ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1200 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23981 - 24000 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23981 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และขออนุมัติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เรื่องที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) | กษ | 07/05/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีมติเห็นชอบในหลักการให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (Command Center for Combating Illegal Fishing) เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยให้รับประเด็นอภิปราย ๔ ข้อ ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ และให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมายจัดทำแผนปฏิบัติการพร้อมทั้งประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ต่อไป สำหรับประเด็นอภิปรายทั้ง ๔ ข้อ มีดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเรือประมงอย่างเข้มงวด โดยเรือลำใดไม่มีการจดทะเบียนจะไม่ให้ออกเรือ และหากมีการฝ่าฝืนให้สามารถจับกุมและยึดเรือไว้เพื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการได้ การแจ้งเข้า-ออกของเรือประมง การติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (VMS) และระบบการรายงานผล รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงชายฝั่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) และแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายสรุปขั้นตอนการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายให้ชัดเจนแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. เนื่องจากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวเพิ่มเติม และออกกฎหมายลำดับรองที่จะต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งในระยะเวลานี้หากจำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้มีการออกกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายได้รวดเร็วขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อออกคำสั่งต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมข้อสังเกตจากนักวิชาการและสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมประเด็นปัญหาการประมงผิดกฎหมายในส่วนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วน ๓. การชี้แจงต่อต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมายของไทยนั้น ต่างประเทศอาจไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและกฎหมายของไทยเท่าที่ควร ดังนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมประเด็นต่าง ๆ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ๔. ในกรณีที่เรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงผิดกฎหมายในไทย เช่น เรือประมงของเวียดนามที่ลักลอบเข้าทำประมงในน่านน้ำของไทย และได้มีการจับกุมลูกเรือดังกล่าวไว้เพื่อดำเนินคดีนั้น ขณะนี้ยังมีคดีประเภทดังกล่าวที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความแออัดของสถานที่คุมขัง รวมทั้งเป็นภาระแก่ทางราชการด้วย จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในภาพรวม โดยให้คำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย |
|||||||||||||||
23982 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2558) | นร05 | 07/05/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้มีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ที่ให้มีการจัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย" (Command Center for Combating Illegal Fishing) เรียกโดยย่อว่า ศปมผ. (CCCIF) เป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บัญชาการ ศปมผ. ทั้งนี้ หากจะมีการดำเนินการตามข้อ ๑๗ ของคำสั่งดังกล่าวที่ผู้บัญชาการ ศปมผ. มีอำนาจสั่งย้ายหัวหน้าส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เพิกเฉยหรือละเลย ไม่กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งนี้ได้ทันที นั้น จะต้องมีรายงานต่อนายกรัฐมนตรีตามลำดับชั้น และการสั่งการดังกล่าวจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของข้าราชการพลเรือนด้วย
|
|||||||||||||||
23983 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ 13 | พณ | 07/05/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ ๑๓ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งอาเซียนสามารถดำเนินการตามมาตรการสำคัญเพื่อไปสู่ AEC ได้ร้อยละ ๙๐.๕ (ดำเนินการได้ ๔๕๘ มาตรการ จาก ๕๐๖ มาตรการ) โดยไทยดำเนินการได้ร้อยละ ๙๓.๑ คงเหลือมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๔๘ มาตรการ ซึ่งไทยได้เน้นย้ำให้สมาชิกอาเซียนเร่งดำเนินทุกมาตรการให้ครบถ้วนภายในปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องกับสาขาการขนส่ง รวมทั้งให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การจัดทำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว การจัดทำคลังข้อมูลการค้าอาเซียน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำร่างเอกสารกรอบวิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี ๒๐๒๕ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก โดยเอกสารดังกล่าวจะเป็นแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC Blueprint ฉบับใหม่ ประกอบด้วย ๖ เป้าหมายหลัก ได้แก่ (๑) มีการรวมตัวสูง (๒) มีความสามารถการแข่งขัน นวัตกรรม และพลวัต (๓) ครอบคลุมทุกภาคส่วน ยืดหยุ่น และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (๔) ขยายการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ (๕) ขยายความร่วมมือและรวมตัวรายสาขา และ (๖) เป็นส่วนสำคัญของโลก โดยมีกำหนดจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ ๔๗ พิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารกรอบวิสัยทัศน์ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ๒. