ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1193 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23841 - 23860 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23841 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่โครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์) | กค | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่โครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์ โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินให้แก่โครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีหรือรายจ่ายในการคำนวณภาษี และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาคให้แก่โครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์ และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินที่บริจาคให้แก่โครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์ ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินตามโครงการรวมใจไทยต้านค้ามนุษย์ควรเป็นไปอย่างรอบคอบ และมีกระบวนการตรวจสอบที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
23842 | โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อของภูมิภาคอาเซียน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการพัฒนาและเจริญเติบโตยิ่งขึ้น และส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น ลดการพึ่งพาการส่งออกยางพาราแปรรูปขั้นต้น เป็นการสร้างเสถียรภาพของอุตสาหกรรมยางพาราไทยทั้งระบบให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการเฉพาะในส่วนศูนย์ทดสอบและสนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UNECE ก่อน ในวงเงิน ๖๐๒,๘๒๓,๗๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙) เพื่อเป็นค่าชดเชยการปลูกป่า ค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบโครงการ ค่าพัฒนาปรับปรุงที่ดิน ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ห้องปฏิบัติการ และระบบสาธารณูปโภค ค่าก่อสร้างสนามทดสอบ และค่าเครื่องมือทดสอบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งดำเนินการขออนุญาตจากกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ และทำข้อตกลงในรายละเอียดที่ชัดเจนก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ รวมทั้งสร้างเครือข่ายด้านความร่วมมือกับศูนย์บริการทดสอบและรับรองมาตรฐานและสถาบันการศึกษาวิจัยทางด้านยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับความสามารถในการให้บริการของสถาบันและศูนย์บริการทดสอบและรับรองมาตรฐานในประเทศ และนำไปสู่การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการถ่ายเทคโนโลยีด้านยานยนต์และชิ้นส่วนและยางล้อ ทั้งในด้านการวิจัยออกแบบ และพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วนและยางล้อในอาเซียน ตลอดจนให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐานที่หน่วยงานอุตสาหกรรมยานยนต์และนานาชาติยอมรับทั้งในเรื่องของสนามทดสอบ อาคารสถานที่ เครื่องจักร อุปกรณ์ทดสอบ และเจ้าหน้าที่ดำเนินการ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์รับทราบถึงความมีมาตรฐานของศูนย์ดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงการใช้ยางพาราในประเทศ โดยให้นำยางพาราในประเทศไปใช้ในปริมาณที่สูงกว่าที่กำหนดเป้าหมายไว้ และควรให้ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานยางล้อที่ผลิตโดยผู้ประกอบการในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างมูลค่าเพิ่มของยางพาราในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้น และหน่วยงานราชการต่าง ๆ จะสามารถซื้อยางล้อที่ผลิตในประเทศที่ผ่านการรับรองมาตรฐานของศูนย์ได้ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23843 | การช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม แก่ประเทศเนปาลในกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาลและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศเนปาลในกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์ในประเทศเนปาลได้พ้นจากภาวะวิกฤตจากเหตุแผ่นดินไหวแล้ว ระบบสาธารณูปโภค และการคมนาคมขนส่งส่วนใหญ่ภายในประเทศได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมจนสามารถใช้การได้ โดยรัฐบาลเนปาลได้ประกาศขอให้คณะกู้ภัยจากต่างประเทศออกจากพื้นที่ และขอยุติการรับคณะกู้ภัยจากต่างประเทศ รวมทั้งประกาศหยุดรับการบริจาคสิ่งของจากนานาประเทศ และการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้น จึงขออนุมัติปิดศูนย์ประสานการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเนปาล ณ กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา และศูนย์ปฏิบัติการย่อย กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล โดยให้ยุติการดำเนินงานตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23844 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร04 | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ เรียกโดยย่อ “กภช.” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และมีปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๒ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กำหนดให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามระเบียบนี้ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติในการให้ความเห็นชอบแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวกับการดำเนินการบริหารจัดการระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐนั้น จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณ กฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||
