ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1197 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23921 - 23940 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23921 | การจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง | นร | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทำแผนงานที่ชัดเจนใน ๓ หัวข้อหลัก ดังนี้ ๑.๑ แผนการเชื่อมโยงเส้นทางและการลงทุนของการคมนาคมทั้งทางราง ทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ โดยแสดงถึงความเชื่อมโยงและการสนับสนุนเกื้อกูลระหว่างกัน ตลอดจนการเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และนิคมอุตสาหกรรมใหม่ตามนโยบายรัฐบาล ๑.๒ แผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการตามห้วงเวลาซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกอบด้วย ระยะที่ ๑ ตั้งแต่ปัจจุบัน-เดือนกันยายน ๒๕๕๙ (ช่วงเวลาสิ้นสุดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑) ระยะที่ ๒ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๔ (ระยะเวลาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒) และระยะที่ ๓ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๔-กันยายน ๒๕๖๙ (ระยะเวลาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓) ๑.๓ แผนการจัดหาเงินลงทุน (Financing) และรูปแบบการลงทุน โดยแสดงให้เห็นว่าโครงการใดใช้งบประมาณจากแหล่งใด เช่น เงินงบประมาณ เงินกู้ในประเทศ เงินกู้ต่างประเทศ ให้เอกชนร่วมลงทุน การร่วมทุนแบบรัฐต่อรัฐ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23922 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ 6 เดือน (1 ตุลาคม 2557 - 20 มีนาคม 2558) | ยธ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ ๖ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ได้แก่ การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม การให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมโดยการพัฒนาระบบช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและองค์กรอาชญากรรม ๒. ด้านการสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย ได้แก่ ปฏิรูปการฟื้นฟูผู้กระทำผิดโดยเสนอแก้ไขกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการงานราชทัณฑ์ และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการให้อำนาจศาล รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับการแก้ไขฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิด เช่น การจัดฝึกอาชีพให้กับผู้รับบริการที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ พัฒนาทักษะด้านการประกอบอาชีพ การจัดทำโครงการคืนคนดีสู่สังคม การจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน และจัดทำหลักสูตรฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบควบคุม เป็นต้น ๓. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ การสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา สถานประกอบการ การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดและระบบต้องโทษ การติดตามและการให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดไม่ให้หวนกลับไปเสพซ้ำ ๔. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้แก่ การประสานงานและบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพในการเสริมสร้างกลไกการบริหารจัดการและนำมาตรการที่จำเป็นต้องการแก้ปัญหามาใช้อย่างครบถ้วนเพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังและบังคับเป็นรูปธรรม ๕. ด้านการสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ๖. ด้านการพัฒนากฎหมายของประเทศ ได้แก่ ผลักดันกฎหมายและมีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ (กำหนดข้อสันนิษฐานขับรถขณะเมาสุรา) และร่างกฎหมายที่เหลืออยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณาประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ประกอบด้วย ร่างกฎหมายที่เข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จำนวน ๑๓ ฉบับ และร่างกฎหมายที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและกระทรวงยุติธรรมกำลังยกร่าง จำนวน ๒๐ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||
23923 | แผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 | ยธ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ประกอบด้วยการดำเนินการใน ๕ ประเด็นหลัก ดังนี้
๑. การส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วย การผลิต การค้า การนำเข้า และส่งออกยาเสพติด สกัดกั้นการหลั่งไหลของการลักลอบขนส่งยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น และใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคี กรอบอาเซียน และกรอบพหุภาคี เป็นเครื่องมือในการกำหนดและกำกับนโยบายด้านยาเสพติด การเสนอและติดตามความคืบหน้าโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านยาเสพติด ตามเป้าหมายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอาเซียน ๒. การประสานความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ มีแนวทางดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันการดำเนินงานตามแผนงานว่าด้วยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติภายใต้กรอบการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) การพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีเพื่อการประสานความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในด้านการดำเนินคดีอาชญากรรมข้ามชาติในกลุ่มประชาคมอาเซียน ๓. การส่งเสริมหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษาในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนางานวิชาการเกี่ยวกับหลักนิติธรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาข้อมูลสถิติอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมเพื่อประเมินประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม การผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศอาเซียน และการให้ข้อเสนอแนะผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : AICHR) ต่อการพัฒนากลไกด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกอาเซียน ๔. การส่งเสริมเครือข่ายด้านการบังคับคดีแพ่ง คดีล้มละลาย และการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประชุมด้านการบังคับคดีร่วมกับหน่วยงานด้านการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา การพัฒนากฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการพัฒนากฎหมายเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา SME ของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ๕. การพัฒนากระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในชุมชนและมาตรการอื่นแทนโทษจำคุก มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำภายใต้ข้อกำหนดกรุงเทพฯ การส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดโดยใช้ชุมชนบำบัดในภูมิภาคอาเซียน และการดำเนินกิจกรรมภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