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ ๑๓ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการตามแผนงานด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป ฉบับปี ๒๐๑๓-๒๐๑๔ และเห็นชอบแผนฯ ฉบับใหม่ปี ๒๐๑๕-๒๐๑๖ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เช่น สาขาบริการ พลังงาน การขนส่งทางอากาศ การอำนวยความสะดวกทางการค้า มาตรฐานต่าง ๆ พิธีการศุลกากร การลงทุน และประเด็นการค้าใหม่ ๆ รวมทั้งจะมีการจัดตั้งเวทีการหารือของผู้เชี่ยวชาญของสองภูมิภาคทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปในอนาคต ทั้งนี้ สหภาพยุโรปได้แสดงความประสงค์ที่จะให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-สหภาพยุโรป และเสนอให้มีการทบทวนและรวบรวมข้อมูลสถานะการเจรจาที่ได้หยุดชะงักไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP) เพิ่มเติมอีก ๑ ครั้งก่อนการประชุมรัฐมนตรี RCEP ที่กำหนดไว้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ โดยในเบื้องต้นอาจพิจารณาจัดการประชุมในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||
23984 | แนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ (ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาการเลี้ยงไก่ไข่ของประเทศ) | กษ | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วย (๑) มาตรการระยะสั้น (เร่งด่วน) ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการตลาด ขอความร่วมมือส่วนราชการจัดสถานที่ให้เกษตรกรจำหน่ายไข่ไก่ตรงสู่ผู้บริโภค การรวบรวมไข่ไก่ส่วนเกินออกจากระบบเพื่อส่งออกในรูปไข่ไก่สดและแปรรูป โดยชดเชยเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรฟองละไม่เกิน ๐.๕๐ บาท และการปลดแม่ไก่ไข่ก่อนกำหนด อายุไม่เกิน ๖๕ สัปดาห์ โดยทำโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่เพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร และ (๒) มาตรการระยะยาว คือ กำหนดปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ และการนำเข้าไก่ไข่พ่อ-แม่พันธุ์ (P.S.) ที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์มีอำนาจบริหารจัดการไก่ไข่ทั้งระบบ และกรมปศุสัตว์ควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่และบริหารไก่ไข่พันธุ์ โดยการควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าเลี้ยงในฟาร์มต่อไป และรับทราบการดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพไข่ไก่ โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องการผลิตและการตลาดไข่ไก่ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยเป็นสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ส่วนการปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงและรวบรวมไข่ไก่ออกจากระบบ ควรพิจารณากรอบระยะเวลาดำเนินการและปริมาณที่เหมาะสมด้วยความรอบคอบ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อตลาดและประชาชนผู้บริโภคในประเทศ นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการสนับสนุนการใช้องค์ความรู้และงานวิจัยของสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยต่าง ๆ ในการแปรรูปและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบต่อสุขภาพจากการบริโภคไข่ไก่เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับราคาและปริมาณไข่ไก่ในอนาคต ให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||
23985 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาครวม 6 รายการ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม [รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาคทางหลวงหมายเลข 4 อ.ปราณบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ)] | คค | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค รวม ๖ รายการ วงเงินรวม ๗,๑๑๕,๗๔๔,๓๗๒ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อำเภอปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๓๔๐,๑๑๕,๐๐๕ บาท ๒. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายนครสรรค์-ตาก ตอน ๑ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๓ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๔๘๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ทางหลวงหมายเลข ๔๑ สายท่าโรงช้าง-ท่าชี-ถ้ำพรรณรา-ทุ่งส่ง (เป็นตอน ๆ) ตอน ๑ วงเงิน ๑,๓๔๐,๕๐๒๒๔๐ บาท ๔. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๗๗,๓๐๑,๙๐๐ บาท ๕. ทางหลวงหมายเลข ๔ สายประจวบคีรีขันธ์-แยกปฐมพร ตอน ๒ (บางสะพาน-แยกปฐมพร) (เป็นตอน ๆ) ส่วนที่ ๒ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน ๙๖๓,๔๒๕,๒๒๗ บาท ๖. ทางหลวงหมายเลข ๑ สายตาก-พะเยา ตอน ๑ (ตาก-บ้านตาก) (เป็นตอน ๆ) วงเงิน ๑,๐๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||
