ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 120 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2381 - 2400 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2381 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ | อก | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขอ
อนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราช บัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2544) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เพื่อกำหนดสถานที่ในการชำระค่าธรรมเนียมรายปีเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้อง กับการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องคืกรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณา แล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2382 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องการติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ | สสป | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบาย พื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะดังนี้ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ คุณภาพการเรียนการสอน รัฐต้องเร่งพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมการ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ด้านการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รัฐควรสร้างแรงจูง ใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้าสู่วิชาชีพครู และเร่งพัฒนาคุณภาพครู โดยการจัดระบบพัฒนาคุณภาพครูให้ชัด เจน ด้านการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ รัฐควรพิจารณาอย่างจริงจังในด้านการส่งเสริมและ ผลักดันให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของภาคส่วนต่างๆ ด้านการจัดการศึกษาในระบบ นอก ระบบการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต รัฐต้องให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนการศึกษาทุก ระบบ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในด้านโอกาสทางการศึกษา และในด้านคุณภาพการศึกษา ด้านการกระจาย โอกาสทางการศึกษา รัฐต้องทบทวนการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้มีการจัด เก็บค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุน ดูแลคุณภาพและความ พร้อมของโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพโดยเท่าเทียมกัน ด้านการจัดการศึกษา สำหรับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา รัฐควรปรับปรุงนโยบายและวิธีการวางแผนการผลิตกำลังคนสายอาชีพระดับ กลางอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน ด้านการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ รัฐควรเร่งปรับปรุงคุณภาพของการ ศึกษาในทุก ๆ ด้านให้เหมาะสมสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ อย่างจริงจัง ด้านการกระจายอำนาจทางการศึกษา ไปยังสถานศึกษา รัฐควรเร่งกระจายอำนาจด้านการบริหารงบประมาณ การบริหารบุคคลแก่สถานศึกษา ตลอด จนเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาด้วยการจัดให้มีหน่วยงานที่ดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการศึกษา ที่ยังไม่มีความพร้อม และด้านการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐควรคำนึงถึงความ พร้อมของหน่วยงานเหล่านี้อย่างรอบคอบและเป็นขั้นตอน และเร่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง อปท. และสถาน ศึกษา โดยกำหนดสัดส่วนของงบประมาณที่ทุก อปท. ต้องจัดสรรเพื่อสนับสนุนสถานศึกษาที่อยู่ในเขตพื้นที่ของ ตนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะมีการถ่ายโอนหรือไม่ก็ตาม เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
2383 | รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกัน | พม | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2549 โดยสาระสำคัญของการ ประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สังคมไทยเป็นสังคมที่ดีงาม และอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน" โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีประเด็นหลักคือ การนำสังคมไทย ไปสู่สังคมที่ดีงามและอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน คือ (1) การสร้างสังคมไทย ให้เป็นสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน (2) เป็น สังคมที่เข้มแข็ง และ (3) เป็นสังคมคุณธรรม และการบรรยายพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม โดยนาย เอนก นาคะบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายแพทย์ พลเดช ปิ่นประทีป เลขานุการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สรุป ได้ว่า การจะทำให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขรวมกันได้ต้องมีการบริหารจัดการร่วมกัน วิธีการปฏิบัติร่วมกันตั้งแต่ระดับ ชุมชน ท้องถิ่นเล็ก ๆ ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายอยู่ ตลอดเวลา โดยมีภาคีพัฒนาที่สำคัญในพื้นที่อย่างน้อย 3 ส่วน คือ ภาคประชาชน/ชุมชน ภาคองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และราชการส่วนภูมิภาค และมีภาคีพัฒนาอื่น ๆ หนุนเสริม ภาคธุรกิจ เช่น องค์กรสาธารณะ ประโยชน์ และในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกันมีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ (1) เข้าหา โอบอุ้มผู้ยาก ลำบาก ผู้ด้อยโอกาส ผู้ถูกทอดทิ้งและผู้รับผลกระทบ (2) ยกจิตใจคนไทยทั้งสังคมให้สูงขึ้นพร้อมกันในการร่วม ช่วยเหลือ และ (3) ถักทอเครือข่ายในการดูแลไม่ทอดทิ้งกัน เป็นศูนย์ประสานงานอาสาสมัครและการให้
|
|||||||||||||||||||||