23924 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างสาย อ. กบินทร์บุรี - อ. วังน้ำเขียว ตอน 3 จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้าง สาย อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอน ๓ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนที่ ๑ ในวงเงิน ๗๙๕,๓๖๕,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ ในวงเงิน ๗๙๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าดำเนินการตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ในวงเงิน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๐๕,๕๖๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23925 | รายงานสรุปผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2556/2557 | อก | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ของคณะกรรมการกำกับการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้วรวม ๑๖ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๓,๒๙๘,๗๒๔.๐๕๐ ตัน จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๒๗,๗๙๕,๘๔๘ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๖๕ ๒. ชาวไร่อ้อยส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าอ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ คิดเป็นปริมาณอ้อย จำนวน ๓๖๗,๐๒๖.๔๑๐ ตัน จำนวนเงิน ๕๘,๗๒๔,๒๒๕.๖๐ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๐.๓๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการบริหาร (กบ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยชาวไร่อ้อย จำนวน ๑,๗๑๓ ราย ที่มีหลักฐานการส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ และได้จดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยถูกต้องเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเร่งรัดจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ในอัตราตันละ ๑๖๐ บาท ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อย จำนวน ๑๐๙ ราย ให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้มีการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ถูกต้องตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อจะได้มีสิทธิในการขอรับเงินช่วยเหลือ สำหรับกรอบระยะเวลาการจ่ายเงินให้เป็นไปตามที่สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนด ภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓. การดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ และมติ กบ. ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อย รวม ๒๐ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๓,๕๓๒,๖๖๕.๙๕๐ ตัน จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๖๕,๒๒๖,๕๕๒ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๘๗ สำหรับชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้จัดทำหนังสือแจ้งให้มาขอรับสิทธิการช่วยเหลือเป็นรายบุคคล โดยมีชาวไร่อ้อยแจ้งความประสงค์ไม่ขอรับสิทธิการช่วยเหลือ จำนวน ๖๑ ราย คิดเป็นปริมาณอ้อย ๓,๘๔๕.๓๙๐ ตัน จำนวนเงิน ๖๑๕,๒๖๒.๔๐ บาท ส่วนชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ จำนวน ๔๘๙ ราย คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๒๙,๒๓๙.๑๒๐ ตัน จำนวนเงิน ๒๐,๖๗๘,๒๕๙.๒๐ บาท อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของโรงงานน้ำตาลและคณะทำงานควบคุมการผลิตประจำโรงงาน โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะเปิดให้ชาวไร่อ้อยมาจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ถูกต้องตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด เพื่อขอรับสิทธิการช่วยเหลือภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
23926 | สรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปีคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ ๑๘ (The 18th Annual Session of the United Nations Commission on Science and Technology for Development) ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับเชิญให้กล่าวบรรยายพิเศษต่อที่ประชุมฯ ถึงความสำเร็จและความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายและการปฏิรูปประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นต่อรายงานการศึกษาวิเคราะห์นโยบาย วทน. ของประเทศไทย ซึ่งการศึกษาดังกล่าวเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development : UNCTAD) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทยใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การปฏิรูประบบบริหารจัดการและกำกับดูแลระบบ วทน. (๒) การกระตุ้นและพัฒนามาตรฐานจูงใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ ลงทุนวิจัยและพัฒนา วทน. เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และ (๓) การปรับปรุงระบบการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชื่อมโยงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และรองรับความต้องการบุคลากรฐานความรู้ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Roundtable Meeting) โดยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) และความท้าทายในการสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาให้สังคมมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และกล่าวถึงบทบาทสำคัญของ วทน. ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การประยุกต์ใช้ วทน. เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ (๒) การพัฒนาทุนมนุษย์ด้าน วทน. โดยการยกระดับการศึกษาและพัฒนากำลังคนสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือ STEM Education and STEM Workforce และ (๓) การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการไว้ ๒ เรื่อง คือ การทูตวิทยาศาสตร์ หรือ Science Diplomacy และการคาดการณ์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงานอย่างสมดุลของอาเซียน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าพบและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเลขาธิการ UNCTAD โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้การยืนยันถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีสากลและยินดีร่วมกับสหประชาชาติในการขยายผลการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันจัดเวทีให้ผู้บริหารระดับสูงด้าน วทน. ของอาเซียนได้มาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
23927 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท เลนส์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๘๙๖.๒๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๗๓ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๙๑.๗๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๑.๔๐ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
23928 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2558 | มท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายใต้ชื่อการรณรงค์ว่า “สติ วินัย น้ำใจ ปลอดภัยสงกรานต์ สืบสานประเพณี” ดำเนินการระหว่างวันที่ ๙-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๓,๓๗๓ ครั้ง ผู้เสียชีวิต ๓๖๔ คน ผู้บาดเจ็บ ๓,๕๕๙ คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เมาสุราเป็นสาเหตุสูงสุด ร้อยละ ๓๙.๓๑ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ ๒๔.๓๔ ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุ รถมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ ๘๑.๓๕ รองลงมา คือ รถปิคอัพ ร้อยละ ๙.