23845 | การช่วยเหลืออพยพคนไทยออกจากประเทศเยเมน | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานในการช่วยเหลืออพยพคนไทยออกจากประเทศเยเมน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในเยเมน ณ กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา ศูนย์ปฏิบัติการย่อยที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล และศูนย์ปฏิบัติการล่วงหน้า ณ เมือง Salalah สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการอพยพนักศึกษาและคนไทยออกจากประเทศเยเมน โดย ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ได้ช่วยเหลือนักศึกษาและคนไทยที่สมัครใจออกจากประเทศเยเมน จำนวน ๑๒๙ คน และมีรายงานการแจ้งกลับในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐ คน ทั้งนี้ มีนักศึกษาและคนไทยแจ้งไม่ประสงค์จะอพยพออกจากประเทศเยเมน จำนวน ๔๔ คน ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการล่วงหน้าฯ ได้ติดต่อประสานงานกับนักศึกษาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และโดยที่เริ่มเข้าสู่เดือนรอมฎอม รวมทั้งพื้นที่ที่นักศึกษาที่แสดงความประสงค์จะยังคงพำนักอยู่ในเยเมนต่อไปนั้น อยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสู้รบ ทางศูนย์ปฏิบัติการล่วงหน้าฯ จึงได้เคลื่อนย้ายการปฏิบัติงานดังกล่าวมายังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต (ซึ่งมีระยะห่าง ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ใช้เวลาบิน ๑ ชั่วโมง) โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต และกรมการกงสุลจะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในเยเมน รวมทั้งติดต่อกับกลุ่มนักศึกษา/คนไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะเข้าช่วยเหลืออพยพคนไทยเหล่านั้นทันที หากสถานการณ์การสู้รบในเยเมนทวีความรุนแรง ๒. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน กระทรวงการต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลืออพยพคนไทยออกจากประเทศเยเมน รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๕,๕๓๑,๒๑๙.๗๑ บาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘) คงเหลืองบประมาณ จำนวน ๓๖,๗๑๓,๒๘๐.๒๙ บาท |
||||||||||||||||||||||||
23846 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางหิรัญญา สุจินัย) | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางหิรัญญา สุจินัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23847 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) (นายสมชาย พิพุธวัฒน์ และนางปาริชาต คชรัตน์) | คค | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย พิพุธวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางปาริชาต คชรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการบินพลเรือน
|
||||||||||||||||||||||||
23848 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (จำนวน 3 คน 1. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ฯลฯ) | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ๒. นายชาติชาย สุทธิกลม ๓. นายอมรวิชช์ นาครทรรพ
|
||||||||||||||||||||||||
23849 | ขออนุมัติการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development - UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development2 : ICAD2) | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development-UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development 2 : ICAD2) ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณในการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้ จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับงบประมาณในการจัดประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้อีก จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
23850 | ขออนุมัติดำเนินการต่อโครงการ/รายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณ ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ปีงบประมาณ 2558 | สลธ.คสช. | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการที่มีความพร้อมผูกพันงบประมาณภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๕๙ โครงการ/รายการ วงเงิน ๑๐,๓๑๔.๐๔ ล้านบาท ดำเนินการผูกพันงบประมาณ โดยไม่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ใหม่อีกครั้ง ๒. สำหรับโครงการ/รายการที่มีการลงนามในสัญญาแล้ว และการโอนงบประมาณเบิกจ่ายแทนแต่ดำเนินการในระบบไม่สมบูรณ์ ให้ส่วนราชการดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. สำหรับโครงการ/รายการที่ไม่พร้อมลงนามภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๓๘ โครงการ/รายการ วงเงิน ๔,๗๖๐.๑๙ ล้านบาท เป็นโครงการ/รายการที่ไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ได้ทันภายในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม) และวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) จะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23851 | ผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความสัมพันธ์ทวิภาคี ได้แก่ การติดตามการทาบทามการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ การเตรียมการเข้าร่วมงานเฉลิมการครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาประเทศสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนพระองค์ และหัวหน้ารัฐบาลวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ และการเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่ Civil Service Exchange Program (CSEP) ครั้งที่ ๑๒ และการประชุม Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship (STEER) ครั้งที่ ๔ ในปี ๒๕๕๘ ๒. การค้าและการลงทุน ได้แก่ การเชิญชวนภาคเอกชนสิงคโปร์ร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะภาคบริการและโลจิสติกส์ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและคมนาคม การดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง Singapore Manufacturing Federation (SMF) กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจสำหรับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์และการเข้าร่วมกิจกรรมด้านการผลิตและการตลาดสินค้าประเภท Digital Content ระหว่างสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ Media Development Authority (MDA) การอำนวยความสะดวกการลงทุนในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในประเทศไทย เช่น ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการกำหนดสัดส่วนถือกรรมสิทธิ์ในธุรกิจดังกล่าว การกระตุ้นบทบาทของสภาธุรกิจไทย-สิงคโปร์ การเพิ่มคลื่นความถี่ของสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และการพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในไทย ๓. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ การเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านการศึกษา และการเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์เพื่อนำมาปรับใช้ในการจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลของไทย ๔. การท่องเที่ยว ได้แก่ การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับสิงคโปร์ และการกำหนดจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย เช่น ภูเก็ต กระบี่ สงขลา พัทยา เกาะสมุย เป็นต้น ๕. ความมั่นคงและการทหาร ได้แก่ การพิจารณาให้สิงคโปร์ใช้พื้นที่ในไทยเพื่อการจัดเก็บยุทโธปกรณ์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้าน cyber security ๖. อาเซียน ได้แก่ การร่วมมือกับสิงคโปร์ผ่านโครงการ Initiative for ASEAN Integration (IAI) เพื่อยกระดับการพัฒนาในภูมิภาคให้มีความใกล้เคียงกัน และการประสานสิงคโปร์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการและการตลาดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ (ข้าวและยางพารา) ๗. สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ได้แก่ สนับสนุนสิงคโปร์ในการทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-จีนต่อจากไทยในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และสนับสนุนให้อาเซียนและจีนเร่งรัดการดำเนินมาตรการเร่งด่วนควบคู่ไปกับการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้เสร็จโดยเร็ว ๘. สถานการณ์ในภูมิภาค ได้แก่ การร่วมมือในการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านดิจิทัลและไซเบอร์ รวมทั้งสื่อออนไลน์
|
||||||||||||||||||||||||
23852 | ผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลี | กษ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ “Recognizing notable and outstanding progress in fighting hunger” เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) ได้จัดพิธีมอบรางวัล (Achievement Award) ให้กับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม ๗๒ ประเทศ เพื่อเชิดชูเกียรติประเทศเหล่านี้ที่บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่บรรลุทั้งเป้าหมาย MDG 1.C และเป้าหมายของการประชุมอาหารโลก (World Food Summit : WFS) ซึ่งจัดประชุมไปเมื่อปี ๒๕๓๙ (ค.ศ. ๑๙๙๖) ๒. การประชุมสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO Conference) ครั้งที่ ๓๙ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวถ้อยแถลงมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของประเทศไทยในด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท การดำเนินการเพื่อความมั่นคงอาหาร โดยได้เน้นเรื่องการพัฒนาการเกษตรโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เรื่องมาตรฐานสินค้าเกษตร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาการเกษตรและชนบท ซึ่งมาตรการเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยยังดำรงความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาชนบทอย่างต่อเนื่องต่อไป ๓. การหารือทวิภาคีกับผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยได้หารือเรื่อง FAO ขอให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (The International Treaty on Plant Genetic Resource for Food and Agriculture : ITPGRFA) รวมทั้งการนำเรื่อง Agreement on Port State Measure ซึ่งเป็นมาตรฐานของ FAO มาใช้เป็นหลักการในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
23853 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ 2558 | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๒๑๙,๘๗๘ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๘๖,๗๑๗ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ดังนี้ ๒.๑ กรณีโครงการ/รายการซึ่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม) และวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) และได้เริ่มดำเนินงานหรือดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนประกาศเชิญชวน แต่ยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยงานดำเนินโครงการ/รายการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาใหม่อีกครั้ง และเร่งรัดให้เริ่มดำเนินงานหรือก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ กรณีโครงการ/รายการอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เสนอให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณา ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23854 | แนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน | นร07 | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้ส่วนราชการเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาเห็นชอบก่อน เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23855 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นผู้ชี้แจงและประสานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23856 | สถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ในช่วงวันที่ ๗-๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครเกินกว่า ๑๐๐ มิลลิเมตร มากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๑๕๖.