ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 117 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2321 - 2340 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2321 | ขออนุมัติแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2559 | สธ | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติในระยะ 10 ปี ตั้ง แต่ พ.ศ. 2550-2559 เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายและทิศทางในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกำลังคนด้านสุขภาพ โดยในชั้นต้นให้ใช้งบประมาณจากงบดำเนินงานปกติของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประชุมคณะ กรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ ให้เสนอขออนุมัติ ตามแผนปฏิบัติการในแต่และยุทธศาสตร์ต่อไป และให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติตามกล ยุทธ์ 1 ในยุทธศาสตร์ 1 สร้างและพัฒนากลไกในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์กำลังคนด้านสุขภาพแห่ง ชาติที่สอดคล้องกับระบบสุขภาพของประเทศ เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะในระดับนโยบายเกี่ยวกับกำลังคนด้าน สุขภาพในภาพรวมของประเทศ รวมทั้งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและผลักดันการดำเนินงานตามแผนยุทธ ศาสตร์ทศวรรษกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติที่ได้รับอนุมัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับ ความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติที่ เห็นว่า ในหลักการของแผนยุทธศาสตร์ ฯ ควรคำนึงถึงกำลังคนด้านสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ และแผน ยุทธศาสตร์ปรับขนาดกำลังคนภาครัฐด้วย ส่วนการกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ แห่งชาติควรกำหนดตามหลักการของพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 โดยมอบให้กระทรวงการ คลังดำเนินการตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ฯ ต่อไป และข้อสังเกตของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ลำดับที่ 23 ยังไม่ครอบคลุมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2322 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตให้ใช้อาคารเพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ ประเภทและระบบความปลอดภัยของโรงมหรสพ และอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการอนุญาตให้ใช้อาคารเพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ พ.ศ. .... | นร | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการ
อนุญาตให้ใช้อาคารเพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ ประเภทและระบบความปลอดภัยของโรงมหรสพ และอัตรา ค่าธรรมเนียมสำหรับการอนุญาตให้ใช้อาคารเพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มี สาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ใช้อาคารเพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ รวมทั้งกำหนด ประเภทของโรงมหรสพ ระบบความปลอดภัย การป้องกันอันตราย และระยะห่างของสิ่งของหรือส่วนต่าง ๆ ภายในและภายนอกอาคารที่ใช้เป็นโรงมหรสพ และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการอนุญาตให้ใช้อาคาร เพื่อประกอบกิจการโรงมหรสพ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะ กรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 7) ที่เห็นควรพิจารณาให้มีกฎกระทรวงกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและ อุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบของอาคารโรงมหรสพเป็นการเฉพาะ โดยอาจยกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่หรือแก้ ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ฯ ให้ครอบคลุมถึงอาคารโรงมหรสพ เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มี หลักเกณฑ์สำหรับการพิจารณาอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงมหรสพที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2323 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยประชาอุทิศ 90 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยประชาอุทิศ 90 เป็นกรณีที่มีความ จำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอย ประชาอุทิศ 90 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มี อำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และ ทางหลวงสัมปทาน ส่วนร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวง เทศบาล อาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2324 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนศรีนครินทร์ ตอนแยกศรีพัฒน์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนศรีนครินทร์ ตอนแยกศรีพัฒน์ เป็น กรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงเทศ บาล สายถนนศรีนครินทร์ ตอนแยกศรีพัฒน์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้ รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรีที่เห็นว่า ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทาง หลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวง ชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ส่วนร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ที่กระทรวงมหาดไทย เสนอใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล อาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2325 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหล โยธิน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทาง หลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้ เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และให้ส่งคณะ กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระ ราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่น ดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ส่วนร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ที่กระทรวง มหาดไทยเสนอใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล อาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2326 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยรัชดาภิเษก 32 กับถนนลาดพร้าววังหิน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยรัชดาภิเษก 32 กับถนนลาดพร้าววังหิน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริม ทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยรัชดาภิเษก 32 กับถนนลาดพร้าววังหิน เป็น กรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติ ทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ส่วน ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล อาจไม่สอดคล้อง กับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2327 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนเชิดวุฒากาศ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 24/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดิน สายถนนเชิดวุฒากาศ เป็นกรณีที่มีความจำเป็น โดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนเชิด วุฒากาศ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจ เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ตามมาตรา 6 แห่งพระ ราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวง สัมปทาน ส่วนร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล อาจ ไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2328 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการด้านสถานะบุคคลของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย | สสป | 18/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการด้านสถานะบุคคลของ กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย และเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอผลการพิจารณา ผลการดำเนิน การของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ รวม ทั้งความเห็นและข้อเสนอเพิ่มเติม สรุปได้ดังนี้ การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ ไม่มีสถานะทางกฎหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 และให้จัดทำแผนปฏิบัติการ (Roadmap) เพื่อเป็นแนวทางให้มีความชัดเจน รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคส่วนต่าง ๆ และองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมสนับ สนุนด้วย ส่วนการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสถานะบุคคลของกลุ่มชาวมอแกน ในเรื่องสิทธิและสวัสดิการ ต่าง ๆ ของชาวมอแกน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้ สอดคล้องกับความต้องการ ประเพณี วัฒนธรรม สภาพวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวมอแกนต่อไป สำหรับการ ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสถานะบุคคลของกลุ่มบุคคลและชุมชนบนพื้นที่สูง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับ แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านสถานะบุคคลของกลุ่มบุคคลดังกล่าวให้มีความชัดเจน เพื่อประโยชน์ของ บุคคลที่จะแก้ไขปัญหาสถานะและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และให้มีตัวแทนภาคประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครอง ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในระดับต่าง ๆ ตามความเหมาะสม กับเห็นด้วยที่จะให้มีการช่วยเหลือ และปรับปรุงการดำเนินการ เพื่อให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่าง ๆ มากขึ้น โดยต้อง อยู่ภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมไป ดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2329 | การตรวจสถานการณ์หมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน | นร | 18/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือรายงาน
สรุปผลการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2550 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2550 ณ ศาลากลาง จังหวัดแม่ฮ่อง สอน โดยที่ประชุมได้พิจารณาผลการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาและผลกระทบที่สำคัญ คือ การไม่รู้สาเหตุของ การเกิดไฟป่าที่แท้จริง การใช้มาตรการทางกฎหมายกับพี่น้องชาวบ้าน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง (เกิดผลในทาง ลบ มากกว่าผลในทางบวก) และการยอมรับในความเป็นจริงตามสภาพระบบนิเวศน์ว่ายังไงต้องมีการเผา ทั้งใน การเผาในที่ทำกิน และการเผานอกพื้นที่ทำกิน สำหรับข้อเสนอต่อแนวทางการแก้ไขปัญหา ประกอบด้วย แผน ในการจัดการปัญหาระยะสั้น (เร่งด่วน) ได้แก่ บรรเทาปัญหาความหนาแน่นของหมอกควันและผลกระทบที่เกิด ขึ้น การหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการตรวจจับพี่น้องชาวบ้านที่กำลังจะเริ่มทำไร่ (เผาไร่) โดยเฉพาะที่ทำกินที่ อยู่ในเขตป่า การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเฝ้าระวังการเผาที่จะเกิดขึ้นใหม่ และการจัดตั้งอาสาสมัคร ดับไฟที่มีประสิทธิภาพ และแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว อาทิ การศึกษาข้อมูลในเชิงสถิติ ปริมาณ ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกิดไฟป่า และผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมที่ แท้จริง การทบทวนนโยบาย/แนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การจัด Zoning การเผา รวมทั้งนโยบายอื่น ๆ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายยอมรับ และสร้างให้เกิดกลไกมีส่วนร่วมในการจัดการ ร่วมกันระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาควิชาการ และภาคชุมชน และการศึกษาหาวิธีการ ทาง เลือกอื่น ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟป่าอย่างเหมาะสมตามรูปแบบของการเกิดไฟ บนฐานความ รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการป้องกันและช่วยดับไฟ การ กำหนดให้ปัญหาหมอกควัน เป็นวาระแห่งชาติ และการบูรณาการการป้องกันแก้ปัญหาอุบัติภัยทุกภาคส่วนทั้ง ด้านวิชาการและเทคโนโลยี เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดมาตรการ "7 วันปลอดควันวันสงกรานต์" ได้แก่ มาตรการด้านการป้องปรามและเฝ้าระวัง มาตรการด้านการควบคุม มาตรการด้านการรณรงค์ประชา สัมพันธ์ มาตรการด้านการปฏับัติการดับไฟป่า และมาตรการด้านการรายงานและประเมินผล