๔๗ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ประกอบด้วย การดำเนินการด้านกฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่อง การปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกวัฒนธรรมความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและกลไกการติดตามประเมินผล ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การห้ามจำหน่ายสุรา การเพิ่มอัตราโทษแก่คนที่เมาแล้วขับ เป็นต้น และเห็นควรคงมาตรการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติในการเล่นน้ำสงกรานต์เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยง จำนวน ๘ ข้อ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอไว้ในปีต่อไป รวมทั้งให้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทุกราย กรณีมีการเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และให้มีบทลงโทษปรับในอัตราโทษที่สูงสุด หรือถ้ามีโทษจำคุก ขอให้ไม่ต้องรอลงอาญา และให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานจากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23929 | การปรับปรุงองค์ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558) | กร | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยตัดองค์ประกอบของกรรมการ ลำดับที่ ๑๘ “เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการที่ราชเลขาธิการมอบหมายจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23930 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 20 (การประชุมครั้งที่ 82/2558 ถึงครั้งที่ 88/2558) | นร | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๐ (การประชุมครั้งที่ ๘๒/๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๘๘/๒๕๕๘) โดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาทบทวนและตรวจสอบความถูกต้องของร่างรัฐธรรมนูญบางมาตรา เตรียมความพร้อม และกำหนดกรรมาธิการผู้รับผิดชอบในการชี้แจงและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติได้อภิปราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23931 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ - นาไคร้ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์-นาไคร้ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23932 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเลี่ยงเมืองอรัญประเทศด้านใต้ แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23933 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงแรงงาน) (นายสมเกียรติ บุญทอง) | รง | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายสมเกียรติ บุญทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23934 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา) | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
23935 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อรองรับการจัดตั้งองค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่กำกับดูแลสมาชิก (Self-Regulatory Organization : SRO) และองค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน และแก้ไขพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องเป็นสมาชิกขององค์กรผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กำกับดูแลสมาชิก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลผ่านระบบการซื้อขาย Alternative Trading System (ATS) ไว้ในร่างกฎหมายที่เสนอมาในครั้งนี้ให้ชัดเจน ตลอดจนกำหนดให้มีระบบการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายผ่านระบบดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณา และให้ยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ในการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23936 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | กต | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่อาเซียน เลขาธิการอาเซียน รองเลขาธิการอาเซียน พนักงานของสำนักเลขาธิการอาเซียน ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติภารกิจเพื่ออาเซียน ผู้แทนถาวรของรัฐสมาชิกอาเซียน เจ้าหน้าที่ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของอาเซียน และเจ้าหน้าที่ของรัฐสมาชิก ตลอดจนความละเมิดมิได้ในสถานที่ ทรัพย์สิน สินทรัพย์ของอาเซียน การสื่อสารในทุกรูปแบบและบรรณสารของอาเซียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วให้ส่งความตกลงฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร เพื่อดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบความตกลงฯ และร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
23937 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... | นร09 | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของกรรมการกฤษฎีกา กรรมการพัฒนากฎหมาย และอนุกรรมการที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมายแต่งตั้งให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23938 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออก ไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items) ทั้งทางการพาณิชย์และทางการทหาร โดยการนำไปใช้ออกแบบ พัฒนา ผลิต ใช้ ดัดแปลง จัดเก็บ ลำเลียง หรือกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาก่อนเริ่มใช้บังคับประกาศนี้เป็น “วัน” หรือระบุเป็น “วันที่” เพื่อความชัดเจนในการนับระยะเวลา และการพิจารณาควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทางใน ๒ กรณี คือ สินค้าที่ใช้ได้สองทางตามรหัสสินค้าที่กำหนดไว้ในบัญชีที่ ๑ และสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ควรแยกการควบคุมสินค้าให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดให้สินค้าใดเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออก ควรต้องมีความชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้ส่งออกสามารถทราบได้เป็นการล่วงหน้าว่าสินค้าใดที่ตนมีหน้าที่ต้องขออนุญาต นอกจากนี้ การกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องให้การรับรองไว้ต่อกรมการค้าต่างประเทศว่าสินค้าที่ส่งออกไม่เป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าสินค้าที่ส่งออกดังกล่าวไม่เป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทางตามที่กำหนดไว้ในบัญชี ๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงการกำหนดระเบียบวิธีการและขั้นตอนการขออนุญาตหรือการรับรองตนเองที่ไม่เป็นอุปสรรคหรือเป็นภาระมากเกินความจำเป็นแก่ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการถึงการดำเนินการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23939 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข ที่กำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีระหว่างสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน และเพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศทั้งสอง ตลอดจนมีการจัดสรรรายได้ภาษีระหว่างสองประเทศด้วยการกำหนดสิทธิการเก็บภาษีสำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ให้กระทรวงการคลังสามารถทำการแก้ไขได้ทันที ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายใน เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในภายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้ความตกลงฯ แล้ว และต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากมีความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ อีก ควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23940 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในประเทศไทย จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ ๑.๑ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on Safety and Security during Transport of Radioactive Material (ความปลอดภัยและความมั่นคงของการขนส่งวัสดุกัมมันตรังสี) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on Integrated Nuclear Security Support Plans (INSSPs) for Member States in South-East Asia (การจัดทำแผนพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๓ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop to Identify National Approaches to Integrate Safety Culture Concepts Into the Regulatory Framework (กรอบความร่วมมือในการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และสำนึกด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยของประเทศ) ระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป |
.....