ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 114 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2261 - 2280 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2261 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์ และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ | กษ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์
และพัฒนาบึงบอเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 26 ท่าน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น ประธานกรรมการ และอธิบดีกรมประมง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแนว ทางการพัฒนาบึงบอเพ็ด กำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและแผนดำเนินโครงการในระยะต่าง ๆ ตามผลการ ศึกษาความเหมาะสม และอนุมัติแผนปฏิบัติการหรือโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบึงบอเพ็ดของส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งประสานและติดตามประเมินผล การดำเนินการพัฒนาบึงบอเพ็ดของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
2262 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 4/2550 | กค | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอมติที่
ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2550 ดังนี้ ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวง สาธารณสุข จัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ได้หรือใกล้เคียงเป้าหมายร้อยละ 93 ส่งให้กรมบัญชีกลาง โดยให้สำนักงบประมาณดูแลการปรับ แผนของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข และรายงานผลการปรับแผนของส่วนราชการต่อที่ประชุม ครั้งต่อไป กับให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเตรียม ข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินว่า ยังมีเงินค้างอยู่ในธนาคารพาณิชย์เท่าไร และรายงานที่ประชุมในครั้งต่อไป และให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาคมอุตสาห กรรมก่อสร้างไทยหารือร่วมกัน แล้วทำหนังสือแจ้งส่วนราชการในเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง รวมทั้ง ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาประเด็นราคากลางต่ำกว่าความเป็นจริง หากต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณ ราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้ สศช. ขอข้อมูลการค้างจ่าย ค่า K ของทุกส่วนราชการ และประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงิน ล่วงหน้า และการซอยโครงการขนาดใหญ่ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลในทางปฏิบัติเกี่ยวกับกฎระเบียบ การขึ้นบัญชีดำบุคคลให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
2263 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่ง ชาติ พ.ศ. 2507 โดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ปรับปรุงบัญชีอัตราค่า ธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่าให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ที่ เห็นควรกำหนดรายละเอียด และวิธีการคัดเลือกผู้ที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะร่วมเป็นคณะกรรม การควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติให้ชัดเจน และกำหนดมาตรการป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติใน เขตป่าสงวนแห่งชาติที่รัดกุม เนื่องจากบางกรณีอาจเป็นการกระทำหรือมีส่วนร่วมของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง กำหนดบทลงโทษในกรณีดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2264 | การดำเนินนโยบายด้านสังคม การบูรณาการและการนำไปสู่การปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติรับทราบ
ผลการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการในฐานะหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินนโยบายสังคมด้าน คุณธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหน่วยงานหลักในการ บูรณาการการดำเนินนโยบายด้านสังคมในข้อ 3.7 ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ไทยให้เป็นสันติสุขอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใน ฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินนโยบายด้านสังคมในข้อ 3.1 ส่งเสริมความรัก ความสามัคคี ความสมานฉันท์ของคนในชาติ ข้อ 3.2 จัดทำแผนปฏิรูปสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างสมานฉันท์ และข้อ 3.6 สร้างความเข้มแข็งของทุกชุมชน ท้องถิ่นและประชาสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงดังกล่าวแล้ว แต่กรณีเป็นเจ้าภาพหลักในการติดตามการดำเนินนโยบายเพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการที่ได้บูรณาการร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาไว้แล้ว และให้กระทรวงศึกษาธิการรับ ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า นโยบายสังคมด้านคุณธรรม ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเป็น เจ้าภาพหลัก เป็นการดำเนินการนำร่องในการนำนโยบายสังคมเรื่องเกี่ยวกับคุณธรรมมาบูรณาการร่วมกันกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำมารวมกับการดำเนินนโยบายสังคม ในข้อ 3.3 เร่งรัดการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดคุณ ธรรมนำความรู้การบูรณาการ และการนำไปสู่การปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้เสนอมาครั้งนี้ ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2265 | การขับเคลื่อนงานตามวาระแห่งชาติว่าด้วย "การปลูกต้นไม้ใช้หนี้" ตามยุทธศาสตร์การพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย พลังงาน อาหาร และยา | นร | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการกำหนดให้ "การปลูก
