ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 112 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2221 - 2240 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2221 | แผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) | นร | 09/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติที่ประชุมพิจารณาแผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนา
ฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 ตาม ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการที่จะขอ สนับสนุนจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 109,381,400 บาท โดยให้หน่วย งานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุน ฯ พิจารณาตามขั้นตอนโดย ด่วนต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2551 ของกระทรวง เพื่อใช้ดำเนินโครงการในกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูง จำนวน 8 โครงการ วงเงิน 37,758,720 บาท โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้คำนึงถึงบทบาทและภารกิจของ อปท.เป็นหลักในการดำเนินการ กับให้กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในกลุ่มโครงการที่เห็น ควรขอสนับสนุนงบประมาณปกติ เพื่อเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดทำ แผนแม่บทด้านการบริหารจัดการปัญหาขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และน้ำเสีย โดยให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวม การคัดแยก การกำจัด และการบริหารจัดการขยะและสิ่งปฏิกูล ตลอดจนปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชนและชุมชนให้มีส่วน ร่วมในการดูแลรักษาความสะอาด และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน เสนอนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||
2222 | รายงานผลการพัฒนาระบบราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - 2549 | นร | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการพัฒนาระบบราช
การประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549 สรุปได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น ส่วน ราชการสามารถลดระยะเวลาในการปฏิบัติราชการลงได้ โดยเฉลี่ยร้อยละ 47.90 เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐของประชาชน โดยเฉลี่ยร้อยละ 76.61 ต่ำกว่า เป้าหมายเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2550 จะสามารถยกระดับความพึงพอใจของประชาชนได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ส่วนการปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดของภาครัฐให้มีความเหมาะสม ปริมาณหรือจำนวนของภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของส่วนราชการ ลดลงร้อยละ 73 กฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก จำนวน 233 ฉบับ จำนวนข้าราช การลดลงร้อยละ 4.35 สำหรับการยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่า เกณฑ์สากล มีหน่วยราชการได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานอย่างน้อย 1 กระบวนงานหลัก ร้อยละ 60 ข้า ราชการได้รับการพัฒนาขีดความสามารถตรงตามที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 และส่วนราชการอย่างน้อยร้อยละ 80 ได้รับการพัฒนาการให้บริการหรือสามารถดำเนินงานในรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของการเปิดระบบ ราชการให้สนองต่อการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระดับความสำเร็จของการเปิดโอกาสให้ประชา ชนเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก ระดับความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอยู่ในระดับมากที่ สุด และร้อยละของปัญหาขัดแย้ง หรือกรณีพิพาทร้องเรียนระหว่างส่วนราชการกับประชาชน มีจำนวนลดลงหรือ ไม่มีปัญหาความขัดแย้งในระดับมากที่สุด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งรัดการจัดทำรายงานผลการพัฒนาระบบ ราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า การพัฒนาระบบราชการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการให้เหมาะสม สอดคล้องสัมพันธ์กัน ลดช่องว่างในทางปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราช การแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
|
|||||||||||||||||||||
2223 | ผลการจัดงานเส้นทางใหม่ของโอทอป (OTOP Midyear & Select 2007) | อก | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะอนุกรรมการบริหารงานส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP)
โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รายงานสรุปผลการจัดงานเส้นทางใหม่ของโอทอป (OTOP Midyear & Select 2007) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-15 กรกฎาคม 2550 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพค เมืองทอง ธานี โดยผลการจัดงานในส่วนของการจำหน่ายสินค้าภายในงาน รวมทั้งสิ้น 454,642,971 บาท แบ่งเป็น การ จำหน่ายสินค้า OTOP จำนวน 341,512,058 บาท การจำหน่ายอาหาร OTOP ชวนชิม จำนวน 17,849,237 บาท และยอดสั่งซื้อสินค้า จำนวน 95,281,676 บาท มีผู้ประกอบการ OTOP ร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า จำนวน 2,623 ราย ส่วนผลการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสู่สากล (OTOP Select) มีผู้ประกอบการ OTOP ร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า จำนวน 595 ราย จำนวนผู้ซื้อ (Buyer) เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ จำนวน 275 คน ผลการเจรจามียอดการสั่งซื้อภายใน งานจากผู้ประกอบการ จำนวน 53 ราย มูลค่าประมาณ 7,000,000 บาท และผลการจำหน่ายสินค้าปลีกภายใน งาน จำนวน 67,806,445 บาท
|
|||||||||||||||||||||
2224 | ผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 7 | มท | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและ
เจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 สิงหาคม 2550 ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบที่จะสนับสนุนการจัดทำแผนที่แม่น้ำโขงฉบับใหม่ร่วมไทย-ลาว มาตราส่วน 1: 25,000 และดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกให้สำเร็จในปี พ.ศ. 2551 และทางน้ำ ในปี พ.ศ. 2553 และเพิ่มความร่วมมือรักษาทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำ และสภาพแวดล้อมบริเวณชายแดน กับ เห็นชอบให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด และปลอดภัยต่อบุคคลและกลุ่มบุคคลที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และ ให้มีการจัดระเบียบเรือและการเดินเรือตามลำแม่น้ำโขง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย รวมทั้ง เห็นชอบการยกระดับจุดผ่อนปรนภูดู่ระหว่างบ้านม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นจุดผ่านแดนถาวร และบ้านผาแก้ว เมืองปากลาย แขวงไชยะบุลี เป็นด่านสากล และจะร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามการลัก ลอบขนส่งและค้ายาเสพติด การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการลาดตระเวนร่วมตามแม่น้ำโขงเพื่อสกัดกั้นการลัก ลอบค้ายาเสพติดตามชายแดน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือและมีมติในประเด็นความร่วมมืออื่น ๆ ได้แก่ ความร่วม มือในการรักษาและป้องกันตลิ่งพังและแก้ไขปัญหาการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง โดยมอบให้จังหวัดและ แขวงกำชับประชาชนและเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นของตนไม่ให้ดำเนินการใด ๆ ที่จะกระทบกระเทือนต่อร่องน้ำและตลิ่ง ในแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ความร่วมมือกรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายถูกจับกุมคุมขัง ให้มีการแลกเปลี่ยนบัญชีนักโทษ และผู้ต้องหาที่เป็นพลเมืองของแต่ละฝ่าย ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ให้มีการตรวจตราอย่าง เข้มงวด และพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายของแต่ละประเทศให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยให้พลเมืองคน หนึ่งเลือกถือเพียงสัญชาติเดียว ความร่วมมือด้านแรงงาน ให้มีการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติแรงงานตามข้อตกลง เกี่ยวกับการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานไทย-ลาว ครั้งที่ 4 และความร่วมมือระหว่างจังหวัด-แขวง ให้มีการขยายความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี ไทย-ลาว ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง (ACMECS)
|
|||||||||||||||||||||
2225 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง ข้อสังเกตของ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | อก | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีที่ให้มี การกระจายอำนาจการจัดการของเสียอันตรายจากโรงงานให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น กรมโรงงานอุตสาห กรรมได้กำหนดให้จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทั้งภายนอก และภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ก่อกำเนิดของเสียอันตรายจำนวนมากเป็นพื้นที่นำร่องในการกระจายอำนาจ การตรวจกำกับดูแลของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น ส่วนกรณีให้มีการประสาน การทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม นั้น ได้มีการ ประสานการทำงานกับส่วนท้องถิ่นให้รับทราบการอนุญาตของเสียอันตรายและข้อมูลที่จำเป็น ตลอดจนเกณฑ์และ แนวทางปฏิบัติในการจัดการของเสียอันตราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถรับทราบได้โดยตรงที่สำนักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้จากฐานข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมทางสื่อ อิเล็กทรอนิกส์
|
|||||||||||||||||||||
2226 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550) | มท | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด 9 อำเภอ 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ ราษฎรเดือดร้อน 7,550 คน 2,598 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และบางส่วน 5 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,500 ไร่ ความเสียหาย ด้านอื่น ๆ และมูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ และปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัย ยังคงมีสถานการณ์อุทก ภัย 3 จังหวัด ด้านการให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว สำหรับสภาพน้ำ ท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านอำเภอเมือง จังหวัดนคร สวรรค์ 1,387 ลบ.ม./วินาที และปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 1,377 ลบ.ม./วินาที ส่วน สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 53,274 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิด เป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี พ.ศ. 2549 (60,298 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 7,024 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็นร้อยละ 11.64 ของความจุอ่างทั้งหมด ในส่วนของสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน น้ำเหนือจะไม่มีผลกระทบต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายกเว้นกรณีที่มีฝนตกหนักในพื้นที่อาจ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นบางพื้นที่ โดยกรมชลประทานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมเครื่อง สูบน้ำประจำที่ท่าสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
