ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 992 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 19821 - 19840 จากข้อมูลทั้งหมด 124285 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19821 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงินงบประมาณ ๒,๗๗๖,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว ๒,๓๗๖,๐๐๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๕.๕๙ ๒. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี วงเงินงบประมาณ ๓๐๗,๙๓๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๒๑๕,๕๑๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๙.๙๙ ๓. นโยบายสำคัญของรัฐบาล ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน และโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ วงเงินงบประมาณ ๑๔๙,๒๒๕ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๒๘,๕๒๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๑๓ ๔. เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) วงเงินงบประมาณ ๒๙๑,๓๔๙ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๒๔,๑๐๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๒.๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19822 | รายงานผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม United Nations Peacekeeping Defence Ministerial Meeting ณ สหราชอาณาจักร | กห | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม United Nations Peacekeeping Defence Ministerial Meeting ณ สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ กันยายน ๒๕๕๙ ณ สหราชอาณาจักร โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ติดตามพัฒนาการตามที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ ได้ให้คำมั่นในการประชุมสุดยอดด้านการรักษาสันติภาพในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ และเปิดโอกาสให้ประเทศที่ยังไม่ได้ให้คำมั่นเพิ่มเติม รวมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพด้านการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ เช่น การพัฒนารูปแบบการฝึก การประกอบกำลัง การฝึกก่อนการเข้าวางกำลัง เป็นต้น รวมถึงการป้องกันและตอบสนองต่อปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ โดยที่ประชุมฯ ตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมของกองกำลังทั้งทหารและตำรวจให้สามารถเคลื่อนย้ายไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพได้อย่างรวดเร็วและฉับพลัน ตลอดจนตระหนักถึงการเพิ่มบทบาทของสตรีในการรักษาสันติภาพในกรอบสหประชาชาติ นอกจากนี้ ไทยได้สนับสนุนเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีสนับสนุนส่งเสริมบทบาทของสตรีในมิติสันติภาพและความมั่นคง การส่งเสริมความรับผิดชอบและประสิทธิภาพของกองกำลังรักษาสันติภาพในภาพรวม ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือทวิภาคีกับมิตรประเทศที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีกับนายไมเคิล ฟอลลอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือด้านการศึกษา รวมถึงได้มีการหารือในประเด็นอื่น ๆ เช่น การปฏิบัติการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติ และ (๒) การหารือทวิภาคีกับพลโทอาวุโส เหงียน จี๋ หวิ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนการเยือน การประชุมหารือทวิภาคีด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงกลาโหมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19823 | รายงานผลการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและ การบรรเทาภัยพิบัติ | กห | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016) ระหว่างวันที่ ๑-๑๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ใกล้เคียง และกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย กำลังทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ ศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในภูมิภาค และสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งสิ้น ๒,๐๔๙ นาย ๒. กิจกรรมที่สำคัญในระหว่างการฝึกฯ ได้แก่ (๑) การฝึกประกอบกำลัง (Force Integration Training : FIT) (๒) การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise : CPX) (๓) การฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX) (๔) โครงการเพื่อสาธารณประโยชน์ (Humanitarian Civic Action : HCA) และ (๕) การประเมินผลการฝึก (After Action Review : AAR) ๓. ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกร่วมฯ (๑) สร้างความเชื่อมั่นถึงขีดความสามารถและศักยภาพทางทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ทหารและการช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และทันเวลาเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติ (๒) สะท้อนภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศไทยในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (๓) แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมการฝึกในด้านการแพทย์ทหารและด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และ (๔) สร้างความคุ้นเคยและความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรในสายงานด้านการแพทย์ทหารและด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19824 | การจัดทำสัตยาบันสารความตกลงปารีส | ทส | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส และให้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป เพื่อให้ทันก่อนการประชุม High-level Event on the Entry into Force of the Paris Agreement เพื่อให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลสามารถประกาศเจตนารมณ์ในการให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสในการประชุมดังกล่าว ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ ๒๑ เพื่อแสดงการมีส่วนร่วมกับประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและส่งมอบสัตยาบันสารความตกลงปารีส ต่อเลขาธิการสหประชาชาติในฐานะผู้เก็บรักษาเอกสาร ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19825 | มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น | กค | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ อปท. นำเงินสะสมมาใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ได้แก่ มาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและ อปท. (Matching Fund) และมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณที่ใช้ดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินสะสมของ อปท. เป็นลำดับแรกตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี และให้ อปท. พิจารณาแผนความต้องการ/ความจำเป็นเร่งด่วน ความพร้อมและรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่ชัดเจนของ อปท. จำนวน ๗,๘๕๑ แห่งก่อน โดยรายการดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการ/รายการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับหลักการกระจายงบประมาณอย่างแท้จริง และหากแผนความต้องการของ อปท. มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการตามมาตรการฯ เกินกว่าเงินสะสมของ อปท. ที่มีอยู่ และไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้ อปท. ในลักษณะของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจตามประเภทและขนาดของ อปท. ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และมีบัญชาเพิ่มเติม “หลักการใช้งบประมาณของ อปท. ก่อน ไม่พอของบกลาง จัดทำแผนงานให้ละเอียด ขั้นต้น สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท (Matching Fund)” ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นควรให้ อปท. ที่มีเงินสะสมไม่เพียงพอสามารถใช้งบประมาณจากข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาสมทบได้ และให้ อปท. จัดทำโครงการและเสนอขอความเห็นชอบโครงการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ และรีบก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สำหรับกรณีข้อเสนอที่จะให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์หรือสิ่งจูงใจให้ อปท. นำเงินสะสมมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ นั้น ควรหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเงื่อนไข/วิธีการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งคำนึงถึง อปท. ขนาดเล็กที่อาจจะไม่มีเงินสะสมเพียงพอที่จะร่วมทุน เพื่อให้เกิดความทั่วถึงในการดำเนินโครงการ และเห็นควรให้จังหวัดเป็นผู้พิจารณาและอนุมัติโครงการ เพื่อให้ อปท. สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการและเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติในการดำเนินมาตรการฯ ให้ชัดเจน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการฯ และประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19826 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (จำนวน 4 ราย 1. นายสมนึก บำรุงสาลี ฯลฯ) | พน | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ทุกราย ทั้งนี้ ให้ทำงานต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลด้วย ได้แก่ ๑.๑ นายสมนึก บำรุงสาลี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๒ นางบุญบันดาล ยุวนะศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ๑.๔ นายธรรมยศ ศรีช่วย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19827 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 5 ราย 1. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ฯลฯ) | ทส | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ๓. นายสากล ฐินะกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. นายเสริมยศ สมมั่น ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19828 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ | นร04 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๙ จำนวน ๔ ราย (ลำดับที่ ๑-๔) และในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ จำนวน ๒ ราย (ลำดับที่ ๕-๖) ให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอีกหนึ่งวาระ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ๒. นายธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๓. พลเอก เจริญ นพสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ๔. พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๕. นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๖. นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19829 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | นร04 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นไปตามลำดับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์) ๑.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ทั้งนี้ ให้การรักษาราชการแทนดังกล่าวครอบคลุมถึงการรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้วด้วย ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19830 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 30 ราย 1. นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ฯลฯ) | มท | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓๐ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายโชคชัย เดชอมรธัญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดภูเก็ต สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายวิศิษฐ คูรัตนเวช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสมฤกษ์ บัวใหญ่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางสายพิรุณ น้อยศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายไพศาล วิมลรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดน่าน สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายณรงค์ศักดิ์ เฉลิมเกียรติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพะเยา สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิจิตร สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๐. นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๑. นายวัฒนา พุฒิชาติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแพร่ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๒. นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๓. นายวีระชัย ภู่เพียงใจ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำพูน สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๔. นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๕. นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบึงกาฬ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๖. นายเสน่ห์ นนทะโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๗. นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๘. นายคุมพล บรรเทาทุกข์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเลย สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๙. นายวิทยา จันทร์ฉลอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสกลนคร สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๐. นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนองบัวลำภู สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๑. นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๒. นายณรงค์ พลละเอียด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชุมพร สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๓. นายศิริพัฒ พัฒกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดตรัง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๔. นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปัตตานี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๕. นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระนอง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๖. นายอวยชัย อินทร์นาค ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๗. นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชัยนาท สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๘. นายประดิษฐ์ ยมานันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครนายก สำนักงานปลัดกระทรวง ๒๙. นายคันฉัตร ตันเสถียร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานปลัดกระทรวง ๓๐. นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสระแก้ว สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19831 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพิ่มเติม | นร07 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ กรณีที่มีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้ภายในกำหนดดังกล่าว ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี หรือสำนักงบประมาณเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณแล้วแต่กรณีตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19832 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 55/2559 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร | สลธ.คสช. | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๕/๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร สั่ง ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19833 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายธวัชชัย ฤทธากรณ์ และ นายวิม ยาหิรัญ) | นร06 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายธวัชชัย ฤทธากรณ์ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๒. นายวิม ยาหิรัญ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19834 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรเลย) | กค | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินศุลกากรเลย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สนามบินเลย จังหวัดเลย เป็นสนามบินศุลกากร เพื่อให้เป็นที่สำหรับนำของเข้าหรือส่งของออก หรือสำหรับส่งของออกซึ่งของที่ขอคืนอากรขาเข้า หรือของที่มีทัณฑ์บนทุกประเภท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19835 | การประชุมคณะรัฐมนตรี (วันอังคารที่ 20 กันยายน 2559) | นร | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๑ (71st Session of the United Nations General Assembly : UNGA 71) ณ สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๕ กันยายน ๒๕๕๙ ดังนั้น การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19836 | การจัดทำสัตยาบันสารความตกลงปารีส (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งให้เสนอความตกลงปารีสต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เสนอความตกลงดังกล่าวไปเพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไปแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19837 | การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | พน | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรื่อง ความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มีการแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว โดยไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ๓. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานสามารถดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19838 | การพิจารณาอนุมัติให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเลขาธิการ กปร. (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) | กร | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดนุชา สินธวานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19839 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (จำนวน 4 ราย 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ๒. นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ๓. นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายวิชัย โภชนกิจ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19840 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ 17 และร่างปฏิญญาเกาะมาร์การิตา | กต | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารสุดท้าย (Draft Final Document) ของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งเป็นเอกสารที่ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ดำเนินการเจรจาและจัดทำร่างเอกสาร เพื่อเสนอให้ที่ประชุมสุดยอดฯ พิจารณา มีสาระสำคัญเน้นให้ประเทศสมาชิกยึดมั่นพันธกิจและวัตถุประสงค์ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาเกาะมาร์การิตา (Draft Declaration of the Island of Margarita) ซึ่งเป็นเอกสารที่คณะผู้แทนถาวรเวเนซุเอลาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เสนอให้ที่ประชุมสุดยอดฯ พิจารณารับรอง มีสาระสำคัญเป็นการย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้ความสำคัญ เช่น การเคารพในอำนาจอธิปไตย สิทธิการกำหนดใจตนเองของประชาชน การระงับกรณีพิพาทโดยสันติ การงดเว้นจากการคุกคามและใช้กำลัง การพัฒนาที่ยั่งยืน การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองร่างเอกสารสุดท้ายฯ และร่างปฏิญญาเกาะมาร์การิตา ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารสุดท้ายฯ และร่างปฏิญญาเกาะมาร์การิตา ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
.....