ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1191 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23801 - 23820 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23801 | วีดิทัศน์การปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดทำเป็นห้องประชุม ห้องรับรองผู้นำต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย รวมทั้งใช้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาล ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยประมาณการงบประมาณไว้ที่ ๑๕๐ ล้านบาท ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำรายละเอียดการปรับปรุงต่อเติมและงบประมาณเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
23802 | ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน (Memorandum of Understanding between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Energy of the Republic of the Union of Myanmar on Energy Cooperation) และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า (Memorandum of Understanding between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Electric Power of the Republic of the Union of Myanmar on Electric Power Cooperation) นั้น กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ กับฝ่ายเมียนมาแล้วเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยบันทึกความเข้าใจฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าได้มีการปรับแก้ถ้อยคำตามการร้องขอของฝ่ายเมียนมาก่อนการลงนามด้วย ๒. เห็นชอบแนวทางการทำความตกลงระหว่างประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับเป็นหลัก ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ในกรณีความร่วมมือโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำ ประโยชน์โดยตรงที่จะได้รับ คือ ความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า และประโยชน์ทางอ้อม คือ การต่อยอดนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในประเทศ ตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปประกอบการดำเนินการจัดทำความตกลงกับต่างประเทศในเรื่องต่าง ๆ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ (๙) โดยให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปโดยไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจที่แก้ไขก่อนลงนาม รวมทั้งต้องชี้แจงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผลประโยชน์ของประเทศว่าได้รับหรือเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงบันทึกความเข้าใจฯ
|
||||||||||||||||||
23803 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนความเห็นตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๔/๓๒๓๔ ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะอนุกรรมการพัฒนาการส่งออกซึ่งแต่งตั้งโดยคำสั่งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศตามอำนาจหน้าที่ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๖ ขึ้นเป็นคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้คณะทำงานยุทธศาสตร์การเจรจาการค้าของประเทศที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศที่จัดตั้งตามระเบียบนี้ด้วย |
||||||||||||||||||
23804 | ขออนุมัติการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 2 พ.ศ. 2559 - 2563 และอนุมัติกรอบแผนงานและงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2559 - 2563 ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริม และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. อนุมัติกรอบงบประมาณเฉพาะงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป ตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนงานด้านการพัฒนาพื้นที่ต้นฉบับ การจัดตั้งสถาบันอบรม การส่งเสริมการรับรู้ และเข้าใจแนวพระราชดำริ การสื่อสารสาธารณะและภาคีสัมพันธ์ และการบริหารจัดการ ๓. ในส่วนของกรอบงบประมาณในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการกำหนดผลสัมฤทธิ์ล่วงหน้าและประเมินผลรายปีตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||
23805 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของนางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตรวจสอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของนางสาวปริศนา อุดมรัตน์ ที่จังหวัดสระบุรี ว่าหากสภาพแวดล้อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และการเข้าดำเนินการในพื้นที่คำขอประทานบัตรและตรวจสอบการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนตรวจสอบเหมืองร่วมสำหรับการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมติดตามการตรวจสอบการทำเหมืองแร่ การกำหนดแนวทางเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบกำจัดมลพิษอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับปรุงระบบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ ทั้งหมด และการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้การตัดสินใจมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23806 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูล จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตรวจสอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ว่าหากสภาพแวดล้อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการที่เคร่งครัดในการติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และการเข้าดำเนินการในพื้นที่คำขอประทานบัตรและตรวจสอบการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนตรวจสอบเหมืองร่วมสำหรับการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมติดตามการตรวจสอบการทำเหมืองแร่ การกำหนดแนวทางเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบกำจัดมลพิษอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับปรุงระบบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการประเมินภาพรวมการให้อนุญาตหรือต่ออายุสัมปทานทำเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ ทั้งหมด และการประเมินคุณค่าและศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การตัดสินใจมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของประเทศมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23807 | ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | นร51 | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการรถราชการว่า หากตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ บัญญัติรองรับให้เป็นตำแหน่งระดับบังคับบัญชาที่สามารถเทียบเท่ากับตำแหน่งระดับผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการและมีระเบียบรถราชการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรองรับ ก็ให้มีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
23808 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายวันชัย คงเกษม) | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวันชัย คงเกษม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||
23809 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ 3 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในส่วนเพิ่มเติมหรือต้องการปรับปรุง และ (๒) การพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถนน ๑.๒ การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ (๑) การบังคับใช้บทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๒) การบังคับใช้การตรวจปล่อยจุดเดียวที่จุดผ่านแดนสะหวันนะเขต-มุกดาหาร (๓) การผนวกเส้นทางตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในเมียนมาเข้าไปในบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๔) การจัดตั้งเส้นทางรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเมียนมา (๕) การเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานสามฝ่าย ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม เพื่อหารือและผลักดันความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดน (๖) การส่งเสริมให้ธนาคารพัฒนาเอเชียสนับสนุนการพัฒนาเมืองในบริเวณชายแดนและตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก และเส้นทางต่อขยาย (๗) การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของธนาคารพัฒนาเอเชีย หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๘) การสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตร การฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และ (๙) การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เพื่อส่งเสริมให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมืองและการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยเพิ่มกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (เมียนมา-ไทย-ลาว-เวียดนาม) โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการเร่งรัดการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้า ณ บริเวณด่านศุลกากรจังหวัดมุดาหาร-สะหวันนะเขต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเร่งผลักดันการผนวกเส้นทาง R12 เข้าไว้ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยเร็วเพื่อขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23810 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - ลาว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Foreign