2227 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนเจริญนคร กับซอยสารภี 3 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนเจริญนคร กับซอยสารภี 3 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวง เทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนเจริญนคร กับซอยสารภี 3 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้า ที่ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และให้ส่งคณะกรรม การตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนักเลขา ธิการคณะรัฐมนตรี กรณีมาตรา 29 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กฎที่ออกโดย อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งมีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายนั้นด้วยโดยอนุโลม ดังนั้น การที่ร่างประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวไม่ระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายไว้ จึงอาจขัดหรือ แย้งกับบทบัญญัติมาตรา 29 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติ ทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ดังนั้น การที่ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล จึงอาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระ ราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนา คม 2550
|
|||||||||||||||||||||
2228 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยอิสรภาพ 21 กับซอยอิสรภาพ 15 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยอิสรภาพ 21 กับซอยอิสร ภาพ 15 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทาง หลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างซอยอิสรภาพ 21 กับซอยอิสรภาพ 15 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้ เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น และให้ส่งคณะ กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีมาตรา 29 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กฎที่ออกโดย อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งมีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายนั้นด้วยโดยอนุโลม ดังนั้น การที่ร่างประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวไม่ระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายไว้จึงอาจขัดหรือแย้ง กับบทบัญญัติมาตรา 29 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทาง หลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ดังนั้น การที่ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล จึงอาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||
2229 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายซอยเอกชัย 131 ถนนบางบอน 5 และซอยเพชรเกษม 81 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 02/10/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยเอกชัย 131 ถนนบางบอน 5 และซอย เพชรเกษม 81 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อ ขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยเอกชัย 131 ถนนบางบอน 5 และซอยเพชรเกษม 81 เป็นกรณีที่มีความจำเป็น โดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ นั้น และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้ รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรณีมาตรา 29 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กฎที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งมีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายนั้นด้วยโดยอนุโลม ดังนั้น การที่ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายไว้ จึงอาจขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติมาตรา 29 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 6 แห่ง พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวง สัมปทาน ดังนั้น การที่ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล จึงอาจไม่สอดคล้อง กับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||
2230 | การเสนอร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ | มท | 25/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเพื่อให้เหมาะสมและสอด คล้องกับการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ปฏิบัติงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการแจ้งการเกิด การ ตาย และการย้ายที่อยู่ และเพื่อจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการจัดทำทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัว คนซึ่งไม่มี สัญชาติไทย การขอตรวจคัดและรับรองสำเนาทะเบียนประวัติ รายการบุคคลในทะเบียนบ้าน ทะเบียนคนเกิด คน ตาย การกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการทะเบียนกลาง การจัดตั้ง สำนักทะเบียน การกำหนดอำนาจหน้า ที่ของสำนักทะเบียนอำเภอและสำนักทะเบียนท้องถิ่น การยุบรวมสำนักทะเบียน การให้มีคณะกรรมการทะเบียน ราษฎรประจำสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร และสำนักทะเบียนจังหวัด การอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียน การ ประมวลผล และบูรณาการข้อมูลบุคคลในราชอาณาจักรไทย การให้ส่วนราชการหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลการทะเบียนราษฎร การออกหลักฐานการเกิดของบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักร การบันทึก และลงรายการบุคคลในทะเบียนบ้านตามสถานะการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทย การแก้ไข การจำหน่ายราย การ และเพิกถอนหลักฐานการจดทะเบียนคนเกิด คนตายในประเทศ การกำหนดให้มีทะเบียนบ้านชั่วคราวเพื่อ ประโยชน์แก่การตรวจสอบทางทะเบียน การจำหน่ายเลขประจำบ้านและทะเบียนบ้าน และให้อัตราค่าธรรมเนียม เป็นไปอย่างเหมาะสม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งคณะกรรม การประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2231 | หนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" | พม | 25/09/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรม
พัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดทำหนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 โดยหนังสือดังกล่าวได้รวบรวมความ ดี จำนวน 80 ความดี ซึ่งเป็นความดีของบุคคลและองค์กรที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานทั่ว ประเทศในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในการพัฒนาตนเอง การพัฒนาศักยภาพชุมชนจนประสบความ สำเร็จสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และจะได้จัดส่งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่สถาบันการศึกษาระดับ ต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเครือข่ายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กร ภาคเอกชน ส่วนราชการ สื่อมวลชน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หอ สมุดแห่งชาติ และเจ้าของความดี