ต้นไม้ใช้หนี้" ภายใต้ยุทธศาสตร์การพึ่งตนเอง และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย พลังงาน อาหาร และยา เป็นวาระ แห่งชาติ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) หรือตลอดช่วงเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 โดย "การปลูกต้นไม้ใช้หนี้" จะเป็นวาระแห่งชาติที่ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นและทุก ภาคส่วนร่วมมือกัน เพื่อฟื้นฟูความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ และพัฒนาฐานทรัพยากรของชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาโลก ร้อนและปัญหาหนี้สินของเกษตรกร และเพื่อวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงในระยะยาว รวมทั้งรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 194/2550 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 แต่งตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนงานตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการปลูกต้นไม้ใช้หนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรม การ และผู้อำนวยการสำนักอำนวยการคณะกรรมการผู้นำชุมชนแห่งชาติ เป็นเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการ บริหารจัดการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการปลูกต้นไม้ใช้หนี้ โดยมุ่งเน้นเกษตรกรและประชาชนที่ยากจนและมีหนี้ สิน เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วางนโยบายและวางแผนการดำเนินงานตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการปลูกต้น ไม้ใช้หนี้ รวมทั้งประเมินผลและติดตามผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง แล้วรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
2266 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย - ลาว สมัยวิสามัญ | กห | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษา
ความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว (GBC) สมัยวิสามัญ ในความร่วมมือแก้ไขปัญหาม้ง ปัญหาห้วย น้ำขาว อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2550 ณ จังหวัดอุดรธานี โดยผลการประชุม สรุปได้ดังนี้ กรณีเด็กม้ง 21 คน ฝ่ายลาวสามารถติดตามและค้นหาเด็กม้ง 21 คน ซึ่งเป็นหญิงทั้งหมด จาก จำนวน 27 คน ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยผลักดันข้ามฝั่งลาว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 และได้มีการจัดพิธีส่งมอบ เด็กดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และญาติพี่น้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 สำหรับเด็กม้งอีก 6 คน ฝายลาวจะดำเนินการติดตามและค้นหาต่อไป ส่วนกรณีม้งจำนวน 152 (+3) คน ที่ประชุมเห็นว่าเป็นผู้ หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบ ร้อยตามชายแดนทั่วไปทั้งสองฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไปโดยเร็ว และกรณีม้ง บ้านห้วยน้ำขาว อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายไทยถือว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยจะดำเนินการจัดตั้งกลไกตรวจสอบ และคัดกรอง (Screening Mechanism) และส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับฝ่ายลาว เพื่อตรวจสอบและดำเนินการในขั้น ตอนการส่งกลับต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชาย แดนทั่วไปทั้งสองฝ่ายจัดการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาม้งดังกล่าวปีละ 4 ครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ กรณี จำเป็นหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสนอ ทั้งสองฝ่ายต้องเปิดการประชุมโดยทันที
|
||||||||||||||||||||||||
2267 | การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 | นร | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
เรื่อง การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจาก การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้ เรื่องคุณธรรมถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งควรมีการบูรณาการ ร่วมกันของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ขณะเดียวกันกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้ มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่ง เสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิ ภาพ และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลด้วย สำหรับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขควรหมายรวมไปถึงเรื่องสุขภาพ สุขภาวะ และอนามัยด้วย และส่งเสริมให้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง ที่ลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่น โดยให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ แจ้งแผนงาน/โครงการ และงบ ประมาณลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่นให้จังหวัดทราบ เพื่อให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนได้ ร่วมกันพิจารณาหารือเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณดังกล่าว ว่าสมควรปรับปรุงแผนงาน/โครงการ หรือไม่ ประการใด เพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขท่านละ 2-3 จังหวัด และ ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ควรมีการศึกษาถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ว่าการดำเนินงาน ตามนโยบาย ได้ดำเนินงานไปแล้วเกิดผลอย่างไร ควรมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร หรือไม่ และมีเรื่องใดสมควร กำหนดเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคตโดยอาจจัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของราช การและเอกชน โดยเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้า ของเรื่องร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยศึกษาวิจัยในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ อาจขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอข้อแนะนำเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2268 | บริษัท สายจำรัสปูนขาว จำกัด ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วงการทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์ หรือเพื่อทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรืออุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา | ทส | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้บริษัท สายจำรัส
