ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 994 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 19861 - 19880 จากข้อมูลทั้งหมด 124284 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19861 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนกรกฎาคม 2559 | นร02 | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้รถใช้ถนนช่วงฤดูฝน การจัดงานสานศิลป์ถิ่นอาเซียน/การแข่งขันเรือใบนานาชาติ/การแข่งขันอาเซียนสกูลเกมส์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก การขับเคลื่อนระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) การแก้ไขปัญหา IUU และการปรับอันดับไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา การขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกผืนป่าและมาตรการจัดระเบียบสังคมและปรับภูมิทัศน์ การพัฒนาพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ความร่วมมือการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์อย่างครบวงจรผ่าน Call center 1212 การประกวดสิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยปฏิบัติงานด้านรังสี โครงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแรงงานไทย การสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานของรัฐบาลผ่านชุดคำพูด (Theme Message) และ Inforgraphics ให้กับประชาชน และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (กันยายน ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา การดำเนินการภายหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน การเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES ความคืบหน้าการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ของ ขสมก. ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) โครงการร่วมบริจาคหนังสือ เนื่องในวันปิยมหาราช การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารจัดการเรื่องการระบายข้าว การจัดทำ Application ทะเบียนนักจิตวิทยา สำหรับให้ประชาชนสืบค้นข้อมูล และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19862 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - กัมพูชา | คค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับลงนามวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ใบพิกัดเส้นทางบิน การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน อากาศยานเช่า เที่ยวบินเช่าเหมาลำ และการมีผลใช้บังคับ ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย-กัมพูชา ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฉบับลงนามวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19863 | ขอความเห็นชอบดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี - สำนักงานเขตคลองสาน - ประชาธิปก) | มท | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก) ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการรองรับการเดินทางจากการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรี และส่งเสริมการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยเชื่อมต่อระบบการเดินทางกับโครงการระบบขนส่งมวลชน ๓ เส้นทาง ได้แก่ (๑) รถไฟฟ้า BTS สายสีส้มและส่วนต่อขยาย (๒) รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และ (๓) รถไฟฟ้าสายสีแดง (หัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย) โดยให้กรุงเทพมหานครนำโครงการฯ เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพิจารณาความเหมาะสมของโครงการฯ เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ ๒ ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ประสานกระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมของโครงการฯ เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ ๒ ตามมติ คจร. โดยให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดรองและการปฏิรูปเส้นทางระบบรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครควบคู่กับการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าว นอกจากนี้ ให้กรุงเทพมหานครศึกษาเปรียบเทียบความเหมาะสมของรูปแบบการลงทุนระหว่างรัฐดำเนินการเองหรือการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน โดยกรณีที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯ ให้กรุงเทพมหานครปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมและการใช้ระบบตั๋วร่วมเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กรุงเทพมหานครดำเนินการออกแบบในรายละเอียดของโครงการฯ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รูปแบบการลงทุน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๗ [เรื่อง พื้นที่ที่ควรกำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดิน] ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19864 | ขอความเห็นชอบส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ เนื้อที่ 900 ไร่ ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ แปลงปลูกปี ๒๕๒๖ เนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ และแปลงปลูกปี ๒๕๒๒ เนื้อที่ ๘๐๐ ไร่ รวมเนื้อที่ ๙๐๐ ไร่ ให้กรมป่าไม้เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าว เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจต่อประชาชนที่มีความขัดแย้งในการดำเนินการของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาให้ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางแก้ปัญหาของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และดำเนินการช่วยเหลือตามกระบวนการที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนด รวมทั้งการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริงเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ในส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายหลังที่กรมป่าไม้ได้รับมอบพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนงานบูรณาการจัดการปัญหาที่ดินทำกิน ได้เสนอตั้งงบประมาณ จำนวน ๕๑,๕๒๔,๐๐๐ บาท หากไม่เพียงพอให้เสนอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๓. สำหรับการนำพื้นที่สวนป่าสมเด็จเพื่อนำไปจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ให้เป็นไปตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19865 | สรุปผลการหารือข้อราชการเรื่อง ความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดไทย - เมียนมาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือข้อราชการเรื่อง ความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดไทย-เมียนมา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การเข้าพบ พลโท จ่อ ส่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้หารือเกี่ยวกับโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย การขอความร่วมมือเมียนมาให้ช่วยสืบสวนจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่หลบหนีหมายจับเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในเมียนมา ๑๓ ราย การควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นมิให้เข้าสู่พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ๒. การเข้าพบ ดร.