|
|||||||||||||||||||||
| 2330 | สรุปผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | นร | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงาน
ผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง (คพพ.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2550 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประเด็นสำคัญของการประชุมประกอบ ด้วย หลักการสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ซึ่งได้แก่ การพัฒนาที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง ได้มากขึ้น โดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาที่ไปสู่ความยั่งยืนและสร้างภูมิคุ้มกันให้ คน/ชุมชนปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงใช้ความคิดของชาวบ้านเป็นหลัก รัฐเป็นผู้สนับสนุน การเชื่อมโยงความคิด ของชุมชนเข้าสู่กระบวนการทำงาน โดยมีจังหวัดเป็นกลไกในการประสานและสนับสนุนให้เกิดการจัดทำแผนชุมชนที่ เชื่อมโยงกับแผนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งสอดคล้องกับแผนงานตามกรอบยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุข ใน 5 แผนงาน ส่วน คพพ.จะเสริมต่อการดำเนินงานของชุมชนที่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาศักย ภาพของหมู่บ้าน/ชุมชนได้ผลดี โดยจังหวัดต้องมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรเงินตามสภาพปัญหาของชุมชน ไม่ใช่ กระจายเม็ดเงินอย่างเท่าเทียมกันในทุกชุมชน และแนวทางการบูรณาการสู่ความอยู่ดีมีสุขของชุมชน คือ ความพอ เพียง ไม่ยากจน ความน่าอยู่ ปลอดภัย ความเข้มแข็ง มีความรู้ มีสุขภาวะ และมีคุณธรรม โดยผู้ว่าราชกาจังหวัด ต้องมีบทบาทเป็นผู้ประสานเชื่อมโยงการบูรณาการทั้งในส่วนขององค์กร คน เงิน และทุนทุกประเภท โดยใช้หลัก 4 ประการ ได้แก่ (1) ยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (2) ประชาชนมีบทบาทเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ได้รับประโยชน์ ส่วนราชการเป็น ฝ่ายเอื้ออำนวย (3) รวมพลังทุกภาคส่วน และ (4) บูรณาการอย่างเป็นระบบ สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป ให้ จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายในวันที่ 10 เมษายน 2550 รวมทั้ง พิจารณากลั่นกรอง และอนุมัติโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนด และส่งให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||
| 2331 | การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข | มท | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ ให้ศูนย์พัฒนาการเมืองการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ศพป.) ทุกระดับเป็นองค์กรขับเคลื่อนและบูรณาการ การพัฒนาประชาธิปไตย รวมทั้งให้อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อสพป.) เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกิจ กรรมในทุกพื้นที่ กับให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ ศพป. ทุกระดับ และนำหลักสูตรการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขบรรจุไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ พร้อมทั้งบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียน การสอนทุกระดับ โดยหลักสูตรการพัฒนาการเมืองการปกครองดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความรู้ความ เข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ฯ และการปรับเปลี่ยนทัศนะคติของ ประชาชนให้ "ถูกต้อง เป็นธรรม เป็นไทย" ดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูก ต้องเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นไทย การให้มีความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรมและได้ คนดี และการนำกรณีศึกษาระบอบประชาธิปไตยเป็นแนวทางในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน และ ให้สำนักงบประมาณ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณการพัฒนาการเมืองการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่ ศพป. ในแต่ละระดับจะขอรับการสนับสนุนเพิ่ม เติม ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นและข้อเสนอแนะของส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรประสานกับคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสภาพัฒนา การเมืองและยกร่างแผนแม่บทพัฒนาการเมือง สภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ภาคประชาสังคม กลุ่มเครือข่ายองค์กร NGO และภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและเชื่อมโยงในภารกิจที่คล้ายคลึงกัน ส่วนกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ควรประสานกับสถาบันการศึกษา สถาบัน พระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะรัฐศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ โดยเนื้อหาหลักสูตร ให้เน้นสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย นอกจากนี้ ควรคิดรูปแบบและกลไกการฝึกอบรมวิทยากร ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเน้นการฝึกปฏิบัติ และกำหนดวิธีการประเมินผลการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลการ ดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2332 | นโยบายด้านการคุ้มครองสถานภาพผู้สูงอายุ โดยการขยายผลการดำเนินงานโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน | พม | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ประธานกรรมการผู้
สูงอายุแห่งชาติเสนอมติคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 วันที่ 17 มกราคม 2550 ที่ให้มีการขยายผลโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน โดยกำหนดเป็นนโยบายด้านผู้สูงอายุ และให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นองค์กรหลักในการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในท้องถิ่น และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการ
|
|||||||||||||||||||||
