ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1194 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23861 - 23880 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23861 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาคทางหลวงหมายเลข 1 สายนครสวรรค์ - ตาก ตอน 2 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 (กำแพงเพชร - ตาก) (เป็นตอน ๆ) | คค | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป กรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาคทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสวรรค์-ตาก ตอน ๒ (กำแพงเพชร-ตาก) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ ในวงเงิน ๖๙๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ ในวงเงิน ๖๙๓,๑๒๐,๔๕๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๓๘๔,๔๒๐,๔๕๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23862 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 7 - 10 เมษายน 2558) | สผ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๗-๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๖-๑๗ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23863 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ 2 (1 ตุลาคม 2557 - 31 มีนาคม 2558) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) | กษ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ ๒ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ดำเนินการใน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ ในภาพรวมไตรมาสแรกมีการเบิกจ่ายได้ร้อยละ ๔๗.๖๐ ส่วนงบลงทุนเบิกจ่ายได้เพียงร้อยละ ๔๗.๙๒ ๑.๒ ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับรายการที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท รวม ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ผู้รับจ้างได้เข้าปฏิบัติงานแล้ว ๑.๓ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีกฎหมายที่ผ่านความเห็นและมีผลบังคับใช้แล้ว ๗ ฉบับ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... เป็นต้น ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพื่อดำรงตำแหน่งในกรรมการ และคณะกรรมการภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ๕ แห่ง อาทิ กรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๖ ราย กรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ๖ ราย กรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง ๓ ราย ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเกี่ยวข้องใน ๓ ด้าน ได้แก่ ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร การจัดจั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ๒.๒ ด้านสังคม ได้จัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ โดยบูรณาการการปฏิบัติงานจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ ๒.๓ ด้านกฎหมาย ได้รวบรวมพิจารณาทบทวน แก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัย อาทิ การพิจารณาร่างปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และยกเลิกพระราชบัญญัติบำรุงพันธุ์สัตว์ พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อออกร่างกฎกระทรวงตามมาตรา ๕ และเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นต้น ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗) โดยขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรอบวงเงิน ๕,๔๙๘.๙๙ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน ๖๘ จังหวัด และการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ท่วมขังในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ปราจีนบุรี เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
23864 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 เพื่อขอบัญญัติ การจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรมไว้ในพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง ข้อสังเกตของ ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไว้ในกฎหมาย) ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เพื่อขอให้มีการบัญญัติการจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรม ปรากฏไว้ในร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เป็นการเฉพาะราย ๒. กรณีมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงโครงสร้างภายในกระทรวงยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
23865 | การให้สัตยาบันพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท | กต | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้สัตยาบันพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารและดำเนินการส่งมอบสัตยาบันสารให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อให้พิธีสาร มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยพิธีสารฯ มีสาระสำคัญในการกำหนดกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียนที่เกิดจากการตีความหรือการใช้กฎบัตรอาเซียนและตราสารอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในข้อ ๒ ของพิธีสารฯ พร้อมกับกำหนดกฎการดำเนินการ (rules of procedure) ของการใช้กลไกประเภทต่าง ๆ ได้แก่ การอนุญาโตตุลาการ (arbitration) การประนีประนอม (conciliation) การไกล่เกลี่ย (mediation) และการใช้คนกลางที่น่าเชื่อถือ (good offices) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23866 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล | กษ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ในแปลงที่ดินที่ผ่านความเห็นชอบการตรวจสอบจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลจังหวัด ทั้ง ๓ จังหวัด (จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด) โดยเป็นไปตามขั้นตอนที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลกำหนดไว้ รวมจำนวน ๔๒๙ แปลง เนื้อที่ ๑,๑๘๘-๐-๓๗ ไร่ ในอัตราไร่ละ ๓๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓๘,๐๑๘,๙๖๐ บาท ตามบัญชีรายละเอียดผลการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ที่ดินที่ได้รับผลกระทบฯ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลเสนอ ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวจำนวน ๓๘,๐๑๘,๙๖๐ บาท ให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากแผนงานส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ รายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน และขอทำความตกลงกันในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินทั้ง ๓ จังหวัด เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าชดเชยให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ และจำนวนเงินค่าชดเชย เพื่อให้เป็นไปตามบัญชีรายละเอียดผลการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ที่ดินที่ได้รับผลกระทบฯ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลเสนอ ๓. ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลประสานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หน่วยงานทหารในพื้นที่ รวมทั้งเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย (ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ) เพื่อเข้าร่วมกำกับดูแลและตรวจสอบการจ่ายเงินค่าชดเชยดังกล่าวให้ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ด้วย ๔. ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรดำเนินการอย่างโปร่งใสให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเพื่อให้การแก้ไขปัญหาแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลสามารถยุติลงได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23867 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนรัฐบาล รายการสนับสนุนสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้พิการ | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓๑,๕๑๒,๐๐๐ บาท ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้พิการให้เพียงพอสำหรับเบิกจ่ายถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23868 | การพิจารณาแผนงาน/โครงการ ตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร 7 กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | มท | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนงาน/โครงการของจังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๕ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวบรวม และแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ (๒) โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) (๓) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (๔) โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตอ้อย และ (๕) โครงการเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลบัวใหญ่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการโครงการตาม (๑) (๒) (๓) และ (๕) ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๕๗,๑๙๐,๒๗๕ บาท โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละโครงการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง สำหรับโครงการตาม (๔) ให้ใช้จ่ายจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายหรือปรับแผนจากงบปกติของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการก่อน ซึ่งตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับภารกิจดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๓๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และหากเป็นแผนงาน/โครงการที่จะต้องขอรับการจัดสรรจากเงินงบประมาณเนื่องจากการถ่ายโอนภารกิจจากส่วนกลาง ให้เสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการผลิตและการตลาดเพื่อลดความซ้ำซ้อนและมีความเชื่อมโยงกัน และควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการตลาดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ ควรส่งเสริมการปลูกในเขตที่เหมาะสมกับพืชนั้น ๆ ควรกำหนดพื้นที่เป้าหมาย จำนวนเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งภาคเอกชนที่จะรับซื้อผลผลิต ควรมีการเพิ่มศักยภาพการผลิตทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาคุณภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่ม และควรให้ความสำคัญกับคุณภาพดินและปริมาณเมล็ดพันธุ์ดีที่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร และให้กระทรวงมหาดไทยหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดเป็นภาระด้านงบประมาณให้กับรัฐบาล และขอความร่วมมือภาคเอกชนในพื้นที่ที่จะรับซื้อผลผลิต อาทิ อ้อย มันสำปะหลังจากเกษตรกรในโครงการและให้การสนับสนุนเงินทุนแก่เกษตรกรด้วย รวมถึงมอบหมายจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการติดตามประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ และพิจารณาขยายผลโครงการในพื้นที่อื่น ๆ โดยบรรจุเป็นแผนงานโครงการในแผนพัฒนาจังหวัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. อนุมัติให้กรมชลประทานเข้าไปดำเนินการในพื้นที่กิจกรรมขุดลอกแหล่งน้ำเพื่อการผลิต จำนวน ๔๓ แห่ง ของโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าว ให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์วิธีการที่กฎหมายกำหนด ๔. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนงาน/โครงการตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร ๗ กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการอย่างละเอียด รอบคอบ และรัดกุม เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดิน ทั้งนี้ เพื่อให้แผนงาน/โครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ หรือชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการเพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23869 | การตรวจสอบรถราชการ รถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง และรถรับรอง (กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในการเช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน 72 คัน) | นร04 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติเช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์และขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ จำนวน ๗๒ คัน พร้อมขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕) และอนุมัติให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการเช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน ๗๒ คัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๓ ระยะเวลา ๖๐ เดือน ภายในวงเงิน ๑๖๕,๖๑๒,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากเงินรายได้ของกรมประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ อัตราค่าเช่ารถยนต์และค่าจ้างพนักงานขับรถยนต์ดังกล่าวไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐดำเนินการสุ่มตรวจทุกหน่วยงานที่มีการใช้รถประจำตำแหน่งและรถส่วนกลาง กรณีการเช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ตามบัญชีอัตราค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการประเภทต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณภาครัฐโดยไม่จำเป็น ๓. ให้ส่วนราชการตรวจสอบรถราชการ รถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง และรถรับรอง หากคันใดหมดความจำเป็น หรือใช้ในราชการต่อไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ให้ดำเนินการขาย แลกเปลี่ยน โอน แปรสภาพ หรือทำลาย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||||||||
