบคุมค่าเช่านาให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ๒.๒ ทบทวนบัญชีรายชื่อผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาให้เป็นปัจจุบัน ๒.๓ ตรวจสอบการจ่ายค่าเช่านาในรอบปีที่ผ่านมา (ฤดูการผลิต ๒๕๕๗/๕๘) หากพบว่ามีการเรียกเก็บค่าเช่านาเกินกว่าที่ คชก. ตำบล กำหนด ให้ คชก. ตำบลแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ให้เช่าทุกราย ๒.๔ แจ้งให้ผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาทราบอัตราค่าเช่าขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด ในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๕๙ และแจ้งบทกำหนดโทษ หากมีการเรียกหรือรับค่าเช่านาเกินกว่าอัตราขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ๒.๕ กำหนดช่องทางการร้องเรียน ร้องทุกข์และประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาทราบทุกราย ๒.๖ ดำเนินการควบคุมค่าเช่านาทุกรายในพื้นที่ให้มีการเช่านาในอัตราที่เหมาะสม และไม่เกินอัตราค่าเช่าขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด ๒.๗ มอบหมายให้ คชก. ตำบล ชุดปฏิบัติการประจำตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ติดตามตรวจสอบและควบคุมการเช่านาในพื้นที่ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย พร้อมจัดทำป้ายแสดงอัตราค่าเช่านาประจำตำบลให้ประชาชนทราบอย่างน้อย จำนวน ๑ ป้าย
|
|||||||||||||||||||||
23865 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | พศ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒ แปลง แปลงที่ ๑ ที่วัด ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๘๗๘๒ เนื้อที่ ๙๖ ตารางวา และแปลงที่ ๒ ที่ธรณีสงฆ์ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๓๓๔๒ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓๘ ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๑ ไร่ ๑ งาน ๓๔ ตารางวา ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนคู้บอนกับถนนกาญจนาภิเษก และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23866 | รายงานประจำปี 2555 และ 2556 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืนหน้าที่สำคัญของการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การสร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ การพัฒนาความเข้มแข็งระบบสุขภาพชุมชน การพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพ การพัฒนานโยบายสุขภาพที่ส่งเสริมความเป็นธรรม และการพัฒนาระบบวิจัยสาธารณสุข ๒. ผลการประเมิน สวรส. ตามตัวชี้วัด บริษัทไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (TRIS) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีผลรวมคะแนน ๔.๕๗๒๘ คะแนน หรือร้อยละ ๙๑.๔๖ และ ๔.๐๐๐๗ คะแนน หรือร้อยละ ๘๐.๐๑ ตามลำดับ ๓. รายงานทางการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด โดยในปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีสินทรัพย์ ๘๐๔,๔๐๕,๙๑๕.๗๒ บาท และ ๑,๐๓๕,๖๑๒,๙๓๔.๔๔ บาท หนี้สิน ๑๔๔,๗๐๔,๔๓๐.๓๐ บาท และ ๑๘๕,๕๕๖,๙๓๑.๐๗ บาท รายได้จากการดำเนินการ ๓๒๙,๖๐๐,๘๔๖.๑๗ บาท และ ๔๖๗,๓๘๖,๑๙๗.๑๒ บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการ ๓๒๒,๘๐๐,๗๙๐.๘๗ บาท และ ๒๗๖,๕๓๘,๑๘๖.๓๖ บาท และรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๖,๘๐๐,๐๕๕.๓๐ บาท และ ๑๙๐,๘๔๘,๐๑๐.๗๖ บาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
23867 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23868 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23869 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23870 | ร่างพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณี และการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้ปรับแก้ข้อความในมาตรา ๒ เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”
|
|||||||||||||||||||||
23871 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23872 | ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการเกี่ยวกับการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีหลักการเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นให้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่โดยที่กระบวนการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะมีกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนนายร้อยตำรวจกำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างกับกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจอื่นที่มีตำแหน่งเทียบเท่ากัน จึงเห็นควรพิจารณาทบทวนให้ระบบการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นเอกภาพ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้มีระบบเป็นมาตรฐานเดียวกันและเกิดเอกภาพ ทั้งนี้ ให้รับร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณา และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาประเด็นตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23873 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ ๘๐ บาทต่อห้องพัก เหลือปีละ ๔๐ บาทต่อห้องพัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งเสนอผลการดำเนินการปรับปรุงค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
23874 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการเรียกให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมส่งมอบเอกสารหลักฐาน และให้หน่วยงานที่มีกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต รายงานผลการดำเนินการทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่องทุกระยะสี่เดือน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23875 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย | กห | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนวัสดุ อะไหล่ ชิ้นส่วนซ่อม การซ่อมบำรุง การบริการทางเทคนิคที่จำเป็นเร่งด่วนทางการทหาร สิ่งอำนวยความสะดวก วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องใช้ทางการแพทย์และทันตกรรมต่าง ๆ การเคลื่อนย้าย การอพยพ และการส่งบุคลากรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การดูแลและบำบัดรักษา การจัดการบริการเครื่องใช้และวัสดุ การแลกเปลี่ยนบุคลากรและข้อมูล การจัดให้มีการฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน รวมทั้งโครงการใช้ประโยชน์จากฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อันจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารที่จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในอนาคต ๑.๒ ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
23876 | การขอความเห็นชอบต่อร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน | กต | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียน (Protocol Amending the Revised Memorandum of Understanding of the Establishment of the ASEAN Foundation) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการรับรอง ลงนาม และการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารภายใต้มาตรา ๖ โดยปรับแก้ผู้มีอำนาจในการลงนามการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจจากคณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council) เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียนหรือผู้แทนร่วมรับรองเอกสารฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ซึ่งเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