Ministers’ Retreat) ไทย-ลาว ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการหารือดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายลาวจะระบุสัญชาติในหนังสือยืนยันสถานภาพบุคคล (Corporate Identity : CI) ที่จะออกให้แก่แรงงานสัญชาติลาวที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในไทยแล้ว และจะส่งเจ้าหน้าที่กลับมาตรวจสัญชาติแรงงานลาว ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะแก้ไข CI ของแรงงานลาวที่มิได้ระบุสัญชาติ รวมทั้งยินดีจะรับคณะฝ่ายไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-ลาว ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาค ฝ่ายลาวไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเส้นทาง R12 เข้าไปอยู่ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยขอให้ฝ่ายไทยช่วยปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และยินดีเข้าร่วมประชุม ๓ ฝ่ายเกี่ยวกับการเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝ่ายลาวเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเป็นกลไกหารือการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของสองประเทศ ๔. บุคคลที่มีพฤติการณ์หมิ่น/จาบจ้วงสถาบันฯ ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีอยู่ในลาว ฝ่ายลาวพร้อมสอดส่องและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติไทยที่มีพฤติการณ์หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีไปอาศัยอนู่ในลาว ๕. การประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ฝ่ายลาวจัดการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งฝ่ายลาวรับที่จะเร่งรัดการพิจารณาจัดประชุม ๖. ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือด้านการซื้อ-ขายไฟฟ้าในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid to Grid) ระหว่างไทยกับลาว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป ๗ ประเด็นเขตแดน ทั้งสองฝ่ายพร้อมแก้ไขปัญหาเขตแดนภายใต้กลไกที่มีอยู่ และการพบหารืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกันบริเวณภูชี้ฟ้า โดยมีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน ๘. การสนับสนุนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ฝ่ายลาวขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ จากไทยในช่วงที่ลาวจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทน์ ๙. กรณีไม้พะยูง จำนวน ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ฝ่ายไทยขอรับเอกสารและหลักฐานจากฝ่ายลาวที่เป็นประโยชน์ต่อการแสดงความเป็นเจ้าของไม้พะยูงของกลางของรัฐบาลลาว และการสืบสวนสอบสวนคดีปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม |
||||||||||||||||||
23811 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๓๖๙-๒๕๕๗ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๖๗๘ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้ยานพาหนะ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23812 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23813 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลต้นธงชัย ตำบลพิชัย ตำบลเวียงเหนือ ตำบลสบตุ๋ย ตำบลหัวเวียง ตำบลสวนดอก ตำบลปงแสนทอง ตำบลพระบาท ตำบลชมพู และตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23814 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23815 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23816 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลหนองปลิง บางส่วนของตำบลทรงธรรม บางส่วนของตำบลสระแก้ว บางส่วนของตำบลนครชุม ตำบลในเมือง บางส่วนของตำบลเทพนคร และบางส่วนของตำบลท่าขุนราม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23817 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย - เวียดนาม | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-เวียดนาม (Foreign Ministers’ Retreat) ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเข้าร่วม และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการหารือเพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การเชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการและจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ครั้งที่ ๓ ในช่วงวันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงเทพฯ การลงนามในความตกลง ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (๒) ความตกลงว่าด้วยการจ้างงาน (๓) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม และ (๔) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาม รวมทั้งการเตรียมการเยือนและการจัดการประชุมทั้งด้านสารัตถะและด้านพิธีการ ๑.๒ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเพิ่มเป้าหมายมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๓ และฝ่ายเวียดนามรับที่จะพิจารณาข้อเสนอนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนผันการนำเข้าผลไม้ไทย ๔ ชนิด (มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ) และการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม ๑.๓ การฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ในปี ๒๕๕๙ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันจัดกิจกรรมตลอดปี ๒๕๕๙ ทั้งในไทยและในเวียดนาม โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลัก ๑.๔ ความร่วมมือด้านการคมนาคมและการพัฒนาความเชื่อมโยง ได้แก่ การประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-ลาว-เวียดนาม) ครั้งที่ ๑ เพื่อจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางไทย-ลาว-เวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ และการจัดประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) ว่าด้วยการพัฒนาการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเล ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ๑.๕ ความร่วมมือด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคาของข้าวและยางพาราในตลาดโลก ๑.๖ การสมัครตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC CEO) ฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนผู้แทนจากเวียดนาม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรปรับแก้ตารางผลการหารือฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยแยกเรื่องการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนามออกมาเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพื่อให้มีความชัดเจนสำหรับหน่วยงานในทางปฏิบัติ ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23818 | แนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอให้มีการจัดกลุ่มพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการจัดการขยะมูลฝอย แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นที่ขนาดใหญ่ (L) กลุ่มพื้นที่ขนาดกลาง (M) และกลุ่มพื้นที่ขนาดเล็ก (S) และพื้นที่พิเศษ คือ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวทาง/วิธีการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้ประชาชนได้รับทราบ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการปัญหาขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ และการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทที่สำคัญในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับ ควบคุม ดูแล และติดตามตรวจสอบการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นเอกภาพ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดแย้งกันเอง รวมทั้งมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนภาระงานของราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
23819 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... | วท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้มีหน่วยงานเพื่อทำหน้าที่บูรณาการข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำของประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยต้องมีการเชื่อมโยงกับองค์กรและหน่วยงานอื่น ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... จึงเห็นควรดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้รวมสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติไว้ในร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงบประมาณที่ควรกำหนดบทบัญญัติให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของข้อมูลทรัพยากรน้ำ ทั้งข้อมูลพื้นที่ ข้อมูลสถิติ ข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลคาดการณ์ มีหน้าที่ต้องเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ส่วนการกำหนดให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติมีวัตถุประสงค์ในการบริการข้อมูลด้านน้ำและภูมิอากาศ อาจมีความซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยาในบางส่วน นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมให้มีอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
23820 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างของคณะกรรมการฯ ในส่วนของการได้มา องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่ง และเห็นชอบในหลักการให้นำคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบไปบัญญัติเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
.....