23986 | ร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2558 - 2560) | พม | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ที่มุ่งส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจเพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยการรวมพลังของทุกภาคส่วน และ ๕ ยุทธศาสตร์ คือ (๑) การสร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (๒) การสร้างเอกภาพในการบริหารยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (๓) การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคธุรกิจ (๔) การรวมพลังเพื่อพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงของมนุษย์ และ (๕) การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ สู่การปฏิบัติ จะมีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจขึ้นในอนาคตเพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ โดยหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยอาจไม่จำเป็นต้องก่อตั้งหน่วยงานใหม่เพิ่มเติม และควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ สู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ และการจัดทำรายงานสถานการณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจในประเทศไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในส่วนของการกำหนดกลไกในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจที่จะจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจแห่งชาติ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ชะลอการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว โดยพิจารณากลไกอื่นที่มีอยู่เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้แทน ๔. การกำหนดมาตรการจูงใจภาคธุรกิจในการปฏิบัติด้านความรับผิดชอบต่อสังคมควรเน้นการให้รางวัลหรือการยกย่องเชิดชูเพื่อเป็นตัวอย่างแก่สังคมมากกว่าการกำหนดมาตรการทางภาษี |
|||||||||||||||
23987 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดตามยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด (มีนาคม พ.ศ. 2558) | ทก | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดตามยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด (มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘) ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งทำการสำรวจภายหลังการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาแล้ว ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนร้อยละ ๕๒.๓ ระบุว่าชุมชน/หมู่บ้านในปัจจุบัน (มีนาคม ๒๕๕๘) ไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด ขณะที่ร้อยละ ๔๗.๗ ระบุว่ามีปัญหา ๒. ปัญหายาเสพติด ประชาชนเกือบครึ่งเห็นว่า ปัญหายาเสพติดที่มีในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ เทียบกับช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗ มีการแพร่ระบาดลดลงร้อยละ ๔๖.๒ ๓. ปัญหาด้านผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ ๗๖.๒ ระบุว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ร้อยละ ๒๓.๘ ระบุว่ามีปัญหา ๔. ปัญหาด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนร้อยละ ๕๔.๙ ระบุว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ร้อยละ ๔๕.๑ ระบุว่ามีปัญหา ๕. ปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านที่มีโรงเรียน/สถานศึกษา ประชาชนร้อยละ ๘๑.๗ ระบุว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ร้อยละ ๑๘.๓ ระบุว่ามีปัญหา ส่วนการแพร่ระบาดยาเสพติดในบริเวณรอบ ๆ โรงเรียน/สถานศึกษา ประชาชนร้อยละ ๗๔.๖ ระบุว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ร้อยละ ๒๕.๔ ระบุว่ามีปัญหา สำหรับการจัดกิจกรรมป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหายาเสพติดให้แก่นักเรียน/นักศึกษา ประชาชนร้อยละ ๙๔.๕ ระบุว่าโรงเรียน/สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมดังกล่าวให้แก่นักเรียน/นักศึกษา ๖. แหล่งมั่วสุมยาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนร้อยละ ๔๕.๔ ระบุว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติด/ค้ายาเสพติด โดยแหล่งมั่วสุมที่สำคัญ คือ สถานที่ปลอดคน เช่น บ้านร้าง ป่าเขา ฯลฯ รองลงมา ได้แก่ บ้าน/คอนโด/แฟลต/หอพัก ใต้สะพานที่รถวิ่ง ชุมชนแออัด และศาลาที่พักริมทาง สำหรับการซื้อยาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านที่มีปัญหายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๒๒.๙ ระบุว่าหาซื้อยาเสพติดได้ง่าย ๗. เจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุน/กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านที่มีปัญหายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๑๑.๗ ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุน/เข้าไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่ร้อยละ ๔๗.๖ ระบุว่าไม่มี ในส่วนของการประสานงาน/ร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ประชาชนร้อยละ ๙๗.๘ ระบุว่ามีหน่วยงานภาครัฐประสานงาน/ร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มีเพียงร้อยละ ๒.๒ ที่ระบุว่าไม่มีเลย ๘. การยอมรับหรือให้โอกาสผู้เลิกยาเสพติด/ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๙๖.๖ ระบุว่ามีการยอมรับหรือให้โอกาสผู้เลิกยาเสพติด/ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเพียงร้อยละ ๓.๔ ที่ระบุว่าไม่ยอมรับ/ไม่ให้โอกาส ๙. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๙๙.๗ ระบุว่ามีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สำหรับความพึงพอใจต่อการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกด้าน ประชาชนมากกว่าร้อยละ ๙๙ มีความพึงพอใจ รวมทั้งประชาชนมากกว่าร้อยละ ๙๙ มีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกเรื่อง ๑๐. ข้อเสนอแนะแนวทางป้องกัน/แก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมที่สำคัญ ประชาชนได้ให้ข้อเสนอแนะ ๕ อันดับแรก คือ การปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด การจัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างจิตสำนึก และการจัดตั้งเวรยามเฝ้าระวัง
|
|||||||||||||||