23877 | เอกสารเพิ่มเติม (Addendum) ฉบับที่ 2 ของสัญญาการให้ (Grant Contract) การดำเนินความสัมพันธ์กับภายนอกของสหภาพยุโรปภายใต้ความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงินในโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป (ASEAN Regional Integration Support from the EU: ARISE) | กต | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารเพิ่มเติม (Addendum) ฉบับที่ ๒ ของสัญญาการให้ (Grant Contract) การดำเนินความสัมพันธ์กับภายนอกของสหภาพยุโรปภายใต้ความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงินในโครงการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป (ASEAN Regional Integration Support from the EU : ARISE) จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ขยายระยะเวลาการดำเนินการเพิ่มเติมอีก ๙ เดือน จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และ (๒) จัดสรรงบประมาณที่ยังไม่ได้ใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนในการพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินโครงการ โดยหมวดงบประมาณที่มีการจัดสรรใหม่ ได้แก่ หมวดทรัพยากรบุคคล หมวดการเดินทาง และหมวดค่าใช้จ่ายและบริการอื่น ๆ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบต่อเอกสารเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ แล้ว และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามเอกสารเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||
23878 | การลงนามร่างความตกลงยอมรับร่วมกันเกี่ยวกับโครงการผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจที่ได้รับอนุญาตระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง | กค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangement : MRA) เกี่ยวกับโครงการผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจที่ได้รับอนุญาตระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งกรมศุลกากรได้ร่วมลงนามในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาความตกลงยอมรับร่วมกัน (MRA) สำหรับโครงการผู้ประกอบการมาตรฐานเออีโอกับศุลกากรฮ่องกง เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอน คือ (๑) ศึกษาภาพรวมโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (Authorized Economic Operator : AEO) ของทั้งสองประเทศ (๒) เปรียบเทียบข้อมูลโครงการ AEO และตรวจสอบสถานประกอบการร่วมกัน (๓) ประเมินภาพรวมโครงการ AEO ของทั้งสองประเทศ และ (๔) เจรจาสรุปผลการจัดทำ MRA ร่วมกัน ๑.๒ ให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติ ให้กรมศุลกากรพิจารณาดำเนินการในการพัฒนากลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม และมีการเตรียมระบบการประเมินความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการลดการตรวจ (reduced cargo inspections) การให้บริการในการผ่านพิธีการก่อน (priority clearance) และการทำให้การผ่านพิธีการศุลกากรมีความรวดเร็วขึ้นในกรณีที่มีการหยุดชะงักของการค้าระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23879 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 2 | กค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญคือ รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้กระทรวงการคลังกู้เงินผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) สำหรับโครงการรถไฟสายสีแดง ระยะที่ ๒ วงเงิน ๓๘,๒๐๓ ล้านเยน โดยมีเงื่อนไขเงินกู้แบบ Preferential Terms ประกอบด้วย อายุเงินกู้ ๒๐ ปี (รวมระยะปลอดหนี้ ๖ ปี) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๔๐ ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับการจ้างที่ปรึกษาร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี Front-End Fee ร้อยละ ๐.๒๐ ของวงเงินกู้ (ชำระครั้งเดียวภายใน ๖๐ วัน หลังจากสัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้) และระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ ๓ ปี และร่างสัญญาเงินกู้ มีสาระสำคัญสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และ General Terms and Conditions for Japanese ODA Loan (GTC) ฉบับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่ง GTC เป็นเอกสารหลักที่สัญญาเงินกู้ใช้อ้างอิง โดย GTC จะกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ ๒ วงเงิน ๓๘,๒๐๓ ล้านเยน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น และอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ รฟท. เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และลงนามในสัญญาเงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวในโอกาสแรกภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ทั้งนี้ หากในทางปฏิบัติของการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนฯ เป็นที่ยอมรับกันระหว่างคู่ภาคีว่าผู้ลงนามไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแนวทางปฏิบัติดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาดำเนินการก่อสร้างงานโยธาและสรุปผลการเจรจาจัดหาระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้าโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการเดินรถของโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดงที่มีความเหมาะสมต่อความพร้อมทางการเงินบุคลากรของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สามารถตอบสนองต่อปริมาณความต้องการเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการของโครงการฯ ในปี ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23880 | การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 5 | มท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ในระดับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในร่างบันทึกการประชุมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญและจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงมหาดไทยหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความเห็นชอบได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีก ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในบันทึกการประชุมดังกล่าว โดยไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ขอแก้ไขจาก “มาตรการสุขาภิบาลและสุขอนามัยพืช” เป็น “มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช” และให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และการสำรวจรายละเอียดภูมิประเทศร่วม (Joint Detail Survey) ในบริเวณพื้นที่ที่ยังมีปัญหาเขตแดน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการยกระดับ/เปิดจุดผ่านแดน ตามสาระสำคัญในร่างบันทึกการประชุมฯ เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....