ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 999 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 19961 - 19980 จากข้อมูลทั้งหมด 124285 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19961 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ และขอพระราชทานโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการพ้นจากราชการเพราะครบเกษียณอายุราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายสุจิต จงประเสริฐ) | มท | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุจิต จงประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19962 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสินเงิน สุขสมปอง) | สธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสินเงิน สุขสมปอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) กลุ่มพัฒนาวิชาการ โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19963 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงชื่อคณะกรรมการ จากเดิม “คณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ” เป็น “คณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ” แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ และกำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ปรับแก้ข้อความในร่างมาตรา ๑๖ เป็น “การบัญชีของศูนย์ ให้จัดทำตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐ และการพัสดุขององค์การมหาชน ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ...” เพื่อให้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19964 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สายงานวิชาการสหกรณ์ เป็นสายงานที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิเพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยให้แก้ไขบันทึกหลักการและเหตุผลของร่างกฎ ก.พ. นี้ โดยเทียบเคียงกับร่างกฎ ก.พ. ที่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว เพื่อให้มีสาระสำคัญทำนองเดียวกันเป็นไปโดยสอดคล้องกัน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรศึกษาลักษณะการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญในทำนองเดียวกันให้ครอบคลุมในสายงานอื่นของตำแหน่งประเภทวิชาการเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19965 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือเกาะสมุย เขตจอดเรือเกาะสมุย และเขตควบคุมการเดินเรือเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | คค | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือเกาะสมุย เขตจอดเรือเกาะสมุย และเขตควบคุมการเดินเรือเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดเขตจอดเรือเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๘ และกำหนดเขตท่าเรือ เขตจอดเรือ และเขตควบคุมการเดินเรือ บริเวณเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นใหม่ โดยให้เป็นไปตามพิกัดอ้างอิงในระบบแผนที่ที่กรมเจ้าท่าใช้อยู่ในปัจจุบัน (WGS84) เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรมการขนส่งทางน้ำที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับกรณีการกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตท่าเรือ เขตจอดเรือ และเขตควบคุมการเดินเรือ ควรหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น แหล่งหญ้าทะเล ปะการัง เป็นต้น ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ) อย่างเคร่งครัด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎกระทรวงฯ รวมทั้งควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อมีการบังคับใช้กฎกระทรวงฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19966 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่ให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมและจัดลำดับการโอนหุ้นที่กระทรวงการคลังถือในรัฐวิสาหกิจที่เปลี่ยนสภาพทุนเป็นหุ้นในรูปแบบของบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ และให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและมีหน้าที่กำกับดูแลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติและรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจภายใต้บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต้องมีคุณสมบัติสามารถดำรงตำแหน่งจนครบวาระที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในร่างมาตรา ๕๔ เกี่ยวกับคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ของการให้บริการสาธารณะที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจในการเป็นกลไกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19967 | ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยเขตเศรษฐกิจพิเศษ และร่างพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยปรับปรุงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เช่น องค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ การกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อำนาจในการอนุมัติ อนุญาต จดทะเบียนหรือรับแจ้งตามกฎหมายต่าง ๆ เช่น กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ รวมทั้งการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวควรที่จะพิจารณาถึงความมั่นคงและประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญด้วย จึงสมควรพิจารณาในรายละเอียดให้รอบคอบในชั้นการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้การทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการสร้างความรับรู้เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจถูกต้องตรงกัน และรับความเห็นของฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19968 | การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ....) | นร09 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมทั้งการจัดทำแผนเกี่ยวกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมและประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้สิทธิและประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพิ่มเติมหลักการเกี่ยวกับการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน กรณีได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในประมวลรัษฎากรตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในร่างพระราชบัญญัตินี้ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงการคลังประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้เร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับทุนประเดิมและเงินอุดหนุนที่จะขอรับจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามภารกิจของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวยังคงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันในมิติอื่น ๆ เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบภาครัฐ และการยกระดับระบบการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม การปรับระบบวิจัยและพัฒนาสำหรับรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรม เป็นต้น อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของกองทุนในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19969 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนอันจะเป็นการจูงใจในการเข้ามาลงทุน และเพื่อให้การดำเนินงานส่งเสริมการลงทุนมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพิ่มเติมหลักการเกี่ยวกับการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในประมวลรัษฎากรตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในร่างพระราชบัญญัตินี้ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจในวงกว้าง