23988 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสมปอง เจริญวัฒน์) | สธ | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมปอง เจริญวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลชัยภูมิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||
23989 | รายงานความคืบหน้าการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ | พม | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานการตรวจคนเข้าเมืองได้ให้การดูแลกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมือง รวมทั้งสิ้น ๖๓๘ คน เป็นชาวโรฮีนจา จำนวน ๓๖๓ คน และชาวมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ (อุยกูร์) จำนวน ๒๗๕ คน มีสถานที่ควบคุม (ห้องกัก) จำนวน ๑๑ แห่ง ปัญหาที่พบคือ จำนวนสถานที่ควบคุมไม่เพียงพอ สภาพห้องไม่มั่นคงแข็งแรง คับแคบ งบประมาณและกำลังพลไม่เพียงพอ ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้การดูแลกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมืองที่เป็นเด็ก ผู้หญิง และกลุ่มที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งสิ้น ๑๗๔ คน เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวโรฮีนจา จำนวน ๑๓๙ คน และชาวมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ (อุยกูร์) จำนวน ๓๕ คน มีสถานที่คุ้มครองหลัก จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ปัญหาที่พบคือ สถานที่ดังกล่าวเปิดให้บริการ ๒๔ ชั่วโมง สำหรับให้บริการประชาชนที่ประสบปัญหาทางสังคม จึงทำให้กลุ่มคนดังกล่าวหลบหนีได้ง่าย รวมทั้งงบประมาณและกำลังพลไม่เพียงพอ ๒. การดำเนินการเพื่อการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาและกลุ่มมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ (อุยกูร์) และการจัดหาสถานที่ควบคุมกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมืองแห่งใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้การปฏิบัติงานยึดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ ส่วนการผลักดัน การสกัดกั้น และการเข้าประเทศของกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมือง รวมถึงการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินงานตามภารกิจอย่างเคร่งครัด และในการจัดหาพื้นที่ในระยะยาวได้มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณาพื้นที่ควบคุมผู้ลักลอบเข้าเมือง โดยให้ยึดกรอบและระยะเวลาการทำงานที่ชัดเจน และการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนร่วมกันพิจารณาหาพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสม โดยให้เสนอต่อที่ประชุมภายใน ๑ เดือน และมีมติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพิ่มมาตรการที่เหมาะสมในการควบคุมผู้ลักลอบเข้าเมืองที่อยู่ในความดูแล
|
|||||||||||||||
23990 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเด่นชัย - แม่จั๊วะ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเด่นชัย-แม่จั๊วะ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลปงป่าหวาย ตำบลแม่จั๊วะ และตำบลเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23991 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... | ยธ | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายในรูปของคณะกรรมการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ขึ้น เพื่อกำหนดมาตรฐานการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกำหนดการเรียกเก็บ งด หรือลดค่าธรรมเนียมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเก็บรักษา ทำลาย และเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งกำหนดแนวทางในการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของภาคเอกชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างมาตรา ๕ ที่ให้สถาบันมีหน้าที่ในการให้บริการและส่งเสริมงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานได้ ร่างมาตรา ๙ ในส่วนการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ควรกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการเปิดเผยข้อมูลไว้ในร่างพระราชบัญญัติแทนการใช้ข้อความว่า “ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด” และร่างมาตรา ๑๑ ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรกำหนดคุณสมบัติหรือคุณลักษณะของบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งไว้ด้วยเพื่อให้เกิดความชัดเจน และควรมีคณะกรรมการที่มาจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย เช่น ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้แทนจากสถานพยาบาลที่มีการให้บริการด้านนิติเวชศาสตร์หรือนิติวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||
23992 | การให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 8 ของบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน | คค | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๘ ของบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน โดยสาระสำคัญในพิธีสารฯ ประเทศไทยได้เสนอปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งสถานประกอบการของบริการซ่อมและบำรุงรักษาอากาศยาน ในส่วนของหน่วยซ่อมอากาศยานประเภทที่ ๒ สำหรับการบำรุงรักษาส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน และประเภทที่ ๓ สำหรับการบำรุงรักษาบริภัณฑ์และชิ้นส่วนของอากาศยาน โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของสมาชิกอาเซียน จากเดิมที่เสนอไว้ร้อยละ ๕๑ เป็นร้อยละ ๗๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งพิธีสารฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๘ ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบพิธีสารดังกล่าวแล้ว |
|||||||||||||||
23993 | การจัดทำตราสารยอมรับการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโต | ทส | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบตัวบทสุดท้ายของการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโต โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ กำหนดให้ประเทศภาคีในภาคผนวกที่ ๑ ต้องมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๒๐) ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ (ค.ศ. ๑๙๙๐) อันเป็นปีฐานอย่างน้อยร้อยละ ๑๘ โดยที่สาระอื่น ๆ ในพิธีสารเกียวโตยังคงไว้เช่นเดิมตามที่ประเทศไทยได้เคยให้สัตยาบันไว้แล้ว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประทศจัดทำและส่งตราสารยอมรับการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโตต่อเลขาธิการสหประชาชาติในฐานะผู้เก็บรักษาเอกสาร ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
23994 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา พ.ศ. 2554) | มท | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยะลา พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23995 | ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ 3 และแผนปฏิบัติการ ระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ 4 | พม | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๓ (The Third Joint Declaration of the Coordinated Mekong Ministerial Initiative against Human Trafficking) และแผนปฏิบัติการระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) โดยปฏิญญาร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ต่อเนื่องจากสองฉบับแรกว่าประเทศสมาชิกจะร่วมกันต่อต้านการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ และยืนยันความมุ่งมั่นที่มีต่อบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ (บันทึกความเข้าใจ COMMIT) ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๗ สำหรับแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะเติมเต็มศักยภาพของบันทึกความเข้าใจ COMMIT ในเรื่องกลไกการคุ้มครองและการส่งต่อระหว่างประเทศในระดับอนุภูมิภาค รวมถึงมาตรการด้านนโยบาย ความร่วมมือ และการป้องกันที่จำเป็นในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ๒. เห็นชอบและอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ลงนามในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๓ ๓. เห็นชอบให้ปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๓ และแผนปฏิบัติการระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม โดยหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ |
|||||||||||||||
23996 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง | กต | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติที่ ๒๑๒๗ (ค.ศ. ๒๐๑๓) ที่ ๒๑๓๔ (ค.ศ. ๒๐๑๔) และที่ ๒๑๙๖ (ค.ศ. ๒๐๑๕) เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็น รวมถึงการคว่ำบาตรทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สิน เพื่อช่วยฟื้นฟูและสนับสนุนการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป |
|||||||||||||||
23997 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | มท | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเขาบายศรี ตำบลเขาวัว ตำบลท่าใหม่ ตำบลยายร้า ตำบลพลอยแหวน ตำบลตะกาดเง้า และตำบลบ่อพุ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
23998 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย | กต | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๑๙๙ (ค.ศ. ๒๐๑๕) เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
23999 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2547/67 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 และ L11/43 | พน | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท จีเอส เอนเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะซึ่งบริษัทฯ ถืออยู่ในอัตราร้อยละ ๓๐ ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ ให้แก่บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||
24000 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 | กค | 28/04/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘ ภายใต้กรอบวงเงิน ๔๗๖,๔๘๓,๒๕๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีเหลือจ่ายจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๘,๔๗๑,๐๒๔.๗๔ บาท และเงินทุนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส. ) จะต้องสำรองจ่ายไปก่อน ในวงเงิน ๒๖๘,๐๑๒,๒๒๕.๒๖ บาท โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปีงบประมาณถัดไปตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อชดเชยเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตรา FDR+1% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับปีการผลิตที่ผ่านมา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการ และเร่งประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรทราบอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันปัญหาความล่าช้า และ ธ.ก.ส. สามารถดำเนินโครงการได้ทันฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ นอกจากนี้ การดำเนินโครงการจะต้องมีการบูรณาการกับโครงการอื่น ๆ ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และไม่ซ้ำซ้อน มีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบถึงโครงการและประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการ รวมทั้งใช้โครงการประกันภัยข้าวนาปีเป็นเครื่องมือหนึ่งในการส่งเสริมการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและมีหลักประกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....