2384 | แต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง (รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ฯ) | กษ | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรตามแนว
เศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 21 ราย โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นาย โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เป็นประธานกรรมการ และรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับมอบหมาย เป็น กรรมการและเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการ ฯ มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะกับรัฐบาลเกี่ยว กับแนวทางและโครงการพัฒนาเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่ให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและ การพึ่งตนเองของชุมชน และให้กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ฯ ซึ่งมิได้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้อง ถิ่น หรือมิได้เป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราที่กำหนดในพระราช กฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิก จ่ายในการเดินทางไปราชการ เช่นเดียวกับข้าราชการระดับแปดหรือเทียบเท่า ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากสำนักงาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||
2385 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2549 | กค | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหา
ริมทรัพย์ ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2549 สรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ โครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2548 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติงบกันไว้เบิกเหลื่อมปี 2548 จากคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แล้ว จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ดำเนินการเสร็จแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการจัดงานมหกรรมบ้านมือ สอง 4 มุมเมือง และโครงการจัดจ้างพัฒนาโปรแกรมระบบงานบันทึกข้อมูลจากการสำรวจภาคสนามเพื่อใช้ในการ จัดเก็บข้อมูลภาคสนาม และโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 5 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ ทางภูมิศาสตร์ (GIS) โครงการพัฒนาระบบคลังข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (Data Warehouse) โครงการสำรวจโครง การที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร ฯ ปริมณฑล และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ โครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลง ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล และโครงการพัฒนาต้นแบบระบบจัดเก็บข้อมูลใบ อนุญาตก่อสร้าง/ดัดแปลง/รื้อถอน อาคารให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สำหรับโครงการ ตามแผนปฏิบัติการปี 2549 อาทิ การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ 5 ประเภทได้แก่ ที่อยู่อาศัย ศูนย์ การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม นิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน โดยเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 การเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น รวมทั้งการสำรวจ อาคารสำนักงานในเขตกรุงเทพ ฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลอาคารสำนักงานเข้าระบบฐานข้อมูล โดยครอบคลุมข้อมูล จำนวนคงเหลือ (อาคารสำนักงานที่เปิดขายและให้เช่า) อุปทาน (อาคารเปิดใหม่ พื้นที่ให้เช่า) อุปสงค์ (พื้นที่ที่มี ผู้เช่า) สภาวะตลาด (ราคาขาย ค่าเช่า) และการเงิน (สินเชื่อผู้ประกอบการอาคารสำนักงาน) นอกจากนี้ ยังมี งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ คือ การส่งเสริมธุรกิจบ้านมือสองตามนโยบายของกระทรวงการคลังเพื่อกระตุ้นภาวะ ตลาดบ้านมือสองให้มีความต่อเนื่องและซื้อขายเปลี่ยนมือกันมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
2386 | ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปาชนบท) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เสนอขอถอนเรื่อง
ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปา ชนบท) เพื่อนำไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) |
|||||||||||||||||||||
2387 | โครงการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการปรับปรุงระบบน้ำประปา บ่อน้ำตื้น บ่อ น้ำบาดาล แหล่งน้ำธรรมชาติ การเจาะน้ำบาดาลหรือจัดหาน้ำสะอาดเพิ่มเติมได้ในภาวะฉุกเฉินกรณีเกิดภัย พิบัติอันเนื่องจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่น ๆ ในทุกพื้นที่ และอนุมัติเงินจากงบกลาง ปี พ.ศ. 2550 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 777,509,900 บาท โดยแยกเป็น 2 รายการ คือ งบจำนวน 486,541,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบน้ำสะอาดจากน้ำ บาดาล และงบจำนวน 290,968,900 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบประปาผิวดินและ แหล่งน้ำธรรมชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ เสนอคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2388 | คณะกรรมการนโยบายและฟื้นฟูทะเลไทย | นร | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
การยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายฟื้นฟูทะเลไทย พ.ศ. 2539 และคณะกรรมการนโยบาย และการฟื้นฟูทะเลไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับภารกิจไปดำเนินการในส่วนของการถ่ายโอนภาร กิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับการ ถ่ายโอนภารกิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ตามที่เสนอ ควรเพิ่มกรมอุทยานแห่ง ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรให้องค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย และความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานรับผิดชอบดำเนินการกิจเรื่อง การฟื้นฟูและการจัดระบบการใช้ทรัพยากรทางทะเลในด้านการ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับการดำเนินการฟื้นฟู ทะเลไทย ให้อาศัยกลไกของรัฐที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่ความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย ของรัฐบาล ไปพิจารณาด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานสภาวะของทะเลไทยและแนวนโยบายในอนาคต เพื่อ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ด้วย |
|||||||||||||||||||||
2389 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการกำหนดวงเงินและโครงสร้าง รวมทั้งปฏิทิน
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณราย จ่าย ฯ ตามโครงสร้างยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยพิจารณา ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานของรัฐ พิจารณาทบทวนรายละเอียดของยุทธศาสตร์ บทบาท ภารกิจ และเป้าหมายการดำเนินงาน ให้เหมาะสม สอดคล้อง จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน และประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสำนัก งบประมาณ สำหรับกรณีการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องดำเนินการตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งบัญญัติให้ ในช่วงเวลาไม่เกิน พ.ศ. 2549 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาล ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณา แนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2390 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 10 และระดับ 11 จำนวน 6 ราย | มท | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 11 จำนวน 1 ราย คือ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ดำรงตำแหน่งปลัด กระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง และระดับ 10 จำนวน 5 ราย คือ นายสาโรช คัชมาตย์ ดำรง ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดกระทรวง นายสมพร ใช้บางยาง ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมที่ดิน นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดกระทรวง และนายสมชาย ชุ่มรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
2391 | ผลความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน | นร | 19/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลความก้าวหน้าในการ
แก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยการก่อสร้างพนังกั้นแม่น้ำปิง จะดำเนิน การขุดลอกแม่น้ำปิงในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อให้ได้ความกว้างของแม่น้ำปิง 90 เมตร ระยะทาง 7.2 กิโล เมตร โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ กรมขนส่งทางน้ำ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ภาค 3 จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้งบประมาณปกติของกรมขนส่งทางน้ำ จำนวน 19.67 ล้านบาท ส่วนการจ่ายค่าชดเชยการรื้อย้ายของ ประชาชนในเขตการขุดลอกและการสร้างพนังกั้นน้ำ 2 ฝั่งแม่น้ำปิง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะใช้งบ ประมาณเหลือจ่าย (งบล้างท่อ) สนับสนุนให้กับเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบการรื้อย้าย สำหรับ การขยายแม่น้ำปิงที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะดำเนินการขุดลอกถนนและทางลอดใต้สะพาน เชื่อมกองบัญชาการ ฯ กับอาคารที่พัก โดยไม่ให้มีผลกับตัวอาคาร
|
|||||||||||||||||||||
2392 | การถ่ายโอนสถานศึกษาเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี | นร | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการการกระจาย
อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับเรื่อง การถ่ายโอนสถานศึกษาเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ไป พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับความเหมาะสมในการถ่ายโอนสถานศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2393 | การติดตามประเมินผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) | นร | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสรุปผลการติดตามประเมินผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในระยะแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) โดยด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 5.7 ต่อปี เงินเฟ้อเฉลี่ยยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี และดุลบัญชีเดินสะพัดเฉลี่ยเกินดุลร้อยละ 3.