เพื่อให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชนทราบและใช้ประโยชน์ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19970 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. .... | นร09 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลังที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตทั้งระบบเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เกิดความสะดวกในการใช้ทั้งแก่ประชาชนผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและส่วนราชการผู้ปฏิบัติงาน และให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรเพิ่มประเด็นให้สามารถเก็บภาษีสรรพสามิตก๊าซ LPG ภาคขนส่งที่หัวจ่ายได้ ในร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งควรมีการทบทวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ในบางประเด็น เพื่อให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายฉบับอื่นที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกันไปพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19971 | ร่างพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและเป็นไปตามมาตรฐานสากลสำหรับมาตรการสุขอนามัยพืช ISPM No.5 (International Standards for Phytosanitary Measures) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการพิจารณาปรับถ้อยคำร่างพระราชบัญญัติฯ ในบางมาตราให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19972 | บันทึกความเข้าใจโครงการจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงในปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา | กต | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงในปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์จากการค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา ให้การบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เคราะห์ร้ายก่อนกลับเข้าสู่สังคม ผ่านการฝึกเพื่อเสริมทักษะ และอบรมด้านอาชีพ ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี โดยมีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฝ่ายไทย โดยรัฐบาลไทยจะให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างอาคารศูนย์ฯ พัฒนาบุคลากรกัมพูชา และสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน ส่วนรัฐบาลกัมพูชาจะอำนวยความสะดวกในการเข้าไปปฏิบัติงานภายใต้โครงการของบุคลากรฝ่ายไทย รวมทั้งยกเว้นภาษีและอากรต่าง ๆ ในการนำเครื่องมือและวัสดุเข้า-ออก สำหรับการก่อสร้างและการปฏิบัติงานภายใต้โครงการฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีส่วนร่วมภายใต้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองในปัจจุบัน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินภารกิจดังกล่าว ภายในวงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการเงินอุดหนุนการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ในวงเงิน ๒๑,๔๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือวงเงิน ๒๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี แล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19973 | ขอความเห็นชอบท่าทีของฝ่ายไทยในการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 24 | กต | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบท่าทีของไทยกับฝ่ายมาเลเซียในการประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย (Joint Thailand-Malaysia Land Boundary Committee : LBC) ครั้งที่ ๒๔ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงและดำเนินการร่วมกันไว้แล้ว เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ การดำเนินการเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาเกี่ยวกับเขตแดนระหว่างทั้งสองฝ่าย และการบริหารจัดการชายแดน ๑.๒ เห็นชอบให้ LBC (ฝ่ายไทย) เจรจากับฝ่ายมาเลเซียบนพื้นฐานของท่าทีของไทยกับฝ่ายมาเลเซียในการประชุม LBC ครั้งที่ ๒๔ และจัดทำบันทึกการประชุม LBC ครั้งที่ ๒๔ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากการประชุม LBC จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ หรือหนังสือสัญญานั้นมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19974 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายการโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ขนาด 400 เตียง ส่วนขยายเพิ่มเติมการให้บริการทางการแพทย์ ระยะที่ 1 | ศธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด ๔๐๐ เตียง ส่วนขยายเพิ่มเติมการให้บริการทางการแพทย์ ระยะที่ ๑ จำนวน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปเป็นรายการค่าออกแบบก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด ๔๐๐ เตียง ส่วนขยายเพิ่มเติมการให้บริการทางการแพทย์ ระยะที่ ๑ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายเพื่อการดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโอนงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับแผนงานพัฒนาด้านสาธารณสุข ผลผลิตที่ ๑ ผลงานการให้บริการรักษาพยาบาลและส่งเสริมสุขภาพเพื่อการศึกษาไปเป็นของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตามนัยของพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ และขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณในคราวเดียวกันด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19975 | ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข | สธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายอัตราเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับจูงใจบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลหรือทุรกันดาร โดยการปรับปรุงค่าตอบแทนและอัตราจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข ใช้วงเงิน ๙,๘๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๔๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔.๒๕ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขทำความตกลงในรายละเอียดของหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขกับกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้มีการติดตามและประเมินผลกระทบของระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและรอบด้าน โดยพิจารณาร่วมกับมาตรการสร้างแรงจูงใจอื่นที่ไม่เป็นตัวเงิน และคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ให้บริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสังกัดอื่นด้วย สำหรับงบประมาณให้ใช้เงินบำรุงของหน่วยบริการก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณ รวมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลว่าการปรับปรุงค่าตอบแทนสามารถเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. โดยที่การปรับปรุงค่าตอบแทนและอัตราการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้ ไม่รวมถึงบุคลากรด้านสาธารณสุขในสังกัดหน่วยงานอื่น (เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและเป็นธรรมในการกำหนดค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขทั้งระบบ จึงให้กระทรวงสาธารณสุขส่งหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ได้ตกลงกับกระทรวงการคลังแล้ว (ตามข้อ ๑) ให้คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19976 | การกำหนดมาตรฐานการดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ที่พ้นจากราชการ | นร10 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีมาตรฐานการดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ที่พ้นจากราชการไปแล้วในราชการฝ่ายพลเรือน ประกอบด้วย (๑) กรณีการดำเนินการทางวินัยตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความผิด (๒) กรณีที่หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ที่พ้นจากราชการเอง และให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลดำเนินการแก้ไขกฎหมายของตนตามมาตรฐานดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง และสำนักบริหารงานบุคคล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่เห็นควรปรับปรุงข้อความในร่างแก้ไขมาตรา ๑๐๐ บางประการ เพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมทั้งไม่ควรนำการดำเนินการทางวินัยมาใช้กับกรณีผู้ที่พ้นจากราชการถูกฟ้องคดีอาญาเพราะการถูกฟ้องคดีอาญาอาจเป็นข้อหาที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการก็ได้ จึงควรดำเนินการคดีอาญาก่อนพ้นจากราชการเท่านั้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19977 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อรองรับการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2559 | ปง | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการออกกฎหมายและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกรมสรรพากร ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ของกระทรวงการคลัง และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ของสำนักงาน ปปง. ๑.๒ ให้กรมการปกครองประกาศกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดความเสี่ยงขององค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการกระทำความผิดด้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การกำกับดูแล และมาตรการลงโทษในกรณีฝ่าฝืน ๑.๓ ให้สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความร่วมมือแก่สำนักงาน ปปง. พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับขององค์กรให้ครอบคลุมมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ๒. ให้สำนักงาน ปปง. ขอความร่วมมือสภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ในการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับขององค์กรให้ครอบคลุมมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19978 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริม ชุมชนเข้มแข็ง และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษากฎหมายสวัสดิการชุมชน และพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนสวัสดิการชุมชน ยกร่างยุทธศาสตร์และศึกษากฎหมายสวัสดิการชุมชน ยกร่างยุทธศาสตร์สวัสดิการชุมชน และดำเนินการศึกษาและพิจารณาให้มีพระราชบัญญัติสวัสดิการชุมชน พ.ศ. .... หรือปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ รวมทั้งข้อกำหนดและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดสวัสดิการชุมชน ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ยกร่างยุทธศาสตร์สวัสดิการชุมชน (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบล พ.ศ. .... ขึ้น เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาทิ การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ควรสอดคล้องกับร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ที่ได้อัญเชิญ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง การยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายแรงงานกับองค์กรและลูกจ้างที่เกิดขึ้นตามมาตรา ๖ ของร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบล พ.ศ. .... จะทำให้ลูกจ้างซึ่งอาจเป็นลูกหลานของคนในชุมชนเองถูกตัดสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานซึ่งเป็นกรณีที่สวนทางกับเจตนารมณ์ของการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ การเพิ่มเติมผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบลระดับชาติ การพิจารณาความซ้ำซ้อนของกฎหมาย และคำนึงถึงงบประมาณ ความคุ้มค่าของภารกิจ รวมทั้งตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมายตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19979 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 | สลธ.คสช. | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ อาทิ (๑) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการประสานการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (๒) ความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการปลูกจิตสำนึกเยาวชนผ่านกลไกการศึกษาด้วยหลักสูตร "โตไปไม่โกง" (๓) ความก้าวหน้าการดำเนินงานเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ "ภาษีไปไหน" และระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ รวมทั้งแผนขยายผลและการพัฒนาระบบดังกล่าว (๔) ผลการดำเนินงานด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ในการอบรมครูเพื่อขยายผลหลักสูตร "โตไปไม่โกง" (๕) ผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริตในเรื่องต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (๖) เห็นชอบในหลักการให้นำระบบมาตรฐานรหัสต้นทุนก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๕ ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยมาประยุกต์ใช้กับการจัดทำฐานข้อมูลราคากลางงานก่อสร้างภาครัฐ และได้สั่งการให้อธิบดีกรมบัญชีกลางนำไปศึกษาและประยุกต์ใช้ในการจัดทำฐานข้อมูลการจัดทำราคากลางงานก่อสร้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติและข้อสั่งการของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดกลุ่มและจัดลำดับความเร่งด่วนในการดำเนินงาน โดยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการพัฒนากลไกทุกระดับรองรับการดำเนินงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป การสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในทุกภาคส่วนต้องใช้ระยะเวลาและต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นโทษของการทุจริตและให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน รวมทั้งการพัฒนากระบวนการให้บริการภาครัฐตามคู่มือประชาชน ควรได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ เพื่อให้ทุกส่วนราชการร่วมเป็นเครือข่ายในการดำเนินการสร้างระบบงานบริการที่โปร่งใส ซึ่งจะเป็นกลไกการป้องกันการทุจริตให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง และยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19980 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8 (The 8th Economic Corridor Forum: ECF - 8) ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา | นร11 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๘ (The 8th Economic Corridors Forum : ECF-8) ระหว่างวันที่ ๓-๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีสาระสำคัญ อาทิ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) การทบทวนแผนการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจใน GMS การเพิ่มประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในการอำนวยความสะดวกทางการค้าและขนส่ง และความร่วมมือข้ามพรมแดนตามแนวระเบียงเศรษฐกิจในแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน GMS ทั้งนี้ การประชุม ECF-9 กำหนดจัดขึ้นในปี ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ แนวทางการดำเนินการต่อไป ๑.๒.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งและการค้าใน GMS โดยเฉพาะการดำเนินการภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ๑.๒.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการดำเนินงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๒.๓ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทยผลักดันการดำเนินงานพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจโดยเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในระดับท้องถิ่นในการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจต่อไป ๒. ให้เร่งขับเคลื่อนเรื่องที่มีความพร้อมทั้งในด้านแผนงาน โครงการ งบประมาณ หรือความร่วมมือต่าง ๆ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
.....