|
|||||||||||||||||||||
2232 | ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล ขอต่ออายุหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าซับลังกา เพื่อทำเหมืองแร่ ตามประทานบัตรที่ 22477/14895 ท้องที่จังหวัดลพบุรี | ทส | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอผ่อนผันให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล เข้า ทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าซับลังกา เพื่อทำเหมืองแร่ท้องที่ตำบลนาโสม อำเภอชัยบาดาล จังหวัด ลพบุรี โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อสังเกต เกี่ยวกับการต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้ควรพิจารณาระยะเวลา ให้สอดคล้องกับอายุของประทานบัตรที่เหลืออยู่และนำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการ ทำเหมืองแร่มาประกอบการพิจารณาก่อนการอนุญาตต่ออายุสัญญาให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นต้น และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า กระบวนการต่ออายุการอนุญาตการทำ เหมืองแร่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติมีความล่าช้ามาก รวมถึงอายุของการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวน แห่งชาติไม่สอดคล้องกับอายุของประทานบัตร ซึ่งน่าจะมีการปรับปรุงในเรื่องนี้ ส่วนบริษัทที่เข้าไปใช้ประโยชน์ ในพื้นที่น่าจะคืนประโยชน์ให้กับประชาชนในท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการ ทำวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์และป้องกันไม่ให้สัตว์ที่พบเฉพาะในประเทศไทยซึ่ง อาศัยพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งที่อยู่ประจำถิ่นต้องสูญพันธุ์ไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2233 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ 200 กับถนนนาคนิวาส พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ 200 กับถนนนาค นิวาส พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยาย ทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ 200 กับถนนนาคนิวาส ในท้องที่แขวงจรเข้บัว และแขวงลาดพร้าว เขต ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2234 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนดำรงค์รักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และตรอกโรงเลี้ยงเด็ก พ.ศ. .... (พ.ศ. 2550) | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนดำรงรักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และตรอกโรงเลี้ยงเด็ก พ.ศ. 2550 ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนน ดำรงรักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และตรอกโรงเลี้ยงเด็ก ใน ท้องที่แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้ บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2235 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอินทามระ 14 กับซอยอินทามระ 4 พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอินทามระ 14 กับซอย อินทามระ 4 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและ ขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอินทามระ 14 กับซอยอินทามระ 4 ในท้องที่แขวงสามเสนในเขต พญาไท กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2236 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเทศบาลรังสรรเหนือกับซอยซีเมนต์ไทย พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเทศบาลรังสรรเหนือกับซอย ซีเมนต์ไทย พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยาย ทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเทศบาลรังสรรเหนือกับซอยซีเมนต์ไทย ในท้องที่แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2237 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอุดมสุข 28 กับซอยอุดมสุข 42 พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอุดมสุข 28 กับซอย อุดมสุข 42 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและ ขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยอุดมสุข 28 กับซอยอุดมสุข 42 ในท้องที่แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2238 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนสุคนธสวัสดิ์กับซอยเกรียงศักดิ์ 1 พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวน
คืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนสุคนธสวัสดิ์กับซอยเกรียงศักดิ์ 1 พ.ศ. .... ที่ตรวจ พิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สาย เชื่อมระหว่างถนนสุคนธสวัสดิ์กับซอยเกรียงศักดิ์ 1 ในท้องที่แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และ ให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2239 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยลาดพร้าว 48 ซอยวัฒนานิเวศน์ 8 และซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยลาดพร้าว 48 ซอยวัฒนานิเวศน์ 8 และซอย พิบูลย์อุปถัมภ์ พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยาย ทางหลวงท้องถิ่น สายซอยลาดพร้าว 48 ซอยวัฒนานิเวศน์ 8 และซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ ในท้องที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2240 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 109 พ.ศ. .... | กทม | 18/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 109 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณา แล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 109 ในท้องที่แขวงคันนายาว เขตคันนายาว แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี และแขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพ มหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
.....