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเกินเป้าหมาย ในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี ด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน ร้อยละ 96.3 มีหลักประกันสุขภาพ และโอกาสใน การทำงานเพิ่มขึ้น แรงงานในระบบร้อยละ 22.73 ได้รับการคุ้มครอง คนไทยมีการศึกษาเฉลี่ย 8.5 ต่อปี และ แรงงานร้อยละ 39.8 มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป ประกอบกับการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ส่งผลให้ความรุนแรงของปัญหาลดลง ขณะที่ปัญหาอาชญากรรมยังคงเป็นปัญหา สำคัญที่บั่นทอนความอยู่ดีมีสุขของคนไทย ในส่วนของภาคราชการไทยมีการปรับตัวก้าวสู่ความทันสมัยและมี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ภาพลักษณ์ความโปร่งใสดีขึ้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องการตรวจสอบและป้องกัน การทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งเร่งดำเนินการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามเป้า หมาย สำหรับการแก้ไขปัญหาความยากจน จำนวนคนยากจนลดลงเหลือเพียงร้อยละ 11.3 ของประชากรทั้ง หมด ขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังห่างกันถึง 12.2 เท่า นอก จากนี้ยังสามารถพัฒนาศักยภาพและโอกาสเข้าถึงบริการทางสังคมและบริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ยังคงมีอยู่ ได้แก่ ปัญหาหนี้ สิน ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย สำหรับผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมสร้างระบบการบริหารการ จัดการที่ดี การพัฒนาคุณภาพคนและการคุ้มครองทางสังคม การปรับโครงสร้างการพัฒนาชนบทและเมือง อย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริหารเศรษฐกิจส่วนรวม การพัฒนา ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||
2394 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 | พณ | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้ บริโภคทั่วไปเดือนสิงหาคม 2549 เท่ากับ 115.4 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2549 (115.3) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 เป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของราคาข้าวเหนียว และผลไม้สด ขณะที่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์มีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อหมู ไก่ และไข่ สำหรับดัชนีราคาหมวด อื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสินค้าสำคัญที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ น้ำมันเชื้อ เพลิง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าโดยสารรถเมล์เล็กในท้องถิ่นบางจังหวัด และหนังสือ พิมพ์ ทั้งนี้ คาดว่า ดัชนีช่วงไตรมาสสุดท้ายของปียังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงกดดันของราคา น้ำมันเชื้อเพลิงต่อภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงตามสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลก และฐานของการคำนวณใน ครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2548 ได้ปรับให้ราคาน้ำมันลอยตัวตามภาวะตลาดแล้ว สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 เท่ากับ 104.9 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 และเดือน สิงหาคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 1.9
|
|||||||||||||||||||||
2395 | ขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณปี 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าตอบแทนจ้างครูรายเดือนแก้ปัญหาโรงเรียนที่ขาดแคลนครูขั้นวิกฤต (จ้างต่อเนื่อง) 8,180 อัตรา | ศธ | 05/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ดำเนินการจ้างครูรายเดือนต่อเนื่องอัตราเดิม จำนวน 8,180 อัตรา ระยะเวลา 12 เดือน ในวงเงิน 786,408,840 บาท เพื่อแก้ปัญหาสถานศึกษาขาดแคลนครูขั้นวิกฤต โดยเบิกจ่ายตามหลัก เกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลางก่อน ตลอดจนวิธีปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณกำหนด ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมทั้งให้เร่งขออนุมัติคงอัตราเกษียณ และวงเงินของ งบประมาณปี พ.ศ. 2549 สำหรับครูสายปฏิบัติการสอนเป็นกรณีพิเศษจากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและ นโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนครูในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการ ศึกษา ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติงานของ สถานศึกษาต่าง ๆ ควรจัดทำในรูปแบบของ electronic files ที่ง่ายและสะดวกแก่ผู้เกี่ยวข้องในการกรอกข้อมูล และการประมวล นอกจากนี้ โรงเรียนทุกแห่งควรมีคณะกรรมการซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารสถานศึกษา เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนและการดำเนินกิจการของสถานศึกษานั้น ๆ สัมฤทธิผล ตอบสนอง และได้รับ ความร่วมมือและการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นจากประชาชนในท้องถิ่นด้วย โดยคณะกรรมการดังกล่าว ควรมีผู้แทนจากหลากหลายอาชีพ รวมถึงผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
2396 | ผลความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" | มท | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและ
ซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" ครั้งที่ 2 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2549) โดยได้ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธารแล้วเสร็จ 83,638 ฝาย สำหรับงบประมาณดำเนินการ ทางจังหวัดได้บูรณาการงบประมาณ จากงบจังหวัดแบบบูรณาการ งบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด งบปกติของส่วนราชการ งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบประมาณรายจ่าย งบกลาง (รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) งบ กปร. และงบจากภาคประชาชนสมทบ รวม ทั้งสิ้น 586,934,893 บาท ในการนี้ กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนประชาสัมพันธ์โครงการ ฯ โดยให้หน่วย งานดำเนินการใช้สื่อและงบประมาณที่มีอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และตั้ง งบประมาณรองรับจนถึงปี พ.ศ. 2551 เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานตามโครงการ ฯ ผ่านทางสื่อต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||