23870 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ การออกประกาศและระเบียบเพื่อใช้บังคับในเขตเมืองเก่าดังกล่าวควรสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ การเปิดโอกาสให้คณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้มีโอกาสกำหนดแนวทางดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาของตนเองภายใต้บริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนามีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23871 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อ 10 | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุมน้ำ) ข้อ ๑๐ เป็น “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” จะทำให้มีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ถ้อยคำตามมติคณะรัฐมนตรีสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย จึงให้แก้ไขถ้อยคำเป็น “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามประกาศที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับคณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทและขนาดของโครงการพัฒนาที่ไม่เข้าข่ายเป็นโครงการต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่มีความล่อแหลมและเป็นอันตราย อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อพื้นที่ชุ่มน้ำเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาทิ การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) หรือมาตรการอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23872 | การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 | กห | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้ข้าราชการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหมและทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ได้รับสิทธิการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23873 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 18 (การประชุม ครั้งที่ 75/2558 ถึง ครั้งที่ 78/2558) | นร04 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๘ (การประชุมครั้งที่ ๗๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๗๘ /๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘) ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาถึงกระบวนการ ขั้นตอน ตลอดจนการทบทวนร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่รอการพิจารณาและในบางประเด็นที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวมทั้งทบทวนร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราที่ยังรอการพิจารณา และทบทวนร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยพิจารณาเป็นรายภาคและรายหมวดตามลำดับของโครงร่างรัฐธรรมนูญ และพิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ของเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญแต่ละมาตรา ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้จัดทำจุลสาร “รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปเป็นอย่างไร” ฉบับที่ ๗ เรื่อง “ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย” เพื่อเผยแพร่ข้อมูล กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และเนื้อหาสารัตถะในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23874 | ผลการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 1 | นร11 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย และ H.E. Sok Chenda Sophea, Minister Attached to the Prime Minister and Secretary General of the CDC เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชา โดยที่ประชุมมีประเด็นหารือ ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) สถานการณ์พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทยและกัมพูชา (๒) แนวคิดการร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่างไทย-กัมพูชา (๓) การเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ ณ จังหวัดสระแก้ว (หนองเอี่ยน-สตึงบท) (๔) การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-กัมพูชา (๕) การเปิดเดินรถระหว่างไทย-กัมพูชา ได้แก่ การเดินรถระหว่างสองประเทศภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง การจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-กัมพูชา และการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ (๖) การวางแผนพัฒนาเมือง และ (๗) กำหนดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำร่างแผนการทำงานของฝ่ายไทยในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๒ กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ดำเนินการยกร่างความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-กัมพูชา ๒.๓ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด ในการจัดทำรายงานการสำรวจความต้องการของเอกชนในการลงทุนและการเชื่อมโยงกิจกรรมเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษไทยและกัมพูชา
|
|||||||||||||||||||||||||||
23875 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2558 เรื่อง ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอยู่ในตำแหน่งต่อไป และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2558 เรื่อง การสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒/๒๕๕๘ เรื่อง ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอยู่ในตำแหน่งต่อไป ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยให้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไปจนถึงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๓/๒๕๕๘ เรื่อง การสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้กระบวนการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา โดยการเพิ่มผู้แทนจากฝ่ายบริหาร เพื่อให้คณะกรรมการสรรหามีองค์ประกอบที่มีความหลากหลายและได้สมดุล
|
|||||||||||||||||||||||||||
23876 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำและวรรคตอนในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มีความถูกต้องและเหมาะสมตามแบบร่างกฎหมาย พร้อมกับแก้ไขเพิ่มเติมชื่อแผนงานในมาตรา ๓๐ รัฐวิสาหกิจ ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จากเดิม แผนงานส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต การสร้างมูลค่าภาคการเกษตร และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นระบบ เป็น แผนงานดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต การสร้างมูลค่าภาคการเกษตร และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นระบบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23877 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
จำนวน ๕๐ คน โดยกำหนดกรรมาธิการในสัดส่วนฝ่ายบริหาร จำนวน ๑๐ คน ประกอบด้วยผู้แทนคณะรัฐมนตรี และข้าราชการประจำ และกรรมาธิการในสัดส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๐ คน จะมีการคัดเลือกตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23878 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวจารุวรรณ เฮงตระกูล) | นร09 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวจารุวรรณ เฮงตระกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23879 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | นร05 | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักบริหารสูง) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันขอลาออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23880 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์) | ทก | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
.....