| 2333 | แนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2550 | รง | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศ
กาลสงกรานต์ พ.ศ. 2550 ของกระทรวงแรงงาน สรุปได้ดังนี้ กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง ขนส่งจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ จัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และฝึกอาชีพยกระดับฝีมือแรงงานให้ แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจทาง หลวง และหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ให้มีความรู้ด้านช่างยนต์ สามารถวิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องใน เบื้องต้นได้ และมอบให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค (สพภ.) และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) จัด ทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเส้นทางต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ทั้งได้ขอความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง อู่ซ่อมรถยนต์ หรือผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ หน่วยงานภาค รัฐของจังหวัดจัดตั้งศูนย์บริการตรวจสภาพ ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทั้งก่อนและระหว่างเทศ กาลในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความพร้อมและเหมาะสม นอกจากนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร การขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการรณรงค์ช่วยลดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่งด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2334 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 1/2550 | นร | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้ รับทราบ
ผลการประชุมและมติที่ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2550 โดยที่ประชุมได้พิจารณาภาพรวมสถานการณ์เบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลา คม 2549-23 มีนาคม 2550 ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 646,336 ล้านบาท เท่ากับอัตราการเบิกจ่ายร้อย ละ 41.27 ของวงเงินงบประมาณต่ำกว่าร้อยละ 45.43 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และการ เบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าแผนการใช้จ่ายเป็นเงิน 143,840 ล้านบาท (ร้อยละ 18.2) โดยรายจ่ายประจำต่ำกว่าแผน การใช้จ่าย 85,061 ล้านบาท (ร้อยละ 13.44) และรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าแผนการใช้จ่าย 58,778 ล้านบาท ในส่วน ของเม็ดเงินงบประมาณ มีการเบิกจ่ายสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นเงิน 28,446 ล้านบาท (ร้อยละ 4.6) แต่เป็นงบประจำที่มีการเบิกจ่ายมากกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เท่ากับ 55,674 ล้านบาท ในขณะที่ งบลงทุนมีการเบิกจ่ายต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเท่ากับ 27,228 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีงบลงทุนสูง รวมทั้งส่วน ราชการที่ได้รับงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างเร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและทำสัญญาผูกพันของโครงการให้ แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 หากส่วนราชการดังกล่าวคาดว่าจะไม่สามารถเร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัด จ้างและทำสัญญาผูกพันของโครงการได้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ให้ปรับแผนงานและงบประมาณไป ให้กับโครงการที่มีความพร้อมดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแทน โดยหารือกับสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 2335 | ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม | พม | 10/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม ครั้งที่
3 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยที่ประชุมได้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์สังคมที่ จักเร่งขับเคลื่อนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย 5 งานสำคัญ คือ (1) พัฒนาระบบสวัสดิการท้อง ถิ่น โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเทศบาลเมืองพัทยา เพื่อจัดระบบการดูแลผู้ยาก ลำบากในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (2) ขยายระบบสวัสดิการขุมชน โดยร่วมกับเครือ ข่ายองค์กรชุมชนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (3) สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานในการสร้างสันติสมาน ฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักความเป็นกลาง และมีเครือข่ายภาคประชาชน ชุมชน อาสาสมัคร เป็น กลไกสำคัญในการทำงาน (4) ร่วมถอดสลักความรุนแรงในสังคมไทย โดยเปิดเวทีประชาธิปไตยชุมชน เพื่อความ มั่นคงของมนุษย์ในระดับอำเภอและเขตกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งความสมานฉันท์ในระดับฐานรากระหว่างประชาชน และ (5) จัดระบบและพัฒนาหอพักนักศึกษาในเขตเทศบาล และพัฒนาสภาวะแวดล้อมโดยรอบมหาวิทยาลัย รวม ทั้งกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น พ.ศ. .... พระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรม แห่งชาติ พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
| 2336 | การแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ | นร | 03/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือรายงาน
สรุปผลการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุม ได้เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ซึ่งเป็นการประมวลประเด็นต่าง ๆ จากการประชุม ที่ผ่านมา ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การจัดการสาเหตุ ปัญหา อาทิ การกำจัดขยะ วิถีเกษตรกรรมในการเตรียมพื้นที่ทำกิน การเผาในเขตพื้นที่อุทยาน และ contact farming การ ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นอย่างจริงจัง การรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์ในทุกสื่ออย่างต่อ เนื่อง การศึกษามาตรการดับไฟอย่างมีประสิทธิภาพและหลากหลายแนวทางจากตัวอย่างทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ อาทิ การใช้สารเคมีดับไฟในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา การแสวงหาความร่วมมือกับประเทศ เพื่อนบ้าน การสรุปบทเรียนและข้อเสนอแนะการจัดการปัญหาหมอกควันและภัยพิบัติอื่น ๆ โดยการจัดสัมมนา ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ภัยแล้ง น้ำท่วม อย่างบูรณาการ การบริหารจัดการผลกระทบต่อสุขภาพและ สังคม และการเตรียมการสำหรับแผนระยะยาว ได้แก่ แผนเตรียมการก่อนเกิดเหตุ แผนรองรับขณะเกิดเหตุ และ แผนรองรับหลังเกิดเหตุ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดช่วงเวลาในการรณรงค์ "7 วันปลอดควันวันสงกรานต์" คือ ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน 2550 รวมทั้งกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2550 ในวัน ศุกร์ที่ 6 เมษายน 2550 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
|
|||||||||||||||||||||
| 2337 | ขอให้คณะรัฐมนตรีทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... | มท | 03/04/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็นชอบ
ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (20 มิถุนายน 2549) ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็น อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และมอบให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจการบริหารการพัฒนา และยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับกรณีขอให้มีคณะกรรมการเพื่อเชื่อมโยงภารกิจขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับภารกิจของส่วนภูมิภาค ควรพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจให้ครบถ้วนและชัดเจนก่อน ขอจัดตั้ง โดยดำเนินการภายใต้กรอบของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ องค์ ประกอบของคณะกรรมการ อำนาจหน้าที่และความเชื่อมโยงอย่างครอบคลุม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดัง กล่าว ควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดเมื่อสามารถใช้องค์กรเป็นเครื่องมือบริหารจัดการและบูรณาการกิจกรรมพัฒนา และปัญหาต่าง ๆ ได้ทุเลาลงแล้ว สำหรับรูปแบบแนวทางการบริหารการพัฒนา นอกจากคณะกรรมการแล้ว ไม่สม ควรมีการจัดตั้งองค์กรอื่นใดขึ้นอีก นอกจากนี้องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ควรให้มีผู้ทรง คุณวุฒิเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2338 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี พ.ศ. .... | มท | 27/03/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาลสายเชื่อม ระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี ในท้องที่แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงหนองจอก และแขวงโคกแฝด เขตหนอง จอก กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีที่มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่น ดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน แต่การที่ร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอมานี้ใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล จึงอาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2339 | ขอเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง สรุปผลการจัดงานครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ | นร | 27/03/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการจัดงานครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ
เสนอเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีในส่วนของผลการดำเนินงานจัดงานพิธีรำลึก 2 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ จังหวัดภูเก็ต หน้า 3 ข้อ 2.1.2 ดังนี้ "ในส่วนการจัดงานของกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ร้อยโท สุวิทย์ ยอดมณี) เป็นประธานในพิธีไว้อาลัยแก่ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต ณ สวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง อำเภอกระทู้ มีบุคคลที่เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการในพื้นที่ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมประมาณ 300 คน และเป็นประธานเปิด นิทรรศการภาพถ่ายรำลึกสึนามิ ณ ศูนย์การค้าจังซีลอน มีผู้ร่วมงานประมาณ 40 คน"
|
|||||||||||||||||||||
| 2340 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... | พณ | 27/03/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจการค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....
ไปพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีในประเด็นเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ ควรพิจารณาปรับปรุงให้ชัดเจน เข้าใจง่าย และ มีการกระจายอำนาจไปยังคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยให้คำนึงถึงบทบาทของท้องถิ่นที่เหมาะสม สำหรับองค์ ประกอบและที่มาของคณะกรรมการ ฯ และคณะกรรมการระดับจังหวัด ควรปรับปรุงโดยให้ความสำคัญกับตัวแทน ผู้บริโภค และผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยในระดับชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มเติมกรรมการที่มีความรู้ด้านสุขภาพ อนามัยของประชาชนด้วย และประเด็นเกี่ยวกับมาตรการจัดระบบค้าปลีกค้าส่ง ควรปรับปรุงมาตรการตามร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้ให้มีความชัดเจน เป็นธรรมและตรงตามวัตถุประสงค์ที่จะให้การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ทั้งรายใหญ่และรายย่อยไม่กระทบต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน เช่น การกำหนดที่ตั้งของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งราย ใหญ่ให้อยู่ห่างจากแหล่งชุมชน ซึ่งเป็นมาตรการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้อยู่ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรนำมาตรการ ที่พิจารณาเห็นว่าเหมาะสมแล้วไปเผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อประกอบการพิจารณาของ คณะรัฐมนตรีด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
.....