2397 | สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 10) | มท | 15/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 10) โดยการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย ความก้าวหน้า ในการจัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราว การจัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) การจัดสร้างบ้านพักถาวร และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยม วิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัย เพื่อซักซ้อม แผนเตือนภัยและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนือง โดยในส่วนของกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการฝึกอบรมจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม หรือ "มิสเตอร์เตือนภัย" ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด พิจารณาคัดเลือกอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม "มิสเตอร์เตือนภัย" ในหมู่บ้านเสี่ยงอุทกภัยและดินถล่ม ทั้ง 3 ระดับ คือ พื้นที่เสี่ยงภัยสูง (สีแดง) พื้นที่เสียงภัยปานกลาง (สีเหลือง) และพื้นที่เสียงภัยต่ำ (สีเขียว) หมู่ บ้านละ 2 คน เข้ารับการฝึกอบรมและปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครแจ้งเตือน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานฝึกอบรมจะเร่ง ให้เสร็จก่อนปลายเดือนสิงหาคม 2549 เพื่อเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุที่อาจมีลมมรสุมเข้ามาในภาคเหนืออีก ครั้งหนึ่ง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินงานระยะที่ 1 แล้ว จะดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2398 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม | นร | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวด ล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติอนุมัติให้ใช้งบ ประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 28,800,000 บาท ไปดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ตามที่สำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เสนอ โดยให้จัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตามที่ได้กำหนดไว้ และให้เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์รับไปพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการก่อ สร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยให้อยู่ภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ผูกพันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 - 2550 โดยประสานการปฏิบัติงานกับ สผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
2399 | ขออนุมัติงบประมาณโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ | ศธ | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการกำกับโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์เสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ วงเงินรวม 8,738.02 ล้านบาท และให้เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ครั้งที่ 4/2549 วันที่ 4 กรกฎาคม 2549 และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของแต่ละโครงการเพื่อประโยชน์ในการติดตามและประเมินผลความสำเร็จ และควรคำนึงถึงการสร้างเครือข่ายกับโรงพยาบาลเอกชนโดยเฉพาะโรงพยาบาลที่จัดบริการชั้นเลิศ (World Class) ในงานบริการทางการแพทย์ที่ต้องใช้ครุภัณฑ์ที่มีค่าลงทุนสูง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน รวมทั้งนำองค์ความรู้ของภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณดำเนินการในระยะแรก ให้ใช้จากเงินรายได้ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จำนวน 3,596.10 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังประสานเพื่อขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (การออกสลากพิเศษ) เป็นเงินรวม 4,000 ล้านบาท โดยให้สำนักงานสลากฯ จ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นงวดๆ ตามความต้องการและแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละปี และในส่วนที่จะต้องใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ ให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลประสานสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณแผ่นดินสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป และอนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการกำกับโครงการฯ เพื่อทำหน้าที่บริหารโครงการฯ
|
|||||||||||||||||||||
2400 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยการจัดทำทางระบายน้ำหรือทางลอดถนน | นร | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรม
ชลประทาน) ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสำรวจและจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับทางไหลของน้ำและจุดตัดกับถนน สายทางต่าง ๆ ทั่วประเทศที่จำเป็นจะต้องก่อสร้าง หรือแก้ไขให้เป็นทางระบายน้ำหรือทางลอดของน้ำ ซึ่ง กรมชลประทานได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศ ไทย) นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการ เพื่อป้องกันและแก้ไขในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และหากจุดใดยังไม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ให้เสนอขอตั้งงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2550 ต่อไป ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการและรายงานข้อมูลความคืบหน้าต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ภายใน 1 เดือน เพื่อประมวลข้อมูลในภาพรวม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ต่อไป
|
.....