มิ้นท์ ทวย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายไทยได้แจ้งว่านายกรัฐมนตรียินดีดูแลแรงงานเมียนมาด้านสาธารณสุขให้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย รวมถึงไทยยินดีสนับสนุนการฝึกอบรม และวัสดุอุปกรณ์ให้กับงานสาธารณสุขตามแนวชายแดนเมียนมา ๓. การเข้าพบ พลโท เย อ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการชายแดน ได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาหมู่บ้านชายแดนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่เมืองสาด จังหวัดท่าขี้เหล็ก ซึ่งไทยสนับสนุนการดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือก ๖ ปี (๒๐๑๒-๒๐๑๘) รวมทั้งโครงการหมู่บ้านคู่ขนานทั้ง ๑๔ คู่ ๒๘ หมู่บ้าน มีกิจกรรมยาเสพติดร่วมด้วย โดยเน้นด้านการรณรงค์ป้องกัน การบำบัดรักษา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19866 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะเฮมพ์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม ๒ ฉบับ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะเฮมพ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การควบคุม และการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวกับเฮมพ์ (Hemp) เป็นการเฉพาะ อันเป็นการรองรับการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูงในอนาคต และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการปลูก การจำหน่าย การมีไว้ในครอบครอง และแปรสภาพเฮมพ์ (Hemp) ให้มีความเข้มงวดรัดกุมและป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ หรือในประเภท ๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ หรือในประเภท ๕ ให้มีความสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณากำหนดอายุในการเก็บเกี่ยวเฮมพ์ (Hemp) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบิทอล (Tetrahydro cannabinol, THC) ซึ่งเป็นสารเสพติดในปริมาณที่ต่ำกว่ากัญชา และปริมาณสาร THC จะขึ้นกับระยะเวลาเก็บเกี่ยว ถ้าเก็บในระยะออกดอกจะมีปริมาณเกินร้อยละ ๑ ตามที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณากำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลเฮมพ์ (Hemp) ให้เข้มงวดและรัดกุมและสอดคล้องกับนโยบายการควบคุมยาเสพติดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19867 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุได้พิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๙/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีที่ ๑ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่เคยได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถส่งมอบงานงวดสุดท้ายได้ทันภายใน ๑๕๐ วัน โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้จำนวน ๑๕๐ วัน ๑.๒ กรณีที่ ๒ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาจ้างก่อสร้างที่หน่วยงานได้ดำเนินการจัดจ้างถึงขั้นตอนการเสนอราคาแล้วก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึง ๒๒ เมษายน ๒๕๕๖ และได้ลงนามในสัญญาระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ ถึง ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (ซึ่งไม่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือไว้) โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้รวมเป็นจำนวน ๓๐๐ วัน ๑.๓ กรณีที่ ๓ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาจ้างก่อสร้างที่ได้ลงนามในช่วงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ ถึง ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยช่วยเหลือให้งดหรือลดค่าปรับให้จำนวน ๑๕๐ วัน ๑.๔ กรณีที่ ๔ เป็นการช่วยเหลือโดยเพิกถอนคำสั่งลงโทษเป็นผู้ทิ้งงานแก่ผู้ประกอบการก่อสร้างซึ่งไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทดังกล่าวไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือให้นำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวไปใช้ในการจัดจ้างก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย โดยอนุโลม ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีบริการขยายตลาดการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ไทยทำข้อเจรจาตกลงการค้าเสรี โดยมอบหมายให้สถาบันก่อสร้างแห่งประเทศไทยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ กำหนดแนวทางการพัฒนาแรงงานทั้งระดับบนและล่างให้มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านภาษาและฝีมือแรงงานให้ได้ตามมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพความสามารถผู้ประกอบการให้เข้มแข้งขึ้น และพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เหมาะสม รวมทั้งปรับปรุง แก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาธุรกิจก่อสร้างไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19868 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 30.00 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 170.00 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 25.10 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3126 สายแยกทางหลวงหมายเลข 3 - ทางเข้าท่าอากาศยานอู่ตะเภา ของกรมทางหลวง | คค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๓๑๒๖ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๓-ทางเข้าท่าอากาศยานอู่ตะเภา ตั้งแต่กิโลเมตร ๐+๐๐๐-กิโลเมตร ๓+๔๐๐ ระยะทาง ๓.