๖ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น ถนนอโศกมนตรี ถนนสุขุมวิท ถนนลาดพร้าว โดยมีฝนตกเฉลี่ยสูงสุดในเขตคลองเตย ๑๔๑ มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนเป็นจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยจึงได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๑ ประชุมมอบหมายหน้าที่ โดยให้กรุงเทพมหานครดูแลเรื่องระบบระบายน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลเรื่องการจราจร กองทัพบกและกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย/อาสาสมัคร) ดูแลเรื่องการจัดหากำลังพลเพื่อช่วยเข็นรถ ซ่อมรถ กรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ดูแลเรื่องช่างซ่อมรถพร้อมเครื่องมือ และการไฟฟ้านครหลวงเตรียมความพร้อมกรณีเกิดไฟฟ้าดับบริเวณจุดสูบน้ำ ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยพร้อมปฏิบัติงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑.๒ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดตั้งศูนย์ประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนกรณีน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติการฯ ได้ประสานกรุงเทพมหานคร กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และให้เขตต่าง ๆ บริหารจัดการพื้นที่ของตนเองมิให้มีขยะขนาดใหญ่มากีดขวางเส้นทางของอุโมงค์ระบายน้ำ พร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณอุโมงค์ดินแดง รวมทั้งอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ๑.๓ ประสานการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซมไฟฟ้าให้ใช้การได้โดยเร็วเพื่อให้เครื่องสูบน้ำสามารถทำงานได้ตามปกติ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลเรื่องการระบายน้ำในช่วงที่มีฝนตกเพื่อไม่ให้เกิดกรณีน้ำท่วมขังบริเวณเส้นทางสัญจรและบ้านเรือนของประชาชน โดยตรวจสอบดูแลเครื่องมือต่าง ๆ เครื่องสูบน้ำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เป็นต้น พิจารณาหามาตรการหรือจัดให้มีระบบสำรองเพื่อรองรับเหตุกรณีไฟฟ้าดับ รวมทั้งดูแลเรื่องการจัดเก็บขยะโดยเฉพาะบริเวณแนวเขตเครื่องสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อไม่ให้ขยะกีดขวางหรืออุดตันเครื่องสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำ
|
||||||||||||||||||||||||
23857 | มาตรการช่วยเหลือเยียวยาสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง | กษ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้งให้คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23858 | การจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง | นร04 | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เกี่ยวกับการจัดทำแผนการเชื่อมโยงเส้นทางและการลงทุน แผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการ ตามห้วงเวลา และแผนการจัดหาเงินลงทุน (Financing) และรูปแบบการลงทุน เพื่อเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23859 | การให้พนักงานอัยการเป็นผู้แก้ต่างดคีให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร05 | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการและมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้พนักงานอัยการเป็นผู้แก้ต่างคดีให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป ดังนี้
๑. ปัจจุบันพนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ในการรับแก้ต่างในคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือคดีอาญาให้แก่ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ และมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙) อยู่แล้ว แต่พนักงานอัยการจะไม่รับแก้ต่างให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ซึ่งถูกหน่วยงานของรัฐ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีในกรณีที่พนักงานอัยการรับดำเนินการฟ้องคดีแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ๒. ที่ผ่านมาปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการโดยไม่ใช่พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดี เช่น กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีเอง เพราะพนักงานอัยการมีความเห็นไม่ควรฟ้อง เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องว่าจ้างทนายความในการแก้ต่างคดีด้วยตนเอง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ทางราชการย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการในกรณีดังกล่าว เห็นควรประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดให้พนักงานอัยการพิจารณารับแก้ต่างให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีในกรณีตามข้อ ๑ และข้อ ๒ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
23860 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๔๗ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๖๒.๓๘ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ปัจจุบันได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบอีกประมาณ ๒๐ ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนของงานปรับภูมิทัศน์ ๓. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง จากปริมาณดินทั้งหมด ๑,๐๔๓,๖๙๐ ลูกบาศก์เมตร ขนดินออกจากพื้นที่ได้แล้ว ๗๖๓,๒๓๐ ลูกบาศก์เมตร เหลือดินในพื้นที่ต้องขนออก ๒๘๐,๔๖๐ ลูกบาศก์เมตร ๔. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ ปัญหาอุปสรรคในเรื่องการมอบพื้นที่ยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้าง ปัญหากรณีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ ในพื้นที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้าร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีเพื่อขอรับการชดเชยที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม และปัญหากรณีชาวบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภาบริเวณก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ
|
.....