ปูนขาว จำกัด เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วง การทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์หรือเพื่อทำปูนขาว สำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรือ อุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (กรมป่าไม้) และบริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรแก้ไขเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาต ในข้อ 13 และ ข้อ 22 โดยให้ใช้ข้อความดัง ต่อไปนี้ "ข้อ 13 ต้องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพเพื่อป้องกันการก่อให้เกิดเหตุรำคาญและแก้ไขเหตุรำคาญที่เกิด ขึ้นหรือลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนส่วนรวม อันเกิดจากการประกอบกิจการของผู้ได้รับอนุญาต" และ "ข้อ 22 ต้องให้ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของคณะทำงานเฉพาะกิจ ฯ และ/หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนที่จะติดตาม หรือมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจ สอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพ ตามที่ระบุไว้ในราย งาน ฯ ตามควรแก่กรณี โดยให้ปฏิบัติตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้สั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติเพื่อให้เป็นไป ตามมาตรการฯ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย" และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (Mitigation Plan) ของสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้กรมป่า ไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ฯ ไป กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เพื่อให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของกรมป่าไม้ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้ง ให้ความสำคัญในเรื่องแผนฟื้นฟูและแผนป้องกันผลกระทบจากสิ่งแสดล้อมในเรื่องของปริมาณฝุ่นละออง และเสียง โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้แทนชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ติดตามประเมินผล และให้มี การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้วรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุก 2 ปี ต่อไป นอกจากนี้ ให้กรมป่าไม้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายของหนังสืออนุญาตให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ให้ ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในบริเวณพื้นที่โดยรอบ เช่น การจ้างงานกับประชาชนท้อง ถิ่นเป็นอันดับแรก การฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของประชาชนในท้องถิ่นที่จะได้ รับ การจัดตั้งเป็นกองทุนสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นที่บริหารโดยไตรภาคี คือ บริษัท ภาครัฐ ภาคประชาชนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2269 | แผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0 - 6 ปี) พ.ศ. 2551- 2553 | พม | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบหลักการแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก คือ แผนงานที่ 1 การเตรียมความ พร้อมสังคมไทยเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) กลุ่มเป้าหมายที่ต้องเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยคู่สมรส ใหม่ พ่อ แม่ ครอบครัว ญาติ พี่เลี้ยงเด็กที่อยู่บ้าน ชุมชน กลุ่มแกนนำ อาสาสมัคร องค์กรพัฒนาเด็กในชุมชน และประชาชนทั่วไป แผนงานที่ 2 การพัฒนาผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ที่ปฏิบัติงานที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และ อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในชุมชน และแผนงานที่ 3 การจัดสภาพแวดล้อม สื่อ กระบวนการในการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กเห็นความสำคัญของการจัดสภาพแวดล้อม สื่อ และกระบวนการในการพัฒนาเด็ก ทั้งนี้ ให้ปรับชื่อแผนแม่บทดังกล่าว เป็นแผนปฏิบัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 และให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรมีการบูรณา การแผนในทุกมิติไม่ใช่เฉพาะภาครัฐเท่านั้น แต่ควรให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะการนำผู้มีประสบ การณ์ เช่น ผู้สูงอายุ มาร่วมดำเนินการ และเพิ่มเติมเด็กพิการ เด็กด้อยโอกาส และเด็กถูกทอดทิ้งในแผนดังกล่าว ด้วย และในการกำหนดช่วงอายุในความหมายของคำว่า "เด็กปฐมวัย" ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังไม่เหมือนกัน จึงเห็นควรให้หน่วยงานทั้งสองรับไปหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ ว่าจะสมควรกำหนดช่วงอายุของเด็กปฐมวัยเป็น 0-5 ปี หรือ 0-6 ปี จึงจะเหมาะสมตามหลักสากล และควรเป็น ความหมายที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจง่ายด้วย รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย และเนื่องจากการพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องสำคัญและเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ต่าง ๆ หลายกระทรวง และแต่ละกระทรวงก็จะพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงาน ฯ ดังนั้น เพื่อให้มีการบูรณาการ แผนปฏิบัติการต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทภายใต้นโยบายและยุทธ ศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-5 ปี) ระยะยาว พ.ศ. 2550-2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะทำให้การ ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงควรมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมเป็น ฝ่ายเลขานุการ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป โดยอาจพิจารณา ออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2270 | โครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานในระดับตำบล | กษ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานใน
ระดับตำบล โดยให้จัดจ้างพนักงานราชการภายในกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548- 2551 ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วจำนวน 470 อัตรา ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามที่ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ในการจัดพนักงานราชการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์พิจารณา โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นลำดับต้นด้วย สำหรับในส่วนของการ ขอกรอบอัตราใหม่นอกเหนือจากกรอบอัตราที่ได้รับอนุมัติจำนวน 470 อัตรานั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) รับไปหารือกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ กำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินภารกิจให้มีความชัดเจนและไม่มีความซ้ำซ้อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาทบทวนภารกิจและการจัดอัตรากำลังบุคลากร ทั้งหมดของกระทรวงในส่วนภูมิภาคเพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานในภาพรวมให้เหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2271 | การตรวจเยี่ยมและการติดตามการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัดเพชรบุรี ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจเยี่ยมและการติดตามการดำเนินงานตามยุทธ
ศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัดเพชรบุรี ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอรนุช โอสถานนท์) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2550 โดยผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัดเพชรบุรีได้รับงบประมาณ จำนวน 50 ล้านบาท ดำเนินโครงการ 457 โครงการ ใน 5 แผนงานหลักของยุทธศาสตร ฯ จำแนกเป็น ด้านเศรษฐกิจ พอเพียง จำนวน 179 โครงการ งบประมาณ 13.99 ล้านบาท ด้านการพัฒนาและสร้างโอกาสให้ชุมชน จำนวน 155 โครงการ งบประมาณ 16.18 ล้านบาท ด้านการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน จำนวน 48 โครงการ งบประมาณ 11.67 ล้านบาท ด้านการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ 16 โครงการ งบประมาณ 0.72 ล้านบาท และด้านการบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน จำนวน 59 โครงการ งบประมาณ 7.41 ล้านบาท ทั้งนี้ ในจำนวน 457 โครงการ ดำเนินการใน 8 อำเภอ เป็นโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชนดำเนินการ จำนวน 447 โครง การ และมอบหมายให้หน่วยราชการเป็นหน่วยดำเนินการ จำนวน 10 โครงการ สำหรับข้อเสนอของจังหวัด เพชรบุรีได้มีการเสนอขอเพิ่มแผนงานหลักของยุทธศาสตร์ ฯ จาก 5 ด้าน เพิ่มอีก 1 ด้าน คือ แผนงานด้านอื่น ๆ และการสนับสนุนการขยายตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP) เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
2272 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกกับซอยหมู่บ้านเลิศอุบล พ.ศ. .... | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกกับ ซอยหมู่บ้านเลิศอุบล พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อ สร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกกับซอยหมู่บ้านเลิศอุบล ในท้องที่แขวง คันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไป ทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2273 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนเจ้าคุณทหาร และถนนฉลองกรุง และสร้างทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับหมู่บ้านโกลเด้นเพลส พ.ศ. .... | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนเจ้าคุณทหารและถนนฉลองกรุง และสร้าง ทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับหมู่บ้านโกลเด้นเพลส พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระ สำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่นสายถนนเจ้าคุณทหารและถนนฉลอง กรุง และสร้างทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับหมู่บ้านโกลเด้นเพลส ในท้องที่แขวงลำปลาทิว และแขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิ เข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน และให้นำขึ้นทูล เกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2274 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามคำแหง 110 พ.ศ. .... | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามคำแหง 110 พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณา แล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายซอมรามคำแหง 110 ในท้องที่แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง และแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2275 | มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง (ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....) | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในระหว่าง
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... ยังไม่มีผลใช้บังคับ ของกระทรวงมหาดไทย โดยออก กฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ฯ อาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง รวม 145 ฉบับ โดยอาศัย อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ในเขตผังเมือง และได้แจ้งเวียนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเรื่อง การ ขออนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ และถูกต้อง ตามกฎหมาย ส่วนมาตรการด้านกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ได้ให้แต่ละจังหวัดออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมือง รวมทั้งได้แจ้งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งออก กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบกิจการทางการค้าหรือการขยายกิจการทางการค้า ให้มีผลบังคับใช้โดย เร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
2276 | การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | สธ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกใน
บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ของกระทรวงสาธารณสุข สรุปได้ดังนี้ ด้านการป้องกันและควบคุมโรค ได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีการจัด ตั้งทีม SRRT ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ซึ่งเมื่อมีการระบาดของโรคทีมดังกล่าวจะข้ามเข้าไป ดำเนินการในฝั่งประเทศกัมพูชาโดยพ่นเคมีเพื่อควบคุมโรคและกำจัดลูกน้ำยุงลายในพื้นที่ที่มีการระบาดในประเทศ กัมพูชาทันที ส่วนด้านการรักษาผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนจะทำหน้าที่ตรวจคนเข้าออก ประเทศของประชาชน 2 ฝั่ง หากมีผู้ป่วยแสดงอาการให้เห็น เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรง พยาบาลที่ใกล้เคียงให้การรักษาทันที และด้านการประสานงานระหว่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการ จัดประชุม เพื่อวางแผนแนวทางการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคมาเลเรีย และจัดทำรายงาน แบบฟอร์ม รายงาน วิธีการควบคุม ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งจัดทำ SOP ของการควบคุมโรคเพื่อสร้างความเข้ม แข็งระหว่างประเทศร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||
2277 | ข้อเสนออัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2551 | สธ | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
อัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ในอัตรา 2,100 บาท ต่อประชากร โดยอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อการสร้างหลัก ประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชากรผู้มีสิทธิจำนวน 46,477,000 คน ทั้งนี้ หากผลการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็ให้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของงบเหมาจ่ายรายหัวมีอัตราลดลงเป็นลำดับตั้ง แต่ปี พ.ศ. 2549-2551 ซึ่งมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 15.32 นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบ กับอัตราเพิ่มของงบประมาณรวม โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของงบประมาณปี พ.ศ. 2551 ซึ่งมีอัตราเพิ่มเพียงร้อยละ 4.39 เท่านั้น ดังนั้น หากอัตราเหมาจ่ายรายหัวมีแนวโน้มดังกล่าวประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุคาดว่าใน ระยะยาวอาจมีปัญหาในการสนับสนุนงบประมาณจัดบริการตามหลักประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ให้ สปสช. หา ข้อยุติที่ชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตการจัดบริการที่จำเป็นภายใต้โครงการ ฯ และกำหนดบริการที่เกินความจำเป็นเพื่อ ให้มีการร่วมจ่ายสมทบตามมาตรา 39 ในพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ที่ระบุถึงแหล่ง เงินสนับสนุนอื่นนอกจากงบประมาณประจำปี เช่น เงินสมทบอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติตามมาตรา 39 (8) ซึ่ง สามารถออกเป็นพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลที่มีความสามารถในการจ่ายได้ ให้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือการกำหนดให้การประกันสุขภาพเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีการกำหนดเบี้ย ประกันสุขภาพที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับบริการที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอย่างเป็นระบบทั้งภารกิจงานและงบประมาณตามแนว ทางของแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2278 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | ทส | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ องค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติ และระดับลุ่มน้ำ และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและบำรุงรักษา แหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและให้มีการจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็ก และยกเลิกระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้ และอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
2279 | สรุปความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ | นร | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปความคิดเห็นของประชา
ชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.1111.go.th ตู้ ปณ. 1111 สายด่วนของรัฐบาล 1111 จุดบริการประชาชน 1111 และเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ www.publicconsultation.opm. go.th ระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม 2550 ซึ่งมีประชาชนแสดงความคิดเห็นรวม 403 คน ได้แสดงความ คิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนี้ ประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ได้แก่ ควรมีคณะบุคคลเพื่อหาทาง ออกในยามวิกฤตของชาติ ควรมีการกำหนดคุณธรรม และจริยธรรมนักการเมือง ควรกำหนดจำนวนและการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา ควรกำหนดจำนวนและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรกำหนดสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วน ร่วมของประชาชน และสิทธิชุมชน ควรมีการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีแนวนโยบายพื้นฐาน แห่งรัฐ ควรมีคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ควรกำหนดบทบาทใหม่ของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ควรมี การเพิ่มอำนาจและลดอำนาจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรมีการคานและดุลยอำนาจใบแดงคณะกรรม การการเลือกตั้ง ควรปรับอำนาจบทบาทตุลาการ อัยการให้เป็นอิสระมากขึ้น และควรกำหนดการกระทำที่ขัดกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของรัฐ ส่วนประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ได้แก่ ควรกำหนด ให้ 20,000 รายชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ รวมทั้งปัญหาการบัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ |
||||||||||||||||||||||||
2280 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 2 | นร | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
|
.....