๔๐๐ กิโลเมตร ในวงเงิน ๒๒๕,๑๐๔,๗๙๕ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๙๕,๑๐๔,๗๙๕ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงจะต้องดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้กรมทางหลวงดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และต่อรองราคาจนถึงที่สุด และหากมีงบประมาณเหลือจ่าย ขอให้นำส่งคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรกด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๓๑๒๖ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๓-ทางเข้าท่าอากาศยานอู่ตะเภา ของกรมทางหลวง ว่าเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เอกสารท้ายประกาศ ๓ ลำดับที่ ๒๐ ซึ่งหากต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้เสนอในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ และเร่งดำเนินการประกวดราคาให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19869 | ขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ในการบรรจุแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงาน | ปง | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) โดยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินใช้เงินจากกองทุนการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดจ้างลูกจ้างชั่วคราวเฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้เร่งดำเนินการบรรจุข้าราชการในอัตราที่ได้รับจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงกระบวนงานในการบริหารจัดการภายใน (Back Office) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และหากมีความจำเป็นต้องใช้ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นอาจพิจารณาใช้พนักงานราชการ หรือลูกจ้างทดแทนได้ รวมทั้งเห็นควรพิจารณาภาระงานและจำนวนอัตราลูกจ้างชั่วคราวที่จะจ้างให้เท่าที่จำเป็นและเหมาะสม โดยไม่เป็นภาระงบประมาณในงบรายจ่ายประจำด้านอื่น และกำหนดมาตรการเพื่อมิให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะการจ้างจากเงินนอกงบประมาณเป็นการบรรจุเป็นข้าราชการโดยใช้เงินงบประมาณในภายหลัง นอกจากนี้ เห็นควรเร่งดำเนินการบรรจุข้าราชการในอัตราที่ได้รับการจัดสรรให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และยกเลิกการจ้างลูกจ้างชั่วคราวจากเงินกองทุนการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตลอดจนการนำเงินนอกงบประมาณมาใช้จ้างลูกจ้างชั่วคราวไปพลางก่อนเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19870 | ขออนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนเพื่อการดำเนินการชดเชยผลกระทบด้านเสียงสืบเนื่องจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ [เรื่อง โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต (ปีงบประมาณ ๒๕๕๒-๒๕๕๖ งบประมาณประจำปี ๒๕๕๒ เพิ่มเติม ครั้งที่ ๗ และงบประมาณประจำปี ๒๕๕๓ เพิ่มเติม ครั้งที่ ๒) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] โดยให้เพิ่มกรอบวงเงินลงทุนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต จากจำนวน ๕,๗๙๑.๑๒๒ ล้านบาท เป็นจำนวน ๘,๘๖๑.๐๑๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓,๐๖๙.๘๙๕ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบด้านเสียงสืบเนื่องจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต โดยใช้งบประมาณจากเงินรายได้ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เร่งดำเนินการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบด้านเสียงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการอื่น ๆ ที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์รายละเอียดการชดเชยดังกล่าวให้ชัดเจน และให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ให้พิจารณาลำดับความเร่งด่วนตามความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ต่อประชาชนให้เกิดความมั่นใจ เพื่อช่วยลดความขัดแย้งและการต่อต้านในการดำเนินโครงการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรเวลาเข้า-ออก (Slot) ของอากาศยานในแต่ละท่าอากาศยานภายในประเทศให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและผู้ประกอบการทุกฝ่าย โดยเฉพาะในท่าอากาศยานหลักที่มีความต้องการเที่ยวบินจำนวนมาก เช่น ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อให้ท่าอากาศยานภายในประเทศสามารถให้บริการและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างเต็มศักยภาพและสอดรับกับอุตสาหกรรมการบินที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19871 | แนวทางการนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด | นร09 | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติทั้ง ๓ ข้อ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) และให้ส่วนราชการถือเป็นแนวปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ๒. มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะนำที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไปใช้ประโยชน์ตรวจสอบที่ดินในเบื้องต้นตามแนวทางความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เพื่อเสนอแผนงานหรือโครงการให้คณะกรรมการระดับชาติซึ่งนายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งตามมาตรา ๑๑ (๖) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ เพื่อพิจารณาแผนงานหรือโครงการของแต่ละหน่วยงาน และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการเสนอเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ๓. อนุมัติหลักการในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกร่างกฎหมายตามแนวทางดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19872 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 | ทส | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ และการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย การดำเนินการของคณะผู้แทนไทยในการหารือร่วมกับกรรมการมรดกโลก ศูนย์มรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และรัฐภาคี และข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ที่เกี่ยวข้องกับไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ที่ขอให้ไทยยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าโครงการขยายทางหลวงหมายเลข ๓๔๘ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ นั้น จะส่งผลให้กระทรวงคมนาคมโดยกรมทางหลวงไม่สามารถดำเนินการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19873 | กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติดำเนินการรายการงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ไม่สามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 จำนวน 2 รายการ | นร | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมประชาสัมพันธ์ขยายระยะเวลาการดำเนินการและการลงนามในสัญญา รายการงบประมาณรายจ่ายงบลงทุน จำนวน ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) รายการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ระบบเอฟเอ็ม เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑ ระบบ วงเงิน ๒๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ระบบเอฟเอ็ม ขนาดกำลังส่ง ๕ กิโลวัตต์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ๑ แห่ง วงเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรวางแผนจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อใช้ทดแทนระบบเดิมที่ล้าสมัยให้สอดคล้องกับมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19874 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวจารุนันท์ สุทธิประภา) | นร11 | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจารุนันท์ สุทธิประภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19875 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ | คค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เกี่ยวกับเรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอแผนบูรณาการมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ แบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๕ แผนงาน ได้แก่ (๑) สำรวจจัดทำแผนที่ฐานข้อมูลสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำแม่น้ำทั่วประเทศ (๒) การแก้ไขสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำที่ไม่ได้รับอนุญาต (๓) การป้องกันการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำโดยผิดกฎหมาย (๔) การปรับปรุงและแก้ไขกฎหมาย และ (๕) การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ซึ่งการดำเนินงานตามแผนงานนี้จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทยติดตามการดำเนินงานและความคืบหน้าต่อไปเป็นระยะ ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19876 | โครงการสานพลังประชารัฐ - การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ | กค | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (บรืษัท เอสซีจี) เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้กับชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบันที่ประชาชนเข้ามาบุกรุกและสร้างเป็นที่พักอาศัยอย่างหนาแน่นในลักษณะชุมชนแออัด ทำให้สภาพแวดล้อมในบริเวณดังกล่าวมีความเสื่อมโทรม ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถขอทะเบียนราษฎร์และไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐได้ รวมทั้งทางเข้า-ออกที่ชุมชนใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่ได้ขออนุญาตการใช้อย่างถูกต้องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเสนอขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นโครงการต้นแบบที่ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนโยบายประชารัฐ โดยขอความร่วมมือจาก รฟท. ในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อเป็นทางเข้า-ออก และพื้นที่จอดรถของโครงการดังกล่าว และขอให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนให้การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานไปในทิศทางเดียวกัน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการภายใต้โครงการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะต้องป้องกันมิให้เกิดปัญหาการบุกรุกในพื้นที่ ข้อขัดแย้ง การร้องเรียน และการกระทำที่ผิดกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการออกแบบทางเข้า-ออก และสถานที่จอดรถของโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ของ รฟท. ตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19877 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันอุดมศึกษา รวม 14 ฉบับ | ศธ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๖ ฉบับ ไปชี้แจงเหตุผลความจำเป็นที่ไม่สามารถดำเนินการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาก่อนเปิดการสอนในสาขาวิชา และความจำเป็นในการขอให้ร่างพระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับย้อนหลัง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยประจำตำแหน่ง ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ. .... ๒.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. .... ๒.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. .... ๓. ให้รวบรวมร่างพระราชกฤษฎีกาที่มีความจำเป็นจะต้องเสนอภายหลังเปิดการสอนในสาขาวิชาและมีความจำเป็นจะต้องกำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับย้อนหลังที่ยังค้างการดำเนินการ แล้วเสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการยึดถือแนวปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. ....) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] อย่างเคร่งครัดด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการแจ้งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยสวนดุสิตไปดำเนินการออกเป็นประกาศของมหาวิทยาลัยในการกำหนดสาขาวิชาตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19878 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยจะดำเนินการจัดทำหลักสูตรการศึกษาระดับพื้นฐานวิชาชีพ และวิชาชีพชั้นสูง ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การจัดการศึกษาสอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะวิชาเฉพาะของสถาบัน โดยคำนึงถึงมาตรฐานการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการด้วย และจะกำหนดคุณวุฒิทางการศึกษาแต่ละระดับให้มีศักดิ์และสิทธิ์ในวุฒิการศึกษานั้น ๆ เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น โอนย้ายสถานศึกษา หรือเทียบโอนผลการเรียนได้ ทั้งนี้ จะดำเนินการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รับรองหลักสูตรต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19879 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมหนานหนิงในการประชุมระดับรัฐมนตรี China - ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ 5 | กษ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมหนานหนิง (Nanning Joint Statement) สำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-จีน China-ASEAN Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างกัน การตระหนักถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (ASEAN-China MOU on SPS) และผลักดันให้นำแผนปฏิบัติการภายใต้ MOU ไปปฏิบัติใช้เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้าน SPS ที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยไม่มีการลงนาม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19880 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 52/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 7 | สลธ.คสช. | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๒/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗ สั่ง ณ วันที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
.....